ความคิดเห็นทั้งหมด : 12

เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับcoke


   >> ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย
>>75% ของคนอเมริกันขาดน้ำ ถ้าคิดทั้งโลกจะมีประชากรโลกขาดน้ำถึงครึ่งหนึ่ง 73%
>>ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง
>>จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ
>>ซึ่งจะเป็นผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลงได้ประมาณ 3%
>>และเป็นเหตุให้รู้สึกอ่อนเพลียในช่วงกลางวัน มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน
>>ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้
>>ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 %
>>มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50%
>>ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ “โค้ก” กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่
>>- ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถ เพื่อเวลามีรถชนกัน
>>สามารถเอาน้ำโค้กล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา
>>- ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม
>>จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน
>>- ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก
>>กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
>>- ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil
>>ชุบ โค้ก ขัดสนิมจะออกหมด
>>- ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก
>>ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
>>- ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที
>>จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย
>>- ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ
>>ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก
>>ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
>>- การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง
>>ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ
>>โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
>>- ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก
>>จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
>>- น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
>>- เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck
>>จะต้องติดป้ายไว้ว่า “มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย”
>>- บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ
>>20 ปีแล้ว
>>
>> ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง
>> แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์
>>โดย ชื่อผู้แต่ง ANDREA L. GIDSON หน่วยงาน : ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
>>วันที่ลงบทความ 21 เม.ย.45


202.57.139.XX Fwd mail
[21 มิถุนายน 2545]


Posted by : psu(ed) , Date : 2003-02-26 , Time : 12:39:34 , From IP : 202.28.169.165

ความคิดเห็นที่ : 1


   เรื่องอื่นไม่ทราบแต่ที่แน่ๆคุณไม่สามารถทำวิจัยในคน ๑๐๐ คน แล้วบอกว่าสามารถลด incidence CA breast and Colon ได้เป็นเปอร์เซนต์แบบนี้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-02-26 , Time : 18:56:16 , From IP : 172.29.3.229

>ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้ >>ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % >>มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% " เค้าไม่ได้บอกว่าจาก 100 คนอ่ะครับ เค้าแค่เทียบเป็น% แล้วเอามาแปลให้เป็นคำพูดก็แค่นั้นเองอ่ะครับ ผมว่านะคุณเก่งก็จริงหรอกครับ แต่ไม่ควรมาว่าคนอื่นแบบนี้นะครับ ผมว่าคนที่เค้าลงให้อ่านก็หวังดั และได้ช่วยให้ความรู้แก่คนอื่นนะครับ อย่ามาจับผิดคนอื่นเลยครับ เค้าตั้งใจทำประโยชน์ ไม่ใช่ให้คุณมาหาเรื่องจับผิด ถ้าจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ได้นะครับ แต่กรุณาทำความเข้าใจเนื้อหา และวิจารณ์ด้วยความสุภาพหน่อยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครนะครับ อาจจะเป็นอาจารย์ก็ได้ แต่ผมไม่ชอบเห็นใครดูถูกคนอื่นอ่ะครับ ถ้าแรงไปก็ขอโทษนะครับ" />
ความคิดเห็นที่ : 2


   เหอ PHOENIX อวดฉลาดอีกแล้วเหอๆ
ขอโทษครับคนฉลาดจริงเค้าไม่มาหาเรื่องคนอื่นอย่างนี้หรอกนะครับ
ที่ผมอ่านนะครับมันก็ไม่ได้มีตรงไหนบอกว่าศึกษาจากคนแค่ 100 คนอ่ะครับ
เค้าแค่บอกว่า
" มีงานวิจัยพบว่า ในคน 100 คน
>>ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คน ลดอาการปวดหลัง ปวดข้อ ลงได้
>>ดื่มน้ำวันละ 5 แก้ว ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 %
>>มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% "
เค้าไม่ได้บอกว่าจาก 100 คนอ่ะครับ
เค้าแค่เทียบเป็น% แล้วเอามาแปลให้เป็นคำพูดก็แค่นั้นเองอ่ะครับ
ผมว่านะคุณเก่งก็จริงหรอกครับ แต่ไม่ควรมาว่าคนอื่นแบบนี้นะครับ
ผมว่าคนที่เค้าลงให้อ่านก็หวังดั และได้ช่วยให้ความรู้แก่คนอื่นนะครับ
อย่ามาจับผิดคนอื่นเลยครับ เค้าตั้งใจทำประโยชน์ ไม่ใช่ให้คุณมาหาเรื่องจับผิด
ถ้าจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ได้นะครับ แต่กรุณาทำความเข้าใจเนื้อหา และวิจารณ์ด้วยความสุภาพหน่อยนะครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครนะครับ อาจจะเป็นอาจารย์ก็ได้ แต่ผมไม่ชอบเห็นใครดูถูกคนอื่นอ่ะครับ
ถ้าแรงไปก็ขอโทษนะครับ


Posted by : นศพ. ธรรมดาคนหนึ่ง , Date : 2003-02-27 , Time : 16:22:58 , From IP : 172.29.2.163

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมไม่โกรธหรอกครับ และก็ไม่คิดว่าใครมีเจตนาไม่ดี แต่การออกแบบการทดลองที่จะให้ผลดังที่ว่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ดังรายละเอียดดังต่อไปนี้
๑. ในบทความไม่ได้บอกว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วนั้น ข้อมูลที่ได้เปรียบเทียบกับกลุ่ม control แบบไหน กับคนที่ไม่ดื่มเลย คนที่ดื่มวันละ 6 แก้ว หรือ 7 แก้ว หรือ 3-4 แก้ว ผมเข้าใจว่าคนเราโดยเฉลี่ยนั้นไดเน้ำ (จากอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำต้มยำ ชา กาแฟ ฯลฯ) อยู่มากกว่าวันละ 5 แก้วอยู่แล้วนะครับ
๒. จากข้อหนึ่ง การออกแบบการศึกษาเพื่อไดคำตอบอย่างที่ว่าคงจะมีปัญหาด้านจริยธรรม เราไม่สามารถกำหนดให้กลุ่มที่เรา observe กินน้ำวันละกี่แก้วเป็นเวลานานแค่ไหนเพื่อศึกษาการเกิดมะเร็งครับ
๓. CA breast เป็นมะเร็งที่โตช้ามาก tumour doubling time ประมาณ 6-9 เดื่อน ก้อนเนื้องอกใหย๋ประมาณ 1 cm อาจใช้เวลาถึง 11 ปีในการ detect มะเร็งที่โตช้าขนาดนี้ เราจะไม่สามารถทำการทดลองว่าดื่มน้ำวันละกี่แก้วเป็นเวลานานพอเพียงที่จะลดหรือจะเพิ่มอุบัติการณ์มะเร็งหรอกครับ
๔. ผมไม่คิดว่าผมฉลาดหื่อเก่งแต่อย่างใดหรอกครับ เพราะผมอ่านหนังสือไม่ใคร่แตกฉาน เลยไม่เข้าใจเวลาคนอ่านหรือพูดเรื่องวิจัยให้ฟัง หากคุณ นศพ.ธรรมดาจะช่วยกรุณาขยายความ methodology ของการศึกษาเบื้องต้นให้ฟังก็จะเป็นวิทยาทานแก้สมาชิกกระดานข่าวและตัวกระผมเองมากครับ
๕. ผมเข้าใจว่าการแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยเป็นคนละเรื่องกับการดูถูกนะครับ ถ้าหารทุกครั้งที่เราไม่เห็นด้วยเป็นการดูถูกคนอื่นแล้วละก็ เราคงจะมีการดานกระทู้ไม่ได้ มีการประชุม symposium ไม่ได้ นะครับ คงจะตีกันตาย
๖. ้เอ้อ...ผมไม่ได้สังเกตว่าที่ผมได้วิจารณ์บทความนั้นไปมีความไม่สุภาพที่คำว่าอะไรนะครับ ภาษาผมไม่ใคร่แตกฉานอย่างที่ว่า ช่วยกรุณาสั่งสอนและเก้ไขด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ


Posted by : Phoenix , Date : 2003-02-27 , Time : 17:16:53 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 4


   ขออภัยที่มีคำพิพม์ผิดจำนวนมากข้างบน แต่คิดว่าพอจะเดากันได้นะขอรับ

Posted by : Phoenix , Date : 2003-02-27 , Time : 17:21:23 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 5


   
สงสัยเพราะว่า 2 อันนี้ป่าวอ่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ^-^


Posted by : StiTcH , Date : 2003-02-27 , Time : 18:49:45 , From IP : 192.168.98.6

ความคิดเห็นที่ : 6


    อย่าทะเลาะกันเลยนะ เราก็ศิษย์อาจารย์กัน
แต่คิดว่าสุดสัปดาห์นี้จะลองเอาโค้กซัก 1 กระป๋องทำความสะอาดโถส้วมดู ถ้าได้ผลดีก็น่าจะดีนะ ไม่เปลืองแรงขัด ไม่เหม็นด้วย เอ..แล้วเป็ปซี่หละ่ ใช้ได้หรือเปล่าน้า?


Posted by : 178 , Date : 2003-02-27 , Time : 18:50:42 , From IP : 161.200.255.162

ความคิดเห็นที่ : 7


   ยังไม่มีการ"ทะเลาะกัน" หรอกนะครับ ปกติผมชอบบริหารความคิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทความที่ (ดูเหมือน) เป็นผลงานการวิจัย หรือบทความที่ "promote" ความเชื่อ หรือ concept ใหม่ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นความคิดต่อ และเป็นการให้เกียรติกับบทความ เราลองมาพิจารณาเป็นข้อๆดีไหมครับ

อเมริกันขาดน้ำ 75%
น่าสนใจมากครับ ในฐานะนักเรียนแพทย์ เราคงมีความเข้าใจตรงกันว่า "ขาดน้ำ" คงจะหมายถึง dehydration นะครับ และมีดีกรีต่างๆกัน ผมไม่แน่ใจว่าประโยคข้างต้นหมายความว่า at any time คนอเมริกัน 75% มีภาวะ dehydration หรือไม่ และสนใจว่าข้อมูลนี้วิเคราะห์จากอะไร

73% ของคนอเมริกันมีกลไกที่ทำให้ความรู้สึกหิวน้ำทำงานช้าลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิวน้ำทั้งที่ร่างกายขาดน้ำ
อันนี้ต้องยอมรับว่าทันสมัย ในยุคที่ race และ ethnicity ทำให้เกิดการจัดแบ่ง และการกระจายของ genetic ออกเป็นหลากหลายกลุ่ม แต่ว่าการแปลผลนั้นฟังดูแปลกๆนะครับ "ความรู้สึกหิวน้ำ" นั้น เป็น safety mechanism ในการป้องกันการมีภาวะแทรกซ้อนจาก dehydration เช่น ไตวาย ผมไม่ค่อยเข้าใจว่า mechanism อันนี้นี่มีประโยชน์หรือโทษ แต่เข้าใจว่าตัวเลขปรากฏการณ์ไตวายของคนอเมริกันคงจะสูงน่าตกใจ ถ้า mechanism ดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากเกิน

ริน โค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วม ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วชักโครก กรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
ผมลืมๆไปแล้วว่าพวกน้ำอัดลมเนี่ย เป็นน้ำไบคาร์บอเนต หรือ ซิตริก เคยเข้าใจว่าซิตริก นี่อยู่ในพวกรสชาติเปรี้ยวๆน่ะครับ ผมอาจจะหลงๆลืมๆไปเยอะแล้วก็เป็นได้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-02-27 , Time : 19:32:17 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 8


   ทำไมทดลองแต่กับ coke ล่ะครับ pepsi มันต่างกันยังไงล่ะ ไม่เห็นบอกเลย น่าจะทดลองด้วยนะ มันเหมือนเป็นการบอกว่าโค๊กไม่ดี แต่ยี่ห้ออื่นไม่ได้บอกน่ะ มันเพิ่มความน่าสงสัยจัง

Posted by : คนอยากรู้ , Date : 2003-02-27 , Time : 21:19:12 , From IP : 203.157.100.18

ความคิดเห็นที่ : 9


   อยากบอกว่า ..คุณแม่ก็เคยเอาโค้กมาราดลงโถส้วมเหมือนกันค่ะ ขนาด 1.5 ลิตร (แบบว่า ตัวเองไม่อยู่บ้าน..เลยไม่มีใครกิน ) ทิ้งไว้นานเหมือนกัน1-2 ชม. แม่เค้าบอกว่าทำให้โถส้วมสะอาดดี แต่สะอาดแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ 555 แต่ก็ไม่สนใจ..ก็ยังดื่ม coke &pepsi อยู่ เพราะว่ามันซ่าดี..ทำให้ตื่นได้ดี....ไม่อยากกินกาแฟเพราะว่ากินมากๆ..มันตื่นก็จริง..แต่ว่าสมองเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย :)

Posted by : phobee , Date : 2003-02-27 , Time : 22:13:51 , From IP : 203.113.51.7

ความคิดเห็นที่ : 10


   รู้สึกว่า นศพ. ธรรมดาคนหนึ่ง เนี่ยก้าวร้าว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อาจานนกไฟแกไม่ได้มาหาเรื่องซักนิด กลับชวนหาเรื่อง เฮ้อ

Posted by : Prolene , Date : 2003-02-28 , Time : 10:20:25 , From IP : 172.29.3.118

ความคิดเห็นที่ : 11


   ผมว่าจบกันเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องวิพากวิจารณ์ต่อ หรือไปเข้าข้างใครเพราะ ถ้ามองกลาง ๆ ก็ไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับสำหรับการนำเสนอความคิดเห็น ต่างคนก็ต่างจิตต่างใจและต่างประสบการณ์ แนวคิดและกระบวนการในการนำเสนอจึงต่างกัน
ข้อมูลที่เราได้อาจจะไม่มีผลการทดลองที่เป็นเหตุเป็นผลดีพอ แต่สำหรับผมชอบอ่านโดยดูจากองค์ประกอบโดยรวมนะครับ ว่าเค้าต้องการสื่ออะไรมากกว่า
คือถ้าตีเป็นประโยค ๆ รับรองว่ามีหลาย ๆ ส่วนที่ไม่สมเหตุสมผล แต่กระนั้นเนื้อหาที่ได้ก็ทำให้คุณแม่บ้านพ่อบ้านทั้งหลาย ได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเอาไป ทดลองดูนะครับ จะได้รู้ว่ากรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลม มีผลดีสำหรับการชะล้างและการกัดกร่อนอย่างไร และมีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
อ้อลืมบอกไปเดียวนี้เค้ามี Mecca Cola ออกมาตีตลาดแข่งกัน Coca Cola และ Pepsi Cola แล้วนะครับ ใครอย่างลองดื่มก็มีจำหน่ายแถว ๆ ตะวันออกกลางและในยุโรป เค้ามาพร้อมสโลแกน ‘No More Drinking Stupid, Drink With Commitment’ สนใจอ่านรายละเอียดที่ต้านล่างนี้นะครับ :
Mecca Cola


Posted by : Mercury , Date : 2003-02-28 , Time : 10:57:49 , From IP : 172.29.1.100

ความคิดเห็นที่ : 12


   ที่เอามาโพส..กะว่าจะให้อ่านกันสนุกๆ..เอาเป็นว่าคราวหน้าเนี่ยะจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงวิชาการให้มากกว่านี้ก่อนจะนำมาเล่าสู่กัน..คิดว่าอย่าไปซีเรียสเลยนะคะ...อันนี้แค่เห็นว่ามันแปลกดี ไม่ได้ตั้งใจว่าจะนำเสนอข้อมูลอะไรที่ทำให้ต้องเกิดความขัดแย้งทางวิชาการ..แต่ก็รู้สึกดีนะคะ เหมือนได้หลักการวิเคราะห์ในมุมมองที่แตกต่าง..การมองในมุมต่างกันอาจทำให้เกิดการพัฒนาไปเป็นองค์ความรู้ใหม่ๆได้...
แต่ก็ขอยืนยันว่า..อันนี้แค่อยากให้อ่านสนุกๆเท่านั้นเองค่ะ..ถ้าสาระมันอาจจะไม่วิชาการคนโพสก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้


Posted by : PSU(ED) , E-mail : (-) ,
Date : 2003-02-28 , Time : 15:56:52 , From IP : 202.28.169.165


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.046 seconds. <<<<<