>ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ > >ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า 50 >แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร ? > >ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย ก่อนหมดคาบเรียน >นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า > >คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่ > >"แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เพราะเมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย > >ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่ >แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม" > >2. บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝน > >คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง >ยืนอยู่ริมทางหลวงสายบามา ต้านฝนที่ตกหนักอยู่ > >รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมากแม้จะเปียกโชก >เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา >ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ >ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง >เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่60 > >ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ >แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย > >เจ็ดวันหลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขาด้วยความประหลาดใจ >โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อความแนบ มาด้วย > >ใจความว่า: >"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น >ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย >แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่ >กำลังจะเสียชีวิต ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ >สำหรับการช่วยฉัน และการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ" > >ด้วยความจริงใจ นางแนท คิง โคล > >3. บทเรียนสำคัญที่สาม ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ > >ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก >เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ >เมื่อพนักงานเสิร์ฟวางแก้วนั้นลงตรงหน้า > >เด็กชายก็ถามว่า "ไอศครีมซันเดย์ ราคาเท่าไหร่ครับ ?" "ห้าสิบเซ็นต์" >พนักงานเสิร์ฟสาวตอบ > >แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วก็นับเ หรียญในมือ >"งั้นไอศกรีมเปล่าๆล่ะครับ ราคาเท่าไหร่?" เด็กชายถามอีก > >ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน >"สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง > >"ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศครีมมาให้ >เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป > >เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไป > >เมื่อพนักงานเสิร์ฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ >บนโต๊ะนั้นมีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญ > >และเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างถ้วยไอศครีมเปล่านั้น >เห็นไหมว่า ที่เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด > >เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้น > >4. บทเรียนสำคัญที่สี่ สิ่งที่กีดขวางทางของเรา > >ในยุคโบราณมีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง >เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่ > >เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง >เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา > >ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป >พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานาที่พระองค์ >ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี > >แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง >จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา > >เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง >แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง > >หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ >เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา > >ก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ >ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา > >เขียนไว้ว่า "ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน" >ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ > >ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้นให้กับเรา" > > > >5. บทเรียนสำคัญที่ห้า ให้เมื่อมันมีค่า > >หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง >ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ >ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็น > >โอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือ >ต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ > >ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ >จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา > >หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง >และถามเด็กชายว่าเขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่ > >ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ได้ครับ >หากมันช่วยพี่สาวผมได้" > >เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว >ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้มของเธอ > >หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป เด็กชายมองไปที่หมอ >และถามด้วยเสียงสั่นเครือ > >" ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป >เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาแก่พี่สาว เพื่อช่วยชีวิตเธอ >ซึ่งเขาก็ยังตัดสินใจที่จะถ่ายเลือด แม้จะทำให้เขาต้องตายก็ตาม > > >ตอนนี้คุณมีทางเลือกสองทาง > >1. ลบข้อความนี้ไป ....หรือ > >2. ส่งข้อความนี้ให้กับคนที่คุณห่วงใย > >...หวังว่าคุณจะเลือกข้อ 2. และจดจำไว้ว่า > >"ทำงานให้เหมือนกับคุณไม่ต้องการเงิน > >รักให้เหมือนกับคุณไม่มีวันจะเจ็บปวดกับมัน > >และเต้นรำให้เหมือนกับไม่มีใครมองคุณอยู่" " />
ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับข้อความดี ๆที่สามารถสร้างโลกให้น่าอยู่ขึ้น Posted by : wc , Date : 2006-07-17 , Time : 20:38:23 , From IP : 172.29.7.247 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<< |