ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

คนมีองค์ทรงเจ้าต้องเข้าไปดู มีประโยชน์มากๆ


   ห่างเหินจากการพูดคุยเรื่องไสยศาสตร์ไปเสียนานเนื่องจากติดราชการเร่งด่วนต้องไปต่างประเทศมีคนเขียนข้อความมาสอบถามหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องศาสตร์ทางด้านนี้กันมากมายก็ทยอยตอบไปให้ตามกำลังความรู้ความสามารถ ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้รู้ถึงขั้นตั้งตัวเป็นอาจารย์ได้แต่ก็พอบอกกล่าวตามประสบการณ์ที่ผ่านมาล่วงเลยนับอายุก็เลขห้านำหน้าเสียแล้ว ช่วงนี้บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์วุ่นวายมากมาย กระทบต่อคนหลายอาชีพการงาน โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ประกอบกิจการต่างๆก็พลอยประสบปัญหากันไปด้วยจนบางท่านถึงขั้นเลิกกิจการไปเลยก็มี ตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์นักธุรกิจท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงในวงการนักธุรกิจทางด้านส่งออกนำเข้าเป็นอย่างดี ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เพื่อไปทำคอลัมภ์ผู้บริหารในหนังสือพิมพ์รายวันที่ตัวผู้เขียนทำงานอยู่ ในการพูดคุยครั้งนี้ส่วนใหญ่พูดคุยถึงเรื่องทั่วๆไปในการทำงาน วิสัยทัศน์ และการบริหาร ในระหว่างการพูดคุยนั้นเอง ตัวผู้เขียนได้สังเกตุเห็นในห้องของนักธุรกิจผู้นี้มีของบูชามากมายจนผิดสังเกตุว่าคนมีหัวคิดทันสมัย อย่างไรจึงมีของแบบนี้สะสมไว้มากจนผิดสังเกตุ จึงเลยถามเล่นๆว่า ท่านชอบเล่นของด้วยหรือ ท่านเงียบไปพักหนึ่งและกระซิบบอกว่าอย่าไปบอกใครเชียว เดี๋ยวคนอื่นรู้ความลับหมด พอคุยถูกคอในเรื่องเดียวกันความลับต่างๆก็ทยอยไหลลื่นออกมา ท่านโชว์รอยสักครั้งแรกในชีวิตให้ดู รอยสักยันต์ครั้งแรกสักกับหลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี ซึ่งตอนนั้นไปพร้อมนักการเมืองท้องถิ่นท่านหนึ่งชวนกันไป ตอนแรกก็กล้าๆกลัวเนื่องจากไม่เคย แต่ในเมื่อเพื่อนฝูงยุยงก็ลองดู สักครั้งแรกก็ยันต์หงส์ทอง และนะเมตตา สั่นไปทั้งตัวเลย ตอนนั้นหลวงพ่อยังอายุไม่มากแรงยังดีอยู่ โดนซะเต็มแรง ทั้งจุกทั้งเจ็บบอกไม่ถูก พอสักเสร็จหันมาไหว้หลวงพ่อหลวงพ่อยื้มแถมถามว่าไม่ต่ออีกสักยันต์หรือผมรีบไหว้รีบกลับเลยครับ ได้คุยกับเพื่อนฝูงที่เป็นนักการเมืองบอกว่าท่านดังมากศิษย์ส่วนใหญ่ในเมืองเพชรไม่ต้องสืบว่าขนาดไหนก็เมืองเพชรละครับ คนเก่าก่อนรู้ดีพูดผิดหูมีด้ามปืนบ้องหูเอาดือๆ อย่างในรถที่นั่งกันไปสี่ห้าคนมีผมคนเดียวไม่ได้พกปืน แล้วมีประสบการณ์อะไรบ้างหลังจากได้สักไปแล้ว ท่านอมยิ้มแล้วบอกว่าไม่รู้จะเกี่ยวกันไหมนะแต่อย่าไปบอกใครเชียวโดยฉพาะเมียที่บ้าน พอกลับมาได้ไม่นานเพื่อนก็แนะนำให้รู้จักดาราสาวชื่อดังท่านหนึ่ง คบหากันได้อาทิตย์ก็เป็นแฟนกัน โดยตอนนั้นก็มีเมียอยู่แล้ว ตัวเราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะยันต์ที่สักกับหลวงพ่อไปหรือเปล่า แต่พึ่งมาแน่ใจตอนที่ไปได้สาวอเมริกันเจ้าของธุรกิจที่ดินที่เท็กซัส สาวอเมริกันคนนี้สวยมาก ทุกวันนี้ยังคงติดต่อกันบ้าง คราวนี้จึงแน่ใจว่าใช่แน่เลย ส่วนทางด้านธุรกิจก็ดีขึ้นนะ เจรจาง่ายขึ้น ถ้างานไหนไปเจรจาพูดคุยด้วยตนเองแล้วละก็ไม่เคยพลาด ตัวผู้เขียนจึงสอบถามลายยันต์ที่เป็นรูปพระพิฆเณศ เพราะดูยังสีสดอยู่ แปลว่าสักมาได้ไม่นาน ท่านจึงตอบว่า ยันต์นี้ได้มาเพราะตนเองนับถือพ่อพระพิฆเณศอยู่แล้วแต่หาอาจารย์ที่จะทำการสักยันต์ให้ไม่ได้ พอดีไปเจอผู้ครองร่างทรงเป็นเทพพระแม่อุมาแนะนำตอนประทับทรงว่าให้ไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งสามารถประทับร่างพระพิฆเณศทรงได้และสักแล้วเสมือนมีร่างพระพิฆเณศอยู่จริง ภาษาสักยันต์เรียกว่าสักแล้วของขึ้น อาจารย์ท่านนี้ชื่ออาจารย์เสือ พอขึ้นชื่ออาจารย์เสือปุ๊ป ตัวผู้เขียนเองเลยเอะใจ ว่าจะเป็นอาจารย์ท่านเดียวกับที่ตัวผู้เขียนนับถืออยู่หรือเปล่า ถามไปถามมาเป็นท่านเดียวกัน แต่ตัวผู้เขียนไม่เคยรู้เลยว่าอาจารย์เสือมีญาณพระพิฆเณศอยู่ในตัว เพราะท่านไม่เคยพูดถึง ตัวผู้เขียนเลยถามว่าแล้วร่างทรงรู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์เสือท่านสามารถสักยันต์พระพิฆเณศได้ และรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นผู้มีญาณพระพิฆเณศ นักธุรกิจท่านนี้ท่านบอกต่อมาว่า ผมก็ถามเหมือนกัน ร่างทรงตอบว่าอาจารย์เสือท่านนี้ไม่ธรรมดา มีคุณครูบาอาจารย์คอยคุ้มครองอยู่หลายท่าน หนึ่งในนั้นก็คือพระพิฆเณศนี้ด้วยองค์หนึ่งตัวร่างทรงมิเคยรู้จักอาจารย์เสือมาก่อนแต่สามารถบอกว่าอยู่ที่ไหนได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเข้าไปหาอาจารย์เสือในวันรุ่งขึ้นไปตามหาอยู่นานสองนานแต่ปรากฎว่าร้านยังไม่เปิด โทรไปหาเบอร์ตามหน้าร้าน คนดูแลท่านบอกติดกิจมาเย็น ต้องรอถึงเย็น แต่ตั้งใจอยากเจอมาก จึงอดใจรอ พอตอนเย็นตัวผมเองก็มายืนรอหน้าร้าน ก็เริ่มมีคนทยอยมารอกันเรื่อยๆ คนที่มายืนรอบอกว่าจะมาหาท่านต้องโทรนัด ถ้าไม่นัดล่วงหน้าท่านไม่ค่อยต้อนรับ เพราะงานท่านเยอะมากไม่มีเวลามากนัก พอคุยกันได้สักพักอาจารย์เสือท่านก็เดินมา ผมแปลกประหลาดมากเลย ไม่รู้คนอื่นคิดไหมนะแต่ผมเห็นครั้งแรกผมเห็นสิ่งที่คนอื่นอาจไม่เห็น ผมเห็นคนเฒ่าคนแก่อยู่รอบท่านไปหมดเลย และตัวท่านดูจะเหมือนเป็นพระพิฆเณศจริงๆ ผมเดินเข้าไปจับมือท่าน อาจารย์เสือยิ้มและบอกว่า รอนานไหมเดี๋ยวจะสักพ่อเขาให้นะใจเย็นๆ ผมตกใจทั้งๆที่ยังมิได้บอกใครเลย ว่าจะมาทำอะไร ผมรอคิวเพื่อไปนั่งคุยกับท่าน จนพักใหญ่จึงได้เข้าไป ผมถามท่านว่าทำไมไม่ไปหาสถานที่ใหญ่หน่อยจะได้ต้อนรับคนได้เยอะกว่านี้ ได้ข่าวค่าเช่าที่นี้ไม่ถูกเลยห้องหนึ่งเกือบสองหมื่นเพราะอยู่ในห้าง ท่านตอบว่าอย่างนี้ละดีแล้วทำอะไรโปร่งใส่ ไม่ต้องไปหลบๆซ่อนๆ ให้คนเห็นไปเลย ของจริงก็ย่อมเป็นของจริงวันยังค่ำ ดีไม่ดีอย่างไรมาคุยกันได้ไม่ต้องไปหนีหน้าใคร อยู่มันตรงนี้ละ ไปมาสะดวก ศิษย์ก็รู้สึกปลอดภัย และผมเลยถามต่อไปว่า รู้ได้อย่างไรในการมาครั้งนี้ ท่านตอบว่า การที่เรารู้อะไรบางอย่างล่วงหน้าก็มิจำเป็นต้องบอกใครว่าเรารู้ เพราะการทักหรือบอกกล่าวใครบ่อยๆไม่ได้เป็นผลดีเลย เป็นการล่วงละเมิดอนาคต สังเกตุว่าคนที่มีอาชีพทำนายทายทักคนอื่นมักมีความเจริญที่ไม่จีรังถาวร เพราะไปยุ่งเรื่องของคนอื่น คอยทักนั้นทักนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องดีอันใด คอยแต่ทำให้คนฟังไม่สบายใจหรือลุ่มหลงในคำชมไปเสียเปล่าๆ แถมแก้ปัญหาอะไรใครก็มิได้แล้วจะทักเขาไปทำไม ส่วนตัวเราแก้ให้ได้ก็แก้ปัญหาไปเลยดีกว่าจะมานั่งพูดไปทำไมยังไงก็ต้องให้แก้ปัญหาให้อยู่ดี คนทุกคนรู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีกรรมอะไรติดตัว เพียงแต่แกล้งที่จะลืม หรือไม่ยอมรับมัน ก็ทำให้มันสะสมและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นหนักๆเข้าก็ไปหาพระหาเจ้า ที่ดีก็ดีไปที่ไม่ดีก็โดนหลอก บางทีเสียทั้งเงินเสียทั้งตัวอย่างที่เป็นข่าวโดยทั่วไป ทำอะไรก็ต้องใช้สติเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่สติไม่มี แถมเสียสตางค์อีกต่างหาก เสียทั้งสติสตางค์ อย่างนี้มันก็แย่ ผมนั่งฟังท่านสอนอยู่นานจึงถามเรื่องราวส่วนตัวท่านว่า เห็นได้ยินว่าทางบ้านท่านทำธุรกิจเรื่องการส่งออกเครื่องประดับ ท่านหัวเราะ ยิ้มแล้วบอกว่าบุญเก่าบิดาเราแค่สานต่อให้เดินหน้า ผมจึงถามวิสัยทัศน์ในการทำงานเพราะทำธุรกิจส่งออกเหมือนกัน ท่านให้คำคมว่า ทำอะไรก็ตามให้มือสองข้างจับให้อยู่แบบดิ้นไม่หลุด ให้ตาทั้งสองข้างเห็นอยู่ตลอดเวลา ทำอะไรก็จะไม่ล้มเหลวลองเอาไปปฎิบัติดู ผมเอาไปนั่งคิดอยู่พักหนึ่งจึงเข้าใจ และนำมาใช้อยู่ทุกวันนี้ จริงอย่างที่ท่านว่าการทำงานแบบเราไม่มีเวลาดูแลเต็มที่มอบหมายงานให้คนอื่นทำหมด บางทีคนที่เราใช้ให้ไปทำอาจจะไม่มีความรู้ความสามารถเหมือนเราถึงมีเหมือน เขาก็ไม่รักงานเหมือนกับที่เรารักงานของเรา เขาอาจทำไม่เต็มที่สิ่งที่กลับมาอาจไม่ดีเหมือนเราทำเอง ถ้าเราไม่ดูแลอย่างทั่วถึงเพราะตาทั้งสองข้างเรามองไม่ได้ทั่วธุรกิจเราเองและจะแน่ใจได้หรือว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ทุกวันนี้ผมทำงานแบบงานทุกอย่างเอกสารทุกแผ่นอย่างน้อยต้องผ่านมือผมทุกใบ กลับมาถึงเรื่องการสักยันต์ ท่านได้ทำการสักยันต์รูปพระพิฆเณศให้ท่านอาจารย์เสือสักให้ไม่เจ็บมากเท่าไหร่แต่ใช้เวลานานพอสมควรเพราะละเอียดมาก ผมรู้สึกตัวเย็นเหมือนลอยได้ตลอดเวลา จนเหมือนมีเสียงลอยมาในหูเป็นภาษาอินเดียตลอด จนท่านเป่าทีเดียวสะดุ้งตื่น ครั้งนี้รู้ได้เลยว่ามีของอยู่กับเราจริงๆนะ นักธุรกิจผู้นี้ภูมิใจเสนอโชว์อย่างภาคภูมิใจ ตัวผู้เขียนเลยถามต่อไปว่าแล้วมี ผู้มีร่างทรงมาสักยันต์กับท่านอาจารย์เสือเยอะไหม ท่านตอบว่าก็มีหลายๆท่านนะที่มีชื่อเสียงในวงการทรงร่างก็เยอะ อาจเป็นเพราะหลายๆท่านที่สักไปต่างบอกว่ามีบารมีเพิ่มขึ้นร่างประทับได้บ่อยครั้ง มีสมาธิดีขึ้นซึ่งเป็นเรื่องแปลก ได้ถามๆไปเหมือนกันว่าสักไปเพื่ออะไร หลายท่านตอบคล้ายๆกันว่าเหมือนเรายึดร่างท่านไว้ที่ตัวคือการสักรูปท่านลงตัวโดยมียันต์กำกับปลุกเสกโดยผู้มีวิชาและมีญาณเทพแล้วนั้นจะทำให้องค์ต่าๆที่มาประทับนั้นลงได้บ่อยๆและง่ายขึ้น เหมือนเรามีรูปติดตัวเป็นสัญลักษณ์ในการนับถือองค์ต่างๆ อย่างร่างทรงที่ผมนับถืออยู่นั้นก็ไปให้อาจารย์เสือสักพระแม่อุมาลงตัวให้หลังจากที่ผมไปไม่นาน พอกลับมาตำหนักร่างคนนี้บอกว่าไม่เคยเห็นแม่ลงมาเต็มองค์ขนาดนี้เลย แรงไปหมดทั้งตัวจนบางทีร่างตัวรับไม่ไหว อาจารย์เสือท่านนี้ไม่ธรรมดาเลย ตอนนี้ท่านดังมากในหมู่ผู้มีร่างทรง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากในวงการร่างทรงเพราะท่านเป็นต้นกำเนิดการรับพานรับขันร่างทรงของคนมีชื่อหลายท่านทั้งดารานักร้องนักธุรกิจชื่อดัง ท่านยังเดินทางมาหาอาจารย์เสือแบบเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่าท่านคุยเรื่องอะไรกัน แต่ท่านทั้งสองคนนี้เคยเจอกันในงานไหว้ครูที่หนึ่งและสนิทสนมแรกเปลี่ยนวิชากัน พระเกจิอาจารย์รูปนี้เคยชมอาจารย์เสือต่อหน้าศิษย์ของท่านนับพันในงานไหว้ครูของท่านว่าอาจารย์ท่านนี้ของจริง ครูท่านแรงมาก มาทุกองค์ ใครมีปัญหาอันใดเกินความสามารถของอาตมาละก็ไปหาท่านอาจารย์เสือได้เลย อาจารย์เสือเป็นผู้รอบรู้หลายทาง เรื่องกางงาน ธุรกิจ หรือว่าเรื่องความรักท่านแก้ไขได้หมด ในวันนั้นที่อาจารย์ชื่อดังทั้งสองสายมาเจอกันเป็นคำถามที่ศิษย์ทุกคนอยากรู้ว่าพระเกจิชื่อดังท่านนี้มาหาอาจารย์เสือเรื่องอะไร แต่มีข่าววงในหลุดออกมาว่า พระเกจิรูปนี้มาให้อาจารย์เสือสักยันต์ให้ เป็นยันต์เมตตา ก็ต้องคอยดูกันว่ายันต์อะไรเพราะได้ข่าวว่าสักหมึก ถ้าอาจารย์เสือไม่เก่งจริงขนาดพระท่านใส่ผ้าเหลืองมากลางห้างเชียวหรือ! พอคุยได้พักใหญ่ดูเวลาผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว จึงลองชวนท่านไปหาอาจารย์เสือด้วยกัน โทรเช็คเรียบร้อยว่าอาจารย์ว่างจึงขับรถกันไป เจอคนเข้า***ู่ไม่มากนักเป็นโอกาศดีที่จะได้เข้าหา ท่านบอกว่าช่วงนี้พยายามรับศิษย์ให้น้อยลงเนื่องด้วยภาระเรื่องงานที่บริษัทและกิจธุระข้างนอกมากมายที่ศิษย์เชิญไปทำให้ไม่มีเวลาให้ศิษย์ที่นัดมาเจอที่ร้านจึงนัดมาที่ร้านให้น้อยลง ตัวผู้เขียนจึงขอฝากข่าวมา ณ ที่นี้ด้วยศิษย์ท่านใดที่ต้องการไปให้ท่านช่วยเหลือโปรดนัดล่วงหน้า ส่วนทุกวันพฤหัสครอบครูสายสักยันต์เหมือนเดิม ตัวผู้เขียนได้พูดคุยเรื่องต่างๆที่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องคนทรงเจ้า เพราะท่านอาจารย์เสือไม่เคยเล่าเรื่องนี้เลย ท่านบอกว่าก็มีมาทุกวันละแต่ตัวผู้เขียนมิได้สังเกตุเอง ท่านเหล่านี้ที่มีญาณเทพในตัวจะไม่บอกใครหรอกนะว่าตัวเองมีจะมาหาอาจารย์กันเงียบๆมาบอกว่าตัวเองมีญาณท่านใดก็สักให้ไป ส่วนเรื่องตัวอาจารย์ท่านมีญาณพระพิฆเณศด้วยหรือท่านยิ้ม แล้วเอยว่าท่านก็เป็นครูท่านหนึ่งซึ่งตัวเราเองนับถือท่านตอบสั้นๆแค่นั้น ตัวผู้เขียนถามว่า การสักยันต์เทพแตกต่างจากการสักยันต์ทั่วๆไปอย่างไร ท่านตอบว่าโดยพื้นฐานแล้วก็คล้ายๆกันแตกต่างกันที่การสักองค์เทพลงตัวนั้นผู้ที่ทำการสักยันต์ต้องมีบารมีพอที่จะอัญเชิญองค์ทำมาประทับได้คล้ายๆกับการรับพานรับขันแตกต่างกันตรงที่รูปองค์จะประทับตัวเราไปตลอดเวลาทุกๆชาติไปเหมือนการมีปาน มีไฝ แสดงถึงเหตุการณ์หรือความสัมพันธ์ต่างๆ ช่วงนี้ก็มีองค์เทพมาสักกันเยอะทั้งน้ำมันซึ่งสักแล้วไม่เป็นรอยใดๆทั้งสิ้นสองสามวันก็หาย หรือถ้าเป็นหมึกก็จะเป็นรูปภาพลายหมึกตลอดไป ตัวผู้เขียนถามต่อไปว่าส่วนมากนิยมสักหมึกหรือน้ำมันแล้วรูปองค์ส่วนใหญ่นิยมองค์ใดมากที่สุด ท่านตอบว่าก็พอๆกันนะ ส่วนองค์ที่มาขอให้สักมากก็มีพระพิฆเณศ พระแม่อุมา พระนารายณ์ และหลายๆท่าน ที่แปลกหน่อยก็มีกวนอูก็มานะ พึ่งกลับไปเมื่อกี้สักไปรำไปกว่าจะเสร็จร้านเกือบพัง คนส่วนใหญ่ที่นิยมและศรัทธาทางเทพก็จะมาขอความช่วยเหลือเยอะ เพราะหลายๆคนไม่มีความรู้ทางด้านนี้แนะนำกันผิดๆจนเกิดปัญหามากมาย บางคนชีวิตแย่ลง บางคนตกต่ำ เพราะฉะนั้นอาจารย์ขอเตือนสติไว้นิดดูให้แน่ใจอย่ากลัวที่จะถาม อย่างมงายที่โดนทักโน่นทักนี้ขอให้มีสติไตร่ตรองดู ส่วนอาจารย์ที่ยังคงอยู่ตรงนี้ได้เพราะเราได้เรียนจากผู้รู้จริงทำจริง จึงทำให้เห็นผลชัดเจนไม่ใช้อ่านหนังสือมาสองสามเล่มแล้วจะมาบอกต่อกันไป การจะเข้าถึงเทพได้นั้นไม่ใช่การจุดกำยานหรือเปิดเพลงสรรเสริญเพียงอย่างเดียว ดูอย่างพวกถือศีลพราหมณ์หรือโยคีสิ ไม่เห็นต้องจุดกำยานมากมายหรือมาเปิดเทปเพลงอิเดียกันดังลั่นบ้าน พวกเขาเหล่านี้กับติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้าของเข้าได้โดยใช่จิตที่สงบและความอดทนในการฝึกจิตให้เข้มแข็ง โดยการเพ่งไฟเป็นการทรมาณตนให้หลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด จะเห็นได้จากเวลาร่างทรงประทับทรงก็จะแสดงอาการต่างๆในการทรมาณตนเองให้เห็นถึงความหลุดผลการการเป็นมนุษย์อย่างเราๆ การเปิดเพลง จุดกำยานเป็นการสรรเสริญแต่มิได้เป็นการเข้าถึง ถ้าท่านใดอยากเข้าถึงองค์เทพมาปรึกษาอาจารย์เสือได้ ส่วนตัวผู้เขียนยังมีเรื่องเล่าอีกมากแต่ขอหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อนครั้งหน้าจะมาเขียนเล่าให้ฟังใหม่ ย้ำอีกครั้งถ้าท่านใดต้องการไปหาท่านอาจารย์เสือ โปรดนัดล่วงหน้าที่ คุณหมวย 09-4488-422 โทรหาเวลาบ่ายสามเป็นต้นไป อาจารย์เสือท่านอยู่ที่ทานตะวันบาร์ซ่า ข้างโรงพยาบาลนนทเวช ถามยามที่นั้นดูหรือร้านค้าก็ได้ว่าร้านสักยันต์อาจารย์เสืออยู่ที่ไหน ขอให้ทุกท่านสมหวังทุกประการ สาธุๆ



Posted by : สามเณรใจสิงห์ , Date : 2006-09-01 , Time : 03:58:49 , From IP : ppp-58.9.158.181.rev

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<