ประสิทธิภาพว่าทำที่ไหนได้ผลมากกว่ากันนั้น ผมว่าไม่มีผลในแง่ว่าเราไม่ควรทำ health promotion ในประเทศแบบไหนแม้แต่น้อยครับ และผมคิดว่าคำว่า "ด้อยพัฒนา" นั้น ไม่ได้ใช้เรื่องประสิทธิภาพในดันความสำเร็จของการทำ health promotion มาวัดด้วย ตรงกันข้าม ในกระบวนการวิธีทงสาธารณสุข การทำ health promotion "ยิ่งจำเป็น" ในประเทศที่ preventable cause ยังเป็น primary burden of disease มากกว่าประเทศที่กลุ่ม burden of disease เป็นอีกอย่างหนึ่ง
อย่างฉีดเซรุ่มเหมือนกัน WHO รณรงค์การให้ vaccine ในประเทศที่ยังมี epidemic infectious diseases เช่น Cholera, Thyphoid, Tbc เพราะมันได้ผลชะงัด เผลอๆจะคุ้มกว่าประเทศ "พัฒนาแล้ว" ซะอีก เพราะบรรดา infectious disease จะลดลงในประเทศที่สาธารณูปโภคต่างๆมีมาตรฐานดีขึ้น ยิ่งมี gap ทางการศึกษา ยิ่งต้องเร่งพัฒนา และการทำ health promotion นั้น ส่วนหนึ่งคือการเร่งให้ข้อมูล ให้การศึกษาแก่ประชาชน ดังนั้นจึงเป็น "ยาที่ถูกกับโรค" โดยตรง ยิ่งต้องเร่งกระทำ
การที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับคนขี่จักรยานไม่ใส่หมวกกันน็อคนั้น ผลไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนที่ถูกจับครับ ผลกระทบน่าจะเป้นหวังว่าคนทั่วๆไปที่เหลืออยู่จะเปลี่ยนพฤติกรรมมาใส่หมวกกันน็อคมากขึ้น ซึ่งจะได้ประโยชน์สูงเพราะเรามี burden จากอุบัติเหตุแบบนี้สูงมากกว่า burden จาก carbomb หลายสิบ หลายร้อยเท่า นอกจากนี้ การทุ่มเทตรวจจับ carbomb โดยวิธีนี้ ยังน่าสงสัยในเรื่องประสิทธิภาพอย่างมาก ว่าผู้ก่อการร้ายจะหมดปัญญาแก้ลำ ถ้าแก้ได้ง่ายขนาดนั้น เราคงจะแก้ปัญหา 3 จังหวัดได้ดีกว่านี้เยอะ แต่น่าสงสัยว่านี่น่าจะเป็น priority ของตำรวจส่วนใหญ่ของหาดใหญ่หรือไม่
การศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นสิ่งที่ดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราไม่แน่ใจ แต่ผมคิดว่าปัญหาอุบัติเหตุจราจรที่เกี่ยวเนื่องมาจากมอเตอร์ไซด์และหมวกกันน็อคในประเทศไทยนั้น well-established มานานมากแล้ว ถึงได้มีการเร่งพัฒนา trauma centre และออกกฏหมายเรื่องหมวกกันน็อคไงครับ เขาไม่ได้ออกกฏหมายบังคับโดยไม่ได้มีการศึกษามาก่อนหรอกครับ ในสองปีที่ผ่านมาใน block health promotion มี นศพ.ปี 4 ทำโครงการรณรงค์หมวกกันฯอคโดยมี evidence-based level สูงๆมาทุกปี และหลายโครงการ ส่วนข้อมูลว่า carbomb มี prevalence เท่าไหร่ในรอบปีนี้ หรือสิบปีที่ผ่านมา ผมว่าก็ค่อนข้างชัดเจน และน้ำหนักยังน้อยกว่า traffic accident เยอะครับ Traffic Accident เป็น primary burden อันดับสองของประเทศไทย สงกรานต์ 4 วันแต่ละปี ก็ตายกัน 4-500 คนทุกปี (อันดับหนึ่งคือ AIDS) ส่วน carbomb ผมว่าไม่อยู่ใน 20 อันดับต้นแน่ๆ อัตราการตายอยู่ที่เลขสองหลักในรอบสิบปีเท่านั้น
Posted by : Phoenix , Date : 2006-09-28 , Time : 18:19:50 , From IP : 222.123.41.155
|