ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

ความรู้เรื่องนมที่ควรอ่านอย่างยิ่ง


   ความรู้เรื่องนมที่ควรอ่านอย่างยิ่ง
คุณหมอที่ร.พ. บี แคร์ท่านบอกว่าคนที่เป็นโรคด้านภูมิแพ้ ซึ่งคนไทยเป็นมากขึ้น ไม่ควรทานนมจากแม่วัวหรือผลิตภัณฑ์ที่ดัดแปลงจากนมวัวแม่ ประสบการณ์รักษาโรคภูมิแพ้มามากกว่า 5 ปี ท่านแนะนำคนไข้ให้ทานนมจากถั่วเหลืองเท่านั้น คนที่ตั้งท้อง หรือคลอดลูก ใหม่ ๆ ไม่ควรนำ นมวัวไปฝาก โดยเฉพาะ ที่เห็นในทีวี คุณแม่ตั้งท้องแล้วดื่มนมพร่องมันเนย ยี่ห้อหนึ่ง"ดีที่สุดสำหรับคุณแม่" ท่านบอกว่าไม่สมควรอย่างยิ่งนมจากแม่วัวจะเป็น factorหนึ่งที่จะ กระตุ้นให้ท่านเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น จากประสบการณ์ที่ได้เห็นจริงพบว่าเด็กที่ทานนมถั่วเหลือง จะสูงมาก และมีพัฒนาการที่เร็วห็นผลเสียของการดื่มนมในชีวิตประจำวันที่ยุ่งเยิงอยู่นี้ทำให้ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นกลายเป็นเช้าที่ต้องรีบเร่ง คนรุ่นใหม่จึงนิยมหันมาดื่มนมเพื่อสุขภาพและคลายความหิวไปช่วงหนึ่งที่เมืองไทย
ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมานี้ได้มีการรณรงค์ให้ดื่มนมวันละ 2 แก้ว เพื่อสุขภาพและโดยเฉพาะในเด็กเติบโตเพื่อนำแคลเซียมในนมไปใช้ในการสร้าง กระดูกเราทุกคนก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอดแต่ถ้าในวันนี้มีใครสักคนเดินเข้ามาบอกคุณว่านมที่คุณดื่มอยู่นั้นเป็นตัวการอย่างดีในการก่อให้เกิดมะเร็งล่ะ คุณจะทำอย่างไร จริง อยู่ที่ในนมนั้นมีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นโปรดีนแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามิน A B1 B2 ไนอาซีนแต่คุณรู้ไหมปริมาณสารอาหารเหล่านั้นไม่ได้มีมากดังที่คุณคิดเลย อย่างสารยอดฮิตในนมอย่างแคลเซียมนั้นก็มีแคลเซียมเพียง118มก.(ต่อ10กรัม) ในขณะที่กุ้งแห้งเพียงหนึ่งช้อนชานั้นให้แคลเซียมถึง 345มก.และนอกจากนี้โปรดีนในนมนั้นยังเป็นโปรดีนที่ย่อยยากและกรดไขมันอิ่มตัวสูงมร่างกายนั้นไม่สามารถย่อยได้หมดเมื่อตกมาถึงลำไส้เล็กตอนบนมันก็จะบูดเน่าขึ้นซึ่งจะไปสะสมอยู่ในตับ ไต และลำไส้ใหญ่ เกิดสารพิษกลายเป็นสารก่ออนุมูลอิสระต้นตอของการเกิดมะเร็งนอกจากนี้ยังพบว่าการบริโภคนมนั้นยังส่งผลต่อต่อมและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์เนื่องจากเป็นตัวการร้ายของการเกิดซีสต์ เนื้องอก และกลายเป็นมะเร็งในที่สุดและเจ้ากรดไขมันอิ่มตัวในนมนี้อาจจะไปสะสมในไตและถุงน้ำดีทำให้คุณเป็นนิวได้อีกด้วยปัญหาต่างที่เกิดจากนมที่พบได้บ่อยนั้นก็ยังมีการสะสมของไขมันในต่อมลูกหมากตะคริวและท้องร่วง การแพ้ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็กในเด็ก เส้นเลือดแข็งตัว โรคหลอดเลือด หัวใจโรคไขข้อและนมยังสามารถดักจับสารทาร์ในบุหรี่ช่วยเร็งการเป็นมะเร็งในปอดอีกด้วยที่ร้ายที่สุดคือนมพร่องมันเนยนั้นมันกำลังกลายเป็นสิ่งเร้าให้คนที่ต้องควบคุมปริมาณไขมันในเส้นเลือดดัน เนื่องจากโรคไขมันในเส้นเลือดสูงและพวกเส้นเลือดหัวใจตีบตายได้ไม่รู้ตัว เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์ลืมเขียนต่อท้ายว่านมพร่องมันเนยไปนิดเดียว นี่ไม่ใช่เรื่องที่กุกันเล่นๆ เพื่อโจมตีบริษัทนมยี่ห้อใดๆ แต่เป็นย้ำเตือนถึงการที่เรานำภูมิปัญญาของชาวตะวันตกมาใช้นั้น ทำให้เราพึ่งละเลยสิ่งดีๆของไทยนั้นก่อผลเสียมากเพียงใดชถ้าท่านยังไม่เชื่อเท่าใดก็ลองกลับไปดูสถิติของการเกิดมะเร็งดูสิว่ามัน สูงขึ้นจริงหรือไม่
( อ้างอิงข้อมูลจากบทความ "คนไทย ไม่ต้องพึ่งนมวัว " ของนพ.บรรจบัน ชุณหสวัสดิกุล )


Posted by : tt.com , Date : 2006-09-14 , Time : 22:06:51 , From IP : 172.29.7.242

ความคิดเห็นที่ : 1


   ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ

Posted by : 1153 , Date : 2006-09-15 , Time : 08:10:30 , From IP : 172.29.1.234

ความคิดเห็นที่ : 2


   ขอแสดงความเห็นนิดหน่อยครับ

คิดว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนในการสื่อรึเปล่า ไม่แน่ใจ แต่มีประเด็นที่พอใช้ความรู้ทางการแพทย์ (แบบงูๆปลาๆ) ไปตความแล้วปรากฏว่ามันเบลอมากขึ้น เช่น

กุ้งแห้ง 1 ช้อนชานี่ มันมากหรือน้อยกว่า 10 กรัม แค่ไหน
ทำไมโปรตีนในนมมันจึงตกค้างและเน่าอยู่ใน duodenum หรือ jejunum?
Protein ที่ ย่อยยาก นั้นเป็นยังไง?
ทำไมอาหารใน GI tract จึงไปตกค้างที่ไต (หากย่อยและดูดซึมยาก) และไม่ถูกขับออก?

การบริโภคนมนั้นยังส่งผลต่อต่อมและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์เนื่องจากเป็นตัวการร้ายของการเกิดซีสต์ เนื้องอก และกลายเป็นมะเร็งในที่สุด
อันนี้น่าจะมีบริบทต่อเติมไหมครับ ไม่งั้นคนๆจะเป้นมะเร็ง มี cyst กันมากกว่านี้หลายพันเท่า

สุดท้ายคือข้อมูลที่ว่านี่เป็น data ของตะวันตกหรือตะวันออกครับ ว่านมทำให้เป็นมะเร็ง และได้นำเอาความรู้ที่ว่านี้มาเผยแพร่?





Posted by : Phoenix , Date : 2006-09-15 , Time : 08:24:32 , From IP : 58.147.116.132

ความคิดเห็นที่ : 3


   กุ้งแห้ง ปลาแห้ง ปลาเค็ม นี่ก็อยากจะกินมาก ๆ อยู่เหมือนกันแต่นั่นแหละ ใคร ๆ เขาก็กลัวสารกันบูด ยาฆ่าแมลงที่ใส่กันเข้าไปโดยไม่มีข้อจำกัด

Posted by : คนขี้กลัว , Date : 2006-09-15 , Time : 08:47:32 , From IP : 202.90.6.36

ความคิดเห็นที่ : 4


   ต้องขอขอบคุณผู้ที่นำมา post แต่ต้องยอมรับว่า evidence level ของบทความดังกล่าวจัดเป็น low level อย่างมาก ผู้ที่เชื่อ หากเป็น nonMD คง OK แต่หากเป็น MD ที่อยู่ใน มอ. คงเป็นที่น่าเสียใจที่ EBM ที่เรียนมาดูจะเสียเปล่า และเมื่อกลับมามองความเห็นอื่นๆ จะรู้สึกดีมากว่า ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ผู้อ่าน post มาบ่งถึงการใช้ logic และ rational thinking จากความรู้ที่มีอยู่ ขอบคุณมากที่แสดงถึง real world PBL

Posted by : รัตนา , Date : 2006-09-15 , Time : 22:41:03 , From IP : 172.29.7.166

ความคิดเห็นที่ : 5


    เรื่องนม ผมยังคิดว่า ให้เด็กดื่ม ยังดีกว่าไปกินอาหารอย่างอื่นๆครับ ตอนเย็นถ้าเด็กๆจะขอเงินซื้อขนม 10 บาท ผมก็ยังสนับสนุนให้ซื้อนมกล่อง มากกว่าลูกชิ้นปิ้ง กุ้งทอด ไอติม น้ำแข็งใส ลูกอม หรือน้ำหวาน
โครงการนมโรงเรียนที่ให้เด็กดื่มนมทุกๆวันยังมีประโยชน์มากกว่าโทษ นม และไข่เป็นอาหารที่มีคุณค่าและถูกที่สุด เราเองต่างหากต้องเลือกประเภทของนมให้เหมาะสมทั้ง ปริมาณและวัย ถ้าเราดูสถิติการเจริญเติบโตของเด็กนักเรียน คุณจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเด็กในเมืองและชนบท เด็กที่กินนมเก่งเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ค่อยกินนม การเจริญเติบโตต่างกันมาก ทั้งส่วนสูงและน้ำหนัก
ผมเคยอ่านบทความทั้งเรื่องนมวัวและไข่มาแล้ว เมื่อหลายปีก่อนวารสารฉลาดซื้อก็เคยลงบทความเรื่องนี้ไว้บางส่วน พวกเราคงต้องพิจารณาให้รอบด้านจริงๆ ไม่ควรมองเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญ หากคุณสนใจบทความเรื่องนมจริงๆ ควรจะอ่านทุกเรื่องที่อ้างอิงถึงและเกี่ยวข้อง ก่อนที่จะหยิบบางประเด็นมาเล่า เพราะบางครั้งความตั้งใจที่ดีๆก็พลาดได้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์


Posted by : jr , Date : 2006-09-16 , Time : 00:22:13 , From IP : 172.29.5.122

ความคิดเห็นที่ : 6


   คุณรัตนา ค.ห.ที่4 ไม่ทราบว่าเป็นลูกครึ่งที่ชอบใช้ไทยคำอังกฤษคำหรอคะ กรุณาใช้ภาษาไทยจะดูดีกว่านะคะ หรือไม่ก็พิมพ์อังกฤษให้หมดเลยสิคะ เวลาคนอ่านจะได้ไม่เสียอารมณ์

Posted by : .... , Date : 2006-09-21 , Time : 14:21:48 , From IP : ppp-124.121.33.95.re

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<