ความคิดเห็นทั้งหมด : 7

รายงานความคืบหน้าหนังเรื่องอาจารย์ใหญ่ 2


   น้องเอ๋ซึ่งเป็นฝ่ายจริยธรรมของสโมสรนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องอาจารย์ใหญ่และได้ร่วมหารือกับผู้กำกับน้องเขาได้อัดเทปการพูดคุยและได้ถอดเทปมามีเนื้อหาดังต่อไปนี้ครับ



Posted by : นายกสโมสรนักศึกษาแพทย์ , Date : 2006-08-10 , Time : 18:43:26 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 1


   ที่มาของภาพยนตร์ “อาจารย์ใหญ่”
“โครงการนี้ได้รับโจทย์จากบริษัทให้ทำหนังลึกลับเรื่องหนึ่ง จริงๆ ชอบตึกกรอส ของ อ. อุดากร แต่พอมาทำงานแล้วพบว่า develop เป็นหนังไม่ได้ อีกประการหนึ่ง คือ หนังเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเราไม่มีทุนสร้างมากขนาดนั้น จากนั้นมีการค้นคว้าข้อมูลเรื่องตึกกรอสเพิ่มแล้วจึงได้รู้เรื่องราวของอาจารย์ใหญ่เพิ่มขึ้น โดยส่วนตัวแล้วตนรู้สึกประทับใจว่าใครนะสามารถเสียสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นได้ โดยที่ตนเองก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อรับผลจากคุณความดีนี้ ทำอย่างไรหนังจึงจะเสนอออกมาได้โดยไม่กระทบความรู้สึก และทำอย่างไรให้คนดูได้รับ massage อันนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นหนังจึงต้องคงความเป็นหนังลึกลับสืบสวนอยู่บ้าง จึงต้องผูกเรื่องให้มี what if ขึ้นมาด้วย โดยในบรรดาอาจารย์ใหญ่ที่นอนเรียงรายอยู่ในห้องนี้ ถ้าสมมติว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่ง ถ้าคิดเป็นหนัง...ถ้าอาจารย์มีเหตุการณ์เสียชีวิตจากการฆาตกรรมแล้วถูกนำมาจัดวางอยู่ในห้องเรียน แล้วถ้าเขาพยายามสื่อสารกับนักเรียนที่เรียนตรงนี้เพื่อขอความช่วยเหลือให้ไปสืบหาสาเหตุการตายของเขาและจับผู้ร้าย อันที่ 1 เป็นการสื่อสารระหว่างอาจารย์ใหญ่ที่ไม่ได้มีความประสงค์จะบริจาคร่างกับนักศึกษาที่มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้ อันที่ 2 เป็นการสื่อสารระหว่างคน ... นักเรียนกับวิญญาณ กับการหาข้อเท็จจริง แล้วสุดท้ายก็ช่วยอาจารย์ให้ร่างนี้หลุดพ้นออกมาจากโรงดอง main หลักประมาณนี้”


Posted by : 1 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:44:46 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 2


   ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวอย่างไร
เป็นแนวสืบสวนลึกลับ แต่ด้วยวิธีการทางหนัง ในขั้นต้นจะต้องสร้าง crisis ขึ้นมาก่อนว่าทำไมนางเอก (ไหม) ต้องไปสืบสวน ดังนั้น จึงต้องมีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นก่อน ช่วงต้นของหนังนางเอกจะประสาทหลอนตอนที่เรียนกับอาจารย์ใหญ่แล้วมีวิญญาณตามมาหลอกหลอนเขา หลังจากนั้นครึ่งเรื่องเป็นต้นไปเป็นเรื่องของการสืบสวน อาจารย์มีบทบาทน้อยมาก ยกเว้นตอนท้ายที่เขาต้องเข้าไปช่วยอาจารย์ในบ่อดอง


Posted by : 2 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:45:22 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 3


   ฉากเปิดตัว
เป็นฉากของไหม หนังจะเล่าให้ลึกลับนิดๆ มีเรื่องของวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น หลังจากที่นางเอกถูกหลอน ปมของนางเอกคือการสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ ผู้กำกับจะใช้ dialog ช่วยเพื่อให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครก่อนที่จะเจออาจารย์ใหญ่ต่อไป เทคนิคการทำหนังจะสร้างให้ไหมจะมีปมในใจ คือ ทำแฟนตัวเองตายเมื่อปีก่อน แต่มีอาจารย์ประกิตคอยช่วยเหลือโดยนำศพไปดองเพื่อเป็นฆาตกรรมอำพราง หนังจะค่อยๆ ดำเนินไปสู่การคลายปมตอนท้ายเรื่อง ดังนั้น นางเอกจึงเหมือนมีปมเก็บซ่อนอยู่ในใจตลอดเวลา


Posted by : 3 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:46:06 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 4


   ฉากอื่นๆ
ฉากต่อมา จะเป็นอาจารย์เล่าให้กับเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาฟังถึงความเป็นมา กรรมวิธี และคุณความดีของอาจารย์ใหญ่ โดยกล่าวว่า “การอุทิศร่างกายนั้นเป็นความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ในวงการแพทย์นั้นถือว่าการเสียสละอุทิศร่างกายเพื่อให้ผู้อื่นศึกษาโดยที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเพื่อนำไปเป็นประโยชน์ เป็นการให้และการเสียสละที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรามาก เพราะถือว่าอาจารย์แต่ละท่านนั้นมีเจตนาที่จะสร้างกุศลธรรมครั้งสุดทายในชีวิต ทั้งนี้ อาจารย์แต่ละท่านไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนเป็นลาภยศหรือเงินทองใดๆ นอกจากการเสียสละให้กับพวกเราเท่านั้น”

ฉากที่นางเอกเข้าเรียน dissect และได้พบอาจารย์ครั้งแรก หนังพยายามทำให้คนดูเกิดปม เข้าใจไขว้เขวไปว่าเป็นเพราะไหมไปเปิดผ้าคลุมหน้าอาจารย์ก่อนเวลาอันสมควรหรือเปล่า จึงทำให้เธอเห็นภาพหลอนขึ้นมา แต่ฉากต่อมาจะคลายประเด็นนี้ โดยเล่าเรื่องว่าไหมเป็นลมในห้อง dissect เพื่อเคลียร์ว่าฉากดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไหมคิดเอง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และทุกฉากที่เกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ในเรื่องนี้จะเป็นลักษณะดังกล่าวทั้งสิ้น และถึงแม้ว่าไหมจะพยายามสื่อสารให้คนอื่นรู้ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

สำหรับฉากที่ไหมเห็นว่ามีคนจะมาบีบคอนั้น เป็นจินตนาการของไหมที่คิดไปเองเท่านั้น โดยในหนังไหมจะกลัวมาก...จนผงะไปชนกับเตียงอาจารย์ใหญ่ข้างๆ จนเตียงล้มลง ตรงจุดนี้ผู้สร้างต้องการสื่อว่าเหตุการณ์ที่ไหมเจอเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก ถึงขั้นที่ทำให้อาจารย์อาวุโสในคณะเพ่งเล็งว่าไหมมีความคิดที่ไม่เหมาะสมกับการเรียนแพทย์ เนื่องจากมีความเชื่อทางวิญญาณไม่ใช่วิทยาศาสตร์ จึงไม่ควรจะเรียนต่อ แต่มีอาจารย์ประกิตซึ่งเป็นอาของไหมช่วยไกล่เกลี่ยและรับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้

เหตุการณ์ดำเนินต่อไป จนวันหนึ่งไหมได้ไปเปิดดูหนังสืออนุสรณ์รุ่น รู้สึกคุ้นตากับภาพรุ่นพี่คนหนึ่งว่าคล้ายกับวิญญาณที่เธอเห็น การสืบสวนความจริงได้เริ่มต้นขึ้น กระทั่งไหมสืบหาบ้านของรุ่นพี่คนนั้นพบ เมื่อเข้าไปในห้องนอนของรุ่นพี่คนดังกล่าว ไหมได้เห็นตุ๊กตา แว่นตา รวมถึงหนังสือ Gross Anatomy ซึ่งหนังพยายามสื่อว่าเป็นสิ่งของเหมือนกับที่ตนเองมี เมื่อไหมสืบหาความจริงไปเรื่อยๆ จนมาที่หอพักที่มหาวิทยาลัยของรุ่นพี่คนดังกล่าว จึงได้ทราบความจริงว่าที่แท้รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนรัก (อีกคน) ของแฟนเธอที่ตายไปนั่นเอง

ไหมหวนนึกถึงภาพความทรงจำเหตุการณ์ที่แฟนของเธอตกบันได ซึ่งไหมคิดว่าต้นเหตุมาจากเธอเองและมันได้กลายเป็นความรู้สึกผิด (guilty) ที่ติดค้างในใจของเธอมาจนทุกวันนี้ ในตอนนั้น อาจารย์ประกิตช่วยเธอด้วยความหวังดี อำพรางคดีเพื่อปกปิดความผิดของหลานสาวโดยการนำศพไปดองเป็นอาจารย์ใหญ่

ต่อมา ไหมพยายามเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับศพของแฟนตนเองแต่ไม่สำเร็จ จึงไปปรึกษาอาจารย์ประกิต แต่อาจารย์คัดค้านเพราะเห็นว่าหากขุดคุ้ยเรื่องขึ้นมาตนเองจะพลอยมีความผิดไปด้วย หนังพยายามให้เห็นว่าไหมต้องต่อสู้ด้วยตนเองตามลำพัง และดูเหมือนว่าหาทางที่จะตามหาศพนั้นเลือนรางลงทุกที กระทั่งเจ้าหน้าที่ตึกกรอสได้เล่าความจริงให้เธอฟัง พร้อมกับบอกว่าวิญญาณที่ตามหลอกหลอนเธออยู่นั้นจะหมดไปได้เมื่อนำศพมาบำเพ็ญกุศล

เรื่องดำเนินมาถึงจุดไคล์แมกซ์ของเรื่อง.....เมื่อไหมเริ่มสืบค้นข้อมูลจากธุรการห้องศพได้เพิ่มเติมว่ารุ่นพี่ของเธอ...วิญญาณที่ร้องขอให้เธอช่วยเหลือนั้น ถูกปลอมแปลงประวัติเป็นผู้หญิงอีกชื่อหนึ่งที่ชื่อ “ดาหวัน” ....ซึ่งก็คืออาจารย์ใหญ่เตียงของไหมนั่นเอง เมื่อความจริงเริ่มปรากฏ อาจารย์ประกิตพยายามฆ่าไหมเพื่อปิดปาก แต่วิญญาณดาหวันได้เข้ามาช่วยไว้....พร้อมกับที่อาจารย์ประกิตพลาดตกลงไปในบ่อดองกลายเป็นอาจารย์ใหญ่เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาต่อไป

ตอนจบของเรื่อง จบด้วยฉากที่มีอาจารย์ใหม่มาสอนนักศึกษาในการศึกษาอาจารย์ใหญ่ต่อไป...


Posted by : 4 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:46:44 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 5


   หลังเสร็จสิ้นการฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง คณาจารย์และนักศึกษาได้มีการซักถามในหลายประเด็น ส่วนมากมุ่งเน้นไปในเชิงคุณธรรมจริยธรรมในวิชาชีพ และการบิดเบือนเนื้อหาบางตอนเกี่ยวกับขั้นตอนของผู้บริจาคร่างกาย รวมถึงสื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ที่ถูกท้วงติงว่าใช้ภาพและถ้อยคำไม่เหมาะสม โดยสรุปข้อเท็จจริงได้เป็น 2 ส่วน ดังนี้

1. ภาพยนตร์และบท แบ่งเป็น 2 ประเด็น ได้แก่
1.1) ชื่อเรื่อง เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์มีเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่น้อย แต่ผู้เข้าประชุมตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดจึงตั้งชื่อเรื่องว่า “อาจารย์ใหญ่” ในส่วนนี้ ทางผู้ผลิตเองยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่
1.2) ภาพลักษณ์ของอาจารย์แพทย์ เนื่องจากตัวร้ายในเรื่องนี้ คือ อาจารย์ ดังนั้น จะส่งผลในแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของอาจารย์แพทย์หรือไม่ ในส่วนนี้ ผู้ผลิตเห็นว่าในสังคม ในทุกอาชีพนั้นย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่เชื่อว่าแพทย์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแพทย์ที่ดี

2. การประชาสัมพันธ์ เป็นคนละส่วนกันกับงานสร้าง ดังนั้น ผู้ที่รับผิดชอบด้านนี้จึงมิใช่ผู้กำกับแต่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริษัทต้นสังกัด อาจารย์และนักศึกษาที่เข้าชมส่วนใหญ่เห็นว่าโปสเตอร์ที่ทางบริษัททำขึ้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก สื่อไม่ตรงไปตรงมากับเนื้อหาในหนัง (distortion) และทำให้ผู้เห็นโปสเตอร์มองภาพของอาจารย์ใหญ่ผิดไป ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เหตุผลว่าเป็นหลักการของการทำสื่อว่าจำเป็นต้องสื่อถึงหัวใจของเรื่องและดึงดูดความสนใจของผู้ที่ได้พบเห็น

ในการนี้ ผู้เข้าประชุมได้ร่วมกันเสนอแนะแนวทางแก้ไข ดังนี้
1. ในภาพยนตร์ควรมี title, subtitle หรือตัววิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ในส่วนนี้ผู้กำกับเห็นด้วย และรับปากว่าจะดำเนินการต่อไป
2. หลังจบภาพยนตร์ ให้มีสารคดีเรื่องจริงของอาจารย์ใหญ่ ในลักษณะของการให้ความรู้ประชาชนเช่นเดียวกับรายการกบนอกกะลา
3. การทำโปสเตอร์ของบริษัทและสื่ออื่นต่อจากนี้ ควรให้ภาพพจน์ที่เป็นจริงในเชิงบวก

โดยสรุป ตัวแทนบริษัทสหมงคลฟิล์มได้รับเอาประเด็นต่างๆ กลับไปทบทวนและประชุมที่บริษัทต่อไป ในประเด็นที่ถูกท้วงติงมา ขอให้ผู้เข้าประชุมทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งมาทื่ต้นสังกัดเพื่อพิจารณา


Posted by : 5 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:47:25 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 6


   สำหรับข้อสรุปของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย (สพท.) ที่ได้ประชุมกันหลังจากนั้น มีดังนี้
1. จัดทำเอกสารชี้แจงรายละเอียดการประชุมครั้งนี้
2. ส่งหนังสือแสดงความคิดเห็นถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัทสหมงคลพิล์ม แพทยสภา และ กบว.


ส่วนรายละเอียดและความเคลื่อนไหวอื่นนั้น ทางสพท.คงจะแจ้งให้ทราบต่อไป


Posted by : 6 , Date : 2006-08-10 , Time : 18:47:59 , From IP : 172.29.4.231

ความคิดเห็นที่ : 7




   ดูโคตรเอ็งเลยดีกว่าแยะ

Posted by : 7 , Date : 2006-08-10 , Time : 19:27:51 , From IP : 172.29.4.202

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<