ความคิดเห็นทั้งหมด : 12

+++ขออย่าให้นิสิตนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด(Extern) เป็นแบบนี้กันทุกคนเลยค่ะ(พี่ๆหมอช่วยให้ความเห็นด้วยค่ะ)+++


   เอามาฝากจาก http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4641233/L4641233.html เผื่อว่าสนใจอ่านคอมเมนท์ เพราะมีคนคอมเมนท์ไว้เยอะมาก น่าสนใจดี มีหลายประเด็นเลยล่ะ

+++ขออย่าให้นิสิตนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด(Extern)เป็นแบบนี้กันทุกคนเลยค่ะ(พี่ๆหมอช่วยให้ความเห็นด้วยค่ะ)+++
คิดไม่ออกเลยว่าจะตั้งเป็นสุขภาพกาย หรือสุขภาพจิตดี

ใจจริง ไม่อยากจะพาดพิงถึงวิชาชีพใครเท่าไหร่ค่ะ เพราะรู้ว่าวิชาชีพใคร ใครก็รัก เอาเป็นว่า เรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นกับคนๆหนึ่งในขณะที่เค้าฝึกหัดแพทย์อยู่ก็แล้วกัน และหวังว่าคนอื่นๆคงจะไม่ทำเช่นนี้ค่ะ


เมื่อวันศุกร์เราได้ไปหาหมอ เนื่องจากมีอาการปวดหัวด้านขวา โดยปวดขมับร้าวไปที่โหนกแก้ม และกราม ซึ่งเป็นแค่ด้านขวาด้านเดียว เราเข้าไปโรงพยาบาลแห่งนี้... ตอนประมาณบ่ายสามโมง ซึ่งเวลาช่วงบ่าย ต้องเข้าไปตรวจที่ห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน รอไม่นานก็ถูกเรียกเข้าห้องไปพบหมอ


ขณะเข้าไปในห้องสังเกตเห็นว่ามีหมออยู่ประมาณ 4 คน คือ คุณหมอผู้ชายมีอายุ หมอผู้ชายยังหนุ่ม(แต่งตัวเหมือนหนุ่มออฟฟิศเลยหล่ะ หุหุ) และหมอผู้หญิง 2 คน ใส้เสื้อกาวน์สั้น(เรียกว่าเสื้อกาวน์หรือเปล่านะ แต่เราเห็นพวกนิสิตทางแพทย์เค้าใส่กัน) มีพยาบาลมาวัดความดัน วัดไข้แล้วก็มีหมอผู้หญิงคนนึงเรียกไป


เข้าไปถึง หมอก็ซักอาการ
D ปวดหัวเหรอ ก็คือปวดศีรษะสิเนอะ???
P เอ่อ (แอบงงกะหมอ มาแปลไทยเป็นไทยทำไม)
D ปวดหัว ปวดยังไงคะ ด้านไหน ปวดตุ๊บๆ หรือว่าปวดบีบๆ
P ปวดหัวทางด้านขวาค่ะ ตอนแรกปวดแค่ขมับ ตอนนี้มันร้าวมาที่กราม ปวดแบบตุ๊บๆค่ะ
D เห็นแสงวิ้งๆ มั้ย
P ไม่ค่ะ(ไม่ใช่โฟร์มด เอ้ย ไม่ได้เป็นไมเกรนค่ะ)
D นอนไม่พอหรือเปล่า
P ไม่มั้งคะ ปกตินอน 6-8 ชม. วันนี้นอนไป 9 ชม.
D เมื่อเช้าตื่นกี่โมงคะ
P 8.30 น. ค่ะ

หมอก็ทำหน้าข้องใจ จรดๆปากกาลงในใบระบุอาการ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไรซะที

D นอนไม่พอหรือเปล่า(ย้อนมาถามอีก)
P ไม่ค่ะ แต่ถ้าหลับไม่สนิทกลางดึก จะเกี่ยวมั้ยคะ คนข้างๆนอนกรน(ป้า)
D อืม ก็อาจจะเป็นไปได้เนอะ แล้วมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า
P คิดว่าไม่มีนะคะ
D เหรอ ลองคิดดูดีๆนะ มีหรือเปล่า เรื่องที่มันเพิ่งเข้ามาช่วงนี้
P ไม่มีนะคะ ถ้าจะเป็นเรื่องเครียด ก็เรื่องเดิมๆ ที่เคยมี ก็เป็นเรื่องงาน เรื่องประจำวันทั่วๆไป
D เอ้า แล้วตกลงคุณเครียดหรือไม่เครียดคะเนี่ย...และกระทืบเท้าในท่าที่นั่งอยู่กับเก้าอี้
P (สงบสติอารมณ์ชั่วครู่) ก็อย่างที่บอกตอนแรกค่ะ คือ คิดว่าไม่มี เพราะไม่ได้รู้สึกเครียด หรือไม่อาจจะเครียดโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ค่ะ


หมอก็จรดปากกา ทำท่าจะเขียนอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่เขียนอะไรลงไปซะที จากนั้นทำสิ่งมหัศจรรย์พันลึก ที่เราไม่คิดว่าจะเห็นจากหมอ(จริงๆ มันดูไม่แปลกนะ แต่พอหมอทำมันกลับดูแปลกแฮะ) โดยการเอานิ้วม้วนผมปอยสวาทด้านหน้าไปมา พร้อมกับ(เกือบจะ)เอาเข้าปาก


(((ยังดีนะ ที่หมอไม่เอาเข้าปากไป แล้วเอามือนั้นมาแตะหน้าเราอีกที โอ้...ถึงเป็นน้ำลายหมอ ก็คงไม่สะอาดมั้งคะ หรือจะลองเอาแอลกอฮอล์ล้างท้องดูซะดีมั้งงงงง อุ๊ยยยย คิดอะไรของชั้นเนี่ย)))

ระหว่างรอหมอ คิดๆ เขียนๆ อยู่เราเริ่มมองหน้าหมอพร้อมกับความมั่นใจที่หายไป 60% อืม หมอก็เป็นคนหน้าตาดีทีเดียวนะ มองไปที่ป้ายปักทางอกเสื้อด้านซ้าย \"คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย...\" อ๋อ... หมอ Extern นี่เองงงงงง ถึงว่าสินะ ยังดูอ่อนประสบการณ์กว่าหมออื่น (ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วหล่ะนะ ก็เค้ายังเรียนอยู่นี่หว่า)
สักพักนึง หมอก็ไปรายงานหมอผู้ชายที่มีอายุ
- เอ่อ อาจารย์คะ คนไข้ปวดหัวทางด้านขวา จนถึงกราม ปวดแบบตุ๊บๆ ไม่เห็นแสงวิ้งๆ นอนเพียงพอ และไม่ได้เครียดค่ะ จะวินิจฉัยว่าเป็นอะไรได้อีกมั้ยคะ
- ก็น่าจะลองดูเกี่ยวกับกล้ามเนื้อนะ เพราะว่าถ้าเป็นกล้ามเนื้อมันก็จะปวดลามไปได้หมด ดูต้นคอด้วยว่าปวดหรือเปล่า

D นอนตกหมอนหรือเปล่า
P ไม่ค่ะ
D เดี๋ยวพี่ขอดูหน่อยนะคะ (ว่าแล้วก็จบกดๆ บีบๆ) เจ็บมั้ย?
P ไม่เจ็บค่ะ
D เนี่ย พี่ว่านะ น้องเป็นอะไรน้องนั่นแหล่ะ น่าจะรู้ตัวน้องเองดีที่สุด
P (ฮ่วยยยย!!! ถ้ารู้จะมาหาหมอเพื่ออะไร จะให้ตรู Self-Diagnosis เรอะ)
แล้วถ้ากัดฟันตอนนอนหล่ะคะ จะเกี่ยวมั้ย เพราะรู้ว่าตัวเองนอนกัดฟัน เคยถามเพื่อนที่เรียนหมอฟันเดค้าบอกว่าถ้านอนกัดฟันตอนเช้ามาก็จะปวดกรามด้วย
D เหรอ ก็อาจจะเกี่ยวก็ได้มั้ง แล้วถ้านอนกัดฟันจะต้องแก้ยังไงหล่ะคะ???
P (เอ หมอลองภูมิตรู หรือหมอไม่รู้จริงๆฟะ) ก็คงต้องใส่สปรินท์ตอนนอนน่ะค่ะ

แล้วพี่หมอระหว่างนั่งเขียนๆ ระบุอาการเราอยู่ ก็ได้ถามว่าเราทำงานอะไร จบจากที่ไหน จบคณะอะไร ไปเรื่อย มีข้อดี๊ ดี อยู่อย่างก็คือ เค้าแทนตัวว่า \"พี่\" หุหุ แหมๆๆ นึกว่าชาตินี้จะไม่มีใครเรียกตรูพี่ซะแล้ววววว ทั้งๆที่จริงๆ เค้าก็คงจะเรียนปี 6 ซึ่งก็เป็นรุ่นเดียวกับเราพอดีหล่ะ


หลังจากวิเคราะห์แล้ว หมอก็เลยบอกว่า
D อืม อาการปวดหัวเนี่ย มันจะมี 2 แบบ คือแบบมีพยาธิสภาพ กับ แบบไม่มีพยาธิสภาพ อย่างของน้องเนี่ย เป็นแบบไม่มีพยาธิสภาพ คงปวดหัวทั่วๆไป จริงๆทำไมน้องไม่ลองทานยาพาราเซ็ทฯ มาดูก่อนหล่ะ

P อืม ก็คิดว่ารอคุณหมจ่ายยามาเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าปวดหัวจากโรคอื่นๆหรือเปล่า เพราะไม่เคยมีอาการเลย

D เหรอ งั้นที่บ้านน้องมีพาราฯ ใช่มั้ย
P มีค่ะ
D อืม งั้นก็คงไม่ต้องเอายาอะไรมั้ง เอ๊ะๆ หรือเอาอย่างนี้ดี เอายาตัวที่แรงกว่าพาราฯไปด้วย ถ้าน้องกินพาราแล้วไม่หาย ให้กินตัวนี้แทน ดีมั้ย??? (((ว่าแล้วก็ไปเปิดตำรายา จะเอาชื่อมาให้เราดู)))
P อืม...ก็ได้มั้งคะ
D แล้วเดี๋ยวพี่ให้ยาแก้เวียนหัวไปด้วย ทานตอนที่มีอาการเวียนหัวได้เลย เนาะ(เปิดตำราดูอีก)
--- เราลืมเล่าว่าก่อนหน้านี้ 1 วัน เรามีอาการเวียนหัวทั้งวันเลย พอถึงวันที่ไปหาหมอก็ไม่เวียนแล้ว

P ค่ะ
D น้องจะเอายาอะไรอีกมั้ย???

ทำไมหมอถามแบบนี้หล่ะ เกิดคนไข้บอกอยากได้ยาเพิ่มความสวย หมอจะหาให้ได้มั้ยเนี่ย!!!

จากที่เคย take course วิชาทั่วไปของเภสัชฯ ก็พอรู้ว่าปัจจุบันคนไทยมีการใช้ยาโดยไม่จำเป็นเยอะมาก แล้วพอหมอถามอย่างนี้ เราเลยตะหงิดๆ ดูพี่แกจะตามใจคนไข้ไปหน่อยหรือเปล่า บางทีหมอน่าจะรู้ดีที่สุดว่าควระจ่ายยาอะไร และควรจะเป็นปริมาณเท่าไหร่มากกว่า


เรื่องอึดอัดขัดใจของเรามันก็มีอยู่แค่(ขนาด)นี้
สิ่งที่ไม่อยากให้หมอทำคือ
- เก็บอาการหน่อยค่ะ ถึงหมอไม่พอใจก็ไม่น่าจะกระทืบเท้าให้คนไข้เห็น
หรือ ม้วนผมไปมาๆๆๆ เหมือนขาดความมั่นใจซะอย่างนั้น

- บางทีหมอควรจะตรวจโรคแบบคิดเชื่อมโยงทั้งระบบ เพราะร่างกายเกี่ยวพันกันทั้งระบบ อย่าหาว่าสอนจระเข้ว่ายน้ำเลยนะคะ

- เรื่องการให้ยาก็จำเป็นอย่างยิ่ง จริงๆหมอก็รู้อยู่แล้วว่าเรามีพาราฯ หมอก็บอกเองว่าเราควรจะเริ่มต้นจากการกินพาราฯ ก่อน ถ้าไม่หายค่อยกินยาที่แรงขึ้น เช่น ไอบรูโพเฟ่น (ที่หมอให้มา) แต่หมอก็จ่ายมาเลย หนูก็เลยกินไอบรูโพเฟ่นซะเลยค่ะ แฮ่ะๆๆ(อันนี้ไม่ควรลอกเลียนแบบนะคะ) หมอก็ไม่ควรจ่ายยาที่มีฤทธิ์ซ้ำซ้อนกันนะคะ



ส่วนโรคของเรา ตอนนี้ผ่านมา 4 วันก็ยังไม่หาย จะปวดอยู่ทุกเช้า ต้องอาศัยกินยา แล้วก็หายไปช่วงใหญ่ๆ ค่ะ

ลองถามรุ่นพี่ที่เป็นหมอฟัน ก็แนะนำให้ลองไปตรวจที่ช่องปากด้วย และบอกว่าอาจจะเป็น \"กล้ามเนื้อใบหน้าอักเสบ\" ให้ลองไปหาหมอดูอีกทีค่ะ

จากคุณ : นางมาร\"ตัวน้อยๆ\" - [ 21 ส.ค. 49 15:46:03 ]


Posted by : magician , Date : 2006-10-28 , Time : 00:49:41 , From IP : 172.29.4.190

ความคิดเห็นที่ : 1


   อ่านดูแล้วตลกดีนะครับ สำหรับคนโพส์ที่เป็นคนไข้น่ะ
ไม่รู้ว่าทุกข์หรือสุขกันแน่ อาจจะทุกข์ที่เจอหมอที่ไม่ถูกใจตนเอง รวมกับสุขที่ได้ออกมาประจานคนอื่น
คนแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ฉันท์ใด หมอแต่ละท่านก็นิสัยแตกต่างกันไปฉันท์นั้น คนเรามักไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่ตัวเองได้มาเลยนะ
กรณีนี้ การที่หมอซักประวัติเรื่องเครียด นอนดึก เป็นต้น มันก็เป็นการซักประวัติไปสู่การวินิจฉัยโรคตามกระบวนการนะครับ คนไข้ต่างหากที่ไม่เข้าใจ

แล้วการเปิดหนังสือยาดูน่ะ ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิด เพราะถ้าไม่เปิด แต่สั่งส่งเดชไป คนไข้ตาย ให้ยาผิด ขนาดยาผิด จะเกอดอะไรขึ้นละครับ

การที่หมอถามว่าจะเอายาอะไรอีกมั้ย ปัจจุบันนี้ผมเองก็ได้ยินคำถามนี้จาก อ. แพทย์ระดับสูง อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ความคาดหวังของคนไข้ที่มา รพ ส่วนใหญ่แล้วคือ ต้องการได้ยา ต้องการหาย นะครับ

สมมตินะครับว่าคนไข้เป็นไขเหวัดธรรมดาๆ มีอาการไข้ มีน้ำมูก ไอ เยอะ
หมอบอกว่าเป็นจากเชื้อไวรัสหายเองได้ ไม่ต้องกินยาหรอก
"เจ้าของกระทู้ครับ คุณจะพอใจหรือไม่"
โรคส่วนใกญ่ในโลกนี้เป็นโรคที่หายเองได้เป็นส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรอก
คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้ามา รพ ด้วยความที่คุณคิดว่าไม่สบาย ต้องการยา แต่ หมอบอกว่าไม่เป็นไร 2-3 วันก็หาย ไม่ต้องกินยาหรอก ลองคิดดูสิครับ หัดคิดเองก่อนที่จะไปอ่านมาจากที่ไหนแล้วตีโพยตีพายในบอร์ดนี้เลยครับ

ที่สำคัญถ้าหากว่าอยากจะโพสเพื่อให้คนอ่านได้คิด ก็ไม่ควรติดตลกไว้ท้ายประโยคบางประโยค เพราะ มันไม่ขำ และ มันเป็นการแสดงออกมาว่าคุณกำลังไม่เข้าใจ. . .

ยังมีประเด็นอื่นอีกเยอะที่อยาก disscuss แต่ว่าง่วงแล้ว ค่อบแอบมาดูใหม่แล้วกัน


Posted by : Black Magician , Date : 2006-10-28 , Time : 03:27:13 , From IP : 172.29.4.122

ความคิดเห็นที่ : 2


   คำถามที่ถามว่าคนไข้ว่าจะเอายาอะไรอีกมั้ยเนี่ย ผมถามประจำเลยครับ
...
เพราะช่วงที่ตรวจ OPD
เจอคุณป้ามาด้วยอาการไอ มีน้ำมูก ผมก็ให้ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูกไป กำลังจะยื่น OPD card ให้คุณป้าไปยื่นหน้าห้องตรวจ
...
คุณป้าก็บอกว่าช่วงนี้รู้สึกเมื่อยๆต้นคอกับไหล่สองข้าง
ผมก็เลยสั่งยานวดให้เพิ่ม
...
สั่งยาเสร็จ ป้าบอกว่ารู้สึกมึนๆเวียนศีรษะด้วย
เอ้า...ผมก็สั่งยาแก้มึนศีรษะให้
...
พอเขียนเสร็จ คุณป้าก็บอกว่าตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไรรู้สึกเคืองๆคันๆในตา
ผมก็ดึง OPD card กลับมา แล้วก็สั่งยาหยอดตาให้
...
เสร็จแล้วคุณป้ากำลังจะออกจากห้องตรวจ
ก็หันมาบอกผมว่าตอนนี้ยาวิตามินบีของลุงที่บ้านหมดแล้ว แกก็เลยจะขอให้ผมสั่งยาให้ลุงแกหน่อย แกขี้เกียจมาโรงพยาบาล
...
กว่าจะตรวจเสร็จ...ผมก็ต้องเพิ่มยาให้คุณป้าตั้ง 2-3 รอบ
หลังจากนั้นเวลาตรวจเสร็จ ผมก็มักจะถามคนไข้เสมอๆ ว่าเค้ามีอะไรจะบอกผมอีกมั้ย ยาที่ให้ไปพอมั้ย อยากได้ยาอะไรอีกมั้ย เกือบทุกคนเลยครับ
...
ยังงี้ผมทำผิดมั้ยครับ


Posted by : Euphoria , Date : 2006-10-28 , Time : 07:43:05 , From IP : 172.29.4.132

ความคิดเห็นที่ : 3


   คำถามที่ว่า "จะเอายาอะไรอีกมั้ย"
ก้อรู้ว่าตามหลักมันไม่ควรให้ยาพร่ำเพรื่ออ่ะค่ะ
แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะคิดว่า มาหาหมอต้องได้ยา
ยาบางอย่างก็ symptomatic เท่านั้นเอง โดยส่วนตัวก็เลยมักจะตามใจคนไข้
(แต่อยู่ในดุลยพินิจที่ปลอดภัยนะคะ)


Posted by : m&m , Date : 2006-10-28 , Time : 09:19:43 , From IP : 172.29.3.136

ความคิดเห็นที่ : 4


   คนที่โพสเนี่ย ก็น่ามีคสามรู้ในระดับนึงนะ เราเข้าใจว่าน่าจะเรียนทางด้านนี้ด้วยแต่ไม่ใช่หมอ การคิดของเขาเป็นแบบรู้อย่างนี้นิด อย่างโน้นหน่อย แต่รู้ไม่มาก พอหมอทำไรที่ไม่เหมือนที่เขารู้ ก็เกิดการสงสัยอย่างมากและมองว่าผิดทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้อยู่ในฟิลนี้เลย อืม ถ้าจะแกปัญหานี้นะ ต้องจับทุกคนมาเรียนหมออ่ะ จะได้เข้าใจการกระทำ การซักประวัติของหมอทุกอยางน่ะ
อ้อ สงสัยเขาอยากรียนหมอแล้วไม่ได้เรียนมั้ง......


Posted by : ขอแจม , Date : 2006-10-28 , Time : 12:15:48 , From IP : 125-24-152-77.totbb.

ความคิดเห็นที่ : 5


   D เหรอ งั้นที่บ้านน้องมีพาราฯ ใช่มั้ย
P มีค่ะ
D อืม งั้นก็คงไม่ต้องเอายาอะไรมั้ง เอ๊ะๆ หรือเอาอย่างนี้ดี เอายาตัวที่แรงกว่าพาราฯไปด้วย ถ้าน้องกินพาราแล้วไม่หาย ให้กินตัวนี้แทน ดีมั้ย??? (((ว่าแล้วก็ไปเปิดตำรายา จะเอาชื่อมาให้เราดู)))
========================================
- เรื่องการให้ยาก็จำเป็นอย่างยิ่ง จริงๆหมอก็รู้อยู่แล้วว่าเรามีพาราฯ หมอก็บอกเองว่าเราควรจะเริ่มต้นจากการกินพาราฯ ก่อน ถ้าไม่หายค่อยกินยาที่แรงขึ้น เช่น ไอบรูโพเฟ่น (ที่หมอให้มา) แต่หมอก็จ่ายมาเลย หนูก็เลยกินไอบรูโพเฟ่นซะเลยค่ะ แฮ่ะๆๆ(อันนี้ไม่ควรลอกเลียนแบบนะคะ) หมอก็ไม่ควรจ่ายยาที่มีฤทธิ์ซ้ำซ้อนกันนะคะ
========================================
**
1. เอ่อ....แล้วหมอเค้าไม่ได้บอกตรงไหนเหรอคะว่าให้กินพาราก่อน
ถ้าไม่หายจึงค่อยกิน Brufen ???
2. พารา กับ Brufen ก็ไม่ได้มีฤทธิ์ซ้ำซ้อนนะคะ ออกฤทธิ์คนละที่เลย
ถ้าไปเทคคอร์สเรียนกับเภสัชมาแล้ว ก็น่าจะศึกษาให้ดีก่อนมาตำหนิคนอื่น
โดยที่รู้ไม่จริงนะคะ
** แต่ยังงัยก็เห็นด้วยนะคะในประเด็นเรื่องการแสดงออกบางอย่างเช่น
การกระทืบเท้า นั่งม้วนผมเล่น ดูจะไม่เหมาะนะคะ
* ขอบคุณสำหรับความเห็นเจ้าของกระทู้ค่ะ เป็นประโยชน์ดี
แต่วันหลังถ้าคิดว่ายังไม่รู้จริง กรุณา "ถาม" ก่อนนะคะ ไม่ใช่
" ตำหนิ" พร่ำเพรื่อ
Thanks





Posted by : me , E-mail : (me) ,
Date : 2006-10-28 , Time : 20:10:44 , From IP : 124.157.216.46


ความคิดเห็นที่ : 6


   คห.4
"อ้อ สงสัยเขาอยากเรียนหมอแล้วไม่ได้เรียนมั้ง......"

คิดดีแล้วหรือคะ ถึงโพสต์แบบนี้
มันคนละประเด็น

มีคนไข้มาบ่น ถ้ามีอะไรที่เขาเข้าใจผิด คุณก็ช่วยอธิบายหน่อยสิ
อ่านดูแล้ว คนที่มาบ่น เขาบ่นเพราะเขารู้สึกไม่ไว้ใจหมอที่คนที่ตรวจเขา
เขามาหาหมอก็หวังว่า หมอจะมีความรู้ แนะนำเขาได้ รักษาเขาได้ถูกต้อง
แต่ท่าทีของหมอที่ตรวจเขา ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้เลย

เห็นหลายๆความเห็น คล้ายๆจะรุมกันตำหนิ เจ้าของกระทู้กันด้วยซ้ำ
แปลกดี พวกคุณมีความรู้
อธิบายสิ่งที่ถูกต้องสิคะ ว่าทำไมหมอต้องเปิดตำราไปด้วย
ทำไมหมอต้องถามแล้วถามอีก

อธิบายดีๆ แบบไม่ใช่ส่อเสียด ไม่ใช่ประชดประชัน
คำพูดที่ว่า "แบบนี้ ต้องจับทุกคนมาเรียนหมอ"
แสดงว่า นั่น หมายถึง คุณเป็นหมอที่ดีไม่ได้ ไม่สามารถแม้แต่จะสื่อสาร จะอธิบายกับคนไข้


วันข้างหน้า เมื่อคุณจบกันไป หรือเป็นแพทย์ที่มีอาวุโสขึ้น
คนไข้จะได้ฝากความหวังไว้กับพวกคุณได้
ให้คุ้มค่าภาษีที่เขาเสีย ให้พวกคุณได้มาเรียนเพื่อจะเป็นหมอ..


Posted by : ผ่านมาเจอ , Date : 2006-10-29 , Time : 08:56:29 , From IP : 203.113.76.74

ความคิดเห็นที่ : 7


   เป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งแท้ๆ

Posted by : 123 , E-mail : (-) ,
Date : 2006-10-29 , Time : 09:14:19 , From IP : 172.29.3.220


ความคิดเห็นที่ : 8


   เป็นเรื่องที่ต้องนำกลับมาพิจารณานะครับ เพราะในฐานะผู้ให้บริการ คงต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ และนำมาปรับปรุงแก้ไข เพราะอย่างน้อยเป็นกระจกให้เราได้พิจารณาข้อผิดพลาดของตัวเอง


Posted by : เดินผ่านมา , Date : 2006-10-29 , Time : 22:33:56 , From IP : 172.29.7.61

ความคิดเห็นที่ : 9


   ตอนผมเป็น เรสสิเด๊นท์ เคยไปทำฟันที่ คณะ..... ( พี่สาวผมเป็นหมอฟันและมีเพื่อนเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น ) ตอนนั้นที่ไป เผอิญ เคียวโดนกรวดในข้าวหมูแดง แล้ว ฟันแตกนิดหน่อย รู้สึก สากๆ ก็เลยไปหาเพื่อนพี่สาว แต่ไม่ได้โทรไปก่อน

เลยไป เจอ อาจารย์ท่านอื่น ท่านส่งไปหา .... ( มากัน สองคน ) คนหนึ่ง เป็น ชาวต่างชาติ ที่ดูท่าทาง ไม่ใช่ คนระดับมาสอน แต่ ไม่รู้ว่า เรียนจบมาแล้วหรือยัง อีกคน ปักป้ายชื่อ ไม่ใช่ ทพ หรือ ทญ ผมก็ไม่ว่าอะไร นึกว่า ตรวจอย่างเดียว ก่อนทำ คงบอกอะไร เราก่อนมั่ง

ปราฏกว่า ไม่ใช่ครับ ทั้งสองท่าน ตรวจแล้ว ปรึกษากันเอง จัดการ กรอ แล้ว อุดให้เลย จนอาจารย์เดินกลับมาแล้วก็เรียกสองคนนี้ไปคุย ท่าทางเครียด ผมชักรู้สึกแหม่งๆ เหมือนกัน แต่ ก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

( ผม ไม่ได้ว่า อะไร ใคร เลยครับ )

ผมคิดว่า ก่อนจะเป็น นก อินทรี ยิ่งใหญ่ มัน ต้องผ่าน ช่วงที่เป็ย ลูกนก ไร้ ขน ดูกระจอกๆ กันทั้ง นั้นแหละ ครับ

หาก ไม่มี การฝึกหัด จะเก่งได้อย่างใร

ขอเพียงแต่ เรียนจบแล้ว อย่า ลืม บุญคุณ คนยากจน และ คนที่เสียสละ ร่างกายให้คุณได้เรียน ก็เท่านั้น


Posted by : guru , Date : 2006-10-31 , Time : 13:06:17 , From IP : 125-25-62-135.totbb.

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมว่านะรู้ไม่จริง น่ากลัวกว่าไม่รู้
วันก่อนผมต่อของแม่ค้าที่ตลาด เค้าไม่พอใจ กระทืบเท้าเฉยเลย
แล้วบอกว่าไปถามแม่ก่อนว่าได้มั้ย
หายไปคุยกันพักนึง แล้วก็กลับมา พร้อมกับบอกว่า
ได้...แล้ว จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ อันนี้ก็ดี อันนั้นก็ดี
เผื่อไปนะ เผื่อได้ใช้
ว่าจะมาโพสเหมือนกัน ไม่เหมาะนะเนี่ย
ไปซื้อของที่ห้าง ถามว่ามือถือรุ่นนี้ทำไรได้บ้าง
คนขายยังเปิดตำราคูมือเลย
เฮ้อ......ชีวิต เข้าใจนะ นี่แหละชีวิตที่เราเลือกแล้ว
ทำไปเถอะครับ คิดว่าเอาบุญ... :)


Posted by : GoGu fc , Date : 2006-11-01 , Time : 22:46:54 , From IP : 172.29.1.139

ความคิดเห็นที่ : 11


   ขำๆ ครับ
ที่พูดมาเรื่องการใช้ยา Blah blah blah ...
เขาก็รู้กันหมดแล้วล่ะครับ
แต่มันก็ต้องมี art กันบ้างด้วยครับ
ไม่งั้นไปร้านขายยาก็หายหมดแล้วอ่ะดิ...
การรักษาที่ห้องฉุกเฉินส่วนใหญ่ ก็มุ่งเน้นเรื่องให้ผู้ป่วยหายอ่ะครับ ไม่ใช่มานั่ง step up ยากันอยู่ (แบบว่าเอา para ไปกินก่อนนะ ถ้ายังปวดเดี๋ยวนั่งรถมารพ.ใหม่ หมอจะเริ่มให้ยาตัวต่อไป...) มันไม่ค่อย practical อ่ะ ผมว่า


Posted by : Clark , Date : 2006-11-04 , Time : 00:03:25 , From IP : 124.157.244.88

ความคิดเห็นที่ : 12


   เห่าๆ หอนๆ

เสร่อน่า


Posted by : จิ๊กโก๋ , E-mail : (2219) ,
Date : 2006-11-04 , Time : 08:24:15 , From IP : ppp-58.10.231.59.rev


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<