ความคิดเห็นทั้งหมด : 40

อยากให้ผูบริหาร มอ. ลองอ่านดู


   เอามาจาก Bord อื่นอีกแล้วครับ


มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างลูกค้าของบริษัทผลิตรถยนต์ Pontiac
กับแผนกบริการลูกค้าของบริษัท

จดหมายร้องเรียนของลูกค้าที่บริษัทได้รับ
"นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมเขียนจดหมายเข้ามาร้องเรียนถึงปัญหา
ผมไม่โทษคุณที่คุณไม่ได้ให้คำตอบกับผม เพราะผมเอง
ก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะงี่เง่า ...เรื่องมีอยู่ว่า ในครอบครัวของผม มีกติกากันอยู่ว่า ในแต่ละคืนเราจะออกไปหาไอศครีมกินกัน หลังอาหารค่ำ แต่ว่าแต่ละคืน
ชนิดของไอศครีมจะแตกต่างกันออกไป หลังทานอาหารค่ำ เราจะโหวตกันว่า
เราจะกินไอศครีมชนิดไหนกัน แล้วผมก็จะขับรถไปซื้อที่ร้าน

ปัญหาก็คือ หลังจากผมซื้อรถจากบริษัทคุณ ผมมีปัญหา อย่างมากในการขับรถไป ซื้อไอศครีม ทุกครั้งที่ผมขับรถไปซื้อไอศครีมวนิลา พอผมกลับมาที่รถ... รถจะ สตาร์ทไม่ติดเสมอ แต่ถ้าวันไหนผมซื้อไอศครีมชนิดอื่น รถก็สตาร์ทได้ดีไม่มี
ปัญหา มันอาจเป็นคำถามแปลกๆ นะ แต่ผมสงสัยว่า รถยนต์ของบริษัทคุณ มีปัญหา อะไรกับไอศครีมวนิลารึเปล่า"





Posted by : Dhan , Date : 2003-08-25 , Time : 23:51:39 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 1


   เอ้ทำไม Post ต่อไม่ได้




Posted by : Dhan , Date : 2003-08-26 , Time : 00:09:44 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 2


   ...........:D....:D....:D..........I like it!!.......:D...:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-08-26 , Time : 00:10:28 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 3


   ประธานบริษัทเมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อนัก
จึงส่งวิศวกรซึ่งมีชื่อเป็นที่ยอมรับในบริษัทไปตรวจสอบดู
หลังจากนัดแนะกับลูกค้าแล้ว วิศวกร (ขอเรียกว่า ช่างกันนะครับสั้นดี) ก็
ไปพบกับลูกค้า หลังอาหารเย็น และออกไปซื้อไอศครีมด้วยวนิลากัน ปรากฏว่ากลับ มาที่รถแล้วสตาร์ทไม่ติด ... ช่างจึงนัดกับลูกค้าอีก 3 คืนแรกซื้อไอศครีม
ช้อกโกแลต คืนที่สอง เป็น สตรอเบอรี่ คืนสุดท้ายเป็นวนิลา ...
ปรากฏว่ามีคืนสุดท้ายคืนเดียวที่รถสตาร์ทไม่ติด
แต่นายช่างก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่า รถยนต์คันนี้แพ้ไอศครีมวนิลา ....




Posted by : Dhan , Date : 2003-08-26 , Time : 00:11:28 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 4


   เขายังคงไปพบกับลูกค้าคนนั้น และจดบันทึกรายละเอียดทุกอย่าง เช่น
เวลาที่ไปซื้อ, ชนิดของแก๊สเชื้อเพลิง, เวลาที่ขับรถกลับ ฯลฯ เวลาผ่านไปไม่นาน
เขาก็ได้ข้อสังเกตว่า ลูกค้าคนนี้ใช้เวลาในการเดินไปซื้อไอศครีมวนิลลาน้อยกว่าไอศครีมชนิดอื่น เหตุผลคือ ร้านไอศครีมจัดไอศครีมวนิลาซึ่งเป็นรสที่นิยมที่สุด ไว้ทางด้านหน้า เพื่อให้หยิบได้สะดวก ส่วนรสอื่นเอาไว้ทางด้านหลังทำให้ใช้เวลาไปหยิบได้นานกว่า
... ถึงตรงจุดนี้ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ไอศครีมวนิลา แต่มันอยู่ที่ทำไม
รถถึงสตาร์ทไม่ติดเมื่อใช้เวลาไปซื้อน้อยกว่า ... เมื่อเวลาคือปัจจัย นาย
ช่างก็ถึงบางอ้อ
ปัญหาจริงๆ อยู่ที่ Vapour Lock****
ถ้าคืนไหนลูกค้าคนนั้นไปซื้อไอศครีมชนิดอื่นซึ่งใช้เวลามากกว่า
จะมีเวลาให้เครื่องยนต์เย็นลงจนสามารถสตาร์ทได้
แต่ถ้าคืนไหนซื้อไอศครีมวนิลาซึ่งใช้เวลาน้อย จะทำให้เครื่องยนต์เย็นลงไม่ทัน

ควรจำไว้ว่า: บางครั้งเรื่องที่ดูงี่เง่า บ้าๆบอๆ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ
อย่างมีสาเหตุ ... ทุกๆ
ปัญหาสามารถกลายเป็นเรื่องง่ายได้ด้วยการคิดอย่างสุขุมรอบคอบ ....
อย่าได้พูดว่า เป็นไปไม่ได้ (Impossible) โดยที่ยังไม่ได้พยายามอย่างจริงจัง
ถ้าคุณลองสังเกตคำว่า Impossible ดีๆ คุณจะมองเห็นคำว่า I'm possible เช่นกัน
... ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับทัศนคติของคุณเอง


---------------------------------------------------------------------
The End krub


Posted by : Dhan , Date : 2003-08-26 , Time : 00:13:00 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 5


   ประเด็นที่อยากชี้ให้ดู คงไม่ใช่ลูกค้ารายนี้ "เขียนจดหมาย" ร้องเรียน แต่อยากให้เห็นว่า เขา "ใส่ใจ" ในการดูแล การร้องเรียน อย่างไร


Posted by : Dhan , Date : 2003-08-26 , Time : 00:15:00 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 6


   ......Interesting!!.........:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-08-26 , Time : 00:25:44 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 7


   และขึ้นอยู่กับการที่ "ลูกค้า" ให้ความไว้วางใจในการที่บริษัทดำเนินการตรวจสอบเท่าที่เห็นควรด้วยรึเปล่าครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-26 , Time : 01:09:45 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 8


   แล้วขึ้นกับว่า บริษัท ตั้งใจตรวจสอบแค่ไหนด้วยครับ
ถ้าเป็นผู้จัดการบริษัท แถวนี้ แล้วได้รับเรื่องร้องเรียนอย่างที่ยกตัวอย่าง
คุณคิดหรือว่า บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบ
ฝันไปเถอะครับ ผมว่าความรับผิดชอบมันต่างกัน
ถือว่ากดได้ก็กดกันไป ไม่พอใจก็ลาออกสิ
แต่ขอโทษบริบัทใหญ่ๆเขาไม่คิดอย่างนั้น เขาแคร์ความรู้สึกของลูกค้า
ซึ่งหาไม่ได้จากที่นี่ สาบาน


Posted by : แหวะๆ , Date : 2003-08-26 , Time : 02:14:40 , From IP : 172.29.3.137

ความคิดเห็นที่ : 9


   แล้วขึ้นกับว่า บริษัท ตั้งใจตรวจสอบแค่ไหนด้วยครับ
ถ้าเป็นผู้จัดการบริษัท แถวนี้ แล้วได้รับเรื่องร้องเรียนอย่างที่ยกตัวอย่าง
คุณคิดหรือว่า บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบ
ฝันไปเถอะครับ ผมว่าความรับผิดชอบมันต่างกัน
ถือว่ากดได้ก็กดกันไป ไม่พอใจก็ลาออกสิ
แต่ขอโทษบริษัทใหญ่ๆเขาไม่คิดอย่างนั้น เขาแคร์ความรู้สึกของลูกค้า
ซึ่งหาไม่ได้จากที่นี่ สาบาน


Posted by : แหวะๆ , Date : 2003-08-26 , Time : 02:15:10 , From IP : 172.29.3.137

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมเห็นด้วยว่าที่นี่คงไม่มีการ Investigate คำร้องเรียนว่าผลการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบวันที่มีคนซื้อไอติมวานิลลากินมากเป็นพิเศษจะมี complications เพิ่มขึ้น อย่างที่บริษัท pontiac ทำ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-26 , Time : 02:28:14 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 11


   น่ารักมากค่ะ น่าสนใจดี

Posted by : ^_^ , Date : 2003-08-26 , Time : 13:28:19 , From IP : 172.29.2.155

ความคิดเห็นที่ : 12


   อ่านแล้วยังไม่สำนึกอีกนะครับคุณนก2หัว
เถียงเอามันส์เหรอครับ


Posted by : troll , Date : 2003-08-26 , Time : 22:49:40 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 13


    อืม....ถ้าเปรียบเทียบ ลูำกค้ากับแพทย์ใช้ทุนศัลยกรรม บริษัทกับผู้บริหารโรงพยาบาล และรถยนต์กับ ward....... แล้วมี response ได้ ก็น่าจะดีนะ

Posted by : 178 , Date : 2003-08-26 , Time : 22:54:14 , From IP : 172.29.3.105

ความคิดเห็นที่ : 14


   แสดงว่า อันไหนที่ผู้บริหารคิดว่าเป็นปัญหา ถึงจะแก้ไขใช่ไหม
ทั้งๆที่มีคนที่เดือดร้อนมาร้องเรียน
แล้วอยากทราบว่า criteria คือแค่ไหนถึงคิดว่าเป็นหรือไม่เป็นปัญหา
แล้วถ้าร้องเรียนบ่อยๆแล้วไม่มี response ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งสื่ออื่น เนอะ


Posted by : อิอิ , Date : 2003-08-27 , Time : 00:19:49 , From IP : 172.29.3.137

ความคิดเห็นที่ : 15


   ขออภัยที่ไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจน

ผมว่าเรา "หลงประเด็น" ไปอีกแล้วนะครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ผู้บริหารจะตอบอะไร แต่ผมคิดว่าที่เราอภิปรายกันยาวเหยียดนั่นอยู่ที่ "วิธี" การส่งข้อมูลไปให้ผู้บริหารต่างหาก เพราะที่สุดแล้วก็เป็นหน้าที่ผู้บริหารอยู่ดีในการกำหนดการแก้ไข

เราพูดกันถึงว่า "วิธีไหน" ที่จะเป็นวิธีดีที่สุดในการก่อให้เกอดการแก้ไข ถ้าผมจะขอยืมโจทย์ตัวอย่างจากคุณ Dhan มาใช้ เราก็จะเห็นว่าบริษัท Pontiac จะไม่สามารถวางแผนการแก้ไขได้เลย หากลูกค้าไม่ได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าบริษัท "จะต้อง" สืบสวนก่อนครับ เพื่อจะหาสาเหตุ และจากการที่ลูกค้ามี identification ทราบว่าเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นที่ไหน ข้อมูลเหล่านี้บริษัทนำมาใช้ และที่สุดแล้วก็แก้ไขได้อย่างถูกต้อง Happy Ending

ตรงกันข้ามหากลูกค้าใน scenario ใช้วิธีนินทาตามกระดานข่าว ไม่มี identity ไม่สามารถจะสืบค้นเหตุการณ์ ไม่มีทางรู้ว่าร้านไอติมไหน จัดวางไอศครีมรสอะไรอย่างไรตรงไหน เรื่องนี้ก็จะไม่จบอย่าง Happy Ending เราก้คงจะไม่ blame บริษัท Pontiac ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง แก้ไขปัญหาไม่ได้ คงต้อง blame ลูกค้าที่ไม่ช่วยอำนวยความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหามากกว่ารึเปล่า?

OK กลับมาที่ประเด็นเดิม การมีของที่ต้องการมากน้อยแค่ไหนสืบค้นได้จริง แต่พอลงมาถึง performance ในแต่ละเหตุการณ์ที่ complaint ว่ามีคนไร้ความสามารุนั้น ถ้าเราไม่ทราบผู้ร่วมเหตุการณ์ ไม่ได้มีการบันทึก Incident report ก็ไม่มีใครสืบได้หรอกครับว่าทำไม อะไร ใคร และอย่างไร ห้องมันแคบเพราะมันแคบอยู่แล้ว หรือญาติไม่ออกเพราะพยาบาลไมได้บอกหรือบอกแล้วไม่ไป ที่พยาบาล so excited นั้น เป็นเพราะคุณหมอพูดจาอ่อนหวานเกินไป หรือว่าสำรากใส่ หรือว่าพยาบาลเป็นโรคลมบ้าหมูอยู่แล้ว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทราบสาเหตุได้ก็ต่อเมื่อมีการ "สอบสวน" เท่านั้น ผมได้เรียนถามไปสองครั้งแล้วว่ามีแพทย์เขียน Incident report ไปแล้วกี่ครั้ง แต่ถูกทำร้ายหรือเจ็บตัวไปอย่างไร แต่ยังไม่ได้ข้อมูลกลับนะครับ แต่เมื่อเปรีบยเทียบกับโจทย์ของคุณ Dhan ในกระทู้นี้ เราคงจะเห็นด้วยรึเปล่าว่า หากบริษท Pontiac ได้แต่บัตรสนเท่ห์ร้องเรียนเรื่อง icecream vanilla เป้นสาเหตุนั้น จะ IMPOSSIBLE ที่บริษัทที่เราชื่นชมกันอยู่นี้แก้ไขปัญหาได้แน่ๆ แต่ที่เขาแก้ได้ เพราะเขามีข้อมลที่ต้องการครบ สามารถตรวจสอบ และสอบสวนได้นั่นเอง



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-27 , Time : 17:29:56 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 16


   ........ผมคิดว่านะครับ....ว่าเรา"ไม่ได้หลงประเด็น"หรอกครับ.....เพราะพี่ Dhan ที่เขียนข้อมูลเรื่องนี้มา.....อยากให้เราสนใจ"การติดตาม"และ"ใส่ใจ"ในสิ่งที่ร้องเรียนต่างหาก......เพียงแต่ว่าคุณ Phoenix นำมาโยงเพื่อพูดให้เกี่ยวกับเรื่องจากกระทู้ก่อนหน้าเท่านั้นเองครับ....:D.....ผมเข้าใจว่างั้นนะครับ...(หรือเข้าใจผิดอีกหว่า?).....:D

......."วิธี"นั้นอาจจะสำคัญนะครับว่าจะใช้วิธีไหน....เพียงแต่ว่าถ้าร้องเรียนไปแล้วหลายๆหน.....แต่ไม่ได้อะไรขึ้นมา(อย่างทีคุณ Phoenix เคยเห็น...จริงไหมครับ)....แล้วใครจะยังสนใจ"วิธี"ตามแบบที่คุณ Phoenix คิดว่า"น่าจะ"ใช้อีกหละครับ............:D...:D

.........ผมจะขออนุญาติตอบคำถามที่คุณ Phoenix สนใจอยากจะทราบนะครับ....(ผมเชื่ออยู่นิดๆว่าคุณ Phoenix น่าจะตรวจสอบข้อมูลตรงนี้มาแล้ว).....ตัวผมเอง"ไม่เคย"ร้องเรียนอะไรด้วยการเขียนรายงานเลยครับ...........:D...:D......อ่านถึงตรงนี้คุณ Phoenix อาจจะดีใจก็ได้....:D.....แต่ยังก่อน......:D....คุณอาจจะถามผมกลับได้ว่า....."อ้าว....ถ้าผมไม่เคยร้องเรียนแล้วผมจะรู้ได้ไงว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล?"..........ผม"เชื่อ"ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกครับ.....เพราะ ER เป็นตัวอย่างของการร้องเรียนและการเจ็บตัวที่ดีที่พวกผมได้รับกันมาอย่างต่อเนื่อง......ตั้งแต่...

- หลอกลวงให้ไปตรวจแล้วว่าจะมีการประเมิน.....แต่ก็ไม่มี
- แรกๆก็ให้ไปเสริมแพทย์ปกติที่ทำงานที่ ER.....ต่อมาก็ลดแพทย์ปกติลง....เพื่อบังคับกลายๆให้ทำงานมากขึ้น........แล้วก็อ้างว่าคนไม่พอ.....จริงอะ?
- เคยตกลงแล้วว่าให้ตรวจเฉพาะศัลย์......ต่อมาก็เปลี่ยนให้ตรวจหมด....อ้างว่าที่เข้าใจมา 2 ปีเป็นเรื่องเข้าใจผิด?........ว้าววว
- พอร้องเรียนให้แก้ไข....เรื่องก็เงียบหายไปเป็นช่วงๆ....พอมีปัญหาที่นึงก็เรียกประชุมที.....ฟังแล้วก็หายเหมือนเคย...........เฮ้ออออ.....

...นั่นแค่ตัวอย่าง....รายละเอียดนี้มากกว่าจะเอามานั่งเขียนในนี้....บางส่วนคุณ Phoenix ก็ได้เห็นกับตาและได้ยินกับหูแล้ว....หรือจะว่าผมโกหก?....ไม่น่า...:D

......ถึงตรงนี้คุณอาจจะบอกผมอีกว่า.....มันคนละเรื่องกัน....ไม่เกี่ยวกัน...ก็อาจจะจริง....แต่ผู้ร้องเรียนเป็นชุดเดิม....และผู้รับฟังเป็นชุดเดิม....มันฟังดูแปลกๆนะว่าครั้งนี้จะดีกว่าครั้งก่อน.....หรือเพราะว่าผ่านกระดานข่าวมาก่อน?

.....ผมขออนุญาตเปรียบเทียบนิดนึง....เหมือนคุณ Phoenix นำทหาร 100 คนออกรบ....รบกับกองกำลัง A เหมือนเดินทุกครั้ง.....แต่แพ้ซะ 2-3 ครั้ง.....พอจะไปรบครั้งที่ 4.....ผมว่าทหหารใต้บังคับบัญชาของคุณ Phoenix อาจจะเริ่มไม่มั้นใจแล้ว.....น่าจะแพ้อีกแหงๆ....แต่คุณก็บอกว่านี่มันคนละครั้งกัน...แต่มันแพ้มา 2-3 ครั้งให้เห็นทนโท่แล้ว.....แล้วใครจะมีกำลังใจรบหละ?.......เหมือนที่ผมเคยถามคุณ Phoenix แล้วคุณไม่ได้ตอบผมหละ....."ว่าคุณมีอะไรที่จะทำให้พวกผมมั่นใจในการร้องเรียนหรือยังศรัทธาในระบบและความยุติธรรมของโรงพยาบาลอีกไหมหละครับ?"...............:D...:D

.........แปลกดีที่คุณ Phoenix ถามผมว่าเคยมีตัวอย่างของการร้องเรียนและเจ็บตัวให้ดูไหม?........คล้ายๆกับตอนที่คุณ Phoenix ถามผมว่าเคยมี Report คนใข้ที่เกิดปัญหาเพราะไม่มี Collar บ้างหรือเปล่าเผื่อผู้บริหารจะสนใจ?........ที่ผมตอบว่า คงจะรอให้เกิดปัญหาไม่ได้เพราะคนใข้ที่ซวยคนแรก....จะต้องเป็นคนพิการตลอดชีวิต.....มันไม่คุ้มกันเลย...........ก็จริงที่ว่าเรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกัน....แต่...ในเมื่อมันมีตัวอย่างแล้วว่า.....สิ่งที่ผ่านมาแล้วเป็นไง......แถมการเจ็บตัวที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าร้องเรียนครั้งนี้....อาจจะทำให้ Hero ผู้ร้องเรียนของเราโดนไล่ออกและกลายเป็นอนุสาวรีย์ในห้องพักแพทย์ให้รุ่นน้องดูเป็นตัวอย่าง....แล้วใครจะอนากเป็น Hero หละ.....เหมือนกับทหารของคุณ Phoenix ที่พาออกไปรบ....ใครจะอยากไปรบกับ....ถ้ารบแพ้มันซะทุกครั้งเนี่ย?.......ความหมายของผมคือว่า......เราจะมั่นใจในการร้องเรียนได้ไง....เมื่อมันมีตัวอย่างให้เห็นอยู่.....ถึงมันจะคนละเรื่องก็เถอะ....:D....:D

...........รบกวนอ่านช้าๆนิดนึงนะครับ....อาจจะสับสนกับ(....)ของผมที่ชอบเขียน...........ขอบคุณครับคุณ Phoenix....:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-08-27 , Time : 19:51:16 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 17


   บ้าบอ โรคจิต เกี่ยวอะไร

Posted by : สมิท , Date : 2003-08-27 , Time : 20:38:31 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 18


   "การสนใจ และใส่ใจ" ที่คุณอยากได้นั้น จะทำได้ต่อเมื่อเหตุการณ์ล่าสุดนั้น "ถูกสอบสวน" เท่านั้น

เรื่องที่คุณ Dhan ยกมานั้นดีมากเลย จะขออนุญาตใช้ต่อ เพราะทุกๆคนดูจะดีอกดีใจกับตัวอย่างอันนี้

"การแก้ไขปัญหา" นั้น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบปัญหาโดยละเอียด เพราะบางครั้งภาพที่คนมองเผินๆแล้วนำมาเชื่อมกันนั้น อาจจะมี "Confounder" หรือสาเหตุแท้จริงฝังอยู่ระหว่างกลางได้ เหมือนเรื่องไอศครีมวานิลลาข้างบนที่เป็นมุมมองของ "ลูกค้า" นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัท Pontiac จะไม่ผลุนผลันไปทดสอบวานิลลา หรือสั่งแบนการใช้ไอศครีมวานิลลาเมื่อใช้รถ Pontiac ทันทีทันใดตามใจลูกค้า ขั้นตอนการสอบสวนนั้น ถ้าใช้หลักการเวลาคุณ Death ซักประวัติผู้ป่วย ก็จะต้องเริ่มจาก ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ในบริบทใด จึงจะสามารถให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง

ฉันใดก็ฉันนั้นแล ข้อมูลที่คุณ Death และผองเพื่อนมีอยู่นั้นเป็น valuable data ที่สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบและสอบสวนได้ เหนือไปกว่านั้นก็คือ เป็นทางเดียวที่เราจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไร แต่การสอบสวนนั้นจะไสมารถเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างบริษัท Pontiac ทำเลย ถ้าหากคุณ Death และผองเพื่อนสงวนสิทธิ์ในการ volunteer มาชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวน คดีก็ไม่มี ศาลไม่ต้องตั้ง เรื่องราวก็ยากต่อการจะแก้ไข เหตุการณมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับวานิลลาไอศครีมอย่างที่ผู้บริหารและทีมวิศวกรผู้ตรวจสอบได้ค้นพบ แต่ก็ต้องเป็นหลังจากที่ความกระจ่างในเรื่องนี้ทุกแง่ทุกมุมได้ถูกนำมาตรวจสอบ ขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปก็ไม่ได้ ยกตัวอย่างถ้าบอกว่าเป็นแค่ไอศครีม "บางชนิด" เฉยๆ การ investigate ก็จะล้มเหลว บอกแคชอคโกแลตหรือสตรอเบอรี่ก็เหลวเหมือนกัน ต้อง "อื่นๆ" และ "วานิลลา" เท่านั้น แค่นั้นยังไม่พอจะต้อง specific ร้านด้วย ไปทดสอบร้านไหนก้ได้ ก็จะไม่สามารถค้นพบสาเหตุ แค่นั้นยังไม่พอจะต้องมาจากบ้านลูกค้าคนนี้ด้วย จากที่ไหนก็ได้ก็จะไม่ได้ข้อสรุป แค่นั้นยังไม่พอจะต้องทดสอบในฤดูกาลเดียวกันด้วย ถ้สดันไปตรวจฤดูหนาว เครื่องมันก็จะเย็นเร็วกว่าหลายเท่า (หรืออาจได้ผลตรงกันข้าม คือซื้อไอศครีมชอคโกแลตแล้วสตาร์ทไม่ติดเพราะหิมะท่วมแทน)

แต่เพราะว่า "ข้อมูลทั้งหมด" บริษัท Pontiac และทีมวิศวกรได้นั้น "ครบถ้วน และ accurate" ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าจะต้องมาจาก fully co-operated จาก "ลูกค้า" ที่จะให้การเหตุการณ์ทั้งหมด เรื่องนี้จึงจะสามารถจบอย่าง happy ending ได้

ลองคิดดูถ้าลูกค้า "ไม่เชื่อ" ว่าบริษัทจะทำตามอะไรจะเกิดขึ้น? จะมีโอกาสแม้แต่ remotely รึเปล่าที่จะพบว่าอะไรคือสาเหตุที่ต้องแก้ไข?

จริงอย่างที่คุณ Death ว่า เพราะเรื่อง ER กับเรื่องนี้เป็นคนละบริบทกัน และเราไม่สามารถจะ generalise ได้ การ generalise หรือ stereotyping นั้น ไม่เคย WORK ครับ มีแค่ sensationalise หรือแค่ dramatise เรื่องให้สะใจคนเขียนเท่านั้น และผูอ่านอาจจะเกิดสงสัยมาได้ง่ายๆว่าจากสำนวนทั้งหลายที่ลงมานั้น ท่านทั้งหลายต้องการการ Improve of care หรือว่ามีอะไรส่วนตัวกับคนที่กำลังพูดถึงกันแน่?

ขอเรียนถามคุณ Death และผองเพื่อนง่ายๆอีกอย่างหนึ่ง คุณคิดว่าเป็นสิ่งยุติธรรมที่ควรจะเกิดกับใครหรือไม่ที่จะถูกประจานในที่สาธารณะ โดนสอบสวนหรือไม่ก็ตาม? และสาเหตุหลักก็ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับกลุ่มคนที่คุณกำลัง attack อีกต่างหาก แต่เกิดเนื่องจากคุณ "ไม่เชื่อ" ในผู้บริหาร คุณได้เบี่ยงเบนความไม่พอใจผู้บริหาร มาหาผู้อื่นและใช้เครื่องมือที่คุณรู้ดีว่าเป็นดาบสองคมโดยลับแล้วอย่างดีเพื่อให้เกิด effect สูงสุด คารมดีๆทั้งนั้นครับ ขอชม แต่ว่า "อะไรกันแน่" ที่เป็น motivation และ results ที่ต้องการ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-27 , Time : 21:41:19 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 19


   อ้าว ให้แพทย์ใช้ทุนศัลย์ ตรวจเฉพาะผู้ป่วยศัลยกรรมเหรอ
อย่างนี้แพทย์ใช้ทุนอายุรกรรม ก็ขอตรวจเฉพาะผู้ป่วยอายุรกรรมอย่างเดียวนะ
( ความหมายของคำว่าผู้ป่วยศัลยกรรมนั้น ผมคิดว่าควรจะเป็นพวกอุบัติเหตุค่อนข้างหนัก โรคทางช่องท้องที่คิดว่ารุนแรง จำพวกโดนมีดบาดขา มาเย็บแผล 3 เข็ม ให้นักศึกษาแพทย์ปี 6 ทำก็พอ
ส่วนผู้ป่วยอายุรกรรม ผมคิดว่าควรเป็นผู้ป่วยที่มาด้วยโรคที่รุนแรง หรือ ต้องการการวินิจฉัยที่ยาก ไอ้พวกผู้ป่วยเป็นหวัด ปวดกระเพาะอาหารมา 3 สัปดาห์
ปัสสาวะแสบขัด ผมขอให้เป็นผู้ป่วยของแพทย์ทั่วไปได้ไหมครับ )


Posted by : นกอีแร้ง , Date : 2003-08-27 , Time : 21:52:06 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 20


   ขอโทษนะครับ เรื่อง ER ที่กำลังจะลามลงไปนี่ ผมคิดว่าจะได้ไม่เท่าเสียหรอกครับ ลองมีการพูดถึงเลือก case แล้ว ไม่ดีแน่นอน คุณ DeaTH และคุณนกอีแร้งอาจจะยังไม่ได้คิดไปไกล แต่เรื่องนี้จะไม่ได้ Involve เฉพาะบุคคล แต่กับวิชาชีพของส่วนรวม อันนี้นี่แหละอาจจะมีคนเจ็บตัวแน่ และจำนวนมากกว่าที่คิดไว้เยอะด้วย



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-27 , Time : 22:05:11 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 21


   อ้าว ตอนนี้ก็มีคนมาตรวจแบบเลือก case อยู่แล้วไม่ใช่หรือ
แล้วใครจะเจ็บตัวละ


Posted by : นกอีแร้ง , Date : 2003-08-27 , Time : 23:13:32 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 22


   เอาเป็นว่า "แพทย์" นั้นส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ concept ของการเลือกตรวจเฉพาะบาง case ดีไหมครับ เราอยู่บนกระดานข่าวสาธารณะนะครับ เรื่องบางเรื่องพูดสั้นๆแต่มีเบื้องหลังความเป็นมาเยอะไม่ได้อธิบาย อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อวงการวิชาชีพส่วนรวม



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-27 , Time : 23:17:29 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 23


   ..........อืออออออ.......ผมตอบได้นะครับว่ามันไม่ Fair หรอก.....และผมก็คิดว่าสิ่งที่เกิดกับพวกผมไม่ Fair เหมือนกัน......บางคนบอกผมว่า....ช่วยไม่ได้ที่เรายอมเอง....เราไม่โวยวายตั้งแต่แรกเอง....เลยเป็นแบบนี้....เอางี้ดีกว่า.....ผมขอถามคุณ Phoenix สักนิด(อีกแล้ว)......ถ้าตอบไม่ได้ข้อไหนไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ....:D...:D
1. เรื่อง ER นี่ผมทำไงดีครับ?
2. คุณเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ประชุมที่ ER กับพวกผมแล้วใช่ไหมครับ?
3. มีอะไรบ้างที่จะทำให้ผมกลับมาเชื่อใจระบบได้บ้าง?
4. ถ้าคุณเป็นพวกผมกรณีของ ER คุณจะทำไงดีครับ?
5. เท่าที่คุณได้ยินเรื่องราวมา....คุณคิดว่าพวกผมถูกหลอกหรือไม่?
6. ผมควรจะตั้งกระทู้เรื่อง ER ขึ้นมาใหม่....แล้วไปคุยกันในนั้นดีไหมครับ?

.........เอาเท่านี้ก่อนหละกัน...ผมยังนึกอะไรไม่ค่อยออก...ถ้าลำบากใจที่จะตอบบางข้อ....ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ...เพราะผมเองยังลำบากใจที่จะถามบางข้อเลย.....อธิบายอีกครั้งนะครับ..."ผมไม่ได้เบี่ยงเบนประเด็นมาหาเรื่องผู้อื่น".....แต่ผมบอกแล้วว่า...."เรื่องจาก ER เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่เชื่อใจผู้บริหาร"........นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่คิดจะเขียนรายงาน!!!......ไม่ใช่เหตุผลที่ผมเอามาหาเรื่องคนอื่น!!!.....กรุณาเข้าใจซะทีเถอะ....ผมเขียนมาตั้งหลายครั้งแล้ว....ฉบ8 มีปัญหา....และ ER ต่างก็มีปัญหา.....ผมไม่ได้ไม่พอใจ ER แล้วออกมาหาเรื่องที่อื่นเพื่อหาเรื่องผู้บริหาร..........เฮ้อออออออออ.........เข้าใจสักนิดเถอะครับ.......:D

ผมเขียนเรื่อง ฉบ8 เฉพาะ CPR ที่ผมยอมรับเหตุการณ์ไม่ได้.....เพราะมันต้องแก้ไข....และมันจะได้ประโยชน์กับผู้อื่น.....เพราะ Complication ของกรณีเหล่านี้มีแต่ Mortality.............ไอ้ Collar นั่นก็เหมือนกัน.....ถ้าไม่มีคนที่ซวยก็เป็นอัมพาตเนี่ย!!!!.........ผมไม่ได้มาโวยวายอะไรงี่เง่านะครับ.....เรื่องเวร ER นั่นผมอุตสาหไม่พูดแล้ว.....แค่เอามายกตัวอย่างให้ฟัง.....เห็นไหมหละครับ.....ไม่ทันไรก็มีคนจะเอาเรื่องเวร ER มาพูดอีกแล้ว....ผมไม่ค่อยอยากเปิดประเด็นเรื่องนี้....แต่ดูท่าถ้าตั้งขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่อีก....เบื่อ.....เข้าใจไหมครับว่าเบื่อ....

...กรุณาเถอะครับ....คำถามที่ผมถามเพราะผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน......ไม่อยากจะพูด...แต่ผมอยากให้มีคนเข้าใจพวกผมบ้าง....แต่คนที่มองมักมองว่าพวกผมเอามารวมกัน...เพื่อหาเรื่อง...เมื่อไหรคุณจะอ่านแล้วเข้าใจสักทีเนี่ย?......มีคนถามผมว่าทำไมไม่โทรไปหาคุณแล้วคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย......ดีกว่ามานั่งเขียนแล้วเข้าใจไปคนละอย่างอยู่เนี่ย?????..........เฮ้อออออออออออออออ

.......เอาหละ....ถือว่าผมเป็นทหารของคุณ....คุณจะบอกผมยังไงให้ผมยอมออกไปรบครั้งที่ 4 หละ.......ในเมื่อมันแพ้มาตลอด?????



Posted by : Death , Date : 2003-08-27 , Time : 23:39:02 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 24


   เรื่อง ER ผมไม่ได้อยู่ตอน information ถูก transferred ผมไม่อาจจะสามารถตัดสินได้ว่าเป็นการหลอกลวงหรือเป็นการเข้าใจผิด นี่สำหรับคำถามข้อที่ 2 และ 5

สำหรับเรื่องทำอย่างไรกับ ER นั้น อาจจะต้องเริ่มจากมีความเป้นไปได้ขนาดไหนที่มีแพทย์เวร (ซึ่งผู้ป่วยไม่ทราบว่าท่านเป็น specialist) นั่งอยู่ที่ ER แล้ว ท่านไม่ตรวจเพราะว่าไม่ใช่ case ของท่าน ลองถอยออกมาสามก้าวแล้วมองกลับลงมาดูภาพรวม ฉะนั้น scenario ที่ว่าใครจะลงมาเลือกตรวจเฉพาะ case ที่ verified ว่าถูกต้องตาม spec นั้น เป็น concept ที่ถูก "ส่งหรือรับ" ผิดพลาดแน่นอน ฉะนั้นแพทย์เวรที่ ER จะถูกผู้ป่วยคาดหวังว่าท่านจะไปตรวจลูกเขาหรือตัวเขาหรือภรรยาเขาที่กำลังดิ้นอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ผมมอบให้เป็น free will ของแพทย์เวร ER ว่าท่านสมควรจะทำอย่างไรต่อ ก็เป็นข้อเสนอสำหรับข้อหนึ่ง

ส่วนอะไรจะทำให้เชื่อระบบได้นั้น แต่ละคนคงจะต้องขึ้นกับหลายประการครับ อาทิเช่น
เราคิดว่าตัวเรามีบทบาทต่อสังคมแค่ไหน
เราคิดว่าพฤติกรรมที่เราทำกันเป็นเรื่องปกตินั้น ไม่ว่าดี ไม่ดี อยู่ไม่อยู่ ในระบบนั้นจะมีผลต่อสังคมในขณะนี้และลูกหลานของเราในอนาคตหรือไม่ อย่างไร
Alternative ที่เรากำลังจะหันไปหา เช่น anarchy (literally = anti-system) นั้นดีกว่าหรือเลวกว่าระบบ อย่างไร
สิทธิของผู้อื่นนั้นสำคัญแค่ไหน การที่สิทธิของเราถูกคนไม่ดีล่วงละเมิดนั้น แปลว่าเราควรจะล่วงละเมิดคนอื่นๆต่อไปหรือไม่ ทำอย่างนั้นเราก็ไม่ต่างจากคนที่เกลียดหรือไม่ชอบ แล้วเมื่อไร vicious cycle มันจะหมดไป?
นั่นสำหรับข้อ 3

ส่วนถ้าผมเป็นคุณ.....อืม...ตอบลำบากจริงๆ แต่ถ้าคุณเป็นผมล่ะก็ เรื่องนี้จบไปนานแล้วครับ life goes on เรียนรู้ว่าสังคมเป็นยังไง มีศรัทธาและยึดมั่นกับสิ่งที่ถูก ไม่เบี่ยงเบนความเชื่อในความถูกต้องเพราะคนอื่นไม่กระทำ หรือไม่ popular ฉะนั้นคำตอบนี้คงจะไม่ได้ตอบว่าถ้าผมเป็นคุณจะทำยังไง แต่ถ้าคุณเป็นผมเรื่องราวจะเป็นยังไงแทน ผมจะเขียน Incident report เรื่อง ฉบ.8 ผมจะสงสัยว่ามันเป็นไปได้หรือที่ผ้บริหารจะให้หมอเวร ER เลือกผู้ป่วยตรวจเฉพาะบางราย เพระผมรู้สึกว่ามันทะแม่งมากๆและคงจะขอ clear ตั้งแต่หลักการตอนนู้น เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะเปลี่ยนแปลงไป (เหมือน Age of Apocalypse ในการ์ตูน X-Men)

ผมเสียใจที่คุณ Death ยังไม่เห็นว่าที่ผมเขียนไปมันเกี่ยวกับ ฉบ.8 อย่างไร ผมเข้าใจว่าคุณมีข้อมูลว่าการรักษาพยาบาลผู้ป่วยยังไม่ดีในหอผู้ป่วยดังกล่าว แต่วิธีนำเสนอมันมีผลร้ายมากกว่าผลดี (เผลอๆผลดีไม่มีเลย) ผมเสียใจที่เห็นคุณตอบว่า อืออออออ.......ผมตอบได้นะครับว่ามันไม่ Fair หรอก.....และผมก็คิดว่าสิ่งที่เกิดกับพวกผมไม่ Fair เหมือนกัน. เพราะแปลว่าต่อไปนี้ คุณสามารถจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่แฟร์กับใครก็ได้ เพราะคุณถูกทำไม่แฟร์มาก่อน เหตุการณที่ไม่แฟร์ครั้งหนึงต่อตัวคุณ Death นั้น ไม่น่าจะ justify ที่เราจสามารถประจานผู้อื่นโดยไม่ได้ผ่านการสอบสวน มันมีวิธีที่ดีกว่านั้น คุณ Death พูดถึงการเจ็บตัว การถูกไล่ออก จากการเขียน Incident report มาหลายครั้งครา ลองคิดดูนะครับว่าคุณจะโดนข้อหาอะไรได้ในการเขียน incident report เพื่อให้มีการปรับปรุงการรักษา? ถ้าโดนซิ คราวนี้ได้มีเรื่องถึงศาลปกครองได้ง่ายๆ แต่การกล่าวห่ในที่สาธารณะโดยไม่มีหลักฐานหรือการสอบสวนก่อนต่างหากที่หมิ่นเหม่ต่อคดีหมิ่นประมาท หรืออะไรที่รุนแรงกว่า ฉะนั้นนั่นคือประเด็นทั้งหมดที่เรา (หรือผม) ตั้งใจจะพูดตลอดมา เจตนา น่ะ OK ก็จริง แต่มันต้องไปกับ "วิธี" ด้วย




Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-28 , Time : 00:12:04 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 25


   ..............เอา.....เอาเข้าไป...........เฮ้ออออออออออออออ.......เอาหละ.....ยังไงก็ขอบคุณครับที่ตอบคำถามของผม......ผมไม่คิดหรอกครับที่ว่าผมถูกทำไม่ Fair แล้วผมจะใช้สิทธินั้นในการไปด่าคนอื่น.....ผมมีทางออกของเรื่อง ER อยู่แล้วครับ.....เป็นทางออกที่ไม่เข้าท่าเท่าไรนัก.....แต่คำแนะนำของคุณก็ดูน่าสนใจ.......ผมคงต้องทำใจมากขึ้น......อย่างที่ผมเคยบอกไว้หละครับ......ต่อไปนี้อย่ามาคาดหวังหรือสั่งอะไรผมอีกเลย.....แค่นี้ผมก็เจ็บพอแล้ว.....ดูเป็นคนไม่ดีนะ....สนใจแต่ตัวเอง....แต่มันเจ็บใจจริงๆสิ..........เฮ้อออออออออออ........เรื่องศาลปกครองนั่น......เคยมีคนพูดให้ผมได้ยินมาหลายครั้งแล้วครับ.....แต่ผมคิดว่าผมยังไม่"เข้าตาจน"ขนาดนั้น......แต่วิธีรบแบบกองโจรที่รักนี่.....มันอาจจะทำให้ชนะก็ได้......เฮ้ออออออออ....แต่มันไม่ภูมิใจเอาซะเลย..........สรุปคือผมยังไม่ไว้ใจระบบที่นี่อยู่ดี.....ผมคงไม่เขียนรายงานค่อนข้างแน่.....ตราบใดที่ผู้บริหารคิดว่าผมเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆไร้ค่าในระบบ.....ผมก็ไม่รู้จะเอาตัวเองไปงัดทำไมให้ตายเปล่า......เอาหละ....แต่ว่าถ้ามันจำเป็นและแย่นัก...ผมก็มี"วิธี"ของผม.....ถึงมันจะดูไม่เข้าท่า.....แต่ถ้ามันได้ผลเหมือนกัน....ถ้าจำเป็นผมคง"ต้องทำ"หละ....อย่างที่บอก...ผมไม่ค่อยเลือก"วิธี"เท่าไรนักในการให้บรรลุวัตุประสงค์..............เฮ้ออออออออออ..........หวังว่าคงเข้าใจนะครับ............ไม่งั้นผมคงต้องโทรไปหาคุณจริงๆแน่เลย..........:D...:D

*...."วิธี"ของคุณนี่ดี.....แต่จะนำเสนอในกลุ่มคนที่ไม่มีศรัธทานี่.....ยากครับ.....อย่างที่บอก.....คุณจะแนะนำให้พวกผมออกรบพร้อมกับคุณได้ไง.....ไอ้ไม่เห็นทางชนะนี่ไม่เท่าไร....แต่ไอ้แพ้ประจำนี่สิ..........เฮ้ออออออออออ.......*



Posted by : Death , Date : 2003-08-28 , Time : 00:53:45 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 26


   วิธีของกองโจรที่ชนะนั้นเป็นเพราะ "ชาวบ้าน" ต้องช่วยน่ะครับ การการตีชาวบ้านไปก่อนนั้นคงจะหาคนช่วยลำบาก ยุทธศาสตร์กองโจรทุกที่ที่ work นั้นเป็นเพราะชาวบ้านเขาได้รับความช่วยเหลือ หรือ identify ตัวเขาเองว่า suffer จากกองทัพ รับรองได้ว่าถ้าคุณ Death ตี periphery ไปเรื่อยๆนั้นจะเป็นวิธีที่ effective ที่สุดในการ isolate ตัวเอง อย่าลืมว่าหมอ พยาบาลนั้นยังไงๆก็ทำงานด้วยกัน มีวิธีอีกมากมายที่เราสามารถทำให้ผู้ร่วมงานปรับปรุงตัวนอกเหนือจากการวางข่าวประจานบนกระดานสาธารณะ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราและคิดดูว่าถ้ามีคนมา attack ตูมพชท.ศัลย์ อะไรจะเป็นปฏิกิริยาของเรา?

ถ้าจะให้ sensationalise อีกซักนิดลองเอาคนที่เรารักเป็นห่วงจับไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นๆดูบ้าง ตัวผมเองคงไม่ happy แน่ๆถ้าคุณแม่ผม ภรรยาผม หรือลูกผม โดนใครมาประจานในที่สาธารณะโดยไม่มี "การสอบสวน" มาก่อน หรือถึงแม้มีการสอบสวนและว่าผิดในประเทศที่เจริญแล้วนั้นก็จะไม่มีกระบวนการ name and shame อยู่ดี มัน toxic ต่อคนถูกประจาน มัน toxic ต่อญาติ คนรู้จัก เพื่อนฝูง มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะทำอย่างนั้นเลย และข้อสำคัญมันไม่ได้เพิ่ม credibility ของผู้ทำการประจานนั้นแม้แต่นิดเดียว มันทำให้เกิดความร้สึกนี่ไม่ใช่เรื่องรายงานตามระบบ (ก็ไม่ใช่ระบบน่ะซิ) แต่มันอาจจะเป็นเรื่องอื่น การ comment ว่า "คุณควรจะปรับปรุงตัวนะ" กับ "ไอ้ห่า โง่ฉิบหาย ทำงานมานานกี่ปีแล้ววะ" จะให้ความรู้สึกในการอยากปรับปรุงต่างกันพอสมควร แม้แต่พูดเป็นการส่วนตัวก็ตาม ไม่ต้องพูดประจาน

เงื่อนไขของคุณ Death ที่จะรอจนกว่าผู้บริหารเห็นคุณ Death เป้นอย่างไรนั้นจึงจะเปลี่ยนแปลง ผมว่าเป็นการตั้งเงื่อนไขที่ยากแก่การประเมินว่าบรรลุหรือยังมากที่สุด คล้ายกับพูดว่าเราจะเป็นคนดี ต่อเมื่อเจ้าหมอนั่นดีก่อนนั่นแหละ คุณ Death สามารถใช้วิจารณญานได้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ทราบแล้ววา "ระบบที่ work" นั้นมันดีกว่าแน่ๆ ฉะนั้นทำไมจึงต้องรอให้คนอื่นเรอ่มก่อน เราถึงจะทำ? ทำไมเราต้องตั้งเงื้อนไขที่จะเริ่มเชื่อในหลักการ?

หลังจากเรื่องครั้งนี้ ผมเกรงว่าจะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นมากนัก แต่มีการเพาะความไม่พอใจขึ้นมาแน่นอน และ seed อันนี้ยิ่งจะเจริญเติบโตเป็นอุปสรรคต่อไปในวันข้างหน้า ความไว้เนื้อเชื่อใจของบุคลากรทุกระดับสำคัญมากต่อ "ทีม" ความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราสามารถจะ PREDICT การกระทำของเพื่อนร่วมทีมได้ จะ predict ได้ การกระทำนั้นต้องวางอยู่บนเหตุและผลและหลักการ ผมหวังว่าในอนาคต คุณ Death จบออกไปจะสามารถเพาะความไว้เนื้อเชื่อใจของทีมการรักษาของคุณ Death ได้ ไม่ว่าจะเป็น scrub nurse, nurse ER, พยาบาลวิสัญญี, พยาบาลตามหอผู้ป่วยต่างๆ, เภสัช ฯลฯ

Hebrew Scripture กล่าวว่า "จงอย่าทำอะไร ที่เราไม่อยากถูกกระทำ ต่อผู้อื่น" ผมว่าคำพูดนี้ฉลาดมาก และพึงปฏิบัติ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-28 , Time : 01:20:07 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 27


   ..........ขอบคุณนะครับคุณ Phoenix...........จะดีแค่ไหนกัน....ถ้าทุกคนคิดอะไรที่มันดีๆได้.........ผมชอบประโยคนี้นะครับ..."ไอ้ห่า โง่ฉิบหาย ทำงานมานานกี่ปีแล้ววะ"......เคยได้ยินแถวๆนี้เป็นระยะๆ.....ตรงดีครับ.....ไม่ต้องมาอ้อมค้อมให้เสียเวลา.....ถ้าผมพอจะมีความกล้าเหมือนคนที่พูดประโยคนี้....อาจจะมีอะไรดีกว่านี้ก็ได้(หรือจะแย่กว่านี้หว่า?)..............ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งครับ....:D..:D



Posted by : Death , Date : 2003-08-28 , Time : 01:54:34 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 28


   Hebrew Scripture กล่าวว่า "จงอย่าทำอะไร ที่เราไม่อยากถูกกระทำ ต่อผู้อื่น"
แล้วผู้บริหารอยาก โดนคนอื่นบังคับหรือด่าอยู่ตลอดหรือ
ถึงทำกับคนอื่นได้ตลอดเวลา
ปล. ส่วน ER นะเหรอ
เดิม มีอยู่ 3-4 คนต่อเวรเช้าและบ่าย
แล้วพอมี ศัสย์กับmed ลงไปอย่างละคน
มันดันหายไปไหน 2 คน แบบว่ายังอยู่กัน 3-4 คนเหมือนเดิม
ถ้าเกิดคงไว้แบบเดิม แล้วมีศัลย์กับ med ไปเพิ่ม
ก็จะกลายเป็น 5-6 คนต่อเวร (เช้ากับบ่าย)
มันจะไม่ดีกว่าเหรอ จะได้บริการได้ถูกใจแบบที่
ผู้บริหารอยากให้เป็น ไง อิอิ


Posted by : อิอิ , Date : 2003-08-28 , Time : 14:37:52 , From IP : 172.29.3.166

ความคิดเห็นที่ : 29


   ผมเห็นด้วยกับคุณ phoenixครับ และก็เห็นด้วยกับเของกระทู้....
.....เห็นด้วยกะ pho. อ่านกระทู้ที่เปิดประเด็น ที แรกก็เห็น แล้ว ว่า คนร้องเรียน ใจร้อนและ คิด short ไปหรือเปล่า แทนที่จะคุยกันดีๆ กลับรีบแสดงความไม่พอใจ ออกมา ลองนึกดูนะ ว่าถ้าลูกค้า ใช้วิธีอื่นเช่น เอาป้ายที่เขียนด่าทอบริษัท ไปปะไว้ หน้าโรงงาน ให้คนเดินผ่านไปมาเห็น ความผิดจะไปตกอยู่ที่ใคร ตอบ ... ก็ทั้ง 2คนนั่นแหละ
บริษัทอาจจะกลัวขายหน้า ต้องยอมคุณ แต่คุณก็อาจโดนบริษัท ฟ้องร้องคุณ ใตนข้อหาลุกล้ำ -ทำทรัพย์สินเสียหาย เพราะฉะนั้นรูปแบบการแก้ปัญหาก็จะเป็นอีกแบบ แทนที่คุยกันดีๆ ก็อาจเป็นขึ้นโรงศาล ทะเลาะ กัน เสียเงินอีก
....ต้องระลึกไว้นะครับ ว่าทุกอย่าง มันมี action - reaction
ที่เราว่า ใครทำผิด หรือไม่ดี ต้องดูว่าเรา ส่งแรงอะไรไปให้ เขา
บ้างหรือเปล่า เขาถึงมีปำกิริยา แบบบนั้น....และมีปัจจัยอื่น อีกไหม.... ไม่มีใครชอบวิธีลับหลัง หรือ ถูกเป็นเป้าโจมตี นะ
ครับ ใจเย็นๆ คุยกันดีๆๆๆๆๆๆๆๆ...........
.......เห็หนด้วยกับเจ้าของกระทู้ .....เห็นใจมากกว่า
คือก็ทราบดีว่าท้ายสุด เวลามีเรื่องอะไร มันไม่ต่างงอะไรกับการเมือง ไม่ใช่สิการเมือง มันมีราก ของมันอย่างนั้นอยู่แล้วมากกว่า คือเรื่องของชั้น - ตำแหน่ง-อำนาจ-และสิทธิในการบริหาร.....คือเวลา ลูกงาน ต้องการอะไร ร้องเรียนอะไร บ่อยครั้ง จนเกือบทุกครั้ง สิ่งที่ร้องขอไปก็หายเงียบ หรือปัดตกไป เพราะท้ายสุดแล้ว เรื่องที่ส่งไปก็ต้องกคัดสรรโดย กลุ่มผู้บริหาร อยู่ดี ทำไม่ทำเกิด ไม่เกิด... ก็อยู่ที่เขา ก็เพราะ เรา(แม้มไม่ทุกคน) ได้เลือกและไว้วางใจเขาแล้ว.....ก็ต้องตามน้ำไป
แต่ก็ขอให้สู้ครับ ถ้าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง..
......ยังไงก็ให้นึก แล้วกันว่า ท้ายสุด คนซวย ไม่ใช่แค่ เรา แค่หมอ แต่รพ. เราไปเอี่ยว กะชาวบ้านที่เจ็บไข้ นอนตาดำๆนะ


Posted by : uud , Date : 2003-08-28 , Time : 19:09:43 , From IP : 172.29.3.158

ความคิดเห็นที่ : 30


   ไม่เข้ามาสองวัน มี Progress เยอะเลย
ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคุณ Phoenix และ คุณ Death เดี๋ยวเจ็บตัวฟรีอีก

ลองมานั่งเดาใจผู้บริหารกันดูใหม ว่าท่านคิดอย่างไรกันอยู่
1 ไร้สาระ เดี๋ยวก็เงียบไปเอง
2 ทนได้ทนไป ทนไม่ไหวก็ลาออกไป
3 ไอ้พวกระกำนี่ อยู่อีกไม่นานก็ไปแล้ว ปล่อยให้มันโวยวายไปก่อน
4 ฮา ๆ ๆ มีคนมาตีกันให้ดู สนุกจริง ๆ เดี๋ยวมันเหนื่อยก็เลิกกันไปเอง
5 ปิดกระดานนี้ดีใหม
หรือ...
6 เราจะแก้วิกฤตศรัทธานี้อย่างไร

เมื่อวานได้ยินคนมาบอกว่า กระทู้สุดฮอทตอนนี้ถูกห้าม Post แล้ว วันนี้ได้ยินว่า กระทู้ถูกลบแล้ว ยังนึกดีใจว่า ผู้ใหญ่เขาคงขยับตัวกันบ้างแล้ว ( ไม่ Discuss ประเด็นที่ว่า มีสิทธ์ทำอย่างนี้หรือไม่ ) อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้ทำ "อะไร" กับปัญหาที่เกิดขึ้นบ้าง แต่วันนี้มาอ่านกระดานถึงได้รู้ความจริงว่าเป็นเพราะ"ผู้ถูกกล่าวหา" ขอให้ลบ ผู้ใหญ่เขาไม่มีปฎิกริยาเหมือนเดิม



Posted by : Dhan , Date : 2003-08-29 , Time : 02:37:24 , From IP : 172.29.3.246

ความคิดเห็นที่ : 31


   ขออนุญาต ไม่ได้อยากแตะต้อง ฉบ.8 เลย แต่ขอยืมมาเป็นตัวอย่างนิดนึงเถอะ ไม่ Discuss ในแง่ใครถูกใครผิด แต่ว่าสมมุติให้คู่กรณีคือ พชท.ศัลย์ (ผู้ป่าเถือนโหดร้าย ) กับ ฉบ.8
- Ward ที่ พชท.ศัลย์ ต้อง Contact อย่างใกล้ชิด นอกจาก ฉบ 8 แล้วยังมี ศช 1 , ศช 2, ศญ, Trauma, 4/8 แต่ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงเป็น ฉบ.8
- มีการ Vote ชื่นชมพยาบาล ward อื่น ๆ ทั่วไป ยกเว้น ฉบ.8 ( ถึงแม้จะใช้กลุ่มตัวอย่างที่เข้ามา Vote เป็นตัวแทน ประชากรทั้งหมดไม่ได้ )
- ผู้ที่เข้ามาตอบกระทู้ดังกล่าว ถ้าไม่ได้เป็นคนเดิมที่ใช้หลายชื่อ ก็เดาว่า ต้องมีคนที่ประสบปัญหา การทำงานกับฉบ. 8 พอสมควร ( นับได้เกิน สิบ ลองกลับไปนับดูถ้ายังมีให้นับ )

เท่านี้พอจะสรุปได้หรือยังว่า มีปัญหาจริง ๆ ระหว่าง พชท.ศัลย์ (ผู้ป่าเถือนโหดร้าย ) กับ ฉบ.8 ย้ำอีกครั้งว่าไม่พูดถึงว่าใครถูกหรือผิด
พอจะมีมูลให้ผู้บริหารสั่งตรวจสอบได้หรือยัง อย่ามาบอกว่าไม่มีมูลอีกนะ และอย่าบอกด้วยว่า ไม่ทราบว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับใคร หรือจะเริ่มสอบสวนที่ใหน ผมไม่ได้สนใจผลของการสอบสวน พชท.อาจรวมหัวกันแกล้งเขาก็ได้ หรือเขาอาจจะเลวจริงก็ได้ ไม่สนใจ สนใจแค่ว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลความเรียบร้อยภายในทำอะไรไปแค่ใหน ผมไม่เชื่อว่ากระดานนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการเขียนจดหมาย ไม่เชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่อ่าน นี่ก็เป็นลายลักษ์อักษรเช่นกัน และทราบตัวผู้เขียนแล้วด้วยว่าคือพชท.ศัลย์

เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่ายกเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่าง ประเด็นเดิมครับ สงสัยว่า ผู้บริหาร "ใส่ใจ" แค่ใหนเวลาทีมีปัญหาเกิดขึ้น


Posted by : Dhan , Date : 2003-08-29 , Time : 03:06:52 , From IP : 172.29.3.246

ความคิดเห็นที่ : 32


   ..........เค้าไม่สนใจหรอกครับพี่ Dhan......พนันให้เตะผมทีนึงเลย(ล้อเล่น)....อีกอย่างผมไม่แปลกใจหรอกที่กระทู้โดนปิดและโดนลบอะ....คุณ Phoenix เองคงเห็นแล้วก็คงพูดไม่ออกเหมือนกัน....เพราะคุณ Phoenix อยากเห็นพวกเราทำอะไรแบบ Fairๆ แต่กลับต้องมาเห็นว่าผู้บริหาร(มั้ง...คิดว่า) จัดการกับเรื่องนี้แบบไม่ Fair....หยุดเรื่องอับอายโดยลบทิ้ง.....เฮ้ออออออออออ....แย่จัง..ถ้าเก่งแต่ปิดข่าว....ทำไมไม่ไปห้ามหนังสือพิมพ์ไม่ให้ลงข่าวบ้างหละ...มีอำนาจมืดอยากใช้ก็ใช้........ผมว่าจัดการแบบนี้ไม่ Work หรอกครับ...เดี๋ยวก็มีคนเอากลับมาลงอีก(รู้สึกว่ามีนะ)....ลบไปก็เท่านั้น....แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ.....คล้ายๆกับหนังสือพิมพ์ลงข่าวไปแล้ว....ผมไม่เคยเห็นสำนักพิมพ์ออกไปกวาดซื้อหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ออกไปแล้วกลับมาเลย........ยิ่งมาปิดข่าวแบบนี้.....ยิ่งเสีย.....ใช้อะไรคิดกันเนี่ย..........เฮ้ออออออออ....

..........รุ่นพี่ท่านนึงที่ไปได้ดีแล้วได้เคยกล่าวไว้ว่าพวกเราเป็น"แพทย์ใช้กรรม".....เอาไว้หมดเวรกรรมแล้วคง"น่าจะ"สบายกว่านี้...........



Posted by : Death , Date : 2003-08-29 , Time : 13:30:02 , From IP : 172.29.1.217

ความคิดเห็นที่ : 33


   ด้วยความเคารพเช่นเคยครับ
ผมนั้นเคารพ อ.Phoenix และพยายามอ่านความเห็นอาจารย์มาโดยตลอด
แต่ไม่เคยเข้าใจซักครั้ง เพราะติดตรงคำภาษาต่างด้าวที่ อาจารย์ใช้
คิดว่าสงสารผมเถอะครับ ผมสนใจความเห็นอาจารย์มาก แต่ด้วยความที่มันโง่ เลยอ่านไม่รู้เรื่อง ช่วยแปลไทยเป็นไทยให้ผมได้ไหมครับ...แม่ม



Posted by : Surgeon , Date : 2003-08-29 , Time : 14:22:57 , From IP : 172.29.3.181

ความคิดเห็นที่ : 34


   คุณ Dhan ครับ

ผมไม่เคยพูด หรือ แม้แต่บ่งบอกเป็นนัยว่าเรื่องนี้ "ไม่ควร" จะสอบสวนแต่ตอนนี้น่ะผมว่าคนที่ถูกกล่าวหาน่ะโดนตัดสินและทำโทษไปเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีมีการไต่สวนเลย แต่เป็นศาลเตี้ยธรรมดาๆนี่เอง

คุณย้ำแล้วย้ำอีกว่า "ไม่มีการพูดว่าใครถูกใครผิด" ทำให้ผมเกิดความไม่มั่นใจว่าเรากำลังพูดถึงกระดานเดียวกันหรือเปล่า ถ้าการเขียนกระทู้อย่างที่แล้วมายังไม่ใช้การสรุปว่าใครถูกผิด ยังไม่ใช่การทำโทษแบบประจานในที่สาธารณะ ผมสงสัยจริงๆว่าแบบไหนจะเป็นการ "ทำโทษ" ตามนิยามของคุณ

ประสิทธิภาพของกระดานนี้น่ะ ไม่มีใครบอกเลยครับว่าน้อย มีแต่คนบอกว่ามันมีประสิทธิภาพมากเกิน หมายถึงผลลัพธ์นั้นมากอย่างที่คุณนึกไม่ถึง ตั้งแต่มีแพทย์เริ่มพูดว่าต้องการตรวจผู้ป่วยเฉพาะบางคน ตั้งแต่แพทย์ประกาศประจานพยาบาลในหน่วยงานเดียวกันบนกระดานในที่สาธารณะโดยไม่มีการสอบสวนมาก่อน ผมเชื่อว่า "ผล" ตอนนี้น่ะมันฝังรากลึกลงไปกว่าที่เราคิดถึงไปแล้ว ไม่ว่ากับพยาบาล ward อื่นๆ (ลองนึกถึงเวลาเราอ่านข่าวแพทย์เพื่อนร่วมอาชีพของเราบางคนถูก นสพ. โจมตีโดยแค่มีข้อกล่าวหา แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ อะไรคือความรู้สึกที่เรามีต่อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นครับ?) ที่คุณ Dhan คิดว่าการตั้งกระทู้ชมมาเฉียบพลันทันทีนี่น่ะจะ repair damage ที่เกิดขึ้นได้ กับบุคคลภายนอกที่เข้าอ่านเพื่อที่จะพบว่าหมอแถวนี้เขาเกลียดพยาบาลจนประจานกันบนกระดานข่าวโดยไม่มีการสอบสวนก่อน กับนักเรียนแพทย์ที่กำลังตัดสินใจว่าอะไรคือ role model ของแพทย์รุ่นพี่ แม้แต่กับเพื่อนแพทย์ใช้ทุนที่กำลัง share ความเป็น "แพทย์ใช้ทุน" ที่เป็นนามแฝงอยู่ในร่มเดียวกัน

ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือ หลังจากมีการโต้ตอบและชี้แจงข้อดี ข้อเสียของการทำเป็น police-judge-executor (ตำรวจ ศาล และผู้ประหาร) ไปแล้ว พวกเราก็ยังคิดว่ากระทู้ดังกล่าวมี credit เหลืออยู่สักกี่มากน้อย คุณ Shino พูดในอีกกระทู้นึงว่าแกเกิดความ "กลัว" มาลึกๆ ผมว่าผมชักจะเริ่มรู้สึกอย่างแกขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่นับการใช้ภาษากับคุณ Garnet ที่ผมว่าแกดูแลกระดานข่าวแห่งนี้โดยไม่ได้ดีอะไรเลย มีแต่เปลืองตัว ก็ยังอุตส่าห์มีคนไป attack แกได้

อย่าลืมว่าจะใช้ทุน ไม่ใช้ทุน อีกคำหนึ่งที่เรากำลังสวมหมวกอยู่นั้นคือ "แพทย์" นะครับ แพทย์ไม่มีหน้าที่ที่จะทำร้ายจิตใจใครเพียงเพราะเพื่อความสะใจ หรือเกลียดขี้หน้าคนอื่น เลยตีวัวกระทบคราดไปอีกกลุ่ม การที่เราต้องการให้ใครปรับปรุงตัวนั้น ไม่มีความจำเป็นแม้แต่กระผีกเดียวที่ต้องประจานกันก่อน attack กันก่อน แพทยืรุ่นพ่อ รุ่นปู่เรา เก็นการที่เราทำกับเพื่อนร่วมอาชีพกันในครั้งนี้ถึงขนาดนี้ ท่านคงเสียใจ..... บุคคลผู้ซึ่งอบรมเรามาแต่เล้กแต่น้อยเรื่องมารยาท การใช้ภาษา การเคารพในสิทธิผู้อื่น ก็คงจะ..เสียใจ...

ผมก็...เสียใจ และกลัวขึ้นมาแล้วครับ






Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-29 , Time : 21:45:21 , From IP : 172.29.3.246

ความคิดเห็นที่ : 35


   ...........ลองอ่านดูนะครับคุณ Phoenix.....ไม่รู้จะถูกพี่ว่าวด่าอีกหรือเปล่า...:D..:D

Rambo: Reloaded

เหตุการณ์ต่อไปนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่หรือบุคคลที่มีอยู่จริง..........:D...:D
.........สำหรับ Rambo ภาคแรกสามารถหาอ่านได้จากกระทู้"แพทย์ใช้ทุนศัลย์"นะครับ....:D

..................ภายในยานโกโรโกโสลำนึง.....สภาพคล้ายๆท้ายรถขยะสถานที่คุ้นเคยของ Rambo หนุ่มน้อยสมัยที่ยังเก็บขยะเป็นอาชีพสมัยวัยแรกรุ่นก่อนจะมาเป็นพนักงานสูบส้วมและกลายเป็นยามในปัจจุบัน...........Rambo ลืมตาขึ้นและกระพริบตาถี่ๆช้าๆหลายครั้ง........ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเป็นคนสองคนกำลังยืนเถียงกันอยู่......
"แกเอามาผิดคนอีกแล้ว.....เมื่อไหรจะได้ที่ถูกคนซะที"......178 เริ่มโวยวาย.....
".....แต่ Trinity ครับ....ผมคิดว่าถูกคนแล้ว....".......ชายหัวโล้นกล่าวตะกุกตะกักด้วยความกลัว
"ไม่ต้องมาเรียกชั้นว่า Trinity......แกดูหนัง The Metrix มากไปแล้ว.....แอบไปพี้ยามาอีกหรือเปล่า หา!...."
"ส่งไอ้ขี้ยาถือปืนนี้กลับไปเดี๋ยวนี้....สภาพเหมือนหลุดออกมาจากหนัง Rambo สมัยโบราณแบบนี้จะมาเป็นผู้กู้โลกได้ไง........ส่งมันไป...เร็ว!!!".........178 เริ่มอาละวาดมากขึ้น......ก่อนที่ Rambo หนุ่มน้อยจะเข้าใจอะไร....ชายหัวโล้นก็รีบเอาปลั๊กเสียบกลับไปที่หัวของ Rambo......สติของ Rambo ขาดลงอีกครั้ง.......................

....................Rambo หนุ่มน้อยตื่นขึ้นอีกครั้ง.......มือข้างนึงยังถือโทรศัพท์มือถือแนบกับหูอยู่.....ปืนสองกระบอกเหน็บอยู่บนหลัง.......สภาพรอบๆตัวเป็นห้างสรรพสินค้า Megumi ชั้น 2 ที่ถูกทำลายราบด้วยอานุภาพปืนสองกระบอกของ Rambo............พร้อมทั้งตำรวจอาวุธครบมือยืนรายล้อม Rambo อยู่ เกือบ 100 คน......ขณะที่ Rambo กำลังยืนงงอยู่นั้น.....เสียงโทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็ดังขั้นอย่างเกรี้ยวกราด......
"......ไอ้ห Rambo ทำไมเงียบไปวะ.....ลื้ออยู่ที่ไหน....จะมายืนยามให้อั๊วไหม?..."......เสียงพี่ว่าวมรรคทายกเริ่มคลุมคลั่ง...
"....เออ....อยู่ที่ห้าง Megumi.....ดะ ดะ เดี๋ยวไปครับ" Rambo ตอบเสียงสั่น.....
".....ไอ้ห....ไม่ยอมทำงานแต่มีเวลาไปเดินห้างเหรอวะ.....เดี๋ยวปัด!!!".............ก่อนที่ Rambo จะตอบอะไร.....นายตำรวจ Dhan ถือปืนเดินตรงเข้ามาหา Rambo......
".......นายถูกจับแล้ว Rambo......ระวังสิ่งที่นายจะแก้ตัวเพราะมันอาจจะไปอยู่ในกระดานข่าว....เอ๊ย....อาจจะมีผลต่อการพิจารณาคดีของนาย"......."....ปลดอาวุธและใส่กุญแจมือ!!"......นายตำรวจ Dhan สั่งลูกน้อง.....
".......อะไรนะไอ้ Rambo นั่นเสียงใคร......ลื้อถูกตำรวจจับเหรอ...HAHAHAHA......อั๊วว่าแล้ว....HAHAHAHA....".....เสียงพี่ว่าวหัวเราะอย่างมีความสุขสุดๆ.....ก่อน Rambo จะขว้างโทรศัพท์ทิ้งและพร้อมจะชักปืนทั้งสองออกจากกลางหลัง......แต่ช้ากว่านายตำรวจ Dhan ที่ลั่นกระสุนเข้าใส่ไหล่ของ Rambo จนกระเด็นล้มลงและถูกกลุ่มตำรวจรุมจับได้ในที่สุด...............

..........จากเหตุการณ์"กลียุค Rambo"ครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดผลตามมามากมาย
- ห้างสรรพสินค้า Megumi ถูกฟ้องเนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยห่วยแตก.....ทำให้นาย Megumi เจ้าของห้างที่ครั้งนึงเป็นโคตรมหาเศรษฐีของประเทศสารขัณฑ์ ถึงกับต้องล้มละลายและสิ้นเนื้อประดาตัว...จนต้องมานั่งขอทานหน้าห้างของตนเองที่เหลือแต่ซาก.............
- โรงงานผลิตเครื่องดื่ม"ร่วมด้วยช่วยกันล่ม" ถูกนายตำรวจ Dhan เข้าถล่มและพบว่ามีการใส่ยาบ้า, ยาม้า, ยาขยันและยาอีกสารพัดประเภทเข้าไปในเครื่องดืมโดยนายร่วมด้วยช่วยกันล่มเจ้าของโรงงานกล่าวว่าเป็นการผลิตโครตสารอาหารใส่ขวดเพื่อกินแทนข้าว และเป็นเพียงอุตสาหกรรมในครอบครัว ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ เพียงแต่แจกให้ Rambo เอาไปทดลองกินแค่ 2000 ขวดแค่นั้น.....ก่อถูกยัดเข้าซังเตพร้อมไอ้หนุ่ม Vicry เอเยนต์ยาบ้า...นายร่วมด้วยช่วยกันล่มได้โอดครวญต่อสือมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายว่า "กูบอกแล้วว่าไม่ให้ดืมเกินวันละสองขวด...โธ่....."...............
- Prolene บาดเจ็บสาหัส...ระหว่างอยู่โรงพยาบาลเกิดคลุ้มคลั่งเนื่องจากขาดสุราทำให้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลและหายสาบสูญไป............
- ..........ส่วน Tiger พี่เสือมาดเท่ถูกยิงหัวกระจุยไปซีกนึง.......ทำให้สูญเสียนมใน Circulation ไปเกือบหมด.....กลายเป็นอัมพฤกษ์และสันนิบาตลูกนก....เดินได้แต่กะย่องกะแย่ง คอและแขนจะสั่นกระตุกไปทางซ้ายเกือบตลอดเและเรียกร้องจะดื่มนมตลอดเวลาเพื่อชดเชยนมที่เสียไป....แต่ปากจะบอกชาวบ้านว่า"กูกำลังกินเหล้า".............
- .........พี่ว่าวมรรคทายกสุดท้ายต้องมายืนยามหน้าป่าช้าวัดเองเนื่องจากรับสมัครยามแล้วไม่มีใครบ้าพอมายืมยามหน้าป่าช้าทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องทำมาหากินอย่างอื่นไม่ได้.............

.........และแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้ผ่านไป...............3 วัน.............

...........ณ มุมหนึ่งของมหานครสารขันท์....Vaio เกย์คิงมาดดีซึ่งปากจะคาบบุหรียัดใส้กัญชาตลอดเวลาเดินออกจากโรงจำนำ"ฮวยบ่อข่วย"ที่เพิ่งเอา Mersedes Benz คันโปรดไปจำนำมา.......ได้เดินเลี้ยวเข้าซอยข้างโรงจำนำพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือ......ร่างของ Vaio หายไปจากซอยแห่งนั้น.............พร้อมกับการระเบิดกระจุยกระจายของโรงรับจำนำจนไม่เหลือซาก................
.........ร่างของ Vaio ปรากฎขึ้นอีกครั้งกลางห้องที่มืดมิดรายล้อมด้วย Computer นับหมื่นเครื่อง.....ที่ปลายสุดของห้องตั้งไว้ซึ่งบัลลังค์ที่มีร่างในชุดดำมืดนั่งอยู่.....ดวงตาสีแดงดั่งเพลิงสองข้างจ้องมาที่ Vaio พร้อมทั้งเคียวด้ามยาวสีทองได้ถูกดึงออกมาจากความมืดด้านข้าง........แต่ช้ากว่า Vaio ที่ชักปืนทองยิงใส่ร่างนั้นอย่างรวดเร็ว.......
".....Bye Bye The Death!!......"......กระสุนพุ่งใส่ร่างของ Death ที่นั่งอยู่........ร่างนั้นหายไปพร้อมกับที่ไปปรากฎที่ด้านหลังของ Vaio.......มือสองข้างเงื้อเคียวขึ้นสูง.....พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอันน่ากลัว....
"........กลับไปบอก 178 ซะ ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอก......HAHAHA....."........พร้อมกับที่เคียวสีทองตวัดลงมา.....นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ Vaio ได้เห็น................

........"ฮีากกกกกกกกกกก...........".......Vaio แหกปากตะโกนตื่นขึ้นมาพร้อมกับที่ปลั๊กที่หัวถูกชายหัวโล้นถอดออก.........เลือดไหลออกจากหน้าผากของ Vaio............Vaio ตาเหลือกหนักขึ้นและเริ่มแหกปากเหมือ่นควายถูกเชือด..."ฮ๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!........อ๊ากกกกกกกกกก!!!!!!......เค้าตายแน่....เค้าตายแน่.....เลือดเต็มไปหมดเลย.......อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!"
..........."เงียบ!!!".......178 ตวาดเสียงดัง........Vaio เงียบทันที.......ชายหัวโล้นกล่าวเบาๆ...
"....เออ คุณ 178 ครับ.....เราจะทำไงกันดีครับ...."..........178 นั่งคิดอยู่พักนึง......
"......สงสัยเราต้องใช้ไอ้ขี้ยานั้น........."..............

......วันและเวลาเดี๋ยวกันในโลกปัจจุบัน..........
...........Rambo หนุ่มน้อยนั่งอยู่ในคุกมืด......ตาสองข้างแดงก่ำ...ปากแห้ง.....ลิ้นห้อย.....หายใจติดขัด...แสดงอาการของคนเสี้ยนยาแบบสุดขีด.....ลุกขึ้นเดินงุ่นง่านอยู่ในกรงแคบๆ......จะเขย่าลูกกรงเป็นพักๆพร้อมทั้งตะโกน...."ปล่อยกูออกไปปปปปปปปปปปปปปปป".....tid pc และ hs..........รอบที่เขย่านี้เป็นรอบพิเศษตอนตี 3....ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดังจากนายร่วมด้วยช่วยกันล่มที่อยู่ห้องข้างๆ
"......เงียบโว๊ยไอ้ห.......กูจะนอน......จะตะโกนทำห อะไรทั้งวันทั้งคืนวะ......โธ่โว๊ยยยยยย......"
.........Rambo หนุ่มน้อยไม่สน เสี้ยนยาหนักขึ้น...และเขย่าลูกกรงแรงขึ้น...."ปล่อยกูออกป๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!"...................จู่ๆเบื้องหน้าของลูกกรงก็มีชายหัวโล้นคนเดิมที่เคยเจอในยานโกโรโกโสปรากฎขึ้น...........Rambo หยุดร้องและจ้องมองชายหัวโล้นอยู่ 2 วินาที.....ก่อนจะแหกปากดังกว่าเดิม........."ไอ้โล้นนนนนนนนน..........มียาไหมโว๊ยยยยยยยยยยย.............."...........มือสองข้างของ Rambo ที่กำลูกกรงอยู่รู้สึกมีแรงมากขึ้น.......ค่อยๆแยกลูกกรงออกจากกันอย่างช้าๆ.....พร้อมกับตะโกน......
"อ๊ากกกกกกกกกกก...........ปล่อยกูออกไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป.........."
..........ชายหัวโล้นยืนมองอย่างตกตะลึงในพละกำลังของ Rambo และคิดในใจ
"......เนี่ยหละ The One ผู้กู้โลก....มีเรียวแรงมหาศาลไม่รู้จักหมดสิ้น....คนๆนี้หละที่จะล้มล้าง Death และนำความสงบสุขกลับมาสู่ชาวโลก.......".............คิดได้ดังนั้นจึงยืนมือขวาออกไปและกล่าวด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า
"......เรียกผมว่า กะหลั่วเป็ด.....ยินดีที่ได้รู้จักครับท่าน Rambo ผู้กอบกู้โลกในตำนาน...."
....... Rambo หนุ่มน้อยกระชากมือของกะหลั่วเป็ดเข้าไปแล้วตะโกนอีกครั้ง..........
".......ปล่อยกู!!!..........อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.......ไม่งั้นเดี๋ยวกูจับสูบส้วมซะเลยยยยยยยยยยยย......อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก"
".......โอเค โอเค.....ปล่อยมือผมก่อนท่านผู้กู้โลก.....ผมจะช่วยท่านเอง......"
.......Rambo ตาขวางหนักกล่าเดิม....สติเริ่มๆจะขาดอีกครั้ง.....บีบมือของกะหลั่วเป็ดหนักขึ้น....
"........ได้ ได้ ได้......ผมมียา...และจะปล่อยคุณจากที่นี่แต่ต้องปล่อยมือผมก่อน.....".....
.......Rambo ได้ยินคำว่ายาดีใจรีบปล่อยมือกะหลั่วเป็ดอย่างรวดเร็ว...........
..........กะหลั่วเป็ดชักดาบซามูไรสีเงินจากกลางหลัง......ตวัดดาบเพียงครั้งเดียวลูกกรงทั้งหมดก็ขาดออก.....Rambo หนุ่มน้อยได้รับอิสรภาพอีกครั้ง..........
".......ปล่อยกูด้วย...กูจะไปกู้โลกด้วย".....นายร่วมด้วยช่วยกันล่มตะโกนอย่างมีความหวัง.......
........".......ช่ายๆ.....ไม่มียาของเราพี่ Rambo ไม่มีแรงหรอก.....ปล่อยผมด้วย".....ไอ้หนุ่ม Vicryl ที่อยู่มุมคุกอีกด้านรีบตะโกนสนับสนุน............กะหลั่วเป็ดมอง Rambo หนุ่มน้อยเป็นเชิงขอคำตอบ.....Rambo พยักหน้าเพราะรู้ดีว่ายาชั้นดีได้มาจากไอ้หนุ่ม Vicryl และร่วมด้วยช่วยกันล่มทั้งนั้น..........
..........กะหลั่วเป็ดปล่อยทั้งสองคนออกมา.....จังหวะนั้นเองที่ประตูคุกเปิดออก......นายตำรวจ Dhan พร้อมกำลังตำรวจกว่า 30,000 คนได้มาถึงแล้ว(ไปเอามาจากไหนนะ...ตอนตี 3 เนี่ย).........
".....หยุด!!! อย่าขยับไอ้พวกแหกคุก......ไอ้โล้นนี่เป็นหัวหน้าแกซินะ Rambo วันนี้ได้เวลากวาดล้างพวกขี้ยาอย่างแกให้หมดซะที"........นายตำรวจ Dhan ตะโกนพร้อมกับกระชับปืนคู่มือเล็งไปที่กะหลั่วเป็ดที่ถือดาบอยู่......
........ร่วมด้วยช่วยกันล่มและVicryl ตาเหลือกเพราะไม่เคยเห็นตำรวจมากมายขนาดนี้มาก่อน.....ปกติเวลาแอบพี้ยาหรือเล่นไพ่จะถูกตำรวจแค่ 100-200 คนรุมจับแค่นั้น......ไม่เคยพบกับ Police Army full team แบบนี้....รีบไปแอบหลัง Rambo และ กะหลั่วเป็ด........นายตำรวจ Dhan เดินตรงถือปืนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ......ในชั่วพริบตานั้น...นายตำรวจ Dhan รู้สึกถึงปากกระบอกปืนสีทองจ่ออยู่ที่ขมับด้านขวา.....
"......หล่อจังเลยคุณตำรวจ.....มีแฟนหรือยังครับ......"......Vaio เกย์คิงมาดดียืนอยู่ตรงมุมมืดด้านข้างนายตำรวจ Dhan................"แย่จังนะคุณตำรวจ....ใครเค้าจะมาช่วยผู้กู้โลกกันแค่คนเดียวหละ".....Vaio ยังไม่หยุดพล่าม
".......ว่าแต่คุณตำรวจเลิกงานแล้วว่างไปทานข้าวกับผมไหมครับ...."..........
.......นายตำรวจ Dhan ค่อยๆลดปืนลง.....และตะโกนอย่างเท่บอกลูกน้อง......."จัดการมันให้หมด....ไม่ต้องห่วงผม!!.......นี่เป็นคำสั่ง!!!"........ตำรวจ 30,000 นายขยับตัวจะลุยเข้ามาทางประตูคุก...........นายพล ช.ช้างที่อยู่บนเพดานได้กระโดดลงมาพร้อมทั้งถีบนายตำรวจ Dhan กระเด็นไปกระแทกตำรวจออกไปนอกประตูคุก.....พร้อมกับยกปืนต่อสู้รถถังที่พกมายิงใส่ประตูคุกอย่างรวดเร็ว........."ตูม".....ประตูคุกถล่มลงมาปิดทางเข้าของตำรวจ......นายพล ช.ช้างยิงอีกนัดเพื่อเจาะกำแพงด้านหลัง...."เผ่นโว๊ยยยยยยย!!!"......ตะโกนสั่งก่อนรีบวิ่งนำออกไป

.......ด้านหลังกำแพงคุก.....Megumi อดีตมหาเศรษฐีที่เพิ่งถูกไล่ที่จากการขอทานหน้าห้างเก่าของตนเองได้มานั่งขอทานอยู่.....พร้อมกับ Tiger พี่เสือมาดเท่ที่ถูกเมียไล่ออกจากบ้านเพราะวันๆมัวแต่บ้ากินนมแล้วคิดว่าเป็นเหล้าโดยไม่ยอมทำมาหากิน.....เลยต้องมานั่งขอทานกับ Megumi........ประจวบเหมาะกับที่พี่ว่าวมรรคทายกเดินกลับจากยืนยามกำลังหาเศษตังค์ให้เพราะ Tiger อ้อนวอนว่าจะเอาไปซื้อนมเพื่อบำรุงร่างกาย..........."ตูม".....กำแพงคุกระเบิดพร้อมกับร่างของ Tiger กระเด็นไปกอดพี่ว่าวล้มลง.....นายพล ช.ช้างถือปืนวิ่งออกมาพร้อมพวกขี้คุกชุดใหญ่......ได้พากันลาก Megumi, Tiger และพี่ว่าวไปด้วย............ทั้งหมดพากันวิ่งหายไปในความมืดของถนนด้านข้างพร้อมกับที่นายตำรวจ Dhan วิ่งไล่ตามหลังมา.......จังหวะที่ทั้งกลุ่มเลี้ยวที่มุมถนนและหายไป......ทิ้งให้นายตำรวจ Dhan ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.............

............ในอีกโลกหนึ่ง.........178 ได้อาละวาดกับนายพล ช.ช้าง, กะหลั่วเป็ด และ Vaio
......"...อะไรกัน!!!.....ให้ไปพา The One มา.........ทำไมเป็นแกงค์ขี้ยา......ขอทาน......มรรคทายก...และไอ้สันนิบาตลูกนกหัวแบะนั่นอีก........ไอ้แบบนี้มันจะไปกู้โลกได้ไง...........หา!!!!!!!!........"
......" จริงๆเกือบได้ตำรวจหล่อๆมาคนนึงด้วยฮะ....".......Vaio รีบบอกอย่างเสียดาย....
.........."......หุบปาก!!!........".......Vaio เงียบไปทันทีอีกครั้ง........กลับไปสูบบุหรี่ต่อโดยไม่พูดอะไรอีก.....
......."....มียาหรือปล่าววววววว.......".......Rambo หนุ่มน้อยพูดเสียงแหบ น้ำลายไหลยืด ตาแดงกล่ำกลอกไปมา......
........".........โอ๊ยยยยยยยย.........อยากจะบ้าตาย!!!!!!!!!!...เอาไอ้ขี้ยานี่ไปให้พ้นหน้าซะที...ไป!!!.."......178 ตะโกนสุดเสียงอีกครั้ง

.............โลกปัจจุบัน.......นายตำรวจ Dhan โดนไล่ออกเนื่องจากปล่อยให้คุกโดนถล่มพร้อมทั้งใช้กำลังตำรวจเกินกว่าเหตุกว่า 30,000 คนในการจับแกงค์ขี้ยาแค่ 10 คนและยังปล่อยให้หนีไปได้.......กำลังนั่งเซ็งอยู่ในร้าน Internet แห่งหนึ่งเพื่อค้นหาข้อมูลกลุ่มบุคคลประหลาดที่ทำให้ตนเองโดนไล่ออก..........ขณะที่กำลังพิมพ์ข้อความอยู่นั้นเอง......หน้าจอ Moniter ได้เปลี่ยนไปเป็นจอสีดำ.....พร้อมกับมีดวงตาสีแดงดังเพลิงคู่หนึงปรากฎบนจอ......พร้อมทั้งเสียงอันน่ากลัวดังผ่านหูฟังที่เสียบกับเครื่อง...........
.......".......ยินดีที่ได้รู้จัก....Dhan.......อยากรู้ความจริงหรือเปล่า?......HAHAHAHA......."

------------ จบภาค Reloaded -------------------------

...........อาจจะมีต่อ Rambo: Revolution........อาจจะมีนะ...อาจจะมี.....รอหนังเข้าฉายก่อน......:D....:D



Posted by : Death , Date : 2003-08-30 , Time : 15:03:23 , From IP : 172.29.3.229

ความคิดเห็นที่ : 36


   ur fvckin outta your mind, death
i dont do dudes


Posted by : vaio , Date : 2003-08-30 , Time : 19:14:26 , From IP : 172.29.3.235

ความคิดเห็นที่ : 37


   อ่านแต่เรื่องที่เป็นหัวข้อกระทู้ค่ะ
ส่วนข้างล่างที่ debate กันอยู่ยังไม่ได้อ่านเลย (ไม่กล้าอ่าน กลัวนาน)

ขอบคุณที่เอามา post ให้อ่านค่ะ ได้ข้อคิดดี


Posted by : .. , E-mail : (AvaRi) ,
Date : 2003-09-01 , Time : 20:54:34 , From IP : 172.29.2.253


ความคิดเห็นที่ : 38


   ไม่รู้สิ ครับ อาจารย์ทั้งหลาย อย่าทำแบบ นักศึกษาเลยนะครับ
ด้วยความเคารพ
กระดาน กระทู้เปรอะ หมด แล้ว
เข้า ทำนอง ว่า แต่ เขา อิเหนาเป็นเอง นะ
คิดไว้สิว่า เฉยได้เฉยไป อย่าให้เราได้เข้าไปบริหาร นะ


Posted by : uud , Date : 2003-09-02 , Time : 13:48:13 , From IP : 172.29.2.234

ความคิดเห็นที่ : 39


   ขออภัยครับคุณ uud อ่านแล้วไม่ใคร่เข้าใจ ขอขยายความสักนิดได้ไหมครับ? ขอบคุณครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-02 , Time : 19:14:36 , From IP : 172.29.3.250

ความคิดเห็นที่ : 40


   ไม่เคยอ่านอะไรที่แปลกอย่างนี้ ในฐานะ แพทย์ รพ นครพิงค์เชียงใหม่ไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์หัวข้อนี้จริงๆ ขอเสนอว่าแทนที่จะได้ประโยชน์เฉพาะในกลุ่ม น่าจะอธิบายที่มาที่ไปและไม่เสียดสีอะไรเผื่อว่าคณะแพทย์อื่นๆจะไม่ซำรอย


Posted by : ธีรวุฒิ , Date : 2006-05-27 , Time : 12:40:54 , From IP : 203-151-46-131.inter

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.031 seconds. <<<<<