ความคิดเห็นทั้งหมด : 66

ทำไมนศพ.ชอบกลับบ้าน ตอนประชุมวิชาการ


   ได้ข่าวมาว่า นศพ.กำลังตีตั๋วกลับบ้านกันในช่วงที่คณะแพทย์จัดประชุมวิชาการ ถามจริงๆ ไม่สนใจจะเข้าไปฟังกันบ้างหรือไง แล้วที่คณะเขาอุตส่าห์งดการเรียนการสอนให้ เพื่ออะไร

Posted by : อยากรู้จริงๆ , Date : 2006-08-03 , Time : 21:48:48 , From IP : 172.29.5.86

ความคิดเห็นที่ : 1


   เพื่อให้พวกเราได้กลับบ้านไงคับ

Posted by : ก็ตออบจิงๆ , Date : 2006-08-03 , Time : 21:55:37 , From IP : 172.29.4.193

ความคิดเห็นที่ : 2


   มี evidence base รึป่าว คนอยู่ฟังก็มีเยอะ พูดเหมารวมไม่ดีนะครับ

Posted by : jah , Date : 2006-08-03 , Time : 22:04:22 , From IP : 172.29.4.87

ความคิดเห็นที่ : 3


   เราไม่เคยขาดงานประชุมสักครั้ง และครั้งนี้เราก็ตั้งใจมากว่าเราจะมาเข้าร่วมงานประชุมวิชาการอย่างแน่นอนค่ะ คุณ"อยากรู้จริงๆ"อย่ามองนักศึกษาแพทย์ในแง่ negative อย่างนี้สิค่ะ

Posted by : หนูหิ่น , Date : 2006-08-03 , Time : 22:09:10 , From IP : 172.29.4.179

ความคิดเห็นที่ : 4


   การประชุมเริ่มวันที่ 16 ไม่ใช่เหรอครับ มีเวลากลับบ้านตั้งหลายวันแน่ะ กลับมาอีกรอบก็ทัน ไม่เห็นน่าแปลกตรงไหนเลย คุณอยากรู้จริงๆ ทราบข้อมูลนี้รึเปล่าครับ อย่าด่วนสรุปสิ

Posted by : แวบมาเห็น , Date : 2006-08-03 , Time : 22:35:34 , From IP : 172.29.4.173

ความคิดเห็นที่ : 5


   คนที่เข้าฟังก็มีเยอะนะครับ เอาความรู้สึกส่วนตัวซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่ามาลงนี่ บางทีก็ทำให้คนอื่นถูกมองไม่ดีไปด้วยนะครับ

Posted by : พี่หมี , Date : 2006-08-03 , Time : 22:38:57 , From IP : 172.29.4.162

ความคิดเห็นที่ : 6


   ดูจากที่เซ็นชื่อก็ได้ว่าใครมาบ้าง แต่ก็ได้ระดับหนึ่ง เพราะนศพ.ส่วนหนึ่งเห็นว่าการเซ็นชื่อแทนกันเป็นเรื่องปรกติ คงต้อง scan นิ้วมือจึงจะแม่นยำ

การประชุมนี้ตั้งใจให้นศพ.ได้รับความรู้กว้าง จากวิทยากรทั้งในและนอกคณะ หลายเรื่องมครั้งเดียวในชีวีตการเรียนแพทย์

ระบบนี้เป็น Self-directed แบบหนึ่ง แต่คนไม่น้อยชอบให้บังคับถึงจะทำ เอามาออกสอบจึงจะสนใจ คณะ-อาจารย์-ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียม/จัด ก็ถอนหายใจ-เหนื่อยหน่ายกับปรากฏการณ์นี้ที่เกิดขึ้นทุกปี ๆ

หลายคนเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าจะได้รับความรู้หรือไม่ เขาได้สบาย แสดงตัวให้ได้รับการประเมินจากผู้ประเมินดี ๆ ท่องโพยให้มากพอ ได้เกรดไม่น่าเกรียดนัก เขาก็พอใจแล้ว ขอให้ได้จบแพทย์ แล้วมอ.ก็เป็นทางผ่านเขาเท่านั้น

ดังนั้น คิดแล้วก็.... ทำใจเถอะโยม... ดีไหม

ปัจจุบันชั้นปีหนึ่ง ๆ เกือบ 200 จะคาดหวังให้เกือบทั้งหมด หรือทั้งหมด สนใจ ใฝ่รู้ มีความรู้ และทักษะที่จะเป็นหมอที่ดูแลคนไข้ได้มีประสิทธิภาพในอนาคต คงอาจเกิดขึ้นไม่ได้เสมอไป แม้ว่าอาจารย์ทั้งหลายหวังให้เกิดเช่นนั้นกับนศพ.ที่อนาคตจะเป็นแพทย์ทุกคน


Posted by : ไม่ยาก , E-mail : (หากจะหาข้อมูล) ,
Date : 2006-08-03 , Time : 23:20:49 , From IP : 61.19.65.193


ความคิดเห็นที่ : 7


   เจ้าของกระทู้ นี่ช่างเป็นคนที่โลกแคบจัง

บางทีความคิดของเจ้าของกระทู้ที่ว่า มีแต่คนตีตั๋วกลับบ้าน ไม่เข้าฟังบรรยาย อาจจะเกิดจาก
1. เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ที่อยากกลับเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้
2. อยู่ในกะลาที่มีแต่คนจะกลับบ้าน
3. อิจฉาที่คนอื่นได้กลับ แต่ตัวเองมีอุบัติเหตุที่กลับไม่ได้
4. คิดแต่ในแง่ร้าย เพราะอย่าลืมว่ามันหยุดตั้งแต่วันที่12 13 14 15 เค้าอาจจะกลับมาเข้าตั้งแต่ วันที่ 16 ก็ได้
5. ความจริงไม่ได้คิดอะไร มือว่าง อยากให้เกิดประเด็นพิพาทในกระทู้เล่นๆ

คงต้องลองไปcheck IP ดูซักที อยากรู้จิงว่าใครช่างเปิดประเด็นล่อเป้า

IP : 172.29.5.86


Posted by : เบื่อพวกมือคัน , Date : 2006-08-04 , Time : 01:47:35 , From IP : 172.29.4.142

ความคิดเห็นที่ : 8


   เหอๆ...สมัยผมอยู่ชั้นพรี-คลินิก เคยพยายามไปเข้าประชุมวิชาการหลายๆครั้ง

แต่ผลสุดท้ายแทบไม่ได้อะไรกลับมาเท่าไหร่ เพราะว่าเนื้อหาส่วนใหญ่นั้นเอื้อต่อ

การเรียนการสอนในชั้นคลินิกมากกว่า เรื่องของภาษาที่ใช้หรือเนื้อหาในการ

ประชุม เรื่องของชื่อยาที่มักใช้ชื่อทางการค้า สรุปแล้วผมว่าบางอย่างมันก็ยากเกิน

ไปสำหรับชั้นพรี-คลินิกนะ แต่ยังไงผมก็เข้าประชุมนะครับ


Posted by : Yorestinowa , Date : 2006-08-04 , Time : 01:56:36 , From IP : 210-86-142-200.stati

ความคิดเห็นที่ : 9


   เบื่อคนประเภทเจ้าของกระทู้นี่จัง

วันๆเอาแต่จะนั่งจับผิดผู้อื่น

ทำไมถ้าเพื่อนคุณไม่ดีจริง คุณไม่เดินเข้าไปตักเตือนเค้าล่ะ จะมาตั้งกระทู้ล่อแสงอะไร

สงสัย จขกท. จะเป็นญาติกับทักษิณ ที่เป็นศัตรูกับความสมานฉันท์

เจอกันวันประชุมวิชาการเพื่อนๆ


Posted by : จขกท.ขี้อิจฉา , Date : 2006-08-04 , Time : 02:01:54 , From IP : 172.29.4.180

ความคิดเห็นที่ : 10


   จขกท คง ต้องเอาหลักฐาน มาแสดง คนถึง เชื่อในสิ่งที่ตนเองพูด
แต่ สมัยนี้ ถ้าไม่ จำนนด้วย หลักฐาน ก็ไม่ยอมรับง่ายหรอกครับ
อ้อ
ขอเตือนหน่อยนะ การจะเข้าไป ตักเตือน เพื่อนที่เป็นคนขี้เกียจ ระวังโดน สวนกลับมาว่า
มันเป็นเรื่องของ ข้าพเจ้า


Posted by : guru , Date : 2006-08-04 , Time : 08:37:56 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 11


   อย่าใส่ใจกับกระทู้เช่นนี้เลย ไม่สร้างสรรค์ แต่สามารถดึงดูดให้พวกเราหลงอ่าน หลงอารมณ์เสีย เสียเวลาปล่าวๆ ปิดกระทู้นี้กันเถอะ

Posted by : duchy , Date : 2006-08-04 , Time : 10:26:26 , From IP : 172.29.3.103

ความคิดเห็นที่ : 12


   ก็เค้าไม่อยากฟังนี่ (เค้าอาจคิดว่าฟังไม่รู้เรื่องก็ได้ ) SDL ไม่มีบังคับอยู่แล้ว

Posted by : . , Date : 2006-08-04 , Time : 11:09:13 , From IP : 203.172.100.192

ความคิดเห็นที่ : 13


   ขออนุญาติตอบแบบโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัวนิดนึงนะคะ
เพราะว่าก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเข้าฟังประชุมวิชาการเลย และปีนี้ก้คงจะด้วยค่ะ
ที่ไม่เข้าไม่ใช่ว่าไม่เห็นความสำคัญของกิจกรรมที่จัดนะคะ
ใจจริงๆก้อยากอยู่เข้าฟังแหล่ะค่ะ(ก็รู้น่ะค่ะว่ามีประโยชน์) แต่ความอยากกลับบ้านมันมีมากกว่า ต้องเห็นใจคนที่บ้านอยู่ไกลบ้างนะคะ แล้วก็ยิ่งเรียนหมอด้วยก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ได้กลับบ้านเท่าไหร่ เมื่อมีช่วงเวลาที่ว่าง (ถือว่าว่างนะคะ เพราะไม่ได้มีการเรียนการสอน)ที่ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายวันแบบนี้ ก็คงต้องขออนุญาติใช้เวลานี้กลับบ้านไปหาพ่อแม่บ้างนะคะ อีกอย่างคนบ้านไกลการกลับบ้านแต่ละครั้งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ กลับบ่อยๆก็คงไม่ได้ นานๆทีถึงจะได้กลับทีนึง จะกลับทั้งทีก็ขออยู่บ้านหลายๆวันให้หายคิดถึงหน่อย ไม่ได้ขอมากหรอกค่ะ แค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง

ปล. ที่ตอบแบบนี้จะมองว่าตอบเข้าข้างตัวเอง หรือเห็นแก่ตัวก้ได้นะคะ แต่ความคิดถึงบ้านมันเป็นเรื่องของจิตใจที่คนบ้านไกลหลายๆคนรู้ดี


Posted by : คนบ้านไกล , Date : 2006-08-04 , Time : 14:02:10 , From IP : 172.29.4.116

ความคิดเห็นที่ : 14


   โอ๊ย นี่ๆ พวกที่เข้ามาตอบนี่ร้อนตัวหรืออย่างไรจ๊ะ มาว่าคนตั้งกระทู้ซะเป็นคุ้งเป็นแคว เราก็เห็นกลับๆกันทั้งนั้นแหละ อย่าทำมากระแดะหน่อยเลย ไม่เค๊ย ไม่เคยค่ะ หนูอยู่ทุกปีไม่เคยกลับ หนูขยันค่ะ อยากได้ความรู้มากๆ หนูๆๆ...ฯลฯ คนที่บอกว่าอยู่ประชุมน่ะ ช่วยแหก ocdcular ออกดูซักนิดนะ กลับกันจะหมดคณะอยู่แล้ว อย่าว่าแต่คนที่กลับเลย คนที่อยู่น่ะ ถามซักคำสิ เอาแบบตอบจริงใจนะ อยู่เพราะอะไร? เพราะอยากประชุมเพื่อความรู้ หรืออยู่เพราะว่าไม่รู้จะกลับบ้านทำไมน่าเบื่อ, อยู่เดินงานเกษตรดีกว่า, อยู่เที่ยวกับแฟน etc.
สรุป...เราว่าคนตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มี negative attitude นะ เขาแค่เอาความจริงมาพูด หรือคุณว่าไม่จริง.


Posted by : itchmuS , Date : 2006-08-04 , Time : 14:16:52 , From IP : 192.168.41.54

ความคิดเห็นที่ : 15


   ไม่เข้าใจนะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ใครอยากกลับก็กลับดิ ไม่เห็นเป็นไรเลย เค้าไม่ได้บังคับนี่ ก็เห็นด้วยกับคนที่บ้านอยู่ไกลๆ อ่ะ แต่คนบางพวกกลับไม่ได้แต่อยากกลับก็เลยมาบ่นไง

Posted by : เราก็ไม่ได้กลับ แต่ไม่บ่นอ่ะ เ , Date : 2006-08-04 , Time : 15:04:14 , From IP : 172.29.4.124

ความคิดเห็นที่ : 16


   ปีหน้าคงมีจัดให้มีการเรียนตามปกติ และไม่มีวันหยุด

Posted by : นกน้อย , Date : 2006-08-04 , Time : 17:18:49 , From IP : 172.29.2.111

ความคิดเห็นที่ : 17


   ดูแลพ่อแม่คนอื่นมาตั้งเป็นปี ขอกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ตัวเองซักสองสามวันนี่ผิดมากเลยเหรอครับ

Posted by : 12 สิงหาก็คงไม่ได้กลับ T-T , Date : 2006-08-04 , Time : 17:32:25 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 18


   คห17 ตรงประเด็นเลย
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่ส่งลูกมาเรียนแล้วไม่ได้กลับบ้านเลยประมาณครึ่งปี คุณรู้สึกอย่างไร
นอกจากจะเป็นนศพ.แล้วพวกเราก็เป็นคนนะครับ มีความคิดและจิตใจ


Posted by : นศพ. , Date : 2006-08-04 , Time : 20:19:07 , From IP : 172.29.4.178

ความคิดเห็นที่ : 19


   เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 17 มากๆ

ใครจะอยู่ ใครจะไม่อยู่ ก็น่าจะอยู่ในดุลพิจารณาของเค้า โตๆกันแล้ว จึงอยากจะทราบว่า จขกท. จะมาตั้งกระทู้ทำไมไม่ทราบ

ตอนเด็กๆ คงชอบฟ้องคุณครูว่าเพื่อนไม่ทำการบ้าน


Posted by : คห.19 , Date : 2006-08-04 , Time : 21:10:43 , From IP : 172.29.4.203

ความคิดเห็นที่ : 20


   สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ครับ ความเห็นที่ 14


Posted by : ของพี่เค้าดีจริง ๆ , Date : 2006-08-04 , Time : 21:27:26 , From IP : 172.29.4.105

ความคิดเห็นที่ : 21


   เราก้อกลับบ้านนะ แต่มาฟังทุกปี อิอิ ก้ออยู่แถวนี้

Posted by : อิอิ , Date : 2006-08-04 , Time : 21:35:25 , From IP : 58.147.30.45

ความคิดเห็นที่ : 22


   ได้ข่าวมาว่า นับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปทางคณะจะไม่มีการหยุดเรียนในช่วงประชุมวิชาการ ยังให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ เนื่องจากการหยุด 1 สัปดาห์จะมีผลต่อการจัดการเรียนการสอน และการสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมขั้นที่ 2 MCQ ในปลายปีที่ 2และที่ 3 สอบ OSCE และ long case ในกลางปี 6 ที่จะต้องมีการสอบในเดือนมีนาคม

Posted by : หยุดเรียน , Date : 2006-08-04 , Time : 22:20:56 , From IP : 172.29.7.80

ความคิดเห็นที่ : 23


    ขอเสนอให้ คณะทำ จดหมาย ไปถึง พ่อแม่ ของ นศพ. ว่า
คณะ จัดการประชุม และ ไม่บังคับให้ นศพ ต้องเข้าฟัง
( อธิบายว่า เป็นการเรียนแบบ SDL )
หาก นศพ ต้องการกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ ก็ได้
แต่ขอให้ พ่อแม่ ทำ ใบรับรองพ่อแม่ ( เลียนแบบ ใบรับรองแพทย์ ) ว่า นศพ......... ได้กลับมาดูแล พ่อแม่ ตั้งแต่ วันที่...... ถึง วันที่..... เป็นความจริง

เพื่อจะได้ เป็นการสื่อสาร จาก อาจารย์ ถึง พ่อแม่ด้วย ไปในตัว
เพราะ เคยมี นศพ หายไม่มาเรียน เป็นอาทิตย์ๆ
ทางบ้าน ก็ไม่รู้ว่า หายไปใหน รูมเมท ก็ไม่รู้ อาจารย์ที่ปรึกษา ยิ่งไม่รู้


Posted by : guru , Date : 2006-08-05 , Time : 10:11:07 , From IP : 203.188.54.15

ความคิดเห็นที่ : 24


   ไม่อยู่ จะกลับบ้าน

Posted by : Mine 023 , Date : 2006-08-05 , Time : 10:28:13 , From IP : 172.29.4.84

ความคิดเห็นที่ : 25


   คนเราควรมีชีดจำกัดในการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นนะครับ
บางทีเรื่องส่วนตัวของเขาก็ไม่ควรไปก้าวก่าย
เป็นใครใครก็คงไม่ต้องการเช่นนั้น
อย่าลืมนะครับ
นศพ ก็เป็นคน และมีบ้าน มีพ่อแม่
และเขาก็เรียนกันแบบว่าไม่ได้กลับบ้านเลย
การที่ให้พวกเขาได้กลับบ้านบ้างไม่ดีหรอครับ
และการที่บอกว่าอาจจะไม่ได้กลับบ้านแต่ไปเที่ยวหรือไปไหนที่ไม่ใช่พ่อแม่
นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว
ทำไมหรอครับ
นศพ ไม่ควรมีความเป็นส่วนตัวบ้างหรอครับ
งั้นถ้าถามใหม่ว่าคุณรักพ่อแม่ไหม
แล้วถ้ารักคุณอยากกลับบ้านไปหาเขาไหม
ยิ่งเป็นวันแม่ด้วยอีก
ปล่อยเขาไปเถอะครับ
ยังไงๆเขาก็เป็นถึงนศพ มีความรับผิดชอบพอแหละครับ


Posted by : DreamCatcher , Date : 2006-08-05 , Time : 14:06:54 , From IP : 172.29.4.89

ความคิดเห็นที่ : 26


   และการที่บอกว่าอาจจะไม่ได้กลับบ้านแต่ไปเที่ยวหรือไปไหนที่ไม่ใช่พ่อแม่
นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว
ทำไมหรอครับ
นศพ ไม่ควรมีความเป็นส่วนตัวบ้างหรอ
ไม่ขอสอนนศพ ที่นี่แล้ว กลัวจริงๆ


Posted by : guru , Date : 2006-08-06 , Time : 09:47:48 , From IP : 203.188.3.106

ความคิดเห็นที่ : 27


   ผมคิดว่าด้วยจริงๆแล้วน่ะครับ

คนตั้งกระทู้เนี่ย เค้าคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้เรื่องหรอกครับว่า นศพ.กลับบ้านทำไม

แต่เชื่อว่าที่ตั้งมา มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่อาจจะแค่อยากป่วนบอร์ด

หรือมีปมด้อยอะไรภายในจิตใจ หรือมีภาวะทางจิตอะไรก็แล้วแต่

หรือเค้าอาจจะโง่จริงๆก็ได้ ปล่อยไปเถอะครับ


แต่อยากจะเสริมว่า กลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ เนี่ย พ่อแม่ของเราครับ

ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ อย่ามาเ สื อ ก


Posted by : Gu Ang , Date : 2006-08-06 , Time : 14:19:15 , From IP : 172.29.4.121

ความคิดเห็นที่ : 28


   ทะเลาะกันอย่างกัน หมู กับ หมา ไหนว่ารักกันไม่ใช่หรือ

Posted by : 0987 , E-mail : (096) ,
Date : 2006-08-06 , Time : 19:18:06 , From IP : 203.188.3.21


ความคิดเห็นที่ : 29


   
ผมคิดว่าด้วยจริงๆแล้วน่ะครับ

คนตั้งกระทู้เนี่ย เค้าคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้เรื่องหรอกครับว่า นศพ.กลับบ้านทำไม

แต่เชื่อว่าที่ตั้งมา มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่อาจจะแค่อยากป่วนบอร์ด

หรือมีปมด้อยอะไรภายในจิตใจ หรือมีภาวะทางจิตอะไรก็แล้วแต่

หรือเค้าอาจจะโง่จริงๆก็ได้ ปล่อยไปเถอะครับ


แต่อยากจะเสริมว่า กลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ เนี่ย พ่อแม่ของเราครับ

ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ ผมคิดว่าด้วยจริงๆแล้วน่ะครับ

คนตั้งกระทู้เนี่ย เค้าคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้เรื่องหรอกครับว่า นศพ.กลับบ้านทำไม

แต่เชื่อว่าที่ตั้งมา มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่อาจจะแค่อยากป่วนบอร์ด

หรือมีปมด้อยอะไรภายในจิตใจ หรือมีภาวะทางจิตอะไรก็แล้วแต่

หรือเค้าอาจจะโง่จริงๆก็ได้ ปล่อยไปเถอะครับ


แต่อยากจะเสริมว่า กลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ เนี่ย พ่อแม่ของเราครับ

ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ ผมคิดว่าด้วยจริงๆแล้วน่ะครับ

คนตั้งกระทู้เนี่ย เค้าคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้เรื่องหรอกครับว่า นศพ.กลับบ้านทำไม

แต่เชื่อว่าที่ตั้งมา มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่อาจจะแค่อยากป่วนบอร์ด

หรือมีปมด้อยอะไรภายในจิตใจ หรือมีภาวะทางจิตอะไรก็แล้วแต่

หรือเค้าอาจจะโง่จริงๆก็ได้ ปล่อยไปเถอะครับ


แต่อยากจะเสริมว่า กลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ เนี่ย พ่อแม่ของเราครับ

ไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ อย่ามาเ สื อ ก

Posted by : Gu Ang
Posted by : Gu Ang

Posted by : Gu Ang ครับ


สอน นสพ ที่ นี่ ชอบ คำนี้ เสือก จริงๆๆๆๆๆๆๆๆ

นับถือ ว่าที่ หมอ มอ. คนใหม่ จริงๆ


Posted by : guru , Date : 2006-08-07 , Time : 08:54:19 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 30


   คณะอื่นๆเค้าก้อกลับกันทั้งนั้นแหละ

Posted by : lolayy , Date : 2006-08-07 , Time : 12:22:52 , From IP : 192.168.170.202

ความคิดเห็นที่ : 31


    เผอิญ ภาษา อังกฤษ ผมไม่ค่อยดี รู้ แต่ คำว่าGuru แปลว่า ครู
ส่วนคำว่า

Gu Ang
แปลว่า อะไร ช่วยพูดเป็นภาษา พ่อขุนราม ก็ได้


Posted by : guru , Date : 2006-08-07 , Time : 17:30:22 , From IP : 203.114.117.206

ความคิดเห็นที่ : 32


   เอ ไม่เห็น คนมาตอบสักที
เลยไปเปิด ดิกชั่นนารี ของ ระดับ มัธยม
A อ่านออกเสียง ได้หลายเสียง เช่น อา แอ เอ
AE อ่านออกเสียง เสียงเดียว คือ เอ

อ้อ เมื่อวาน ได้อ่านหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่ง
เขียนว่า
ครู ก็เหมือน เด็กเลี้ยงควาย
คือ ต้อนฝูงควาย ไปที่หนองน้ำได้ แต่บังคับ ให้ควายทำอะไรมาก ก็ไม่ได้
เพราะ
ควายมันก็เป็นสิ่งมีชีวิต + มีสมอง( แต่มันอาจจะ สมองไม่ดีเท่ากับคน จึงคิดถึง อนาคต ที่นานๆออกไปไม่ได้ )

ควายที่ดี มันจะกินน้ำที่ยังสะอาดก่อน แล้ว จึงลงไปเล่นให้น้ำขุ่น ทีหลัง

แต่ควายที่ ดื้อ + โง่ จะลง ไปเล่นน้ำก่อน

อนาคต ควายที่ ดื้อ + โง่ คือ โรงฆ่าสัตว์
ควายที่ ฉลาด สอนได้ ฝึกได้ ชาวนา จะเลี้ยงใว้ใช้งาน


Posted by : guru , Date : 2006-08-08 , Time : 09:09:42 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 33


   แล้วไง ????????
ไม่ว่าอย่างไร ก็จะกลับบ้าน


Posted by : เด็ก กทม. , Date : 2006-08-08 , Time : 12:20:20 , From IP : 172.29.4.34

ความคิดเห็นที่ : 34


   ไม่ว่า ไง อยู่แล้ว
หว่าเมล็ดพืช ใด ย่อมได้ พืชนั้นอยู่แล้ว


Posted by : guru , Date : 2006-08-08 , Time : 12:57:48 , From IP : 203.188.38.181

ความคิดเห็นที่ : 35


   การกลับบ้านเนี่ย มันผิดมากเลยเหรอคะ
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำเหมือนกับว่ามันเป็นความผิดร้ายแรง


Posted by : นศพ.อยากกลับบ้าน , Date : 2006-08-08 , Time : 15:24:47 , From IP : 172.29.4.253

ความคิดเห็นที่ : 36


   การตัดสินใจส่วนใหญ่ใช้อารมณ์ตัดสินใจ และเราจึงค่อยหาเหตุผลมาสนับสนุน เช่นกันกับการกลับบ้าน ไม่ใช้ไม่อยากเรียนรู้สิ่งดีๆที่จะมีคนมาบรรยายให้ฟังเลยนะ พูดจริงๆแล้วอยาก อยากไปฟังมาก แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่รู้ถ้าไม่ได้กลับบ้านคราวนี้ จะได้กลับอีกทีเมื่อไหร่ ถ้ากลับบ้านไปช่วงเสาร์อาทิตย์แล้วกลับมาฟังต่อก็ไม่คุ้มค่าเครื่องบินที่ต้องเสีย 5000 บาทไปกลับ 2-3 วัน ไหนๆก็เรียนมานาน ปิดเทอมก็ไม่มีเหมือนกับคนอื่น วันหยุดก็ไม่ได้หยุด แล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านล่ะ มันก็เลยต้องชั่งกันระหว่างผลดีผลเสีย ทุกอย่างมีได้มีเสีย สำหรับเรา เราเลือกกลับบ้าน เพราะเวลาส่วนมากเรียนอยู่หาดใหญ่ ขอเวลาส่วนน้อย กลับบ้านไปหาพ่อแม่ที่รอคอยเรา

Posted by : บ้านไกล , Date : 2006-08-08 , Time : 16:26:55 , From IP : 172.29.4.37

ความคิดเห็นที่ : 37


   การกลับบ้านไม่ผิดอยู่แล้ว
ที่จริง ครู ก็ไม่ได้อยาก จะ เสือก เรื่อง ส่วนตัวหรอก
แต่
1.ต้องเข้าใจว่า การเรียน คณะแพทย์ ไม่เหมือนคณะอื่นอยู่เเล้ว การอ้างว่า
คณะอื่นๆเค้าก้อกลับกันทั้งนั้นแหละ แล้วใคร บังคับให้คุณมาเรียนละ
ถ้า หาก พ่อแม่ คุณบังคับ ก็ไปพูดคุย กับพ่อแม่คุณเอง

2. เรื่องการมี ประชุม แต้ นศพ ไม่เข้าฟัง ด้วย เหตุผล 108-1009
ลองเอาไป พูดกับ พ่อแม่ คุณดูว่า เหตุผล ของคุณ พ่อแม่คุณ รับฟัง และเห็นด้วยกับ ลูกหรือเปล่า ครู ขอแค่ ใบนับรองว่า คุณได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่จริง ( ใบรับรองพ่อแม่ ) เพราะ กลัวว่า คนบางคน อาจไปเที่ยว เข้าบ่อน เข้าซ่อง แล้ว ยังไปขอเงินพ่อแม่ บอกว่า ค่าตำราเยอะ เสียเงินไปในทางที่ผิด ( พูดแบบนี้ เดี๋ยว ก็คงโดนอีกว่า เสื้อก หนักหัวใคร )

สมัยก่อน ตอนที่ พ่อแม่ของครู พา ครูไปเรียนพิเศษ วันเสาร์ อาทิตย์
ท่านจะพูด กับครูว่า
ครูเหอ
ขอให้ครูคิดว่า ลูกฉาน เป็นลูกครู
ถ้า ลูกฉานทำผิด ให้ ตีมันได้เลย แล้วค่อยมาบอกฉาน
แต่
สมัยนี้ แม้แต่ สอนไม่เข้าหู ลูกศิษย์
ยังโดน สวนกลับมาว่า


เสือก

ขออวยพรให้เจริญ เจริญ แล้วกัน


Posted by : guru , Date : 2006-08-08 , Time : 17:21:08 , From IP : 203.188.38.181

ความคิดเห็นที่ : 38


   ส่วนตัวหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรอาจารย์ guru นะคะ
หนูก็เข้าใจค่ะ ว่าอาจารย์เป็นห่วงนักศึกษา
แต่จริงๆแล้วช่วงนั้นมันก็เป็นวันหยุดไม่ใช่เหรอคะ
เพราะฉะนั้นหนูก็เลยคิดว่านักศึกษาน่าจะมีสิทธิ์เลือกที่จะบริหารจัดการกับวันเวลาเหล่านั้นอย่างไร
ก็อาจจะมีบ้างแหละค่ะ ที่นักศึกษาบางคนอาจจะไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปเที่ยวแทน
ซึ่งหนูมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะคะ ถ้าตราบใดที่พวกเขายังไม่ทำอะไรเสื่อมเสีย
ถ้าก็อีกแหละค่ะ หนูก็เข้าใจอาจารย์ด้วยว่าถ้าหากเกิดเหตูการณ์อะไรขึ้นกับนักศึกษา
และผู้ปกครองไม่ได้รับทราบว่าบุตรหลานไม่มีเรียนและไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปเที่ยว
ทางผู้ปกครองก็คงต้องมาซักถามกับทางคณะอย่างแน่นอน ซึ่งก็เหมือนเป็นความรับผิดชอบของทางคณะ
แต่การที่อาจารย์เสนอความคิดให้มีจดหมายแจ้งผู้ปกครองและเซ็นต์รับรองการกลับบ้านจากผู้ปกครอง หนูไม่คิดว่ามันจะแก้ปัญหาได้เท่าไหร่น่ะค่ะ

ด้วยความเคารพ


Posted by : นศพ.อยากกลับบ้าน , Date : 2006-08-08 , Time : 19:30:33 , From IP : 172.29.4.253

ความคิดเห็นที่ : 39


   ดีใจที่ ยอมรับตรงๆว่า บางคนไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปเที่ยวแทน ที่เสนอให้ มี ใบรับรองพ่อแม่ ก็เพราะ เหตุนี้แหละ เราเอง ไม่ชอบคนที่มาขอใบรับนองแพทย์เหตุผล เพื่อ ไปเที่ยว เมา ทำงานไม่ใหว ปวดหัว มาขอหยุด สักวันเถอะถ้า ตัวเองก็ยังทำ คนอื่นก็ทำตาม

Posted by : guru , Date : 2006-08-08 , Time : 19:57:47 , From IP : 210-86-142-200.stati

ความคิดเห็นที่ : 40


   อยากกลับบ้านจัง T-T

Posted by : DogTor , Date : 2006-08-08 , Time : 20:09:53 , From IP : 172.29.4.229

ความคิดเห็นที่ : 41


   แต่ว่าอันนี้มันไม่เหมือนการขอใบรับรองแพทย์นะคะ อาจารย์ guru
ใบรับรองแพทย์....ขอเพื่อที่จะหยุดงาน
แต่ว่าอันนี้ได้หยุดอยู่แล้ว ไม่มีการเรียนการสอนนี่คะ
อาจารย์ช่วยชี้แจงจุดประสงค์ของการให้มีใบรับรองพ่อแม่หน่อยสิคะ


Posted by : นศพ.อยากกลับบ้าน , Date : 2006-08-08 , Time : 20:30:22 , From IP : 172.29.4.253

ความคิดเห็นที่ : 42


   ใบรับรองพ่อแม่ ก็เพื่อ คนที่ ชอบอ้างกลับไปดูแล พ่อแม่ จริงๆนะ
กลับไปจริงหรือหลอก จะได้ รู้สำนึกตัวว่า ทีด่าคนไข้มาขอใบรับรองแพทย์ลาป่วยการเมือง ตัวเองก็ทำ มันสมควร ด่า ตัวเองด้วยหรือเปล่า

ถ้าอยากกลับไป จริงก็ไม่ว่า
ขอแค่ ถือหนังสือไปอ่านที่บ้าน และ
คิดว่า ค่าเดินทางมันเท่าใหร เงินพ่อแม่ทั้งนั้น อย่าเผาเงินท่านเล่นๆ
ถ้า คิดถึงมากๆ ขอให้ ตั้งใจเรียน โทร ไปหาท่าน ทุกคืนก็ยังได้

ส่วน เรื่องการเรียน ช่วงเวลา การเป็น นศพ เป็น ช่วง ปีทองของการเล่าเรียน นศพ ทำผิด หมอ รุ่นพี่ และ ครูแพทย์ ต้องรับผิดชอบแทน
แต่เมื่อ คุณออกจาก รั้วสถาบันนี้แล้ว
คุณ ต้องรับผิดชอบ ลายเซ็นต์ และ การสั่งการรักษา ของคุณเอง ครูไม่ตามไปสนใจคุณหรอก จริงๆนะ

มันก็เหมือนที่ ครูเคยถูกสอนว่า
ครู ก็เหมือน เด็กเลี้ยงควาย
คือ ต้อนฝูงควาย ไปที่หนองน้ำได้ แต่บังคับ ให้ควายทำอะไรมาก ก็ไม่ได้
เพราะ
ควายมันก็เป็นสิ่งมีชีวิต + มีสมอง( แต่มันอาจจะ สมองไม่ดีเท่ากับคน จึงคิดถึง อนาคต ที่นานๆออกไปไม่ได้ )

ควายที่ดี มันจะกินน้ำที่ยังสะอาดก่อน แล้ว จึงลงไปเล่นให้น้ำขุ่น ทีหลัง

แต่ควายที่ ดื้อ + โง่ จะลง ไปเล่นน้ำก่อน

อนาคต ควายที่ ดื้อ + โง่ คือ โรงฆ่าสัตว์ เพราะ ไม่มี ใครอยากได้ ควายโง่ไว้ เพราะ มัน ดื้อ สอนไม่ฟัง และ ชอบชวน เพื่อนฝูงให้เล่นตามมัน
ควายที่ ฉลาด สอนได้ ฝึกได้ ชาวนา จะเลี้ยงใว้ใช้งาน

คุณว่า ตอนนี้ คุณ ควรจะเที่ยวเล่นก่อน แล้วค่อยหา ความรู้ในวันหลัง หรือ

ลองนึกถึงตอนที่ คุณ เรียน ชั้น ม 6 จะเตรียมสอบ เอนทรานส์
3 ปี ในตอน ม 4 - 5- 6 มันผ่านไปเร็วใหม
ชื่อเสียง ของ มหาวิทยาลัย และ อนาคต ของ ตัวคุณเอง
ครู ช่วยเธอได้แค่นี้ แต่ ครู บังคับ เธอไม่ได้หรอก


Posted by : guru , Date : 2006-08-08 , Time : 20:53:13 , From IP : 210-86-142-200.stati

ความคิดเห็นที่ : 43


   โอ มันจะอะไรกันนักหนา เหตุผลแต่ละคนที่จะกลับก็มีมากมาย กรุณาอย่าเหมารวมว่าไปเที่ยว ไปบ่อน ไปซ่อง ครับ
อย่าลืมว่าคนบ้านไกลก็มีเยอะ นานๆทีจะได้กลับ ยิ่งช่วงวันแม่ด้วย
คนบ้านใกล้ มีเยอะที่เขาอยากฟัง ไม่ต้องกลัวที่นั่งไม่เต็มหรอกครับ ถ้าเรื่องน่าฟัง คนพูดน่าเชื่อถือ ก็มีคนฟัง
เรื่องใบรับรองนี่ พูดได้คำเดียว "คิดได้ยังไงครับ" คงคิดอะไรที่ทุกอย่างเป็นเอกสารไปหมด ทำอะไรต้องมีหลักฐาน คนคิดนี่รับประกันได้ ไม่น่าจะโดนฟ้อง แต่ บางเรื่องช่วยดูความเป็นไปได้หน่อยครับ หมอ นศพ.มันก็คือคน มีเลือดมีเนื้อ นศพ.สอบผ่านเข้ามา ส่วนนึงก็ต้องสำนึกอยู่แล้วเรื่องคนไข้
จะว่าเป็น ควาย ก็ไม่ถูกต้องนัก
แต่ถ้าในสายตาบางคนเป็นอย่างนั้น ก็สุดแล้วแต่
เพราะ "ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน"

ผมอยากจะให้พวกเราทั้งหลายอย่าลืมแม่แท้ๆ ของเรานะครับ หมั่นเข้าไปคุยกับแม่ของท่านให้มากๆ เพราะอย่างน้อยท่านก็แก่แล้ว โอกาสที่จะอยู่กับพวกเรานั้นก็คงอีกไม่นานนะครับ และที่สำคัญคนที่จะเรารักจริงๆ นั้นคือ "แม่" ของเรานั่นเอง ไม่ใช่แม่คุณ นะครับ แค่ทำให้คุณแม่คุณยิ้มออก และปลาบปลื้มใจด้วยการเป็นคนดี มีศีลธรรม แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้วครับผม .


Posted by : ขอแสดงความโง่หน่อย , Date : 2006-08-08 , Time : 21:10:31 , From IP : 172.29.4.90

ความคิดเห็นที่ : 44


   ไปเที่ยว เข้าบ่อน เข้าซ่อง....เปรียนนักเรียนเป็นควายมั้ง อะไรกัน ทำไมถึงมองนักศึกษาแย่ขนาดนี้ค่ะ คณะเราเป็นคณะที่มีหัวสมอง มีความรู้ รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก หนูว่าคงมีคนทำแบบ guru ว่า ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่กลับบ้านนะค่ะ เพราะเท่าที่เห็น ที่กลับบ้านกันก็กลับบ้านกันจริงๆ และแบกหนังสือกลับไปด้วยทุกครั้ง ทำไม guru ถึงมี negative thinking อย่างนี้ล่ะค่ะ ทำไมถึงต้องเหมาว่านักศึกษาที่กลับบ้าน จริงๆไม่ได้กลับบ้านแต่ไปเที่ยวซ่อง โอ้โห guru จริงๆแล้วเคยทำอย่างนั้นหรือค่ะ ถึงได้คิดว่าคนอื่นจะเป็นแบบนั้น

Posted by : ไม่ชอบguru เลย , Date : 2006-08-08 , Time : 21:47:11 , From IP : 172.29.4.189

ความคิดเห็นที่ : 45


   ถามตรูก็จะตอบว่า

ต้องการเวลา ค่ะ และก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวสักนิดจากโอกาสที่แทบจะหาไม่ค่อยได้อยู่แล้วในช่วงการเรียนที่ผ่านมา

ตั้งแต่เรียนมาสองปีกลับบ้านเทอมละครั้ง ครั้งละไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แล้วก็ต้องกลับมาเคลียร์งานส่วนตัวที่หอพักต่อเพราะเปิดเทอมจะไม่ได้ทำ ต้องอ่านหนังสือ

เปิดเทอมก็อย่างที่บอก อ่านหนังสือทุกวัน วันไหนไม่ได้อ่านรู้สึกผิดแถมเครียดตอนช่วงใกล้สอบ สภาพจิตใจค่อนข้างย่ำแย่นะคะ (ตรูกังวลเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งตัวเองไม่เป็น Obsessive Compulsive ก็คงจะมีอาการพวก Paranoid หรือไม่ก็ Schizophrenia , Schizoid , Schizophreniform อะไรทำนองนี้ขึ้นสักวันใดวันหนึ่งถ้า Adjustment ไม่ดีพอ เฮ้อ เรียนๆไปเหมือนจะมี Major Depressive ตามมาหลอกหลอน นานเข้า Dementia มาทีเดียว สรุปทั้งหมดตูจะเรียนไปเพื่ออะไร? 5555 เสียดายไม่เป็น Anorexia จะได้ผอมๆ กะเขามั่ง)


งี้พอเห็นช่องทางจะมีเวลาว่างก็เลยอยากจะทำให้ว่างมากที่สุดจะได้กลับไปหาพ่อกับแม่บ้าง แล้วก็ได้มีเวลาเคลียร์ธุระส่วนตัวที่ค้างมานานตั้งแต่เปิดเทอมแล้วด้วย ที่จริงทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่ก็อยากทำ อยากมีเวลาไปเช่าการ์ตูนเช่านิยายมาอ่านให้เปรมๆ อยากมีเวลาไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง เหนื่อย

ที่จริงก็เข้าใจนะว่าเป็นหมอต้องเหนื่อย อย่างที่บอกตอนแรก ไม่ว่าจะอ่านการ์ตูน เที่ยว พักผ่อน จะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ เพราะมันเป็นแค่ Option เสริมของชีวิต แต่ว่า พอเห็นมีเวลาพอจะว่าง ก็เลยอยากเลือก Option นี้


ถึงยังไง ก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดีมั้ง เพราะว่าจะไปช่วยทำค่าย อยากเป็นหมอ แล้วก็ว่าจะไปฟังเรื่อง การใช้ยารักษาโรคทางจิตเวช อะไรสักอย่าง (เพื่อตัวเอง 555)




Posted by : จากใจนสพ.ปีสองคนหนึ่ง , Date : 2006-08-09 , Time : 04:22:56 , From IP : 203.118.99.162

ความคิดเห็นที่ : 46


   ปีหน้าอย่ายกเลิกเลยยยยยยยยย


ให้หนูได้มีเวลาหยุดบ้างเถอะน้า ปีสามปิดเทอมก็ไม่มีแล้ว เพื่อนเรียนที่เมืองนอกยังมีหยุด Recess เลย


^__________________________^


Posted by : ปีสองคนเดิม , Date : 2006-08-09 , Time : 04:24:50 , From IP : 203.118.99.162

ความคิดเห็นที่ : 47


   บางคน จากบ้านมาไกล เพื่อมาตามหาความฝัน ว่าซักวันนึงจะได้ช่วยเหลือผู้คน เดิมเค้าใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ หรือแม่ เพียงลำพัง 2 คน ปีนึง ได้กลับบ้านไปหาท่านแค่ไม่เกิน 2 ครั้ง (คือปิดเทอม) แล้วอย่างนี้ จะให้เค้าไม่ต้องหาช่วงเวลาได้อยู่กับท่านได้หรือ?????????
ที่บอกมาเนี่ย จะหาว่าเอาพ่อ แม่ มาอ้างก้อได้
แต่ถึงยังไง มันก้อ "เป็นความจริง"

อีกเรื่องนึง คือ ถ้า ครู ไม่เชื่อว่า ลูกศิษย์ ของตน จะเป็นคนดี แล้วจะพร่ำสอนไปเพื่ออะไรกัน

การกลับบ้านหรือการเข้าฟังบรรยาย ไม่ได้เป็นเครื่องตัดสินว่า เค้าเป็นคน หรือ ควาย เค้าเป็นคนดีหรือคนเลว

P.s. อีกแค่ 3 วันก็ได้กลับบ้านแล้ว ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆ


Posted by : เด็ก กทม. , Date : 2006-08-09 , Time : 11:18:03 , From IP : 172.29.4.78

ความคิดเห็นที่ : 48


   ถ้า ครู ไม่เชื่อว่า ลูกศิษย์ ของตน จะเป็นคนดี แล้วจะพร่ำสอนไปเพื่ออะไรกัน
นั่นนะสิ เสือกมาสอนทำไม
เมื่อที่นี่ ไม่ต้องการครู

กลับไป แล้ว ลองเอาทั้งหมดที่เขียน ปรินท์ ไปให้ พ่อแม่ อ่าน แล้ว
ถ้า ท่านด่า ครู ที่ เสือก สอน ลูกศิษย์
ก็ช่วย บอกมาให้รู้ด้วย

คราวหน้า จะได้ ปล่อยให้ทำอะไร ก็ได้ ตามใจ
เพราะ ส่วนใหญ่ นศพ ก็อายุ เกิน 20 ปี แล้ว จะไปทำอะไรก็ได้
จดทะเบียน สมรส ก็ได้
ส่วน ที่ จะไปออกค่าย อาสาพัฒนาชนบท ถ้าจะไป อำเภอ ใหน ช่วยบอกมาด้วย เพราะ ครูก็ ชอบ ให้ นศพ ใน อนาคต กล้าที่จะเดินไป โดยไม่ต้องพึ่ง ครูตลอดไป




Posted by : guru , Date : 2006-08-09 , Time : 12:05:17 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 49


   คือถ้าคุณ guru จะแสดงความเห็นอย่า ศิวิไร ๆม่ประชดประชันจนเกินงาม ผมว่ามันจะสร้างสรรค์ และช่วยลดอุณหภูมิใน board ลงได้เยอะนะครับ

Posted by : ............... , Date : 2006-08-09 , Time : 13:36:14 , From IP : 172.29.4.149

ความคิดเห็นที่ : 50


   คือถ้าคุณ guru จะแสดงความเห็นอย่า ศิวิไร ๆม่ประชดประชันจนเกินงาม ผมว่ามันจะสร้างสรรค์ และช่วยลดอุณหภูมิใน board ลงได้เยอะนะครับ

Posted by : ...............
ผมเองก็ไม่ได้อยากตอบกระทู้นี้หรอก
แต่เพราะ จขกท คง อ่วมอรทัย ไขก๊อก ไม่กล้ากลับมา( โดนชาวสวน มามาก ) ลองอ่านดูนะ

บอกมาเนี่ย จะหาว่าเอาพ่อ แม่ มาอ้างก้อได้
แต่ถึงยังไง มันก้อ "เป็นความจริง"
คณะเราเป็นคณะที่มีหัวสมอง มีความรู้ รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

หนูก็เข้าใจอาจารย์ด้วยว่าถ้าหากเกิดเหตูการณ์อะไรขึ้นกับนักศึกษา
และผู้ปกครองไม่ได้รับทราบว่าบุตรหลานไม่มีเรียนและไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปเที่ยว
คณะอื่นๆเค้าก้อกลับกันทั้งนั้นแหละ
ผมคิดว่าด้วยจริงๆแล้วน่ะครับ

คนตั้งกระทู้เนี่ย เค้าคงไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้เรื่องหรอกครับว่า นศพ.กลับบ้านทำไม

แต่เชื่อว่าที่ตั้งมา มีจุดประสงค์อื่นๆ ที่อาจจะแค่อยากป่วนบอร์ด

หรือมีปมด้อยอะไรภายในจิตใจ หรือมีภาวะทางจิตอะไรก็แล้วแต่

หรือเค้าอาจจะโง่จริงๆก็ได้ ปล่อยไปเถอะครับ
เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 17 มากๆ

ใครจะอยู่ ใครจะไม่อยู่ ก็น่าจะอยู่ในดุลพิจารณาของเค้า โตๆกันแล้ว จึงอยากจะทราบว่า จขกท. จะมาตั้งกระทู้ทำไมไม่ทราบ

ตอนเด็กๆ คงชอบฟ้องคุณครูว่าเพื่อนไม่ทำการบ้าน

โอ๊ย นี่ๆ พวกที่เข้ามาตอบนี่ร้อนตัวหรืออย่างไรจ๊ะ มาว่าคนตั้งกระทู้ซะเป็นคุ้งเป็นแคว เราก็เห็นกลับๆกันทั้งนั้นแหละ อย่าทำมากระแดะหน่อยเลย ไม่เค๊ย ไม่เคยค่ะ หนูอยู่ทุกปีไม่เคยกลับ หนูขยันค่ะ อยากได้ความรู้มากๆ หนูๆๆ...ฯลฯ คนที่บอกว่าอยู่ประชุมน่ะ ช่วยแหก ocdcular ออกดูซักนิดนะ กลับกันจะหมดคณะอยู่แล้ว
อยู่เดินงานเกษตรดีกว่า, อยู่เที่ยวกับแฟน
มี evidence base รึป่าว


นี่ช่างเป็นคนที่โลกแคบจัง

บางทีความคิดของเจ้าของกระทู้ที่ว่า มีแต่คนตีตั๋วกลับบ้าน ไม่เข้าฟังบรรยาย อาจจะเกิดจาก
1. เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ที่อยากกลับเหมือนกัน แต่กลับไม่ได้
2. อยู่ในกะลาที่มีแต่คนจะกลับบ้าน
3. อิจฉาที่คนอื่นได้กลับ แต่ตัวเองมีอุบัติเหตุที่กลับไม่ได้

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
เอาล่ะ ขอพูดครั้งสุดท้าย แล้วกันว่า คน ส่วนมาก ( ดูจากคนที่ ตอบ ) เห็นว่า นศพ เรียนเองได้ พ่อแม่เขา ก็มี อย่าไปเสือก สอนอะไรที่เขาไม่ชอบเลย
ก็ไม่เป็นไร
ผมเองก็ ไม่ได้อยากสอนหรอก
แต่
ขอร้องอย่างนึง ไม่มาฟัง ก็ ไม่เป็นไร แต่ อย่าให้เซ็นต์ ชื่อแทนกัน เลย
ดูจากที่เซ็นชื่อก็ได้ว่าใครมาบ้าง แต่ก็ได้ระดับหนึ่ง เพราะนศพ.ส่วนหนึ่งเห็นว่าการเซ็นชื่อแทนกันเป็นเรื่องปรกติ คงต้อง scan นิ้วมือจึงจะแม่นยำ


Posted by : guru , Date : 2006-08-09 , Time : 14:22:26 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 51


   ไม่ใช่ประเด็น
ผิด learning objective
หลงทาง
และ
ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่ควรจะแสดงความคิดเห็อย่างเหมาะสม

ใจเย้น ๆ กันก่อนคราบบบบบบบ


Posted by : เอ้อ... , Date : 2006-08-10 , Time : 00:33:07 , From IP : 172.29.4.82

ความคิดเห็นที่ : 52


   พึ่งจะเคยเห็นอาจารย์เปรียบเทียบลูกศิษย์ตัวเองว่าเป็นควายก็วันนี้แหละ

พึ่งจะเคยเห็นอาจารย์ที่บอกว่าลูกศิษย์มันคงไม่ได้กลับบ้าน คงจะไปเข้าซ่องมากกว่า

ไม่อยากพูดอะไรมากนะครับ ไม่อยากใช้คำหยาบ สิ้นคิดแบบใครบางคนด้วย

เสียใจจังมีอาจารย์ที่คิดแบบนี้แอบแฝงในโรงพยาบาลอยู่ด้วย

จะเข้ามาสวนอะไรก็เชิญเถอะครับ ผมไม่อยากจะอะไรแล้ว เพราะเดี๋ยวอีก2 วันก็จะไปเที่ยวซ่องแล้ว

ปล. อาจารย์ฟินิกซ์(ที่เคารพนับถือ) ช่วยเข้ามาแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ อยากทราบความเห็นของอาจารย์ (ที่มักจะใช้เหตุผลทั้งในแง่ของความเป็นอาจารย์แพทย์ ความเป็นมนุษย์ มิใช่ขาดเลือดเนื้อจิตใจความรู้สึก)


Posted by : rugu , Date : 2006-08-10 , Time : 03:39:13 , From IP : 172.29.4.70

ความคิดเห็นที่ : 53


   เอ่อเพิ่ง อ่าน หนังสือ ตึ่งหนั่งเกี๊ย ของ คุณ จิตรา ก่อนันทเกียติ
น่าจะเอามาใช้ กับการสอนเด็ก ได้ ท่านเขียนว่า
สมัยเด็ก อาม่า ของท่าน สอนว่า
ผักจะงาม ต้องรดด้วยขี้ เด็ก จะดี ต้องหมั่นชม

ก็ขอเปลี่ยนเป็นว่า ขอชมนศพ ที่ ตอบกระทู้นี้ว่า ดีครับ กล้าคิดกล้าแสดงออก ปากกับใจตรงกัน คิดอย่างใร ก็พูดอย่างนั้น

การ จะเป็นหมอนั้น ความรับผิดชอบต่อคนไข้
( การอยู่เวร ) สำคัญมาก
เพราะ ฉะนั้น วันหยุดยาว ยังไง บางคนก็ไม่อาจกลับไปหาแม่ ได้
เมื่อ มีหน้าที่ที่ จะต้องเรียน การหนีไปเที่ยว ย่อมไม่ดี
ส่วน จะไปเที่ยวที่ใหน มันก็คือเที่ยวเล่น ไม่ได้เรียน ใ
นเมื่อ เขาจัดงานที่ นศพ ปี 2 ( เห็น ปี 2 มาตอบ หลายคน )
คิดว่า ปี 2 น่าจะ ฟีดแบค ให้ คณะ รับรู้ว่า นศพ เสียเงินค่าหน่วยกิตมาแล้ว
คณะ ควร จัดหา อาจารย์ที่เหมาะกับ เด็กระดับ ปี 2 มาสอน
ไ ม่ใช่ ปีหน้า และ ตลอดไป ก็ทำแบบนี้ แหละ
รุ่นต่อไป ก็จะได้หายกันไป ตามทางที่ใจ ปราถนา
นี่แหละ ถึงจะได้ชื่อว่า มนุษยื ที่มีจิตใจสูง ต่อ มนุษย์รุ่นหลัง

ส่วน อาจารย์ ฟีนิกส์ มี คนชอบเยอะมาก ( สักเกตุ จากกระทู้ ของท่าน)
ส่วนผม คงมีคนเกลียด 99.999999999999999999999999999999999999 %
ก็ดีครับ ช่วยมาตอบกระทู้นี้
ส่วนเรื่องที่ว่า ผมมอง เนกาทีฟ
ผมมอง หลังจากเห็นว่า มีคนตอบมาว่า ( คงเป็น นศพ เหมือนกัน) บอกว่า
คงมีบางคน บอกว่า กลับบ้าน แต่ไม่ได้ กลับบ้าน จริง
มีการเซนต์ ชื่อแทน
ผมว่า หาก ให้ คุณรับรองว่า เพื่อนทุกคน ในทั้งคณะมีแต่ คนที่ ซื่อตรง ไม่เคย ทุจริต ในการสอบ เช่น โทรบอกข้อสอย ออสกี้เพื่อน พกโพยเข้าห้องสอบ แอบดูคำตอบเพื่อน ลอกรายงานเพื่อน

เป็นคุณ กล้ารับรองว่า เรื่องแบบนี้ ไม่เคยเกิด
ถ้าเกิดแล้ว ให้มา จัดการ คุณแทนได้เลย เอาใหม

ในเมื่อคุณทำดี ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ( หรือ หวังคำชม ก็บอกมา )
แต่ คนไม่ดี ผมก็ตักเตือน
อย่าคิดว่า ผมด่าคุณซิ
เฮ้อ บอกตรงๆ ผมก็เบื่อเหมือนกัน
เป็นอาจารย์ที่ ไม่ว่าอะไร ชมอย่างเดียว เด็กชอบ ได้แต่คำสรรเสริญเป็นอาจารย์ดีเด่น สบายกว่าเป็นใหนๆ
หรือลาออก ไปอยุ่เอกชน ไม่ต้องสอน ก็ดี อนาคต เอาแต่ตัวเองก็พอ


Posted by : guru , Date : 2006-08-10 , Time : 07:36:36 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 54


   ก็ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่มาตอบ ทำให้ได้รู้จักนศพ.ในบางมุมมากขึ้น

ข้อดีของกระดานข่าวคือ อิสระในการแสดงความคิดเห็น เพราะถ้ารู้ว่าใครเป็นคน post กระทู้ หลายๆคน อาจจะไม่เขียนแบบนี้

ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นกระทู้ล่อเป้า เพียงแต่เห็นพฤติกรรมของนศพ.แบบนี้เป็นประจำทุกปี พิธีเปิดการประชุมวิชาการ เริ่มได้ช้ากว่าเวลาที่ตั้งไว้ เพราะต้องรอคน
ไม่งั้นห้องก็จะโหรงเหรง ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดประชุม ก็ถามรองคณบดีฝ่ายแพทยศาสตร์ว่า นศพ.หายไปไหน ทำไมไม่อยู่ประชุมวิชาการ คำตอบก็คือ เขากลับบ้าน เพราะมีวันหยุดยาว

สมัยของรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาคนเก่า เคยบังคับให้เซ็นชื่อ ก็ได้ผลระดับหนึ่ง ตอนนี้อ.คงคิดว่า ก็โตๆ กันแล้ว ใครที่เห็นความสำคัญก็คงจะอยู่ฟังกันเอง คนที่อยากกลับบ้าน ก็ปล่อยเขาไปเถอะ

แต่ถ้าจะแก้ปัญหานี้จริงๆ อาจจะต้องใช้วิธีบังคับให้การประชุมวิชาการเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน block ใด block หนึ่ง ถ้าขาดประชุมก็เหมือนขาดเรียน

การประชุมวิชาการปีนี้ มีคำขวัญว่า การแพทย์พอเพียง จัดเพื่อร่วมฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี บางหัวข้อไม่ได้ยากเกินไปที่นศพ.ปีต้นๆ จะฟังไม่รู้เรื่อง เช่น
ปาฐกถาพิเศษ "การแพทย์พอเพียง"
โดย องคมนตรี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย

อนาคตของระบบสาธารณสุขไทย
โดย ศ.นพ. ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย ,ศ.นพ. วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์
ผศ.นพ.สุธรรม ปิ่นเจริญ

นานาสาระเรื่องคนพิการ
อ.อรจิตต์ บำรุงสกุลสวัสดิ์, อ.พันธ์ศักดิ์ พันธุรัตน์,
คุณสุกุญญา ปฐมระวี

การแพทย์ทางเลือกและการส่งเสริมสุขภาพ
พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ , พญ.ดร.สุวิณา รัตนชัยวงศ์

Premium health check-up
นพ.สุรจิต สุนทรธรรม

End of life : fight or flight
นพ.ดร.สกล สิงหะ , รศ.นพ.เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ,
ศ.นพ.ธนพล ไหมแพง

เพศที่สาม (เกย์ , เลสเบี้ยน , ตุ๊ด) : รับได้หรือต้องเปลี่ยนแปลง
รศ.พญ. สายบัว ชี้เจริญ , นพ. สุกมล วิภาวีพลกุล ,
คุณ นที ธีระโรจนพงศ์

จากความพอเพียงสู่ความ(ไม่)พอใจ : 30 บาทกับการฟ้องร้อง
โดย นายกแพทยสภา ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
ดำเนินรายการโดย: ผศ.นพ.รักชาย บุหงาชาติ

ความสุขเกินพอกับชีวิตที่พอเพียง
ศ.นพ.ธีระ ทองสง , ศ.เกียรติคุณ นพ. สมพร บุษราทิจ

การจัดการทรัพยากรและเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างคุ้มค่า
ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล

จริงๆ แล้ว ช่วงที่อยากให้นศพ.เข้ามากที่สุด คือ งานมอบรางวัลแพทย์ตัวอย่างภาคใต้ เพราะอยากให้เห็นว่ารุ่นพี่ที่เขาทำงานดี ทำงานหนัก เสียสละ เพื่อส่วนรวม อยู่ในชนบท เขาทำได้อย่างไร

สรุป ก็คงบอกได้ว่า น่าเสียดายสำหรับคนที่พลาดงานปีนี้







Posted by : อยากรู้จริงๆ , Date : 2006-08-10 , Time : 14:06:55 , From IP : 172.29.1.115

>>guru "ก็โตๆ กันแล้ว ใครที่เห็นความสำคัญก็คงจะอยู่ฟังกันเอง คนที่อยากกลับบ้าน ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ">>>อยากรู้จริงๆ อยากให้อาจารย์ guru มองแบบนี้บ้างจังค่ะ ปล. ตอน ม.อ. วิชาการเค้าหยุดการเรียนการสอน เพราะฉะนั้นพวกหนูก็ไม่ได้หนีเรียนนะคะ " />
ความคิดเห็นที่ : 55


   "เมื่อมีหน้าที่ที่จะต้องเรียน การหนีไปเที่ยวย่อมไม่ดี ส่วนจะไปเที่ยวที่ใหน มันก็คือเที่ยวเล่น ไม่ได้เรียน">>>guru


"ก็โตๆ กันแล้ว ใครที่เห็นความสำคัญก็คงจะอยู่ฟังกันเอง คนที่อยากกลับบ้าน ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ">>>อยากรู้จริงๆ

อยากให้อาจารย์ guru มองแบบนี้บ้างจังค่ะ

ปล. ตอน ม.อ. วิชาการเค้าหยุดการเรียนการสอน เพราะฉะนั้นพวกหนูก็ไม่ได้หนีเรียนนะคะ


Posted by : นศพ.อยากกลับบ้าน , Date : 2006-08-10 , Time : 16:55:06 , From IP : 172.29.4.253

ความคิดเห็นที่ : 56


   มีลูกไปเรียนไกลๆแล้วไม่ได้กลับมาดูแล แล้วจะรู้สึก

Posted by : สาธุ , Date : 2006-08-10 , Time : 19:59:31 , From IP : 172.29.4.219

ความคิดเห็นที่ : 57


   บริบทนั้น สำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้

ในการที่เราจะวิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป อะไรไปนั้น ในเรื่องๆหนึ่งสามารถมีมุมมองได้หลากหลายต่างกันออกไป โดยบเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเริ่มจากการที่ไม่ได้ "จำกัดขอบเขต" ของบริบทว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ที่ไหน ในสภาพเช่นไร มันจะมีการใช้อารมณ์มาทำให้เกิด sensationalized (หรือการกระตุ้นพิสัยอารมณ์ในการรับรู้ให้เด่น) ต่อประเด็นมากกว่าการใช้หลักการ ซึ่งตัวอย่างข้างบนมีมากมาย เราคงจะไม่ยกบริบทการไปเยี่ยมพ่อแม่มาทุกครั้งที่ลางาน ลาเรียน และการไม่ทำตามกฏระเบียบก็คงจะไม่ได้แปลไปถึงความดักดาน โง่เขลา แต่อย่างใด การที่เราใช้ความคุ้นเคยในการแปลความไปมุมใดมุมหนึ่งนั้น ต่างก็มาจาก past experience หรือประสบการณ์เก่าๆ "ของเรา" ทั้งนั้น คนอื่นเขาอาจจะคิดไม่เหมือนกัน (เร็วๆนี้ก็มีตัวอย่าง เช่น "ก็พวกเรามันไม่มีเส้น" ที่หลุดปากออกมาทันทีที่ทราบข่าวไม่ดีนั่นแหละครับ)

เนื่องจากผมเองก็ไม่แน่ใจในบริบทชัดเจน ก็ขออนุญาตใช้วิธี "what if..." แทน

1. ประชุมวิชาการ
การจัดประชุมที่ไหนๆ ก็ต้องมี "กลุ่มเป้าหมาย" ที่ชัดเจน นั่นคือการทำความเข้าใจลูกค้าก่อน เพื่อที่ theme ที่จัด วิทยากรที่หามา กิจกรรมที่จะเกิด มันจะได้สอดคล้องตรงกับความต้องการของคนมาเข้าร่วม เขามาร่วมแล้วจึงเกิดความพึงพอใจ ได้ในสิ่งที่อยากจะได้ ไม่ผิดหวังกลับไป หัวข้อก็จะสะท้อนถึงสิ่งที่กลุ่มคนฟัง "อยากฟัง" ซึ่งยากที่จะเหมือนกัน การจะไป assume ว่าคนฟังจะอยากฟังสิ่งที่เราอยากพูดทุกครั้งนั้น ยากครับ โอกาสหลุดเยอะถ้าไม่ได้เตรียมให้ดีเสียก่อน (ฉะนั้นจึงเป็นการ fair ตรงนี้ที่จะเตือนว่า บทความนี้จะ typical บทความของผม ใครที่ไม่ชอบอ่าน ก็อย่าฝืนใจทรมานจิตวิญญาณตนเองต่อไปเทอญ)

ทีนี้กลุ่มลูกค้าเราที่จะมาฟังนั้น ไม่ได้ว่างๆกันทั้งนั้น ไหนๆเขามาแล้วนั่นแปลว่าที่เขามานี้ เขาจัด "ลำดับความสำคัญ" ไว้ว่าประชุมครั้งนี้เป็น priority เหนือกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้ง routine work, job หรืออะไรก็ตามที่ทำอยู่ตามปกติ บ้างก็ต้องจากลูกเมียเดินทางมาค้าง บ้างก็ต้องลางาน บ้างก็ต้องหยุดพักสิ่งที่กำลังทำค้างอยู่ ทั่วๆไปถ้า motivation ตรงนี้เกิดจาก empowerment คือคนฟัง "อยาก และเห็นความสำคัญ" ด้วยตนเอง น่าจะดีสุด ยกตัวอย่าง ถ้าผมเป็น lecturer ผมก็อยากจะได้ audience 10 คนที่ตาแป๋ว ตาเป็นประกาย มีซักถามแลกเปลี่ยน มากกว่า audience 100 คน ที่ถูกล่ามโซ่ตรวน เฆี่ยนต้อนมาฟังด้วยน้ำตานองหน้า (ขออภัยที่จงใจ exaggerate ไป ให้เห็นภาพเปรียบเทียบน่ะครับ)

บางทีเรื่องที่เราคิดว่าน่าสนใจมากๆๆๆนั้น อุตส่าห์เชิญวิทยากรระดับโลกมา ตรงนี้คนจัดก็เกรงใจกลัวคนมาเข้าฟังน้อย วิทยากรจะเสียใจ (หรือดูถูกคนจัดว่า ทำไมพวกนี้มันโง่หยั่งงี้ฟะ เรามาพูดให้ยังไม่ยอมมาฟัง) ก็เกิดกิจกรรม "จัดตั้ง mob audience" ขึ้น กะเกณฑ์คนมาฟัง ตรงนี้ผมยังคิดว่าเรามีวิธี approach ได้หลายวิธี เช่น
@ จัดสัดส่วนของห้องให้เหมาะต่อปริมาณ
เรื่องที่น่าสนใจนั้น ไม่จำเป้นต้องน่าสนใจต่อคนหมู่มากนะครับ บางเรื่อง (ซึ่งวิทยากรท่านจะรู้ดีสุด) ต้องมีพื้นฐานมาพอสมควรจึงจะ get วิทยากรจะเข้าใจ (ผมคิดว่า) ว่าขอบเขตเรื่องที่ท่านพูดนั้น จะมี "วง" แค่ไหน เช่น Nanotechnology เฉยๆอาจจะกว้าง คนฟังสนใจอาจจะเยอะ แต่ถ้าเป็น The Lastest Update in Nanobio-material technology กลุ่มคนฟังอาจจะหดลงมาเยอะ ฉะนั้นตรงนี้คนจัดมีหน้าที่ "ประชาสัมพันธ์" ให้กลุ่มลูกค้าที่จะได้ประโยชน์ทราบครับว่าเรามีอะไรดีๆมาแสดง บางเรื่องอาจจะต้องทาบทามหรือบอกกล่าวเป็นรายบุคคล รายคณะ ฉะนั้นหัวข้ออย่าง New technology of Nitric Oxide application in carcinogenic inhibition of cancer of prostate gland ก็ไม่ควรจะหวังว่ามีคน 2000 คนมาฟัง ได้สัก 50 นี่ก็เก่งแล้ว วิทยากรระดับ Nobel prize laureate หรือครือๆนั้น น่าจะฉลาดพอที่มองออกมาคนฟังนี่เป็น "จัดตั้ง" หรือเป็น "มาเอง" ถ้าเราทำเหมือนกับว่าเขาไม่น่าจะดูออก จะกลายเป็นว่าตัวเรานี่เองกำลังดูถูกวิทยากร จัดห้องให้เล็กแต่พอขยายได้ หรือห้องเล็กล้นไปห้องข้างๆที่มีทีวีวงจรปิด stand-by นั้น ได้ผมดูดีกว่าจัดห้องใหญ่เต็มไปด้วย mob
@ หัวข้อบางทีไม่สื่อต่อกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
ก็ตามหลักประชาสัมพันธ์ทั้วๆไป บางทีการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้นั้น ต้องมี media ทื่ดีมาช่วยด้วย อย่างข้างบนเติมว่า Nitric Oxide and incidental development of Vigra ลูกค้าอีกกลุ่มก็จะเดินเข้ามา ตรงนี้จะทำได้ดี คนจัดหัวข้อนั้น จะต้อง "รู้จัก" สินค้าตนเองเป้นอย่างดีเสียก่อน จึงจะโฆษณาได้โดนใจ และถูกวิธีกับกลุ่มเป้าหมาย
@ ถ้าจะ "จัดตั้ง" จริงๆ ก็เตรียมคนให้ดีก่อน
ความสนใจของคนเรานั้นสามารถขยายได้ถ้าใช้วิธีที่ถูกต้อง ฉะนั้นคนที่ไม่สนใจในสินค้าบางอย่างเลยนั้น ก็ยังหลวมตัวควักเงินไปซื้อ mobile phone, shampoo หรืออะไรต่อมิอะไรได้เหมือนถูกสะกดจิต แถมยังมีความสุขที่ได้ซื้อ ที่ได้ใช้อีกด้วย เพราะพวกเราได้ถูก "เตรียม" โดยรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง (ไอ้ไม่รู้ตัวนี่แหละสำคัญ) จากโฆษณา จากสื่อ จาก mini-conference ที่เราแอบๆจัดล่วงหน้าไว้เดือนสองเดือน (โฆษณาเรียกว่ามี pre-launch pilot spot) เช่น การมีตัวอย่างหนังโฆษณาก่อนฉายเรื่องจริงเป็นต้น เราจะอยากดูหนังบางเรื่องเป็นพิเศษ เพราะ spot ตัวอย่างเหล่านี้ ทาง academic ก็ทำได้ครับ Nitric Oxide เพิ่มพลัง sex ลด cardi-vascular, carcinogen-related applications, etc ขยายวงลูกค้า กลุ่มเป้าหมายได้เยอะ เราก็ค่อยๆ pre-counseling ไปเรื่อยๆ

2. Customer side
มีหลายกลุ่ม ขอเอาตามกระทู้ คือ "กลุ่มนักศึกษาแพทย์" (ซึ่งสามารถ/ควร/น่า จะแบ่งได้อีกว่าเป็นชั้นปีต่างๆ เพราะบริบทไม่เหมือนกันทีเดียว)
"เขา" มาเกี่ยวข้องในสถานะและบทบาทใด?
@ เป็น pre-requisite คือ เป็นความรู้ที่สำคัญต่อสถานะของเขา (ใน taxonomy ไหน? ต้องรู้ ควรรู้ น่ารู้?) สำหรับ main target คือ พ.บ. อย่างไร
@ เป็น augmentation คือ "เสริม" objectives บางอย่าง เป็น นศพ. นี่มีเยอะครับ ประเภท extra-curriculum activity ที่มีความสำคัญต่างๆนานา ที่เป็น primary requirement ได้แก่ การทำงานเป้นทีม ความรับผิดชอบต่อตนเอง ความรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคม การพัฒนาจริยธรรม ความชำนาญในการแสวงหาความรู้ต่อเรื่องด้วยตนเอง หรือที่อาจจะเป็น secondary requirement ได้แก่ กิจกรรมสันทนาการ variety of cultures การทำสมาธิ การอดออม ฯลฯ
@ หรือเป็น mob จัดตั้ง?

เอาให้ clear กันก่อนว่าเรามองเขาเป็นอะไร ประกาศให้ชัด (การที่มีความไชดเจนเกิดขึ้น คือ communication failure อย่างหนึ่ง เกิดได้ทั้งจาก คนสื่อ คนฟัง และสำคัญมากคือบริบท) อย่าพึ่งรีบโทษ รีบสรุป รีบ stereotype คนว่าทำยังงี้ๆ มัน "ต้อง" แปลว่า "ยังงี้ๆ" เท่านั้น นั่นเป็นเรากำลังใช้ "ตัวเราเอง" ตัดสินครับ ตรงนี้ทางเรามีคำเรียกคือ development of non-judgemental attitude หรือที่ผมเรียกเองว่า "การกำจัด ฟันธง-syndrome"

ถ้ายังไม่เข้าใจใน "บทบาทและหน้าที่" เราก็จะไม่สามารถจะคาดหวังได้3หรอกครับว่าตวแสดงจะเล่นได้ตามบท ตัวประกอบจะเล่นเป็นตัวเอก นางร้ายจะกลายเป็นนางดี พระเอกจะกลายเป็นตัวตลกได้ ถ้าผู้กำกับไม่ clear ไม่แจกแจง ยกตัวอย่างนะครับ (เอากระจายๆ ไปทุกฝ่าย)
@ ถ้าเป็น pre-requisite คือ "ต้องเข้า"ก็ต้องให้เหตุผลไปครับว่าเพราะอะไร เช่น
จะวัด discipline การอยู่ในสังคม อยู่ใน "กฏ"
จะวัด team-working
อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา "ต้องรู้" อะไร และจะไม่มี formal class อีกเลย
@ ถ้าเป็น elective เดี๋ยวนี้แยกเป็น free-elective หรือ selective คือ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เอาให้ชัดเจน
free elective คือ เลือกได้อิสระ (รวมทั้งไม่เลือกก็ได้)
selective คือ เลือกได้อิสระ (แต่ "ต้องเลือก" อันใดอันหนึ่ง)
จะเป้นอะไรขึ้นกับหลายปัจจัยครับ ตามบริบทอีกเช่นกัน เช่น SDL (self-directed learning) นั้น เป็นกิจกรรมการเรียนของกลุ่มลูกค้า "เฉพาะ" คือ andragogy หรือ adult learner ที่คุณลักษณะสำคัญคือ นักเรียนที่ "รู้" ว่าตนเองต้องการอะไร และต้องทำอะไรบ้างจึงจะบรรลุเป้าหมายในการเรียน ฉะนั้นหน้าที่ของสถาบันก็แค่ "เอื้ออำนวยบรรยากาศการเรียน" ให้พอ เช่น มี resource เพียงพอ มี library มีหนังสือ มี E-learning, internet access, electronic book, etc แล้วเขาจะไปเรียนตอนไหนก็ได้ ตอนตีหนึ่ง ตอนเช้า เรื่องของเขา ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ ถ้าเรา assumption ผิดว่าเด้กของเราเป็น adult learner แต่ขาดคุณสมบัติสำคัญที่ว่าไป เด้กจะไปไม่รอด แบ่งเวลาไม่เป็น ไม่บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนที่ครบ
Key question is whether of not students are "adult learner"?
คำถามนี้ขออนุญาตไม่ตอบ ให้พวกเราแต่ละคนตอบกันเองสำหรับปัจเจกบุคคล

ทั่วๆไปสถาบันอาจจะ play safe คือ "กันไว้ดีกว่าแก้" นั่นคือใช้ระบบ hybrid กึ่งๆ adult กึ่งๆเด็ก มี structure ในการเรียนเป็นกรอบ เช่น ช่วงนี้ไปอยู่ ward นะ แต่จะทำอะไรก้ทำไป คุยกับคนไข้ ตรวจร่างกาย คุยกับญาติ หัดทำแผล หัดพลิกวัคนไข้ ไปดูพยาบาลเตรียมยา ฯลฯ ช่วงนี้เป็น searching นะก็ไปปล่อยที่ห้องสมุด ใครใคร่ search internet ใคร่อ่านหนังสือ ใคร่ดุ video demonstration etc ก็ทำไป

ที่ว่ามาก็เป็นแค่ "กรอบ" กว้างๆ ก่อนที่เราจะใช้อารมณ์รับรู้ ลองไตร่ตรองว่าอะไรเป็นอะไร บริบทคืออะไรให้ชัดเจน ณ จุดหนึ่งๆนั้นเรามี "หน้าที่" ต่ออะไรสำคัญ พ่อแม่เราสำคัญครับ สำคัญทุกวัน ไม่ใช่สำคัญเฉพาะวันพ่อวันแม่ บางทีการที่เราตั้งใจเรียน ให้สมกับที่ท่านเหนือยยากหาเงินค่าเล่าเรียนมาจ่ายนั้น ก้เป็นการแสดงออกของกตัญญูกตเวทีได้ ท่านก็ชื่นใจได้ ถ้าน้องอยู่เวรวันแม่ ไม่ช่วยชีวิตคนสักคนหนึ่ง (หรือมีส่วนร่วม) วันหลังไปเจอแม่ก้เข้าไปกราบบอกว่า "เอาบุญมาให้" (แบบที่เราทำหลังใส่บาตรเสร็จ) ก็ไม่สายเกินไป ถามตัวเองให้ชัดเจนครับว่าอะไรคือ "หน้าที่ ความรับผิดชอบ" ณ เวลานี้ ณ ขณะนี้ เพราะอีกไม่นานหน้าที่ความรับผิดชอบของเราหมายถึงความสุข ความทุกข์ ความเป้น ความตาย ของคนจำนวนมาก ของครอบครัวจำนวนมาก และหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ก็เป็น psychomotor หรือ skill อย่างหนึ่งเหมือนกัน คือต้องทำบ่อยๆครับ มันถึงเกิดและอยู่นาน

ขออภัยที่ยาว



Posted by : Phoenix , Date : 2006-08-10 , Time : 21:27:48 , From IP : 124.157.182.207

ความคิดเห็นที่ : 58


   Thank you so much for your clarifying Dr Phoenix, actually i would like to type in Thai much more than english but the situation is not served me.However for this topic, it might be a little bit sensitive and responses from what i have read are so emotional but that is how it works Emotional: Rational 95:5. Nobody will deny that our duty needs discipline and responsibilities maybe or maybe not more than other professional, and i think every med student know that well cuz what we have to deal in the future is not just the paper but human life so it is true that we have to learn as much as we can before that time comes.However from what i have learn in this 5 year of being med student, this world is so big whoever you r, you should live your life worth it there is not just only hospital life. You may miss the opportunity to attend the workshop but during that time you can do something that will give you another kind of difference experiences, going back your hometown taking care of your parents, who can decide that the value is difference.For all of that i think in one`s life dont so strict for just only one thing be opened and learn from this big world, it is not the end of the world anyhow.

Posted by : miyazaki , Date : 2006-08-11 , Time : 08:55:58 , From IP : 133.54.82.70

ความคิดเห็นที่ : 59


   ผมเห็นด้วยว่าความสำคัญ (relevance) นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ "ใคร" จะตัดสินได้ ต้องตนเองที่จะรับ consequences แห่งการตัดสินใจนั้นๆ บวกกับ "เจตนา เจตนคติ" ตอนที่จะทำ จึงจะออกเป็นผลลัพธ์

To live one"s life นั้นเป็น another big word เหมือนกันในความคิดคำนึงของผม การใช้ชีวิตอย่าง "คุ้มค่า" ก็ยังเป็นนามธรรมอยู่ ข้อสำคัญไปๆมาๆคนทุกคน หรือมากมาย คงจะกำลังคิดว่าที่ใช้ชีวิตอยู่นี้เป็นการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า (รวมทั้ง Bonne & Clyde หรือมหาโจร Jesse James) เผอิญผลแห่งการกระทำของคนๆหนึ่ง ไม่ได้มีขอบเขตเพียงแค่ต่อคนกระทำ (หรือไม่กระทำ) แต่มีผลกระทบเป็นวงกว้างเหมือนกับคลื่นหลังก้อนหินกระทบน้ำ

การ "ตีความ" ว่าอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะเรียกว่า "คุ้มค่า" นี้เองทำให้พฤติกรรมคนแตกต่างกันไป การที่คนอยู่ในสังคม "กรอบ" จึงเกิดขึ้นมาเพื่อค่า common value ที่ทำให้พออยู่กันได้ ทีนี้เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนไหน เวลาใดที่เราควรจะ "อยู่ในกรอบ" หรืออยู่อย่างอิสระ ตรงนี้อาจจะเป็นประเด็นถกเถียงของกระทู้นี้ (ใน perspective ส่วนตัวของผม) และทั้งสองฝ่ายดูจะมีเหตุผลว่าทำไมตนเองถึงคิดว่าตนเองอยู่/ไม่อยู่ในกรอบที่ว่า มุมมองที่ต่างกันส่งผลให้พฤติกรรมและความคิดต่างกัน ตราบใดที่ไม่ได้ set context ให้ตรงกัน การจะ reconciliation ก็จะยาก การจะ share value กันก็จะเป็นไปได้น้อย

ประโยชน์ของกระทู้นี้คือการแลกเปลี่ยน dialogue กัน ซึ่งจะได้เต็มที่ต่อเมื่อมีการ "ฟัง" ทีดี ฟังให้ดีๆว่าทำไมอีกฝ่ายจึงคิดแบบนี้ สรุปแบบนี้ ทำไมเราสรุปแบบนี้เพราะเราคิดต่างจากเขาตรงไหน ลองสอบสวนตนเองว่าถ้าเรามองจากมุมของเขาบ้าง เราจะได้ข้อสรุปเหมือนเขาหรือไม่ ทำไมเราจึงมองต่าง? ข้อสำคัญคืออย่าพึ่งเอา "คุณค่าของตนเอง" ไปเชื่อมโยงกับความเห็น ความคิด ของเราดีแปลว่าของเขาเลว ของเขาฟังดูดีแปลว่าของเราจะไม่ดีจึงยอมรับไม่ได้ ยังไงๆของเรายังต้องดี มิฉะนั้น self value จะพังทลาย ถ้าคุณค่าตัวตนของเราเปราะบางอย่างนั้น จะเป็นข้อจำกัดในการสร้าง constructive dialogue อย่างมาก



Posted by : Phoenix , Date : 2006-08-11 , Time : 13:12:21 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 60


   จริงๆ แล้ว ช่วงที่อยากให้นศพ.เข้ามากที่สุด คือ งานมอบรางวัลแพทย์ตัวอย่างภาคใต้ เพราะอยากให้เห็นว่ารุ่นพี่ที่เขาทำงานดี ทำงานหนัก เสียสละ เพื่อส่วนรวม อยู่ในชนบท เขาทำได้อย่างไร

สรุป ก็คงบอกได้ว่า น่าเสียดายสำหรับคนที่พลาดงานปีนี้

Posted by : อยากรู้จริงๆ

ผมคงไม่ได้ กลับบ้านไปกราบแม่แล้ว เพราะ คนไข้ที่ผ่าไปเมื่อ อาทิตย์ที่แล้ว เกิด post op infection ต้องเอาไปผ่าตัดแก้ไข ใหม่
พรุ่งนี้ ก็คงต้องเฝ้าไข้ ทั้งที่ อุตสาห์ แลกเวรทั้ง ของตัวเอง และ ภรรยา ไว้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเรื่อง หมอรุ่นพี่ ที่เป็นแพทย์ ตัวอย่างภาคใต้ เป็นใครหรือครับ ผมอยากรู้ และ ขอปรบมือดังๆ ให้แพทย์ที่ ทำงานดี ทำงานหนัก เสียสละ เพื่อส่วนรวม อยู่ในชนบท
ใครจะ สนใจ แพทย์ที่ได้เรียนต่อ ทันที ที่จบเอกเทอร์น ก็สนใจไป ( มีการตั้งกระทู้ ถาม เอกเทอร์นที่ ได้ วอร์ด เมด ดีจริง เหรอ )
Ext ที่ได้ med ดีจริงหรือ
จริงๆ นะ
Posted by : จำไม , Date : 2006-07-23 , Time : 20:06:30 , From IP : 58.147.112.39
ความคิดเห็นที่ : 1
การที่คณะกรรมการจะคัดเลือกเอาใครทำพันธุ์ สักคน ผมเชื่อว่าเขาต้องมีดีครับ
จะดีที่สุดหรือเปล่า อีกเรื่องหนึ่งครับ ผมคิดว่า คนเราเกิดมาเป็นคน ควรอย่างยิ่งที่จะมองเหรียญ 2 ด้านครับ เรื่ออย่างไม่น่าจะเอามา post ในกระดานข่าวน่ะครับ
เพราะผมถือว่า เป็นการไม่ให้เกียรติ คณะกรรมการคัดเลือก พชท. ครับ


เห็นด้วยกับคนที่ตั้งกระทู้ ดูรายชื่อ + สำรองแล้วหนักใจแทนจริงๆ

Posted by : anonymous , Date : 2006-07-25 , Time : 13:03:13 , From IP : 172.29.3.213


Posted by : guru , Date : 2006-08-11 , Time : 18:21:05 , From IP : 203.114.122.66

ความคิดเห็นที่ : 61


   ประเดี๋ยว จะหาว่า ผมโลกแคบ เรียนแต่ วิชาการ หมอ ๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอ้า อยากให้ นศพ อ่าน หนังสือ นอกเวลา ที่ใม่ใช่เรื่องหมอๆ บ้าง จะได้ไม่เครียด
เครียด จน กินเหล้า คงใช่ไม่ได้ กับ นศพ
เล่มแรก
1. ทรัพย์ ใน ดิน ของ เพิร์ล เอส บั๊ค นักเขียน ชาว สหรัฐ อเมริกา แต่ เติบโต ในจีน เขียนในสมัย น่าจะ สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับ รางวัล พูลลิตเซอร์มาแล้ว

2.จดหมายจากเมืองไทย เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัล ซีไรต์ เจ้าตัว มาจากจีน มารับจ้างเป็นกรรมกรในเมืองไทย เขียนจดหมาย และ ส่งเงินกลับไปให้แม่ ที่เมืองจีน ทั้งที่ ไม่เคยได้รับจดหมาย ตอบกลับมา เลยเป็นสิบๆปี

ใครอ่าน 2 เล่มนี้ แล้ว ไม่รู้สึกรักแม่ คงเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่แน่ๆ
สองเล่มนี้ คงพอต่อ 3 วันหยุดยาวนี้

ส่วน การที่ผมเสือก มาสอน นศพ ทั้งๆที่ ไม่จำเป็น เป็นเพราะ ผม ไม่อยากติดหนี้ บุญคุณ เงินที่ คุณ จ่ายค่าเล่าเรียน ถ้า คุณ ไม่อยากให้ผมสอน ก็ไม่ต้องมา เคียดแค้น ชิงชัง อาฆาต มาดร้าย สาบแช่ง ผมหรอก

.."" มีลูกไปเรียนไกลๆแล้วไม่ได้กลับมาดูแล แล้วจะรู้สึก ""

Posted by : สาธุ
ผมจะ สอนลูกผม ให้ดีกว่า คุณแล้วกัน


Posted by : guru , Date : 2006-08-12 , Time : 12:27:04 , From IP : 125.25.15.89

ความคิดเห็นที่ : 62


   อยากอ่านให้หมดนะครับแต่แล้วเหนื่อยจริงๆ
อยากออกความเห็นนิดนึง

คุณลองสมมุติว่าตัวเองเป็นคนที่บ้านอยู่กรุงเทพ หรือที่อื่นๆสิครับ
แล้วเรียนมาตั้ง 3 -4 เดือนแล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย เป็นคุณคุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรครับ
ผมไม่รู้ว่าคุณจะตอบยังไงนะ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะกลับบ้านครับ กลับไปอยู่กับพ่อแม่ซักครั้งนึง


Posted by : Macula , Date : 2006-08-12 , Time : 22:47:33 , From IP : tot-114-143.pacific.

ความคิดเห็นที่ : 63


   ถ้าไม่มีหน้าที่อะไร ที่ ต้องรับผิดชอบ ก็กลับบ้าน
แต่ถ้ามี ก็ต้องทำตรงนี้ก่อน
ถ้ายังหาเงินเป็นค่าเดินทางไม่ได้เอง ต้องพยาม ใช้จ่ายอย่างประหยัด
ไม่ได้ว่าอะไร
และการอยู่กับพ่อแม่การทำให้พ่อแม่ ปลื้มใจ ก็เป็นการกตัญญู เหมือนกัน


Posted by : guru , Date : 2006-08-13 , Time : 08:25:22 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 64


   "ส่วน การที่ผมเสือก มาสอน นศพ ทั้งๆที่ ไม่จำเป็น เป็นเพราะ ผม ไม่อยากติดหนี้ บุญคุณ เงินที่ คุณ จ่ายค่าเล่าเรียน ถ้า คุณ ไม่อยากให้ผมสอน ก็ไม่ต้องมา เคียดแค้น ชิงชัง อาฆาต มาดร้าย สาบแช่ง ผมหรอก "
Posted by : guru

มันไม่ได้อยู่ที่ว่า คุณเสือกมาสอนหรอกครับ มันอยู่ที่วิธีที่คุณใช้สอนมากกว่า มีหลายวิธีที่ศิวิไร กว่าการว่าแรง ๆ และ การประชดประชันอย่างร้ายกาจ ซึ่งผมคิดว่ามันส่งผลเชิงบวกกับนักศึกษามากว่า มีผลสำเร็จที่เท่าเทียมหรืออาจดีกว่าวิธีที่คุณ แสดงให้เห็นใน board ซึ่งทำให้นศพ.จำใจต้องทำเพราะกลัวโดนด่า หรือ รำคาญที่ถูกประชด..........................


เรื่องหนังสือนี่ ผมแนะนำ เรื่องแม่ ของแม็กซิม กอกี้ อีกเล่มครับ ใครว่าง ๆ ก็ ลองหามาอ่านดูนะครับ


Posted by : .............. , Date : 2006-08-13 , Time : 23:13:58 , From IP : 203.113.77.73

ความคิดเห็นที่ : 65


   
เรียนอาจารย์แพทย์ที่รับผิดชอบชั้นปี

หนูเป็นนศ.ชั้นปี2คณะหนึ่งของมอ. คือว่าหนูมีเรื่องจะแจ้งให้อาจารย์ทราบว่า เพื่อนของหนู คนหนึ่ง มีนักเรียนแพทย์มาจีบ แรกๆหนูไม่รู้นะว่าใครติดต่อใครก่อน มาทราบอีกทีก็เห็นโทรคุยกันแล้ว เพื่อนก็มาเล่าให้หนูฟังว่ามีเด็กแพทย์มาจีบอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ระยะหลังนี้เห็นเพื่อนเศร้าๆๆ ทราบว่าเลิกกันแล้ว มาจีบเพื่อ หลอกฟั_ ไม่ได้จริงจังอะไร พอได้ แล้วก็ทิ้ง หรือมีเหตุผลอื่นๆๆหนูก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเสียตัวให้เขาแล้ว

หนูได้ยินแล้วรู้สึกสงสารเพื่อนมาก หนูไม่อยากให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น กับลูกผู้หญิงอีก อย่ามองเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องอำนวยความสุขทางเพศ เพราะว่าเป็นเพศแม่ เขาก็มีแม่ ให้นึกว่าถ้าคนอื่นทำกับน้องสาวเขา พี่สาวเขา เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้าง

หนูไม่อยากให้ว่าที่คุณหมออีก4 ปีข้างหน้า เป็นคนไม่ดี เห็นแก่ความสุขส่วนตัวชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น เพราะคนทั่วไปจะมองว่าหมอเป็นคนที่เสียสละความสุขส่วนตัว เป็นคนดี เป็นคนชั้นหนึ่งของสังคม

ตัวเขา มองภายนอกเรียบร้อย พูดจาดี ไม่คิดว่าจิตใจจะไม่ดี ชอบรังแกลูกผู้หญิง อยากให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้เสีย ไม่ต้องทำตัวเด่นมากหรอก กลัวคนอื่นไม่รู้เหรอไงว่าเรียนแพทย์ เห็นเด็กแพทย์คนอื่นๆที่หนูเคยรู้จัก ไม่เป็นแบบนี้เลย หนูรู้ว่าเขาเป็นใคร เรียนปีไหน แต่ก็ไม่อยากทำร้ายอนาคต ใคร เพราะเขายังมีอนาคตอีกไกล

อยากให้อาจารย์ตักเตือนด้วยค่ะ
เพื่อนหนู หนูก็ได้ตักเตือนแล้วค่ะ

Posted by : saw , E-mail : (-) ,
Date : 2006-08-16 , Time : 18:31:43 , From IP : 58.147.118.199


Posted by : guru , Date : 2006-08-17 , Time : 19:05:40 , From IP : 203.114.123.192

ความคิดเห็นที่ : 66


   เรียน คุณ: .............. , ,
มีอีกเรื่องที่ อยากขอคำแนะนำ จากคุณ ในการสอนนศพ .


555 ไม่อยากสอบตกก็"ลอก"กันสิ
ชั้นปีเราก็มีคนลอก ขนาดขึ้น Clinic แล้วนะ
อาจารย์ก็ไม่เห็นจาทำอะไร

(คงเพราะไม่อยากให้พักการเรียนมั้ง...แต่มันไม่ยุติธรรมกับคนอื่นเลย
แล้วมันก็ไม่ยุติธรรมกับสังคมภายนอกด้วยในฐานะที่เราเป็นรร.แพทย์ )



อิอิ...เจ็บใจเลยมาpost


ล้อเล่นนะเรื่องที่บอกให้ลอกกัน!!!


Posted by : converse all star* , Date : 2006-08-17 , Time : 15:10:49 , From IP : 172.29.4.194
การลอกกันนี่ อาจารย์ก็ไม่เห็นจาทำอะไร จริงเหรอ


Posted by : guru , Date : 2006-08-18 , Time : 12:47:44 , From IP : 203.188.28.2

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.037 seconds. <<<<<