ปูดยาฆ่าแมลงตกค้างในชาเขียว
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา รศ.เกษร นันทจิต นักวิชาการจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ รศ.ดร.ลัดดา วงศ์พายัพกุล ทำการวิจัยเรื่อง "การวิเคราะห์หาสารตกค้างของยาฆ่าแมลงในน้ำผัก น้ำผลไม้และชาเขียวในภาชนะปิดสนิท" โดยการสุ่มตัวอย่างเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม และน้ำผลไม้ทุกยี่ห้อที่มีวางจำหน่ายใน จ.เชียงใหม่ นำมาใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจวิเคราะห์หายาฆ่าแมลง
"สำหรับผลการวิเคราะห์และตรวจซ้ำพบว่า ในการตรวจชาเขียวพร้อมดื่มหลายยี่ห้อจำนวน 25 ตัวอย่าง มียาฆ่าแมลงในชาเขียวที่สุ่มตรวจถึง 20 ตัวอย่าง บางตัวอย่างมีปริมาณที่เกินกว่า พ.ร.บ.ควบคุมมาตรฐานอาหาร ปี พ.ศ.2548 กำหนดให้ใช้ และบางตัวอย่างยังมีฆ่าแมลงที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้ด้วย" รศ.เกษร กล่าว
รศ.เกษร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันการวิจัยครั้งนี้ยังได้สุ่มตรวจในน้ำองุ่นซึ่งน่าเป็นห่วงมาก คือพบว่ามียาฆ่าแมลงที่เป็นสารพิษที่มีอันตรายมาก อย่างอบาเมกติน ซึ่งเป็นสารพิษหรือทอกซินที่ได้จากเชื้อรา อาจมีผลทำให้พันธุกรรมกลายพันธุ์ หากรับประทานเข้าไปต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ยีนในร่างกายของคนเกิดกลายพันธุ์ได้ และจากการค้นคว้าพบว่าการที่เครื่องดื่มต่างๆ มีสารตกค้างเช่นนี้จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคคือ ทำให้เป็นมะเร็งได้ ทั้งนี้ อยากให้กระทรวงสาธารณสุขเล็งเห็นปัญหา และเข้ามาดำเนินการควบคุมเข้มงวดตรวจสอบ ป้องกันสารพิษที่มากับวัตถุดิบ และผู้ผลิตอย่างจริงจังเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
ขณะที่ น.ส.สุภฎารัตน์ สุธีพรวิโรจน์ ผู้ประสานงานชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเชียงใหม่ กล่าวว่า ผลการวิจัยเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยยังมีความเสี่ยงอยู่มาก จะเห็นว่าวัตถุดิบจากการผลิตยังไม่มีมาตรฐานการควบคุมกำจัดสารเคมีที่ดีพอ ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ยังคงควบคุมปัญหาดังกล่าวไม่ได้ แม้จะใช้กฎหมายมาบังคับก็ต้องรอให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบต่อสุขภาพเกิดเจ็บป่วยแล้วค่อยเข้ามาร้องเรียน แต่ยังไม่มีนโยบายเชิงรุกมาควบคุม
Posted by : Cruz , Date : 2006-10-14 , Time : 21:41:21 , From IP : 210-86-223-212.stati
|