ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทย


   เท่าที่ได้ข้อมูล คือ ข้อมูลต่างๆ ของคณะแพทย์ตอนที่ upload ไปที่ สกอ มีการสูญหายของข้อมูลเป็นส่วนใหญ่ ทาง สกอ ก็ไม่ท้วงติงมา ทางคณะเรา ก็ไม่ได้ติดตาม นึกว่าข้อมูลส่งไปครบแล้ว ทำให้ได้คะแนนน้อยมาก
คณะคงไม่อยากแก้ตัว เพราะจะหาว่าร้อนตัว และข้อมูลก็ออกสู่สาธารณะแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะสืบให้ได้ว่าทาง สกอ ได้ข้อมูลไม่ครบจริงไหม น่าจะประท้วง สกอ หากได้ไม่ครบ เพราะทำให้เราเสียหาย คณะอย่างน้อยควรชี้แจงใน web คณะแพทย์ให้พวกเราทราบความจริงว่าเป็นอย่างไร


Posted by : ไม่ได้แก้ตัว , Date : 2006-09-04 , Time : 21:51:18 , From IP : 172.29.7.135

ความคิดเห็นที่ : 1


   เหตุผลทำไมนายภาวิชจึงอยากเป็นเทวดา
ผู้เขียน: ศิษย์เก่ามหิดล

ก่อนอื่นผมขอแจ้งว่า ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับนายภาวิชไป 2 ตอนแล้ว ผู้ที่ยังไม่อ่านเชิญไปตามอ่านกันได้จาก link ข้างล่างคับ คือ

เมื่อนายภาวิชตั้งตนเองเป็นเทวดากำหนดอันดับมหาวิทยาลัย ภาค 1 (อ่าน 677 คห 19) เนื้อหาหลักพูดถึงว่าวิธีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไม่ถูกต้องตามหลักการวิจัยเพราะอะไร

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=208251&Mbrowse=11

เมื่อนายภาวิชตั้งตนเองเป็นเทวดากำหนดอันดับมหาวิทยาลัย ภาค 2 (อ่าน 58 คห 0) เนื้อหาหลักพูดถึงว่านิสัยส่วนตัวของนายภาวิช 3 ข้อซึ่งเป็นข้อตรงห้ามของผู้บริหารทางการศึกษาที่ดีไม่ควรจะมีเลยสักข้อเดียว

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=208265&Mbrowse=11

.............................................................................

ไม่นานมานี้หลังจากนายภาวิชตั้งตนเองเป็นเทวดากำหนดอันดับมหาวิทยาลัย ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งหลายจึงจัดการประชุมเร่งด่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้

สุดท้ายได้ลงมติไม่ยอมรับการจัดอันดับของนายภาวิช เพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยทั้งหลายและทำลายความร่วมมือในการพัฒนาช่วยเหลือกันระหว่างมหาวิทยาลัย หากมหาวิทยาลัยต่างๆมาแข่งขันชิงอันดับกันเสียเอง

วิธีการจัดอันดับของนายภาวิชมีปัญหาหลายเรื่อง ดังนี้

1. ในเมืองนอกการจัดอันดับจะทำโดยหน่วยงานเอกชนที่มีชื่อเสียงมีผลงานเป็นที่ยอมรับจากสาธารณชนอย่างยาวนาน

2. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศไม่ได้มีการจัดเรียงจัดอันดับเพื่อหาว่ามหาวิทยาลัยเก่งกว่ามหาวิทยาลัยไหน รวมทั้งไม่มีแม้แต่การจัดอันดับโดยแยกเป็นกลุ่ม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่มหาวิทยาลัยไหนจะเก่งทุกด้าน แต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์ของตนเอง

การจัดอันดับของนายภาวิชไม่ได้อ้างอิงมาตรฐานรูปแบบการจัดอันดับจากที่ไหน

3. การจัดอันดับของนายภาวิชยึดตามแนวทางสมการจากงานวิจัยที่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ มีข้อบกพร่องมากมายจนไม่อาจจะเอามาวิเคราะห์กำหนดอันดับมหาวิทยาลัยได้

4. นายภาวิชทำงานผิดวัตถุประสงค์ที่แจ้งกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะนายภาวิชมาขอข้อมูลมหาวิทยาลัยเพียงเพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลทดสอบซอฟแวร์ของหน่วยงานที่นายภาวิชคิดขึ้นเอง แต่อยู่ๆกลับเอาผลที่ได้จากการประมวลผลจากซอฟแวร์นั้นมาจัดอันดับมหาวิทยาลัย ทั้งๆที่ซอฟแวร์นั่นก็สร้างขึ้นจากวิธีการวิจัยที่ยังไม่ได้รับการยอมรับว่าถูกต้อง

ผลที่ตามาจาการประกาศจัดอันดับของนายภาวิช ได้มีการทำสำรวจเกี่ยวกับนักศึกษาที่จบไปหางานทำว่ารู้สึกอย่างไร พบว่
า ส่วนใหญ่มีความกังวลใจเพราะการจัดอันดับทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะหางานยากขึ้น

................................................................................

คราวนี้มาดูทางฝั่งนายภาวิชบ้างว่าเอาตัวรอดแบบไหนกับเหตุการณ์นี้

1. นายภาวิชบอกว่าถ้าการจัดอันดับนั้นผิดพลาดตรงไหนก็ให้มาคุยกัน จะปรับแก้ไขให้

ซึ่งตรงนี้เท่ากับนายภาวิชอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง เพราะเหตุผลที่แย้งมามันชัดเจนแล้วว่า มันไม่ถูกต้องทั้งหมดจึงไม่ใช่แค่นำแก้ไขแล้วนำมาใช้อีกแต่ไม่ควรเอามาใช้เลย เพราะขัดกับแนวทางการพัฒนาของมหาวิทยาลัยทั้งหลายที่ต้องร่วมมือกัน หน่วยงานของนายภาวิชไม่ได้มีหน้าที่จัดอันดับของมหาวิทยาลัย แต่กลับมาตั้งตนเองจัดอันดับมหาวิทยาลัยการประกาศเป็นการทำลายชื่อเสียงมหาวิทยาลัยที่สั่งสมมา

2. นายภาวิชบอกว่าการจัดอันดับครั้งนี้ไม่มีผลต่อการสมัครเข้ารับราชการ เพราะราชการใช้คะแนนสอบเข้าไม่ได้ดูจากอันดับ

จากข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าลึกๆแล้วนายภาวิชรู้ดีว่าการจัดอันดับมีผลกระทบต่อนักศึกษาที่จะออกไปหางานทำ เพราะสถานที่ทำงานมีทั้งภาครัฐและเอกชน เมื่อตัวเองทำผิดพลาดในการจัดอันดับ แทนที่จะยอมรับผิดยกเลิกการจัดอันดับเพราะถูกโต้แย้งว่าใช้วิธีการจัดอันดับโดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและไม่ได้อิงมาตรฐานจากที่ใด กลับมาเบี่ยงเบนประเด็นว่าจัดอันดับไปไม่มีผลต่อการสมัครงาน

...........................................................................

หัวข้อสำคัญที่สุดจากข้อมูลก็คือ ทำไมนายภาวิชอยากเป็นเทวดา

1. นายภาวิชต้องการทำให้ตัวเองและองค์กรของตนขึ้นมามีบทบาทสูงสุดในวงการศึกษา นั่นคือบริหารกำหนดนโยบายให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งประเทศต้องรับไปทำ ทั้งๆที่หน่วยงานของนายภาวิชไม่ได้ถูกกำหนดให้มีอำนาจแบบนั้น จึงพยายามโยนหินถามทางปั่นกระแสตนเองในสังคม หวังสร้างความชอบธรรมให้ตนเองตลอดเวลา เพื่อขยายอำนาจอย่างไม่เป็นทางการ

การคุมโรงเรียนทั้งหลายก็คุมโดยการพยายามขอเอี่ยวกำหนดระเบียบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย การคุมมหาวิทยาลัยก็คุมโดยเริ่มจากเข้ามามีเอี่ยวด้วยการขอจัดอันดับมหาวิทยาลัยและจะเข้าไปแทรกในงานอื่นๆ หากกระแสสังคมไม่ต่อต้าน

2. เมื่อไรที่นายภาวิชและองค์กรเข้ามามีบทบาทสูงสุดทางการศึกษา ย่อมทำให้การหันเหนโยบายการศึกษาทำได้ตามใจชอบ การควบคุมด้านงบประมาณทางด้านการศึกษาทำได้เต็มที่ ที่อันตรายที่สุดคือมหาวิทยาลัยทั้งหลายจะกลายเป็นมือเป็นเท้าให้กับหน่วยงานที่นายภาวิชดูแลในอนาคต เพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่อำนาจทางการเมืองพยายามเข้ามาล้วงลูกในระบบการศึกษาไทยโดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยแต่ทำไม่สำเร็จ การสร้างหน่วยงานการศึกษาขึ้นมาครอบหน่วยงานการศึกษาทั้งหลายอีกชั้นหนึ่งก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันนี้

3. นายภาวิชกล่วว่าก่อนจะประกาศจัดอันดับ วิธีการที่นำมาใช้จัดอันดับนั้นผ่านการประชุมเป็นที่ยอมรับของทุกมหาวิทยาลัย ก็พูดเองเพราะจนป่านนี้ยังไม่มีคนไหนออกมายืนยันว่าใครยอมรับ เมื่อทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยจัดประชุมและลงมติไม่ยอมรับวิธีการที่นำมาใช้วัดเพราะไม่ถูกตามมาตรฐาน ยิ่งเป็นการย้ำว่าไอ้ที่นายภาวิชพูดมาก่อนหน้านี้โกหกทั้งนั้น

กล่าวโดยสรุป ทุกอย่างที่นายภาวิชทำมาตั้งแต่ได้รับการย้ายเข้ามารับตำแหน่งโดยผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองหนุนหลังดันส่งมาเรื่อย

เพียงเพื่อผลักดันหน่วยงานของตนเองขึ้นเป็นอำนาจสูงสุดทางด้านวงการศึกษาไทย โดยไม่คำนึงว่าผลงานจากความพยายามที่ผ่านมาสร้างความพินาศให้แก่วงการศึกษาไทยมาหลายครั้งแล้ว นับแต่การประกาศใช้แอดมิชชั่น คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยมั่ว การจัดอันดับมหาวิทยาลัยมั่ว คนที่ต้องรับกรรมคือเด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ต้องจบไปหางานทำ ชื่อเสียง มหาวิทยาลัยที่สะสมกันมาหลายสิบปี

จนป่านนี้นายภาวิชไม่เคยออกมาขอโทษสังคมเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากหลบหน้าหลบตาเวลาเรื่องราวร้ายแรงขึ้น พอกระแสสังคมจางลงก็ออกมาเสนอแนวคิดใหม่ๆ พอแนวคิดนั้นถูกแย้งก็ตอกกลับผู้แย้ง แต่พอทำๆไปเกิดเรื่องจริงก้ทำตัวหลบหน้าอีกครั้ง เป็นอย่างนี้มาหลายครั้ง ก่อปัญหาไม่สิ้นสุด ถ้าช่วยให้ระบบการศึกษาไทยให้ดีขึ้นไม่ได้ก็อย่าซ้ำเติมให้เลวลงไปเลย ทางที่ดีก็อยู่เฉยๆ หรือยุบหน่วยงานนี้ทิ้งไปเลย


Posted by : จาก manager.co.th , Date : 2006-09-05 , Time : 16:44:56 , From IP : 172.29.3.208

ความคิดเห็นที่ : 2


   
ไม่อยากว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ในฐานะที่เป็นอาจารย์คนหนึ่งในมหาวิทยาลยนี้เช่นกัน

อยากบอกว่า ไม่ว่าผลการประเมินจะออกมาเป็นอย่างไร
เราเท่านั้นที่รู้ตัวเองดี อยากให้การประเมินครั้งนี้ เป็นเสมือนกระจกอีกด้านหนึ่งที่สะท้อนมหาวิทยาลัยของเรา
หากเราทำตัวเป็นน้ำพร่องแก้วเสมอๆ เมื่อมีข้อแนะนำแล้วเรานำมาปรับและพัฒนา น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์กับตัวเราและมหาวิทยาลัยเรามากที่สุด

ทำตัวใหเป็นคนเปิดใจกว้าง มีสปิริต การประเมินออกมาม.อ.ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เอาน่าถือว่าเป็น "ตัวกระตุ้น" เพื่อให้เราทุกคนก้าวไปข้างหน้า และพัฒนาศักยภาพไปพร้อมๆกัน


Posted by : อาจารย์คนหนึ่ง , Date : 2006-09-05 , Time : 17:43:59 , From IP : 192.168.29.215

ความคิดเห็นที่ : 3


   ก็เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2นะ อยากให้ทั้งคณะฯ และมหาวิทยาลัยช่วยกันคิดและช่วยกันทำหน้าทีตามพันธกิจให้ดีที่สุด ระบบประเมินต่างๆ ไม่ว่า HA, TQA,.....
ทั้งหลายนั้น เราน่าจะเรียนรู้การเอามาใช้ แต่ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมของเรา เลือกวิธีการประเมินให้น้อยแบบที่สุด เนื่องจากการประเมินแต่ละแบบก็เน้นในการประเมินที่ต่างกันแต่ก็จะมีอีกหลายส่วนน่าจะคล้ายกัน ถ้าเป็นไปได้เราน่าจะทำแบบฉบับของเราที่ผสมผสานกันจะได้ลดความซ้ำซ้อน
ถ้าเราทำตัวเราได้ดี ทำไมเราต้องอยากและเสียเงินให้คนอื่นมารับรองเรา


Posted by : ร่วมคิด , Date : 2006-09-06 , Time : 09:36:35 , From IP : 172.29.3.62

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<