ความคิดเห็นทั้งหมด : 35

มารยาทเมื่อ นศพ.เข้า lecture


   สังเกตมาหลายครั้งแล้วเวลาที่เข้าเรียน
มีเพื่อน ๆ นั่งดูดนมกล่อง ทานขนม ซดน้ำขวด
ในขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่
เคี้ยวหมากฝรั่งขณะอาจารย์สอนอยู่
เพื่อน ๆ คิดว่าเป็น พฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่
แต่ส่วนตัวแล้ว คิดว่า เราควรจัดการก่อนที่จะเข้าห้องนะ
เพราะหลายครั้งอาจารย์ท่านสังเกต แต่ไม่ว่าไม่ได้ต่อว่า
จนอาจมองเป็นเรื่องปกติไป
อย่างน้อยก็เป็นความเห็นที่รู้สึกเกรงใจผู้สอน
แต่หากเป็นเรื่องปกติจริง ๆ ก็ขออภัย


Posted by : mac , Date : 2006-08-02 , Time : 19:47:10 , From IP : 61.7.158.238

ความคิดเห็นที่ : 1


   ถ้าพก น้ำเปล่าเข้าไปดื่ม หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง ยังพอยอมรับได้ครับ
แต่ เอาขนมเข้าไปกิน มันเกินไป ควรทานให้เสร้จก่อนจะเข้าห้อง


Posted by : x , Date : 2006-08-02 , Time : 20:53:51 , From IP : 61.7.160.60

ความคิดเห็นที่ : 2


   เห็นด้วยค่ะ เพราะเพื่อนๆหลายคนชอบทำกันมาก เราก็เคยบอกนะแต่เค้าอ้างว่าไม่กินไม่ได้เดี๋ยวหลับ เราก็เลยต้องเลยตามเลย แต่เราว่าถ้าเค้ามีมารยาทพอคงคิดได้เองนะ หรือถ้าจะให้ดี ติดประกาศหน้าห้องเรียนดีไหม

Posted by : อมยิ้ม , Date : 2006-08-02 , Time : 21:19:38 , From IP : 172.29.4.56

ความคิดเห็นที่ : 3


   แล้ว อ. เค้าปล่อยเลยตามเลยได้อย่างไร
เป็นสมัยผมมีคนทำแบบนี้ ชั่วโมงนี้ไม่ต้องเรียนกันแล้ว โดน อ. สั่งสอนมารยาททั้งชั่วโมง

นอกจากจะโทษ นศ. แล้ว น่าจะพิจารณา อ. เจ้าของ class ด้วยนะ


Posted by : - , Date : 2006-08-02 , Time : 21:54:39 , From IP : 203.188.5.103

ความคิดเห็นที่ : 4


   สมัยหนึ่งผมเคยเจอแบบที่ว่าเหมือนกัน มีเพื่อนบางคนคุยกันบ้าง แต่งตัวไม่เรียบร้อยบ้าง มาสายบ้าง โดนอาจารย์หยุดเทศนาสั่งสอนจนหมดชั่วโมง

มองย้อนกลับไปอีกมุมหนึ่ง อาจจะมองเห็นความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ได้ทำผิด ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่อดเรียนไปด้วยกัน บางคนก็บอกว่าจะได้ไปเฉ่งบิลกันเองระหว่างเพื่อนฝูง ลื้อทำให้อั๊วอดเรียน หรือเพราะเอ็งคนเดียวทำให้ทั้ง class อดเรียน แต่ผมว่าคงมีอาจารย์บางท่านคิดว่าถ้าจะหยุดอัด (หรือสอน) คนๆเดียวที่ทำผิด และมีผลต่อทั้ง class มิสู้ทนสอนไปเพื่อคนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์ ไหนๆก็อุตส่าห์ตื่นนอนแต่งตัวมาจากหอมาฟัง lecture

อาจารย์แบบหลังนี่ ท่านคงไม่รู้ตัวหรอกครับว่าโดน นศพ. บอกให้พิจารณาพฤติกรรมซะบ้าง

ไม่รู้จะเห็นใจใครดี?



Posted by : Phoenix , Date : 2006-08-02 , Time : 22:07:28 , From IP : 124.157.186.184

ความคิดเห็นที่ : 5


   ถ้าไม่ทั้งชั่วโมง อย่างน้อยสัก 5 นาทีก็ยังดีครับ ให้ นศ. เกิดความละอายบ้าง แทนที่จะเป็นความเคยชิน และลามไปยังคนอื่น ๆ ที่ เห็นแบบว่า อ. ก็ไม่เห็นว่าอะไร เราทำบ้างก็ไม่แปลก แค่ 5 นาที ก็น่าจะปรามได้บ้าง ไม่ปล่อยให้เป็นความเคยชินไป

Posted by : - , Date : 2006-08-02 , Time : 22:30:59 , From IP : 203.188.5.103

ความคิดเห็นที่ : 6


   ชั่วโมงสอนของผม ผมซื้อลูกอมมาแจกให้กินขณะเรียนด้วยซ้ำไปครับ เนื่องด้วยทนไม่ได้ที่จะเห็นใครมานอนตรงหน้า :)

Posted by : Shonigega , Date : 2006-08-02 , Time : 23:19:13 , From IP : 80-41-39-167.dynamic

ความคิดเห็นที่ : 7


   เรื่องดื่มนม ทานขนม ซดน้ำขวดในห้องเรียนนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นกรณีคล้ายๆ luncheon symposium ได้หรือ เปล่า คือรับประทานข้าวทั้งจาน ตามด้วยผลไม้ ขนมหวาน เสร็จ ... จากการที่เคยเห็น บางทีก็เลยอาจจะทำให้เกิดความเคยชินใช้เหตุผลของการกระทำในสถานการณ์หนึ่งมาใช้ในอีกสถานการณ์ที่ .. คิด .. ว่า ก็คล้ายๆกัน ... คือ ... มันรับประทานตามเวลาไม่ทันเหมือนกัน อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ



ถ้าเกิดมี นศพ.ตัวกลมๆ แถมอารมณ์...(ค่อนข้างจะ)...ร้าย หลับไปต่อหน้าต่อตาอาจารย์ Shonigega จะเกิดอะไรขึ้นบ้างคะ? ^^"

คือ....หนูก็ไม่เคยตั้งใจจะหลับในห้องเรียนหรอกค่ะ....แต่...คือ...มันก็...
อาจารย์ท่านหนึ่งเคยแนะนำว่า...ถ้าเธอกินกาแฟเป็นยานอนหลับก็ไม่ต้องกินแล้วนะ...เปลืองตังค์ ... น่ะค่ะ หนูก็เลยไม่แน่ใจนักว่า ... ลูกอมมันจะ effective กว่า

เพื่อนเคย...เล่น... ต่อ mister donut 3-1 ค่ะ แต่มีปัจจัยแทรกแซงนิดหน่อย ...หนูมองอาจารย์เพลินจนลืม...หลับ...

:^)


Posted by : Lucifer , Date : 2006-08-03 , Time : 00:04:33 , From IP : 172.29.4.202

ความคิดเห็นที่ : 8


   มันไม่เหมือนกันเสียทีเดียวครับคุณ Lucifer, การประชุมแบบ Luncheon symposium นั้น หากคุณ Lucifer ลองสังเกต มักจะเป็นหัวข้อที่สัมพันธ์กับการให้ข้อมูลยาและผลิตภัณฑ์ หรือเป็นหัวข้อที่ host โดยภาคธุรกิจ การมีอาหารประกอบที่ทาน มีเหตุผลของมันอยู่คือการตอบแทน จูงใจผู้เข้าฟัง ทั้งเป็นการลดการเสียเวลาในช่วงพักเที่ยง ที่สำคัญที่สุด ทุกคน (ทั้งผู้บรรยาย และผู้ฟัง) เข้าใจร่วมกันล่วงหน้าแล้วว่า นั่นเป็น "โภชนาปาถาฐา"

แต่

ในห้องบรรยายทางวิชาการ ความคาดหวังของคุณ Lucifer ที่จะเอาข้าวผัดกระเพราไก่เข้าไปฟาดในห้องบรรยาย อาจจะต่างจากคุณตี๋น้อย เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ที่ต้องการนั่งฟังบรรยายอย่างมีสมาธิ หรือต่างจากผู้บรรยาย ที่ต้องการจรดใจลงบนการสอนที่เตรียมมาและพูดได้รื่น ไม่น้ำลายสอ ป้าพรผู้ดูแลความสะอาดที่ไม่ปรารถนาให้ห้องบรรยายเปรอะไปด้วยคราบอาหารโดยที่เธอไม่สามารถจัดการมันได้โดยง่าย

เป็นมารยาทที่คุณ Lucifer จะต้องเคารพในสิทธิ์ของคนเหล่านั้นครับ

ซตพ.


Posted by : Shonigega , Date : 2006-08-03 , Time : 00:54:07 , From IP : 80-41-39-167.dynamic

ความคิดเห็นที่ : 9


   ข้างๆหนูมักจะเป็น "หมวยน้อย" ค่ะ ...


ซึ่งรับประทานตลอดเวลาจนหนูออกจะสงสัยว่ามันเป็น oral stage fixed หรือเปล่าก็ไม่รู้

:9r


Posted by : Lucifer , Date : 2006-08-03 , Time : 01:21:20 , From IP : 172.29.4.202

ความคิดเห็นที่ : 10


   Condition ที่ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนพฤติกรรมอาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ของสังคมนั้นๆได้

ในสังคมที่ใช้ "กฏหมาย" เป็นหลัก ใช้ punishment เป็น superego tool ใช้ authoritarian reinforcement ในการปรับฉันทาคตินั้น มี side effects ในความคิดของผม

Side effect ที่ว่านั้นคือเมื่อมีกฏ ก็มีคนมองหาช่องโหว่ของกฏ เมื่อมีคนดุด่าว่ากล่าว การดุด่าก็กลายเป็น necessity ไป คือไม่มี condition นี้ ก็ไม่มีการกระทำ (หรือการไม่กระทำ) เกิดขึ้น

มารยาท กฏสังคม หรืออะไรที่คุณ Shinogega พูดถึงนั้น เกิดขึ้นอีกอย่างคือ "มโนสำนึก" หรือ conscience (ไม่ใช่ conscious) เกิดจากการมองเห็น "ความเชื่อมโยง" ของมารยาท ของการเคารพนบนอบ ความอ่อนน้อม ว่าเป็นสิ่งพึงกระทำ ดังนั้นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้จึงเป็นสุนทรีย์ ที่มีอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า เป็น fabric ของสังคมได้ยั่งยืนกว่า

สังคมที่ต้องมีแส้หวด บทลงโทษ นั้นอาจจะ "จำเป้น" ในยุคสร้างปิรามิด สร้างกำแพงเมืองจีน บางทีเราอดมีความคาดหวังไม่ได้ว่าถ้าเป็นสังคมว่าที่บัณฑิต สังคมว่าที่บัณฑิตแพทย์ พฤติกรรมที่ดีที่ถูกต้องนั้น น่าจะอยู่ในธรรมเนียม มารยาท วัฒนธรรม มากกว่าอยู่ในกฏข้อที่สอง ย่อหน้าที่สี่ ของธรรมนูญมหาวิทยาลัย



Posted by : Phoenix , Date : 2006-08-03 , Time : 03:24:16 , From IP : 58.147.112.119

ความคิดเห็นที่ : 11


   

ผมเห็นว่าการหลับในห้องเป็นธรรมชาติ และหากจำเป็นจะจัดระบบการทานอาหารว่างในห้องเรียนเช่น งดอาหารที่มีกลิ่น อย่าเคี้ยวหรือดูดเสียงดังจนรบกวนผู้ื่อื่น และอาจพกพามาเผื่อเพื่อนข้างเคียงบ้าง จะเป็นคุณูปการต่อการศึกษาไทย
สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ผมไม่ทานของว่างในห้อง แต่จะมาก่อนเพื่อนั่งข้างหลัง ในห้องเรียนที่ตึกบริหาร เผื่อง่วงหลับเพราะมี core lecture 7 โมง บางคนอยู่เวรที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ถึงเช้า เวลาหลับจะได้ไม่น่าเกลียด และช่วยกันเตือนผู้กรนดัง แต่เพื่อนที่นั่งหน้าและหลับตาเรียนมักจะได้ดีกว่าพวกที่หลับอย่างเป็นกิจลักษณะ อาจารย์ส่วนใหญ่เข้าใจ อาจมีอาจารย์ใหม่บางท่านอัดเราบ้าง
เมื่อผมมีโอกาสได้เรียนรู้ในประเทศที่มีทุนทางสังคมสูงเช่น ญี่ปุ่น แคนาดา และยุโรป เขาจัดอาหารว่างและกาแฟไว้หลังห้อง หรือมีห้องอาหารว่างไว้ และผมพบว่าไม่ค่อยมีคนไปหลับในห้อง แต่การเข้าเรียนสายโดยไม่มีเหตุอันควรจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม





Posted by : ศิษย์เก่า , Date : 2006-08-03 , Time : 08:41:16 , From IP : 203.147.36.35

ความคิดเห็นที่ : 12


   เอ๋อ ขอประทานโทษครับ เรื่องความถูกผิดคงไม่ต้องพูด รู้ ๆ กันอยู่แล้ว

แต่ถ้ามองว่าอย่างนี้หล่ะครับว่า ข้าเสียเงินมาจ้างพวกเอ็งสอนหนังสือ ก็สอนไปเถอะน่า มายุ่งวุ่นวายอะไรกับการกินการนอนของข้า( ฟะ ) ข้าพอใจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็มา จะออกก็ออก ยืนหน้าห้องพูดไปเถอะ

อาจยกตัวอย่างที่รุนแรงไปหน่อย แต่จะได้เห็นชัด ๆ

กราบขออภัยอาจารย์ทุกท่านครับ


Posted by : งักปุกคุง , Date : 2006-08-03 , Time : 09:07:02 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 13


   เงื่อนไขของสังคมเปลี่ยนไป
สถานภาพศิษย์อาจารย์เปลี่ยนไป
การรู้สำนึกในความรับผิดชอบทั้งศิษย์อาจารย์เปลี่ยนไป
ฯลฯ
สิ่งที่เปลี่ยนไป เป็นเพราะเราจงใจให้เปลี่ยน แต่ทำใจไม่ได้จากผลของการเปลี่ยนแปลง

โทษใครดี พอๆกันทั้งนั้น


Posted by : สังคมเปลี่ยน , Date : 2006-08-03 , Time : 09:27:08 , From IP : 172.29.1.226

ความคิดเห็นที่ : 14


    คนเก่ง แค่เก่งในเรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ ขาดซึ่งมโนสำนึก ศีลธรรม จริยธรรม และคุณธรรม มันไม่ดีหรอกครับ เรียนเก่งแล้วต้องมีคุณธรรมไปพร้อมๆกันด้วย เรื่องแค่นี้ ผม ว่า มันดู พื้นๆมากเลยนะ ไม่ต้อง อ้างทฤษฎีต่างๆเข้ามาผสมผสานผมก็คิดว่าน่า make sense กันได้เอง

Posted by : ผ่านเข้ามา , Date : 2006-08-03 , Time : 09:51:40 , From IP : 203.113.76.74

ความคิดเห็นที่ : 15


   การศึกษา ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จริง ๆ

Posted by : แวะมา , Date : 2006-08-03 , Time : 11:28:57 , From IP : 172.29.4.102

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผมคิดว่าพวกเราอยู่ในสังคม ต่างก็จะมีความรู้สึกถึงความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน และตั้งเป้าหมายความสำเร็จตามนิยามของตนเองไว้พอสมควร

เป็นครู จะเป็นแค่คนมาสอน หรือคนช่วยให้นักเรียนได้เรียน ก็จะมี action ที่แตกต่างกัน

เป็นนักเรียน จะมีบทบาทแค่ contents ที่บรรยาย หรือเรียนรู้เรื่องของสังคม การอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ การทำงานเป็นทีม การเข้าใจ autonomy และเคารพในสิทธิของผู้อื่น รวมอยู่ในบทบาทของว่าที่บัณฑิตด้วย ก็จะมี action ที่แตกต่างกัน

ผมคิดว่าพระบรมราโชวาทในงานพระราชทานปริญญาบัตรของหลายๆมหาวิทยาลัยโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น น่านำมาศึกษา ใคร่ครวญ ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง จะยังประโยชน์อย่างยิ่งต่อตนเองและสังคม



Posted by : Phoenix , Date : 2006-08-03 , Time : 12:10:56 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 17


   ข้าเสียเงินมาจ้างพวกเอ็งสอนหนังสือ ก็สอนไปเถอะน่า มายุ่งวุ่นวายอะไรกับการกินการนอนของข้า รู้สึกแย่จังกับการที่มีลูกศิษย์คิดอย่างนี้ แต่ก็คิดปลอบใจไปว่า คนนั้นคงเป็นลูกค้า ไม่ใช่ลูกศิษย์ สอนแต่ content ก็คงเพียงพอแล้ว

Posted by : ฯ , Date : 2006-08-03 , Time : 13:02:15 , From IP : 172.29.3.147

ความคิดเห็นที่ : 18


   ข้าเสียเงินมาจ้างพวกเอ็งสอนหนังสือ ก็สอนไปเถอะน่า มายุ่งวุ่นวายอะไรกับการกินการนอนของข้า รู้สึกแย่จังกับการที่มีลูกศิษย์คิดอย่างนี้ แต่ก็คิดปลอบใจไปว่า คนนั้นคงเป็นลูกค้า ไม่ใช่ลูกศิษย์ สอนแต่ content ก็คงเพียงพอแล้ว

Posted by : ฯ , Date : 2006-08-03 , Time : 13:02:29 , From IP : 172.29.3.147

ความคิดเห็นที่ : 19


   ขอบคุณสำหรับผู้ตั้งกระทู้นี้มาก ซึ่งแสดงว่าเรายังมีนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่คำนึงถึงความเหมาะสม กาละเทศะอยู่ การกระทำเช่นนั้นก็จะส่งผลต่อผู้กระทำเอง นักศึกษาเป็นผู้ใหญ่แล้วหากอยากจะให้คนอื่นปฏิบัติต่อตนแบบผู้ใหญ่ก็คงต้องคิดให้มากๆก่อนการจะทำอะไรลงไป

Posted by : มณีแดง , Date : 2006-08-03 , Time : 13:35:40 , From IP : 172.29.3.189

ความคิดเห็นที่ : 20


   ขอบคุณกับทุกความคิดเห็น
เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ผมได้เห็นแนวความคิด
ของคนในสังคม(ใกล้ ๆ )
ว่านานาจิตตังของแต่ละคนนนั้นเป็นอย่างไร
สัดส่วนของผู้ที่คำนึงถึงความเหมาะสมบนพื้นฐาน
ของตนเองและมารยาททางสังคมนั้นเป็นอย่างไร
แต่ส่วนตัวแล้วการบริหารเวลาสำหรับเรื่องเหล่านี้น่าจะ
ทำให้เหมาะสมมากกว่านี้


Posted by : mac , Date : 2006-08-03 , Time : 16:50:54 , From IP : 172.29.4.126

ความคิดเห็นที่ : 21


   แม้ว่าเราจะอยู่ในโลกเสรี แต่สถานะความเป็น นศพ. ที่ความน่าเชื่อถือและการวางตัวมีส่วนสำคัญ ผมมองข้ามไปถึงการที นศพ.เดินถือขนมกิน ดูดน้ำ พูดคุยเฮฮาโหวกเหวกแถว OPD ลองนึกวาเป็นคนไข้ ญาติ เขาจะมองในสายตาอย่างไร

Posted by : บังเด , Date : 2006-08-03 , Time : 22:44:30 , From IP : 172.29.4.162

ความคิดเห็นที่ : 22


   ทำไมเดี๋ยวนี้มีอะไรแปลกๆ แบบที่คนแก่ๆ อย่างผมไม่เคยเจอก็ไม่รู้ อย่างในกระทู้ก่อนหน้านี้ ที่มี คนสวมบราสีดำกับเสื้อนักศึกษาหญิงบางๆ รัดๆ หรือนักศึกษาชายไว้ผมยาวจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง ตอนผมอ่าน ผมก็ไม่ค่อยเชื่อคนเขียนกระทู้ จนมาเจอกับตัวเองที่ใต้ตึกแดง และมาคราวนี้ก็เจอนักศึกษาเอาขนมไปทานในช่องเรียนระหว่างอาจารย์สอน แค่น้ำดื่มก็ยังพอรับได้ แต่นี้เล่นขนมโดนัท เลยหรือ

เคยเจอนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สาม คนนึง เป็นผู้ชาย (ไม่แน่ใจว่าชายแท้หรือไม่) ถามผมว่า "พี่ เวลาขึ้น ward เซ็ทผมเปรี้ยวๆ ไปหรือเปล่า" ผมเลยตอบไปว่า "ไม่รู้ดิ ใช้สมองคิดเองแล้วกันน้อง"


Posted by : ตติวัตร , E-mail : (saracet_1@hotmail.com) ,
Date : 2006-08-04 , Time : 00:23:18 , From IP : 125.24.96.52


ความคิดเห็นที่ : 23


    ข้าเสียเงินมาจ้างพวกเอ็งสอนหนังสือ ก็สอนไปเถอะน่า มายุ่งวุ่นวายอะไรกับการกินการนอนของข้า <<<< ผม รู้สึก เห็นใจ และ สมเพช ในความคิดของคนที่มีความคิดแบบนี้จังเลย...การศึกษาและมารยาทที่ดีในสังคมที่เขาได้พบเจอ ไม่ได้ช่วยขัดเกลา ความคิด และ จิตสำนึกของเขา บ้างเลย จงจำไว้อย่างนึงว่า ไม่ว่าคุณจะเก่งกล้า เรียน เก่ง หรือ เก่งสักเพียงไหน หากคุณไม่รู้จักความกตัญญูรู้คุณต่อผู้ที่มีพระคุณของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น บุพพการี ครู-อาจารย์ หรือใครอื่นก็ตามคุณไม่มีวันที่จะเจริญก้าวหน้าได้หรอก ชีวิตคุณจะไม่มีสามารถพบกับความสุขและเจริญอย่างแท้จริงได้เลย กลับตัว กลับใจเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เถอะ ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแนวความคิด อย่าให้ ค่านิยมผิดๆความคิดผิดๆเข้ามาครอบงำจิตใจคุณอีกเลย หวังว่าคุณคงจะสำนึกได้และคงไม่มีแนวความคิดแบบนี้อีก

ครู คือ ผู้ที่มีพระคุณอย่างล้นเหลือต่อศิษย์ทั้งหลาย
พ่อแม่ คือ พระที่อยู่ในใจของลูกเป็นอันดับแรกศักดิ์สิทธิ์กว่า พระเกจิอาจารย์ใดๆทั้งปวงในโลกนี้

****************************************************


Posted by : สิงห์ทอง39 , E-mail : (kingsmrking@hotmail.com) ,
Date : 2006-08-04 , Time : 05:14:21 , From IP : 203.113.76.10


ความคิดเห็นที่ : 24


    ถ้า ดื่มแต น้ำเปล่า หรือ ลูกอม ที่ ไม่มีเสียง นี่ พอรับได้
ถ้า นอนหลับ ครูก็ควรปลุกให้ลุกไปล้างหน้า
สอนก็ควร ตรงต่อเวลา ทั้ง ตอนเข้า และ ตอนสอนเสร็จ
ตอนสอน ก็ไม่ใส่ใจ ตอบคำถาม คนใหนเป็นพิเศษ
ถ้าเรียนอ่อน ตามไม่ทันกลุ่ม ก็ต้องหาเวลาอื่น ที่ไม่กินแรงเพื่อน มาถามเอาเอง


Posted by : guru , Date : 2006-08-04 , Time : 12:18:03 , From IP : 203.114.97.162

ความคิดเห็นที่ : 25


   คือว่า...ก้อเป็นคนนึงที่เคี้ยวหมากฝรั่งหรือกินกาแฟตอนเข้าlecture
ด้วยเหตุว่า...ไม่เคยทรายว่าผิดมารยาท(ไม่ทราบจิงๆๆค่ะ)
เหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้หลับต่อหน้าอาจารย์จิง
แต่เมื่อทราบอย่างนี้..ก็คงจะไม่ทำอีกค่ะ
แต่...ไม่รุว่าจะหลับต่อหน้าอาจารย์รึป่าว
ขอโทษอาจารย์ทุกท่านไว้ด้วยนะค่ะ


Posted by : นศพคนหนึ่ง , Date : 2006-08-04 , Time : 21:45:39 , From IP : 172.29.4.245

ความคิดเห็นที่ : 26


   คุณ เอากาแฟ มานั่งกินในห้องเรียน แล้วไม่ทราบจริงๆเหรอครับ ว่ามันผิดมารยาท ผมไม่ทราบนะว่าก่อนหน้านี้คุณเรียนที่ไหนมา แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า รร.มัธยม ในประเทศไทย ไม่มีที่ไหนยอมหรอกครับ ถ้าเรื่องแค่นี้คุณไม่รู้ ผมว่าแย่มากๆ นะ ส่วนตัวนะ ผมว่าเผลองีบหลับในclass ยังดูดีกว่าเอากาแฟมานั่งกินอีกนะ

Posted by : x , Date : 2006-08-07 , Time : 06:29:07 , From IP : 61.7.159.214

ความคิดเห็นที่ : 27


   หากว่าคุณนั่งเรียนในห้องที่มีสมาชิกแค่ 10 ในขนาดห้องที่เราทำ pbl กัน คุณจะให้เหตุการณ์เนี้เกิดขึ้นไหมครับ ต่อหน้าอาจารย์ คุณกล้าดื่มกาแฟ เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือแจกขนมให้เพื่อน ๆ ขนาดจะคุยกันนอกเรื่องเรียนต่อหน้าผมยังไม่กล้าเลย

Posted by : mac , Date : 2006-08-07 , Time : 07:36:55 , From IP : 172.29.4.69

ความคิดเห็นที่ : 28


   เห้อ การศึกษา...นึกว่าจะหล่อหลอมคนได้
เคยคิดว่าแพทย์คือแบบอย่าง..
แต่....


Posted by : คนที่นับถือแพทย์ , E-mail : (...) ,
Date : 2006-08-07 , Time : 22:20:51 , From IP : 172.29.5.59


ความคิดเห็นที่ : 29


   เคยเป็นคนที่ทำผิดมารยาทมามากมายมาก่อน
และเคยโดนสั่งสอนว่า ไร้มารยาท

เคยลุกมาเดินไปมา หลังห้องเลคเชอร์เพื่อไม่ให้หลับ
เคยลุกขึ้นมายืนทั้งชั่วโมงหลังห้องเลคเชอร์เพื่อไม่ให้หลับ
เคยเคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม
เคยทานอาหารในระหว่างการประชุม PBL

ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ทำเมื่อตอนอยู่ชั้นพรีคลินิก
(คิดว่าเพื่อนๆร่วมรุ่นคงจำกันได้ ว่ามีอยู่สองคนที่ทำอย่างนี้)

ภายหลังละอายใจแล้วครับว่าเสียมารยาท

เป็นการรบกวนผู้อื่นอย่างมาก

ถ้าจะทำอย่างนั้น สู้หลับในห้องหรือไม่ต้องเข้าไปเรียนเลยดีกว่า

คนอื่นๆที่เรียนต้องการสมาธิน่ะครับ

. . .

ปล. จนถึงตอนนี้ผมก็ยังหลับระหว่างประชุมหรือราวน์
(อยากทราบว่ามีอาจารย์ท่านใดเชี่ยวชาญเรื่องแก้ไขปัญหาการนอนหลับได้บ้าง)

. . .


Posted by : ArLim , Date : 2006-08-08 , Time : 02:36:16 , From IP : 203.113.76.9

ความคิดเห็นที่ : 30


   ไม่อยากหลับคาห้อง lecture อะ เรียนที่ไรหลับทุกที.........ก็เลยต้องกินกาแฟ....

Posted by : ................... , Date : 2006-08-08 , Time : 17:22:15 , From IP : 172.29.4.202

ความคิดเห็นที่ : 31


   We cannot control sleep until it come to overwhelm us....




อะไรสักอย่าง เคยอ่านผ่านๆ ใน Text เกี่ยวกับ Sleep Disorder

เราไม่สามารถสั่งตัวเองให้หลับ แต่การหลับจะเกิดขึ้นเอง และจะเกิดขึ้นดีเมื่อมีบรรยากาศเป็นใจ ตัวเรามีความสามารถแค่คุมสภาพรอบด้านให้เหมาะสมแก่การหลับ การหลับก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้นการจะทำให้ไม่หลับ ก็เป็นสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ เพราะถึงควบคุมสิ่งแวดล้อมด้านนอกมากอย่างไร ถ้ามีปัจจัยที่เหนี่ยวนำให้เกิดการหลับ การหลับ ก็จะมาครอบงำเรา และเราก็จะหลับไปในที่สุด


เพราะงั้น การหลับเป็นเรื่องธรรมชาติ











Posted by : poison ivy , Date : 2006-08-09 , Time : 03:55:42 , From IP : 203.118.99.162

ความคิดเห็นที่ : 32


   ระหว่างการยอมให้ งีบในแลคเชอร์
กับการทานขนม ท่านคิดว่าควรทำอย่างไหนละครับ
(เป็นไปได้ก็ไม่ควรทำทั้ง 2 อย่าง เดี๋ยวจะเป็นการชี้นำจนเกินไป)
ผมว่างีบบ้าง หมายถึงไม่ต้องถึงกับฟุบบนโต๊ะ ประมาณว่าพงกหัวก้มหลับ
ก็ยังพอขืนได้นะ ให้เพื่อนข้าง ๆ สะกิดบ้างหากว่างีบหลับท่าไม่สวย
(อาจารย์ท่านคงเข้าใจ ว่าประมาณไม่ไหวแล้ว)
หากอยากทานลูกอม ก็แอบ ๆ อม เอา
พยายามสังเกตเวลาอาจารย์สบตามาที่เรา
เพื่อไม่แกะพลาสติกห่อลูกอมตอนอาจารย์หันมา มันจะดูไม่งาม
หยวน ๆ กันได้แต่ดูโอกาสเล็กน้อย
ก็แล้วแต่จะปรับใช้ แต่ไม่ควรจะทำแบบไม่แคร์กัน ต่อหน้าต่อตา
ส่วนเหตุผลก็อย่างที่ แสดงความเห้นกันมา





Posted by : ono , Date : 2006-08-09 , Time : 12:07:19 , From IP : 203.113.76.73

ความคิดเห็นที่ : 33


   ระหว่างการยอมให้ งีบในแลคเชอร์
กับการทานขนม ท่านคิดว่าควรทำอย่างไหน
ไม่ควรทำทั้งสองอย่าง
ถ้าตั้งใจมาเรียน อยากมีอนาคต
ก็ควรเตรียมพร้อมตัวเองเสียก่อน

ขอเสียของพฤติกรรมนี้จะทำผลเสียให้คนรอบข้าง (เพื่อนๆ เสียสมาธิในการเรียน)และสถานที่ (ห้องเรียน) สกปรก และมีกลิ่น

ควรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพราะจะติดตัวคุณไปเมื่อจบไปทำงานหรือเรียนต่อต่างประเทศ (ถ้าเป็นไปได้)


Posted by : one , Date : 2006-08-19 , Time : 11:55:45 , From IP : 172.29.2.118

ความคิดเห็นที่ : 34


   ไม่น่าเชื่อว่าแค่กระทู้เล็กๆน้อยๆเรื่องเดียวจะมีคนเถียงกันมากขนาดนี้

Posted by : ddz , Date : 2006-08-19 , Time : 12:43:56 , From IP : ppp-124.121.38.54.re

ความคิดเห็นที่ : 35


   ก็เพราะมันคือความจริงไงละครับ
ที่หลายต่อหลายคน รับไม่ได้
กับผู้ที่กำลังจะเป็นที่พึ่งของปวงชน


Posted by : mac , Date : 2006-08-19 , Time : 21:26:25 , From IP : 203.113.76.75

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.014 seconds. <<<<<