ความคิดเห็นทั้งหมด : 19

เรียน anatomy แบบ SDL สนุกจริงๆ


   สนุกจริงๆ สนุกจริงๆ เครื่องมือก็ใช้ผิดบ้างถูกบ้าง เส้นประสาทบางเส้นก็ไมเห็น (เพราะตัดขาดไปแล้ว) บางเส้นก็มั่วชื่อเอา ขืนรออาจารย์ที่มีอยู่น้อยก็ไม่ทันเวลา อาจารย์ talk เฉพาะบางกลุ่ม สงสารกลุ่มอยู่ไกลๆ บ้างเถอะ สนุกตามยถากรรม ถ้าเป็นไปได้ขอเรียนแบบ passive สักวิชา หนือขออาจารย์ประจำกลุ่มด้วย เทียบของ med กับ dent อายเขาจัง

Posted by : หนูทดลอง , Date : 2003-08-16 , Time : 17:51:34 , From IP : p12-nrtMT1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 1


   อย่าไปกลัวเลยน้อง เก่ง + ขยันซะอย่าง มันก็ทำได้เอง

Posted by : พี่ , Date : 2003-08-16 , Time : 18:16:52 , From IP : 172.29.2.109

ความคิดเห็นที่ : 2


   เดี๋ยวนี้น้องเรียนกายวิภาคกันยังไงครับ? พี่อยากรู้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-17 , Time : 01:09:16 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 3


   ตอนรุ่นผมเรียนอย่างนี้ครับ(สำหรับระบบ chest และ heart เท่าที่จำได้นะครับ)
1. อ่านบทเรียนมาก่อนล่วงหน้า (รู้สึกจะมี Quiz ก่อนเริ่มทำ Lab)
2. อาจารย์ใหญ่ ได้รับการเตรียม มาก่อนหน้านิดหน่อยครับ เช่น เลื่อย Clavicle ตัด Ribs (ส่วนที่อาจกินเวลามากๆ)
3. นศพ. เข้าไป Dissect ผิวหนัง,Define Pectoralis majorและ minor และ superficial and deep nerves,veins,arterys
4. จากนั้นค่อยๆ Dissect กล้ามเนื้อ เพื่อ Define Ribs,Sternum ทั้ง 3 ชิ้น
5. ศึกษา intercostal muscles และ Structures บริเวณนั้น
6. กระบวนการทั้งหมดใช้เวลา 3 ชั่วโมง ถ้าเลยเวลาเขาจะปิดห้องครับ
7. ครั้งหน้ายก Anterior thoracic wall ขึ้นเพื่อศึกษา Lungs และ structures ใต้ Anterior thoracic wall อาจต้องตัดขั้วปอด ซึ่งส่วนที่สนุกตรงนี้คือ ระวังจะตัดโดน Phrenic nerves ถ้าทำได้และ Define ได้จะเท่มาก

สรุปข้อแตกต่างคือ ไม่ได้เรียน Gross Anatomy แบบครบทุกระบบทั้งร่างกายนะครับ โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อที่แขน ขา ใบหน้า เป็นจุดที่ไม่ได้ Dissect เลย ทำให้อาจมีปัญหาเรื่องของ Anatomy ของ Upper และ Lower limbs และ ใบหน้า ที่นำไปใช้เรียนในภาควิชา Orthopedics ที่เรามักจำไม่ได้ว่า Nerves ไหน? ไปเลี้ยง กล้ามเนื้อมัดใด?(ผมไม่แนใจว่าการได้ Dissect เอง กับการท่องจากหนังสือ อะไรจะจำได้ดีกว่ากันนะครับ?)

เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ เขาเรียนทั้งร่างครับ นั้นอาจเป็นเหตุผลที่น้องๆจะรู้สึกอายครับ



Posted by : โบทซึมุ , Date : 2003-08-17 , Time : 02:29:48 , From IP : IPNET151-P6.anet.net

ความคิดเห็นที่ : 4


   เห็นด้วย มั่วมาก ไม่อยากเรียนอย่างนี้เลย
รู้สึกว่าอาจารย์ใหญ่เค้าสละร่างกายเค้ามาเพื่อให้เราศึกษาแล้ว
เราก็ควรจะได้ความรู้อย่างเต็มได้และถูกต้องและ ครบถ้วน ตามความจำเป็นที่จะต้องได้ใช้ในการทำงานเป็นแพทย์ของเรา

เบื่อ การเรียนแบบ SDL ที่สุด
เหนื่อย และ ไม่ค่อยได้อะไร


Posted by : ปีสองอีกคน , Date : 2003-08-17 , Time : 03:16:56 , From IP : 203.113.37.8

ความคิดเห็นที่ : 5


   Anatomy เป็นวิชาที่มีความสำคัญต่อการเป็นแพทย์เช่นเดียวกับวิชาพื้นฐานอื่นๆ โดยเฉพาะการได้ลงมือ dissect ด้วยตนเองจะทำให้จำไปนาน เป็นการเรียนรู้จากการได้ฝึกปฏิบัติ และเป็นวิชาแรกวิชาหนึ่งที่แพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้ชนิดหลับตาคลำแล้วต้องบอกให้ได้ว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำอะไร ถ้าเสียหายแล้วเกิดอะไร!!! เมื่อโลกเปลี่ยนไปจากการเรียนวิชาพื้นฐานทีละวิชาแล้วนำมา integrate กันใน clinical year มาเป็น integrate กันตั้งแต่ยังไม่รู้จัก medical terms เลยแม้แต่ตัวเดียว อาจทำให้ต้องเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ใหม่
1. ลองอ่านคู่มือ talk lab ของอาจารย์พร้อมกับ atlas of anatomy เล่มใดเล่มหนึ่งที่คุณมี มาล่วงหน้า อย่างนี้เรียกว่าการทำ lab แห้ง หรือ lab กระดาษ จะทำให้เวลาทำจริงเกิดความเข้าใจมากขึ้น คุณจะสนุกกับการเรียนมากขึ้น
2. ที่สำคัญผมคิดว่า lab gross ไม่ควรมีเวลาปิด ภาควิชา หรือ คณะ ควรจัดทำมาตราการใดๆเพื่อให้ห้อง lab นี้เปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะ SDL ในเวลาอาจไม่เพียงพอ
3. นักศึกษาอาจจะไปขอความกรุณาจากอาจารย์ทางคลินิกบางภาคบางท่านที่มีความชำนาญทางด้าน anatomy ซึ่งน่าจะเป็น surgeons มาติวเฉพาะ อวัยวะที่อาจารย์ท่านนั้นมีความเชี่ยวชาญ จะทำให้เดินถูกทางมากขึ้น ที่สำคัญก็คือจะทำให้ทราบในทันทีว่าอวัยวะที่กำลังเรียนรู้ อยู่นั้นสำคัญอย่างไรในคลินิก ความจริงระบบการเรียนระบบใหม่ก็มีตรงส่วนนี้อยู่แล้วทั้งใน PBL และการบรรยาย แต่การที surgeon ลงไปที่ห้อง lab แล้วชี้ให้นักศึกษาเห็น clinical application ในทันทีก็ยังเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ลองทำดู

เหล่านี้เป็นมาตรการที่ผมคิดได้ในตอนนี้ ลองนำไปปฏิบัติดู ถ้าคุณหนูทั้งหลายมีปัญหาอะไรอีกก็ลองแสดงความคิดเห็นมาได้ครับ



Posted by : ไดโนเสาร์ , Date : 2003-08-17 , Time : 09:29:42 , From IP : 172.29.1.172

ความคิดเห็นที่ : 6


   ตกลงเรียน dissection ทั้งตัวนี่เหนื่อยน้อยกว่า dissect เฉพาะบางส่วนหรือครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-17 , Time : 09:31:27 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมเห็นด้วยกับคุณไดโนเสาร์มากครับ
- เห็นด้วยกับการเปิด Lab ตลอด เพราะ ผมคิดว่า ในเมื่อให้ นศพ. SDL พวกเขาอาจอยากรู้ Anatomy ของแขน ขา ซึ่งตรงจุดนี้ (อาจต้องติดต่ออาจารย์ มาช่วยคุมมาช่วยบอกวิธีการ Dissect) คิดว่า น่าจะได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น นอกเหนือความรู้ใน Block นั้นๆ
- อาจารย์ที่เป็น Surgeon มักจะไม่ว่างนี่ครับ ผมเห็นแค่อาจารย์สอนชั้น Clinic ก็ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว อาจารย์คงไม่เห็นด้วยกระมังครับ

น้องปี 2 ครับ เราคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนแบบนี้ได้มากนัก เพราะคงไม่มีการหวนกลับไปเรียน Gross anatomy แบบเก่าได้ง่ายๆ ผมคิดว่า น้องน่าจะหาวิธีที่ทำให้เราได้รับความรู้ให้มากเท่าที่จะทำได้ จากการเีรียนแบบนี้ เชื่อว่าน้องๆมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำ ไม่ได้ Dissect ทั้งตัว แต่เราก็สามารถรู้ anatomy ทั้งตัวได้นี่ครับ

เรียนคุณ Phoenix ผมคิดว่า Dissect ทั้งตัวต้องเหนื่อยกว่าแน่เลยครับ แต่ถ้าให้ผมเลือกได้ ก็อยากเรียนแบบทั้งตัวครับ รู้สึกว่าไหนๆก็เรียนกับอาจารย์ใหญ่ทั้งที น่่าจะำำได้เรียนให้ครบ และรู้สึกว่าความผูกพันธ์กับอาจารย์ใหญ่ลดลงจากแต่ก่อนครับ



Posted by : โบทซึมุ , Date : 2003-08-17 , Time : 11:00:48 , From IP : IPNET125-P6.anet.net

ความคิดเห็นที่ : 8


   ในระยะหลังๆนี้มีเรื่องการเรียนการสอนระบบใหม่ในกระดานอภิปรายนี้หลายเรื่อง ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นระบบใหม่ (สำหรับบ้านเรา) คงต้องการการ feed back ค่อนข้างมาก เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น (ถ้าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องสนใจ)
ในส่วนของผม ผมคิดว่าระบบใหม่หรือเก่าไม่สำคัญ สำคัญที่นักศึกษาจบไปเป็นแพทย์ที่ดี มีความรู้มากพอที่จะรักษาผู้ป่วยได้หรือไม่? มากพอที่จะไปติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการในอนาคตได้หรือไม่? เราได้ให้ความรู้พื้นฐานแก่นักศึกษาเพียงพอหรือยัง !! ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบใดอาจารย์ก็ยังต้องสอนนักศึกษาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ในขณะเดียวกันนักศึกษาก็ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อศึกษาหาความรู้ ถ้ายังไม่รู้ก็ต้องทำให้รู้ คงจะรอให้ปลามากินเบ็ดแบบเดิมอีกไม่ได้แล้ว ถ้าเราคิดว่าทุกอย่างเป็น dynamic ท้ายที่สุดต้องมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่ชีวิตของเราก็มีเกิด แก่ เจ็บ และ ตาย ผมก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าเรากำลังยึดมั่นหรือถือมั่นกับอะไร? ยึดถือระบบ หรือ องค์ความรู้


Posted by : ไดโนเสาร์ , Date : 2003-08-17 , Time : 12:44:20 , From IP : 172.29.1.172

ความคิดเห็นที่ : 9


   บอกได้เลยว่า ตั้งแต่มา selective เนี่ยนะ ความรู้ด้านที่อ่อนมากที่สุกก็คือ anatomy พี่เค้าถามอะไรก็ตอบไม่ได้สักอย่าง ระดับงูๆปลลาๆยังมีความรู้ไม่ถึงเลย เพราะอะไรหรือ ก็เพราะสิ่งที่พวกอาจารย์ระบบบใหม่พยายามเรียกมันว่า sdl ไง

Posted by : เบื่อ ระบบใหม่ด้วยคน , Date : 2003-08-17 , Time : 16:18:09 , From IP : 203.148.212.213

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมเห็นด้วยว่า anatomy เป็นหนึ่งในวิชาที่ความรู้ความเข้าใจแปรตามเวลาที่ทุ่มเทให้โดยตรง เป็นกึ่ง cognitive กึ่ง psychomotor (แต่ค่อนไปทาง cognitive มากกว่า การ dissecting ช่วยด้านพัฒนาความจำได้ชัดเจนและยาวนานยิ่งขึ้น จากกระบวนการบริบทของการใช้ คู่มือ lab และ narrating ไปตาม step) เหมือนกับวิชาอื่นๆอีก 90% ของ medicine (อีก 10% ยกให้พวก ethics และ ส่วนของเจตคติในทุกวิชา ซึ่งการ tune มีความสำคัญส่งเสริมหรือหักล้างกับเวลาได้)

ที่คุณ โบทซึมุว่ามา นอกเหนือจากบาง regions ไม่ได้เรียนแล้ว ใน region ที่ได้ทำก็แทบจะหรือไม่แตกต่างเลยจากสมัยก่อน gross anatomy ยังไงๆนักเรียนก็ได้จากเวลาที่เรา dissect เองอยู่ดี คนอื่น dissect ให้ดูนั้นแทบจะไม่ต่างจากเดินไปดูโข้งๆ หรือดู pre-dissected sample หรืออ่าน textbook บางเล่มที่รูปภาพเป็นศพดองจริงๆ เพราะฉะนั้น gross anatomy เป็นวิชาแรกของนศพ.สมัยก่อนที่ได้ทำ self-directed learning นั่นเอง คน top ของ class นั้นแทบจะบอกได้ตั้งแต่ก่อนสอบว่าใคร ก้พวกที่อ่านเตรียมมาก่อน (เพราะเนื้อหาแต่ละ part มันเยอะมาก lab brief ยากที่จะ cover) เป็นอย่างดี dissect เองเป็นส่วนใหญ่ และอย่างที่ว่าอีกเหมือนกันคืออยู่ทำต่อนอกเวลาด้วย ฉะนั้นการเปิดห้องนอกเวลานี้เป็น factor หนึ่งที่น่าสนใจมาก

ประเด็นสำคัญคือจะเก่ง anatomy มันต้องเป็น self-directed learning ครับ เป็นวิชาที่ถ้าเราไม่พร้อมจะรับ หรือไม่เตรียมตัวมา เราจะฟังไม่ทัน และนึกอะไรไม่ออกเลยจากข้อมูลมากมายที่ bombard ลงมา จะเห็นได้ว่ามันยากขนาดเขาต้อง integrate วิธีการเรียนที่เรารู้ในปัจจุบันว่าจะเสริมความจำระยะยาวได้ดีที่สุดด้วยการ "ทำเอง" มาตั้งแต่โบราณกาล พอๆกับ histology และ embryo ที่ lab เป็น "ประสบการณ์การเรียน" ที่เสริมประสิทธิภาพโดยเพิ่มการเรียนด้วยตนเอง



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-17 , Time : 18:29:04 , From IP : 172.29.3.233

ความคิดเห็นที่ : 11


   เนื่องจากไม่เคยมีโอกาสได้เรียนระบบเก่าเลยก็เลยไม่รู้ว่าการเรียนแบบใดดีกว่ากัน แต่เห็นด้วยกับน้องๆที่การเรียนกายวิภาคอย่างที่เราเรียนๆกันเนี่ย ทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่มีความรู้เรื่องกายวิภาคติดหัวอยู่เลย แถมคิดว่าจะกลับไปทบทวนก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดีเพราะตอนเรียนเราไม่ได้เรียนทั้งร่างกายแต่ความจริงร่างกายของมนุษย์เชื่อมโยงเป็นร่างกายเดียวกัน เวลาที่จะกลับไปทบทวนก็แทบจะไม่มี แต่อย่างไรก็อยากจะให้น้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะถ้าอยากจะกลับมาทบทวนก็คงได้แต่เปิดหนังสือเป็นรูปสองมืติ........

Posted by : akira , Date : 2003-08-17 , Time : 22:40:58 , From IP : 203.113.51.68

ความคิดเห็นที่ : 12


   ไม่แน่ใจว่าคนที่เรียนในระบบเก่ายังมี anatomy หลงเหลืออยู่เท่าไร โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็นศัลยแพทย์ครับ

Posted by : รบ , Date : 2003-08-18 , Time : 15:43:17 , From IP : 172.29.3.184

ความคิดเห็นที่ : 13


   อ๋อ anatomy เหรอคะ อาจารย์ใหญ่1 ท่านต่อนักศึกษา 10 คน รุมกันทึ้งกันอย่างเมามัน ที่เมามันคือเมามั่วไม่รู้ว่าจะเลาะอะไร จะเจออะไร ขอแค่ได้สัมผัสอาจารย์ กะอีแค่เลาะ fascia อาจารย์เท่านั้นน้ำตาก็ไหลแล้ว ซึ้งใจจริงเสียตังค์มานั่งเรียนแค่เลาะอะไรมั่วๆ อาจารย์ที่คุมก็มีน้อย เวลาสงสัยก็ไม่รู้จะถามใคร ถามอาจารย์ใหญ่ก็เกรงใจไม่กล้าถาม เวลาเรียนก็มีน้อย เลาะยังไม่ถึงไหนก็โดนไล่ออกจากห้องแล้วเพราะห้องปิด 4 โมง คนบางคนกระตือรือล้นต่างกัน เวลาทำ แลปจะเหมือนวงปีของต้นไม้ พวก hyper ก็อยู่แต่ด้านใน พวก hypo อยากดูแต่ไม่รูจะแทรกตัวไปอยู่ส่วนใดของวงปี เลยต้องอยู่แต่ด้านนอก ไม่ต้องมาทำแลปก็ได้อ่านเอาเองยังรู้เรื่องกว่าซะอีก เวลาเรียนโอพระเจ้า neuro เรียนไม่ถึง 2 wk แถมไม่ได้ผ่า แขนขาก็ไม่สอนบอกจะสอนพืเศษตอนปิดเทอมก็ไม่เห็นได้อะไร เฮ้อ มีเรื่องให้บ่นอีกเยอะแต่มันเซ้งจนเขียนไม่ออกแล้ว ฝากเอาให้คิดละกัน

Posted by : sucksucksucksucksucksucksucksu , Date : 2003-08-18 , Time : 19:32:51 , From IP : 172.29.2.123

ความคิดเห็นที่ : 14


   เห็นด้วยในประเด็นที่ว่าอาจารย์ที่จะให้แนะนำมีน้อยไปนะคะ บางครั้งเราเหมือนทำไปมั่วๆหาโน่นหานี่ไม่เจอไม่รู้ใช่รึเปล่า เสียดายร่างอาจารย์น่ะค่ะเหมือนเราใช้ประโยชน์จากท่านไม่ได้คุ้มค่า
กับอีกเรื่องคือจำนวนนักศึกษาต่ออาจารย์ใหญืที่ดูเหมือนจะมากเกินไป ทำให้มีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้ลงมือทั้งๆที่ทุกคนก็อยากลองทำ(บางอย่างมันแบ่งกันทำเหมือนเลาะผิวหนังไม่ได้นะคะ)

วันก่อนที่เรียนก็งงๆค่ะ ตามอาจารย์talk lab ไม่ค่อยทันเท่าไหร่ ตอนทำจริงก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเรา (เฉพาะเราเองนะ) ไม่ได้อ่าน lab instruction ไปให้ดีๆ เพิ่งมาอ่านทีหลังก็เจอว่า เค้าก็อธิบายจุดสำคัญๆไว้ค่อนข้างละเอียดแล้ว คิดว่าถ้าตั้งใจอ่านไปก่อนน่าจะเข้าใจได้ดีขั้นจริงๆ
ยังไงก็ขอให้เพิ่มอาจารย์ ประจำกลุ่มได้น่าจะดี เพราะตอนนี้มันเหมือนกับว่าอาจารย์อยู่เตียงไหนก็จะtalk นานมากๆ แล้วเด็กก็จะไปกระจุกๆกันที่เดียว คนที่แทรกไปไม่ทันก็จะเซ็งๆพลอยขี้เกียจเรียนไปเลย (ลักษณะ วงปี อย่างที่คุณข้างบนว่าน่ะค่ะ)


Posted by : Leonhart , Date : 2003-08-19 , Time : 11:00:52 , From IP : 172.29.3.187

ความคิดเห็นที่ : 15


    เอ เดี๋ยวนี้เค้าเรียน gross กันแบบนี้เอง.....งั้นพี่ว่าสมัยพี่เรียนหนุกกว่ากันเยอะเลย .. dissect กันสนุกสนาน ห้าหกโมงเย็นก็ยังไม่เลิก ดึกดื่นมานั่งใส่เสื้อกาวน์ dissectอยู่กันอีกก็มี ...สรุปว่า สมัยพี่เรียนจะได้อะไรเยอะกว่า (หมายถึงมีเวลาอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มากกว่า) แต่ขอโทษ ความรู้ anatomy ขนะนี้ แทบจะไม่เหลืออะไร เพราะใช้น้อย (มั้ง) เพราะเราไม่ใช่ศัลยแพทย์ แค่เห็น tendon ก็บอกได้แค่ extensor group flexor group อะไรเงี้ย จะให้แบบ extensor carpi radialis (มีป่าววะ) บอกบ่ได้แล้นน..จ้า สุรุปว่าเรียนทั้งร่างอาจารย์ น่าจะดีกว่า(มั้ง) อ้อ คณะทันตแพทย์ เค้าไม่เรียนช่วงล่างไม่ใช่เหรอ?? (ช่วงขา) จำได้นะ ว่าทันตะไม่เรียนจริงๆ แค่นี้แหละ

Posted by : รุ่นสิบเก้า , Date : 2003-08-19 , Time : 16:40:58 , From IP : 203.113.71.164

ความคิดเห็นที่ : 16


   พี่เคยถามอาจารย์คนหนึ่ง(ผู้นำระบบSDL)มาใช้ว่าเวลาเท่านี้ไม่น้อยไปหรือ เค้าบอกว่าคุณจะรู้ไปทำไมมากๆคุณไม่ได้จะจบไปเป็นหมอศัลย์สักหน่อย พี่เป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียนGROSS ANATOMYมาก ฟังแล้วรู้สึกผิดหวังกับความคิดของอาจารย์มาก(แคบจริงๆ) จนตอนนี้พี่ออกไปฝึกงานรพ. รู้สึกได้เลยว่าไอที่เรียนมาไม่เพียงพอ โดยเฉพาะ LOWER&UPPER LIMBS ไม่เป็นไรมั๊งจบไปอยู่ รพ.ค่อยconsult ทันตะก็ได้
ต่อต้านกันมาตั้งแต่รุ่นแรก เสียงเล็กๆไม่เห็นมีใครสนใจเลย ค่าเรียนก็แพง หนังสือก็น้อยกว่าที่อื่น อาจารย์ก็มาสอนน้อยไม่รู้เอาค่าเทอมไปทำอะไรหมด


Posted by : ไออ้วน , Date : 2003-08-23 , Time : 00:06:31 , From IP : r36-trgMT1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 17


   อยากให้เปิดแลปถึง 6 โมงเย็นครับ

Posted by : ... , Date : 2003-08-23 , Time : 13:42:32 , From IP : 192.168.26.52

ความคิดเห็นที่ : 18


   ผมรู้สึกว่ามีการ brief น้อยไปด้วยครับ
ฟังจากที่น้องๆเขียนและผมเจอเอง คือ ไม่รู้จะเลาะอะไร มันมั่วไปหมด ขนาดว่ามีให้ทำแ่ค่ 2 region นะครับ เหมือนกับว่าพยายามหา nerve หา vessel แต่ก็ไม่รู้จะหาไปทำไม แถมยังหายากอีกต่างหาก เนื่องจากอาจารย์ใหญ่ถูกดองมาเป็นปีๆแล้ว
มั่วครับ เรียนไปไม่รู้เรื่อง (หรือว่าเราอ่านหนังสือก่อนไปทำไม่พอหว่า..)

แต่ตอนนี้รู้ประโยชน์ของ Anatomy แล้วครับ... และอยากกลับไปเรียนใหม่


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-24 , Time : 21:14:43 , From IP : r113-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 19


   ยังว่าไม่จบ..
ถ้ากลับมาเรียนใหม่ได้นะ thoracic , abdomen กับ brain เนี่ย
ก็ 80 % ที่อยากรู้แล้วล่ะครับ

อ้อ อีกอย่างนึง
ตอนที่เพื่อนๆ hyper เขากำลังมะรุมมะตุ้มอยู่วงในนั้น
ผมวงนอก ก็ dissect แขนขาไปด้วยนะครับ... แต่ไม่ได้อะไรติดหัวเลย
ฮ่าๆ
(เขาไม่ได้ห้ามคุณนี่ครับ ว่าห้าม dissect แขนขาด้วย)


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-24 , Time : 21:18:48 , From IP : r113-skaHS1.S.loxinf

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.017 seconds. <<<<<