มรรคที่ 2 สัมมาสังกัปปะ ( ความดำริชอบ )
เมื่อมีความเข้าใจเรื่องโทษของบุหรี่แล้ว มีทัศนคติที่ดีเกิดความคิดที่สร้างสรรค์ตามธรรมชาติ
สติจากสัมมาทิฏฐิหรือความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วจะนำเราไปสู่ความคิดชอบที่ดับหรือป้องกันทุกข์ ได้แก่การลด ละ เลิก บุหรี่ โดยมีความคิดที่จะลดความผูกพัน ความอยาก (สาเหตุของการเสพ) กับบุหรี่หรือยาสูบทุกชนิด มีความคิดเมตตาต่อสุขภาพตนเอง ต่อครอบครัวและผู้อื่นที่จะได้ผลกระทบต่อการสูบบุหรี่
มรรคที่ 3 สัมมาวาจา (วาจาชอบ)
เมื่อเรามีความเข้าใจ มีความคิดที่สร้างสรรค์ มีเมตตากรุณา และสติจะทำให้มีวาจาที่อ่อนโยน
พูดความจริงเมื่อมีมรรคที่ 1,2,4 การไปหาแพทย์เพื่อให้ช่วยงดบุหรี่ บอกกล่าวครอบครัวบุคคลใกล้ชิดของความตั้งใจละ เลิกบุหรี่ เป็นการพูดความจริงตามที่มีความคิดตั้งใจ เพราะบางครั้งจำเป็นต้องมีผู้ช่วยคิดช่วยแนะนำ หรือต้องการกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนฝูงเพื่อการสนับสนุนเพื่อให้เลิกได้สำเร็จ ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะเข้าใจสถานการณ์ช่วงอดบุหรี่และให้การสนับสนุนเต็มที่
มรรคที่ 4 สัมมากัมมันตะ ( กระทำชอบ )
ได้แก่การปฏิบัติตามศีลห้า เว้นจากการดื่มสุราและสิ่งเสพติด ทางที่ดีที่สุดคืออย่าเริ่มต้น
เพราะการติดบุหรี่อาจทำให้การปฏิบัติตามศีลห้าอื่น ๆได้โดยยาก เช่นพูดปด ลักขโมยเพื่อหาปัจจัย
สำหรับบุหรี่ การกระทำลด ละ เลิกเป็นการกระทำชอบที่กรุณาต่อตนเองและครอบครัว โดยในการ
เปลี่ยนพฤติกรรมให้เลิกบุหรี่ สำรวจใคร่ครวญ (วิมังสา) ว่ากิจกรรมใดที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมสูบบุหรี่
เช่นพบว่าเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา การดื่มชา กาแฟหลังอาหาร ให้เลิกสุรา งดดื่มชา กาแฟ
โดยให้เปลี่ยนอิริยาบถ และดื่มน้ำเปล่าแทน และออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ
ในระยะสั้นจะเกิดผลดีอย่างง่าย ๆ โดยเฉพาะกับผู้มีรายได้น้อย มีเงินเก็บมากขึ้นเดือนละไม่ต่ำกว่าพันบาท
จากการไม่เสียทรัพย์ ช่วยค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือได้อุปกรณ์การเรียนเพิ่มเติมของบุตรธิดาได้ ในระยะยาวร่างกายแข็งแรงไม่เสี่ยงต่อโรคภัยจากบุหรี่และเหล้า ครอบครัวมีสุขภาพจิตดีขึ้น
มรรคที่ 5 สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีวิตชอบ)
ได้แก่การมีอาชีพที่สนับสนุนการปฏิบัติธรรม ให้รู้สึกสงบและมีสันติ เพราะเราต้องยอมรับผลกรรม
จากการพูดหรือการกระทำของเราที่จะเกิดขึ้นทั้งปัจจุบันและในอนาคตเช่นไม่ควรขายบุหรี่ เมื่อลูกค้าติดบุหรี่
ในที่สุดกระทบต่ออาชีพเพราะลูกค้าจะป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร
มรรคที่ 6 สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ)
ได้แก่การอดทน พากเพียร มานะบากบั่นมีความยึดมั่นในสัมมาสังกัปปะและ
สัมมากัมมันตะอย่างมีสติให้เลิกหรือไม่ริบุหรี่โดยใช้หลัก 4 ข้อกับการปฏิบัติทางจิต
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการป้องกันสภาวะจิตจากโซ่ตรวนของความอยากได้ความสุขเล็กน้อย
ทางประสาทสัมผัส (บุหรี่)แต่จะมีผลร้ายอื่น ๆหนักหนากว่า
ปลุกกระตุ้นตนเองให้เอาชนะสภาพจิตที่อยาก ได้แก่การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยให้สุขภาพกายแข้งแรง มีความสุขสดชื่นแม้กระทั่งตอนอดบุหรี่ ทำสมาธิจิตและกำหนดสติพินิจสัมมาทิฏฐิถึงโทษและภัยบุหรี่ต่าง ๆ และใช้สัมมากัมมันตะ ทิ้งอุปกรณ์บุหรี่ทั้งหมด ทิ้งบุหรี่และไม่ซื้อหาบุหรี่มาเพิ่มเติม
แทนที่ความคิด ความอยากด้วยความกรุณาปราณีต่อสุขภาพทั้งของตนเองและผู้อื่นโดยเฉพาะ
คนใกล้ชิดที่จะได้ผลกระทบ ได้แก่การใช้สัมมาสังกัปปะ
ใช้ความเพียร (วิริยะ) ปลุกฝังความคิดนี้ให้ยั่งยืนตลอดไป (จิตตะ)ทำให้ปลอดทุกข์และมีความสุข
เป็นผลดีต่อสุขภาพตนเองและผู้อื่น แม้จะเคยอดบุหรี่ไม่สำเร็จครั้งแรก หรือครั้งที่ 2,3 ยังมีความเพียรที่จะทำให้สำเร็จจงได้ และมีความเพียรพยายามให้ไม่กลับมาเสพใหม่อีก
มรรคที่ 7 สัมมาสติ (ความตั้งใจต่อสิ่งรอบตัวทุกขณะ)
ได้แก่ความตั้งใจเฝ้าดูสิ่งรอบตัวอย่างพินิจพิเคราะห์ เป็นหนทางฝึกปฏิบัติตลอดชีวิต
ใช้ร่วมในมรรคอื่น ๆ ดังข้างต้น พินิจดูในสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ และสัมมาวายามะ
มรรคที่ 8 สัมมาสมาธิ (สมาธิชอบ หรือการมีจิตที่เป็นกุศล
มีพลังไปสู่จุดเดียวและทำงานร่วมกับสติ)
เมื่อใช้ร่วมกับสัมมาสติ ทำให้เกิดปัญญาในมรรคต่าง ๆ ในเรื่องบุหรี่นี้ เมื่อปฏิบัติตามมรรคที่กล่าวมาแล้ว จะเกิดปัญญาว่า ทำไมจึงควรทำ และควรปฏิบัติตนอย่างไรให้ลด ละ เลิก บุหรี่ตลอดไป รวมถึงมีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่เป็นกำลังใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตามเพื่อสิ่งที่ดีงามต่อสภาพกายและจิต ในที่สุดมีความสำเร็จในการอดหรืองดบุหรี่ซึ่งเป็นทางที่ดี ที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
ประยุกต์จากหนังสือ 8 ขั้น วิถีทางสู่ความสุข ของ ท่านภันเต คุณารัตนะ มหาเถระ (แปลเป็นไทยโดยแพทย์หญิงชวาลา เธียรธนู )
โดย พ.ญ. วิไลวรรณ วิริยะไชโย