Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-18 , Time : 21:37:25 , From IP : 172.29.3.234 |
Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-20 , Time : 00:07:44 , From IP : 172.29.3.254 |
ทำไมกระทู้นี้ถึงมีแค่คนสองคนคุยกันเป็นหลัก... ขอแจมบ้างครับ อย่างน้อย SDL ก็ทำให้ผมได้รู้ถึงความสำคัญของการจัดการเวลาและการเรียนแบบ andragogy อย่างที่คุณ Phoenix ว่าล่ะครับ รู้ว่าสำคัญ แต่ยังทำไม่ได้ดี และไม่รู้ว่าจะทำได้ดีก่อนจบปี 6 หรือเปล่า แต่อ่านข้อความข้างบนแล้ว สิ่งที่อยากพูด มันก็มีอยู่ในคุณ Death ภาคเทวดาแล้วล่ะ แล้วจะทำยังงัยให้นศพ.สามารถจัดการกับ SDL ได้ดี ที่จริงอย่างที่คุณ Phoenix ว่า อย่างน้อย นศพ. ก็ IQ ดี ปรับตัวเก่งอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าเป็นห่วงพวกเขามาก คนเก่งๆก็ปรับตัวได้ไป แต่ยังมีคนส่วนน้อยๆ ที่เรียนไม่เก่ง มีปัญหา รู้จักข้อดีของระบบ แต่ไม่ยอมรับข้อดีนั้น ทำให้ไม่สามารถได้รับผลประโยชน์จากจุดนี้ได้อย่างเต็มที่ (รวมทั้ง PBL ด้วย ที่ไม่สามารถสร้างความใฝ่รู้ให้แก่นศพ.ได้อย่างเต็มที่) อืม ไม่รู้สินะ สิ่งที่ผมพูดถึงนี่ อาจเป็นเพียงความรู้สึกของผมก็ได้ ความรู้สึกที่ว่า SDL กับ PBL ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาให้กับนศพ. ที่จริง ทุกคนก็ต้องดิ้นรนล่ะนะ ดิ้นรนจนเรียนจบ หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน ... (ดึกแล้ว อ่านหนังสืออยู่ อาจจะเพ้อเจ้อ เขียนไม่ค่อยรู้เรื่อง เอาไว้มาคุยด้วยต่อครับ) Posted by : ArLim , Date : 2003-08-20 , Time : 03:09:18 , From IP : netturbo5.cscoms.com |
คนที่จะให้ข้อมูลเรื่องการเรียนแบบPBLได้ดีในเบื้องต้นน่าจะเป็นexternรุ่นปัจจุบัน ถ้าน้องexternบอกว่าดี ก็น่าจะดีจริง แต่ถ้าบอกว่าไม่ดีก็ต้องอธิบายว่าไม่ดีอย่างไรเพราะปัญหาที่น้องเจอมันก็อาจเกิดกับรุ่นที่เรียนระบบเก่าเหมือนกัน ตอนเป็นexternไม่มีการสอบเพื่อเก็บคะแนน ทำแต่งานอย่างเดียว ไม่ต้องเขียนรายงาน ผลของการเรียนแบบPBLน่าจะออกมาเต็มที่ น้องทำงานเป็นหรือเปล่า แก้ไขปัญหาให้ผู้ป่วยได้หรือไม่ เวลามีปัญหาน้องทำอย่างไร เวลาที่ว่างน้องเอาไปทำอะไร ถ้าน้องบอกว่าไม่ว่างเลยเพราะพีๆใช้งานหนัก ก็คงต้องรออีกปี ให้น้องจบเป็นหมอก่อนแล้วไปเจอปัญหาต่างๆเอง เป็นตัวของตัวเอง น้องคงบอกได้ว่าPBLเป็นอย่างไร แล้วอย่าลืมมาตอบในกระดานให้อาจารย์ได้รู้ Posted by : megumi , Date : 2003-08-20 , Time : 04:41:11 , From IP : 172.29.3.236 |
เรียนระบบเก่าเรามี SDL เหมือนกันครับ นั่นคือทันทีที่กระดิ่งหมดเวลาราชการดัง ที่เหลือก็เป็นภาระของเราที่ต้องทำงานต่อ และ "เกือบทุกคน" ทำต่อ ปีสองเป็นปีที่หฤโหดที่สุด gross anatomy ตลอดปี และยกเว้นสองอาทิตย์แรกเปิดเทอมแล้ว หลังจากนั้น virtually ทุกอาทิตย์ก็จะเป็นการสอบ 1,2, หรือ 3 วิชาของ gross anatomy, histology, embryology, physiology และ biochemistry ตลอดปีการศึกษา ไม่มีใครสามารถไม่ทำ SDL นอกเหนือจากที่ถูกกำหนดไว้บนตารางเรียน เพราะไม่มีมนุษย์หน้าไหนทำเสร็จในเวลาราชการกับงานที่ได้รับ assigned มา ใครจำอะไรได้บ้างหลังจากนั้นไม่ได้ทำวิจัย แต่เหลือ "น้อยมาก" จริงๆ ทุกวิชาเป็นท่องจำซะ 80% short-term memory ถูกนำมาใช้ และไม่น่าแปลกใจที่มันหายไปในเวลาเท่าๆกับที่เราใช้ในการ acquire ที่ได้คือ "ความอึด" และความสามารถในการ "ไม่บ่น" เพราะ job must be finished และนั่นแหละที่เป็น motto ของนักเรียนแพทย์ มีคนไปเที่ยว ไปเตร่เหมือนกันครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเย็นวันสอบเสร็จ (เพราะอีกสองวันก็จะสอบอีกวิชา คืนวันพรุ่งต้องเป็นนกฮูกต่อ) นศพ.จะจำได้แม่นยำว่าโปรแกรมหนังเรื่องอะไรโรงไหนเข้าเมื่อไหร่ สอบเสร็จก็ยัดเข้า taxi 6 คนไปสยามสแควร์ ปีสามปีสี่ปีห้าปีหก ชีวิตไม่เคนเปลี่ยน ถึงแม้จะไม่มีใครมาตั้งชื่อการใช้เวลานอกเวลาเราว่าเป็น sdl ดูทุกคนก็รู้ดีว่าถ้าวันนี้โดด วันนี้ไปก๊ง นั่นหมายความว่าเราต้องชดใช้กรรมแน่ๆเร็วๆนี้ อาจจะเป็นเพราะ age-gap ก็เป็นได้ เพราะผมไม่ใคร่เข้าใจคำว่า "เรียนหนักขึ้น" ที่บ่นมาจากนศพ.รุ่นใหม่ เพราะน้องจะเข้าใจได้อย่างไรว่ารุ่นพี่เรียน "หนัก" ขนาดไหน? ผมเองยังบอกไม่ได้เลยว่าผมเรียนหนักกว่าหรือเบากว่านศพ.รุนใหม่ เพราะว่าผมไม่ทราบว่าน้องเรียนหนักแค่ไหน พอๆกับที่เราไม่ทราบว่ารุ่นพี่เรารุ่นที่แล้วเรียนหนักแค่ไหนอย่างไร แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นโดยสิ้นเชิง เราไม่ได้สนใจว่าเราเรียนหนักแค่ไหน แต่เราสนใจที่เราต้องรู้อะไรบ้างก่อนจะจบไปมากกว่า ผมไม่เคยเห็น extern หรือ Intern ในอดีตมีความมั่นใจแม่แต่รุ่นเดียวว่ารู้พอแล้ว ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกปกติ เพราะเรารู้ว่าความรับผิดชอบนั้นมันมากขึ้นเรื่อยๆ ความกลัว ไม่แน่ใจ ในเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ และสมควรอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาแพทย์ แต่ทุกคนก็ "ผ่านมาได้" ครับ ผ่านมาได้กว่าร้อยปีแล้ว มองกลับไปทั้งตัวเราและเพื่อนเรา ผมว่าพี่ๆเองก้แทบไม่อยากเชื่อว่ารุ่นเราๆที่ได้คบกันมา เล่นกันมาจะอยู่ในตำแหน่งที่ปัจจุบันนี้เป็นอยู่ ผมอยากจะบอกว่า self-doubt นั้นเกิดขึ้นตามปกติครับ แต่เราควรจะนำมาเป็น positive force ที่จะเอาชนะ อย่าไปโทษครู โทษระบบ โทษสังคม โทษครอบครัว เมื่อ "เรา" ทำไม่สำเร็จ เพราะนั่นเป็นทางตัน แต่ถ้าเรากำหนดว่าเป็น "ตัวเรา" ที่เป็นสาเหตุ หมายความว่า "เรา" ก็สามารถจะแก้ไขได้ ง่ายกว่าจะไปแก้ที่รัฐบาล คณบดี หรือครูบาอาจารย์ ผมอาจจะมีความรู้สึกหลอนตัวเอง เพราะผมรู้สึกว่าเด็กรุ่นใหม่พอเปลี่ยนเรียกครูอาจารย์ว่าเป็นผู้บริหาร ดูมันจะเป็นการ break barrier ที่จะพูดจิกหัว ด่าโดยใช้ภาษากเฬวลากอย่างไรก็ได้ ทั้งๆที่ท่านก็ได้สอนอะไรๆมามากมาย อาจจะไม่เกี่ยวนะครับ แต่ผมว่ากตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายแห่งคนดีอยู่ Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-20 , Time : 22:38:47 , From IP : 172.29.3.215 |
เคยคิดว่านักศึกษาแพทย์เป็นคนที่มีมันสมองดี น่าจะเรียนรู้ได้ดี แต่อ่านข้อความในกระทู้ของหลายคนแล้ว อาจต้องเปลี่ยนความคิดว่า นักศึกษาแพทย์ไทยมีศักยภาพในการเรียนรู้ค่อนข้างต่ำ ต้องการเรียนสบาย ๆ มีความรับผิดชอบต่อตนเองน้อย อย่างนี้จะแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างไร อีกไม่นานเวียดนามก็แซงแล้ว Posted by : Hippocrates , Date : 2003-08-21 , Time : 18:38:42 , From IP : 172.29.2.18 |
เอ้อ...ผมคิดว่าความคิดเดิมของคุณ Hippocrates น่ะน่าจะถูกต้องแล้วนะครับ ประการที่หนึ่ง "ข้อความในกระทู้ของหลายคน" ที่คุณ Hippocrates อ่านนั้น เป็น selective sample ไม่สามารถจะนำมา represent นักศึกษาแพทย์แม้แต่ของชั้นปีเดียวได้ อย่าว่าแต่นักศึกษาแพทย์ไทยเลย ประการที่สอง ผู้ที่ไม่ชอบใจระบบที่เรียนหนัก คงจะไม่สามารถแปลต่อไปว่ามีศักยภาพในการเรียนรู้ต่ำ จริงแล้วการพัฒนาเรื่องประสิทธิภาพเกิดจากพวกที่คิดว่างานที่ทำอยู่นั้น "หนักเกินความจำเป็น" เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่ความผิดมากมายในประเด้นที่นักเรียนอยากเรียนสบายๆ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ประการที่สาม ประเด็นการแข่งขันกับต่างชาตินั้น ผมอาจจะเป็นคนแคบนะครับ แต่ผมว่าเราเรียนเพื่อออกไปรักษาผู้ป่วยของไทยนี่ก้พอแล้ว ในระยะต้นนี้ เพราะผมเชื่อว่าวัตถุประสงค์อันนี้ถ้าสำเร็จ ที่เหลือมันจะตามมาเอง แข่งกับตัวเอง แข่งเพื่อปรัชญาวิชาชีพนั้นดีที่สุดครับ มีแต่ win win situation Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-21 , Time : 20:47:07 , From IP : 172.29.3.205 |
ยอมรับเลยว่า แรกๆที่มีระบบ SDL ออกมานะ รู้สึกไม่ชอบเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นการใช้เวลาช่วงกลางวันไปกับการพักผ่อน แล้วมาใช้ช่วงเวลากลางคืนมาอ่านหนังสือ แบบหามรุ่งหามค่ำ และก็ตื่นสาย เนื่องจากในช่วงแรกๆของระบบ block ไม่มีการบังคับให้นศพ. มา round ตอนเช้า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นศพ. มีความรู้มาก เพราะอ่านกันสุดๆ เป็นความรู้่ที่มาจากกระดาษ รักษาคนไข้ในกระดาษ แต่พอถูกถามเข้าจริงๆ ว่าเคยเห็นไหม เคยทำไหม คำตอบคือการส่ายหัว ไม่รู้ ไม่เคย แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นกับระบบ SDL นะ หลังจากที่พบว่ามีื นศพ. กลุ่มหนึ่งที่รู้จักการใช้ SDL ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง กรณีที่รู้สึกว่าความรู้มีพอประมาณ แต่ประสบการณ์ยังขาด ก็มาแสวงหาความรู้กันในช่วง SDL ด้วยการมาออก OPD หรือเข้า OR ดีใจนะ ที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ ดีใจจริงๆ สิ่งที่ได้รับก็คือการเห็นคนไข้มากขึ้น เห็นสิ่งที่เป็นจริง อาจได้ลองทำหัตถการอะไรบางอย่างในบางครั้ง การเรียนแพทย์นั้นต้องเรียนจากคนไข้นะ การที่เราเข้าถ้ำเก็บตัว อ่านหนังสือ ไม่ได้ทำให้เราเป็นแพทย์ได้นะ ถึงออกจากถ้ำมาจะสอบได้ที่1 แต่รับรองเลยว่าจะไม่สามารถทำงานเป็นแพทย์ ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้ แล้วเราอยากเป็นแพทย์แบบไหนกัน Posted by : 178 , Date : 2003-08-22 , Time : 16:16:13 , From IP : 172.29.3.105 |
เห็นด้วยกับ คุณ 178 ครับ ถ้าอ่านเองได้ ก็คงมีคณะแพทยศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราชไปแล้ว เรียนทางไปรษณีก็ได้ แล้วถ้าอยากดูคนไข้ก็ไปดูใน รพ.ใกล้บ้านเอา Posted by : Dhan , Date : 2003-08-22 , Time : 18:11:33 , From IP : 172.29.3.103 |
ความคิดคุณ Dhan ก็น่าสนใจดีนะครับ ที่จริงตอนนี้ชั้นpre clinic ก็เรียนเกือบๆเหมือนอย่างนั้นแล้วล่ะครับ ถ้าไม่รวม lab ต่างๆ นศพซก็สามารถตามเลคเชอร์จากวีดีโอได้ทุกวันเลยล่ะครับ เรื่อง SDL กับการเรียนระบบเก่า แต่ละระบบก็มีข้อดีที่ต่างกันอยู่แล้ว SDL เขาก็ตั้งใจให้เราขุดเอาความรับผิดชอบในตัวเองขึ้นมาใช้ ฝึกการบริหารจัดการเวลา เวลามีให้ฝึก SDL มีตั้ง 2 ปี เรียนๆเล่นๆตามที่แต่ละคนมีความสามารถ ซึ่งก็ต่างกัน บางคนก็เล่นเยอะ บางคนก็ต้องเรียนเยอะ แต่ผมว่าแรงกระตุ้นให้เรียนก็มีเยอะนะครับ ทั้งแรงกดดันในการตั้งใจเรียนของเพื่อนๆ คำข่มขู่จากรุ่นพี่ คำถามจากอาจารย์บนวอร์ด ความรู้ตัวเองว่าตัวเองนั้นยังโง่อยู่ ฯลฯ ผมว่า SDL นี่มีข้อดึที่น่าจะชอบกัน คือ ไม่ต้องให้ใครมาบังคับเรียน ตัวเองยังงัยก็ต้องบังคับใจตัวเองอยู่ดี Posted by : ArLim , Date : 2003-08-24 , Time : 19:51:12 , From IP : maliwan.psu.ac.th |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<< |