อยากจะเรียนถามความเห็นของคุณคนที่เพิ่งมาใหม่ว่าในแต่ละข้อนั้น ที่ดีที่สุดในความคิดของคุณควรจะทำอย่างไรครับ? Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-15 , Time : 00:05:56 , From IP : 172.29.3.248 |
ป่านนี้ยังเจาะท้องไม่เป็นเหมือนกัน Posted by : ปี 5 , Date : 2003-08-15 , Time : 01:32:54 , From IP : 172.29.2.245 |
เคยมีแพทย์ใช้ทุนที่จบจากที่อื่นบอกผมสมัยเมื่อผมเป็น Ext. ว่า Ext. ที่นี่เก่งได้ภายใน 6 เดือน ตอนแรก ๆ ฟังแล้วก็เห็นด้วยทันทีครับ เพราะว่าอะไร หัตถการที่ทำตอนเป็น Ext. ทำที่ รพ.ศูนย์ที่เราออกไปข้างนอก 6 เดือนที่ เป็น Ext. รพ.ข้างนอกครับ เพราะว่าอยู่ข้างนอก ทำภายใต้ความรับผิดชอบของ staff ที่อยู่ข้างนอกครับ แต่พออยู่ข้างในนี้จะทำอะไรแต่ละครั้งดูเหมือนจะวุ่นวายมากครับ เพราะขนาดว่าแพทย์ใช้ทุนรุ่นพี่ บางอย่างก็ไม่กล้าทำเหมือนกันครับ เพราะว่ากลัวครับกลัวว่าทำงานที่ ER แล้วจะ มีปัญหา ซึ่งเวลามีปัญหาแต่ละครั้งแล้ว ผู้บริหารหรือว่าผู้รับผิดชอบที่ ER เรียกไปต่อว่า ไม่เคยได้คิดว่างานที่ ER ขยะทั้งนั้น พลาดไม่ได้ ตัวอย่างที่ คุณ Dhan กล่าวมาผมเห็นด้วยครับ collar ที่ ER จำเป็นมากครับ ไม่อย่างนั้นจะเรียนมาทำไม ต้องเป็นของที่หยิบได้ใกล้ตัว เหมือน ๆที่อาจารย์สอนผมสมัยเป็น นศฑ.ครับ ว่า airway support ก่อนแต่ว่าถ้าไม่รู้สึกตัวต้องระวังด้วย c-spine ไม่รู้เป็นไง ดังนั้นผมเห็นด้วยครับ ว่า ER ที่นี่ห่วยจริง ๆ มีปัญหาที่หมักแล้วหมักอีก หมักจนเป็นเหล้าก็เน่าแล้วเน่าอีกครับ ผมเห็นด้วยกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่ เราทำอยู่ตอนนี้ในฐานะที่เป็น รร.แพทย์ ต้องเป็นผู้นำ ต้องเป็นที่พึ่งของ รพ.ศนย ์หรือ รพ.ทั่วไปได้ครับไม่ใช่ว่าจะทำอะไรเพื่อรักษาชื่อเสียงหรือปกป้องตัวเองไม่ให้เจ็บตัวต้องไปลงข่าวหนังสือพิมพ์อย่างที่ทำ ๆ กันอยู่ในปัจจุบัน ผมทราบว่าการที่มาเขียนกันในกระดานข่าวอย่างนี้ไม่ได้ทำให้ผู้บริหาร รพ.รู้สึกได้หรอกครับ เพราะว่าไม่เคยจะอ่าน ส่วนคนที่อ่าน ๆ กันก็ลูกเด็กทั้งนั้นทะเลาะกันไป ๆ มา ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ว่าก็ขอเขียนหน่อยเหอะ เผือนว่าจะมีคนนำไปให้ผู้บริหารหรือคณะบดีได้อ่านบ้าง ที่จริง czse หลาย ๆ czse ที่ นศพ.น่าจะต้องได้เรียนหรือว่าได้ศึกษา ให้เหมาะสมกับการที่จะจบไปเป็น GP นั้นผมบอกได้เลยครับอยู่ที่ รพ.ศูนย์หรือ รพ.ทั่วไปทั้งนั้นครับ ที่มา รร.แพทย์ก็มีบ้าง แต่ก็คงไม่พ้นถูกส่งไปรักษา รพ.ใกล้ ๆ นี้ เพราะว่ามีปัญหาเรื่องเตียงไม่พอ (รึเปล่า) หรือว่าหมอไม่พอ ??? เห็นได้ว่ารพ.มอ.เตียงคนไข้เพิ่มขึ้นครับแต่ที่เพิ่มขึ้นนั้นก็เป็นห้องพิเศษ เพื่อรักษาคนพิเศษ (มีตังค์) ถ้าเทียบกันครับระหว่างจำนวนเตียงสมัยก่อนต่อจำนวนแพทย์ปัจจุบันนี้ครับบอกได้เลยว่าปัจจุบันทั้งอาจารย์แพทย์แล้วแพทย์ใช้ทุนเพิ่มมากขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเตียง อัตราส่วนน่าจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าย้อนกลับไปดู mission ของ รพ. ก็น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ นศพ. ได้ทำหัตถการภายใต้ พชท หรืออาจารย์แพทย์คุมมากกว่า ที่เราจะ support ญาติครับน่าจะต้องมีป้ายหรืออะไรที่บอกไว้ครับว่าเราเป็น รร.แพทย์ครับ หน้าที่อันนึงก็คือสอน นศพ. ไม่อย่างนั้นรพ.ข้างนอกๆแถว ๆ นี้เขาจะว่าเอาได้ครับ เพราะว่า mission ของเราคือการเป็น รร.แพทย์ไม่ใช่ ทำหัตถการภายใต้ staff หรือ intern หรือ พยาบาล รพ.ศูนย์ข้างนอก Posted by : รัก มอ. ห่วงใย มอ. ขอบ่นหน่อย , E-mail : (/??) , Date : 2003-08-17 , Time : 20:36:04 , From IP : 172.29.3.137 |
สรุป รพ.นี้ไม่มี collar ฟรีครับ มีสำหรับที่มีจะมีเงินจ่ายในภายหลัง เพราะว่าที่ ER ยังไม่มีเลยครับต้องยืม ward ผมเห็น ตาม รพ.บ้านนอกหรือว่ากู้ภัย มูลนิธิท่งเซียงเซี่ยงตึ้งมีบน รถ ครับ ของมอ.ต้องรอในเวลาราชการครับ ( รอเงินมาซื้อ ) 555 เรื่องจริงไม่ได้ล้อเล่น Posted by : ????? , E-mail : (ใฝใฝใฝ) , Date : 2003-08-17 , Time : 20:40:33 , From IP : 172.29.3.137 |
สรุปอีกที กลัวเจ๊งครับ รพ.กลัวเจ๊ง กลัวว่าจะต้องจ่ายเงินฟรีครับ เหอ เหอ เหอ แต่ว่า รพ.ข้างนอกเจ๊งไม่เป็นไร ที่จริง ๆ เราเป็น รร.แพทย์ครับ รพ.ข้างนอกที่เราส่ง นศฑ.หรือว่า Ext. ไปทำหัตถการนั้นเป็น รพ. ที่เราควรจะต้องช่วยครับ เพราะอะไร เพราะว่าแพทย์ที่จบไปแถว ๆ นั้นก็จบที่เราทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะจบเฉพาะทางหรือว่า GP ก็เหอะ เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์จบ มอ.ครับ ดูแล้วก็น่าจะคล้าย ๆ แม่กับลูกครับ ช่วยกันไปช่วยกันมาอย่าไปผลักภาระให้เขาเลยครับ Posted by : HARDYAI , E-mail : (xss) , Date : 2003-08-17 , Time : 20:47:34 , From IP : 172.29.3.137 |
ขอข้อสรุปครับ ว่าควรจะทำอย่างไรเรื่องหัตถการที่ นศพ.ทำในโรงเรียนแพทย์ Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-18 , Time : 17:53:32 , From IP : 172.29.3.222 |
...เคยทำงานที่นี้นานมาแล้ว..และลาออกนาน มาแล้ว...เช่นกัน....ไม่น่าเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ10 ปีที่แล้ว...ยังไม่ได้แก้ไข...เหมือนเดิมเลย...ทุกอย่าง.. ขำจัง...ทำอะไรกันอยู่นะท่าน....ก้อไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พัฒนาสักที...ล้าหลังกว่าที่อื่นเยอะแล้วนะ...ถ้าทำงานด้วยใจ..คนไข้มาก่อนเสมอ...ถ้าทำงานด้วยระบบ กติกามาก่อนเสมอ....เอาแบบไทยๆนะ....อย่าตามฝรั่งมาก...ปล.ชอบคุณdeath จัง...ถ้ายังอยูู่่ทีนี้...คงทะเลาะกันสนุกสนาน....แต่ก้อ DDDD Posted by : Thai ... , E-mail : (Thai @hunsa.com) , Date : 2003-08-19 , Time : 12:06:08 , From IP : 172.29.3.233 |
Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-19 , Time : 15:28:44 , From IP : 172.29.3.160 |
.........โอ้...........มีคนชอบผมด้วย.......ขอบคุณครับ....:D...:D ......เออ....คุณ Phoenix ครับ.........Collar ที่ควรจะใช้ตอนนี้เนี่ยครับ.....น่าจะเป็น Philadelphia Collar (ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่าครับ)........ไม่ควรจะเป็น Hard Collar แล้วครับ......บางคนก็บอกว่าไอ้ Philadelphia Collar ก็เป็น Hard Collar แบบนึงนะครับ......แต่ Hard Collar ที่ผมเห็นที่ ER จะเป็นแบบแผ่นพลาสติกโค้งๆ 2 แผ่นวนมาประกบกันครับ......Collar แบบนี้ไม่ดีในแง่ที่ว่าเรากันคนไข้ไม่ให้ Flex และ Exten ได้ครับ.....แต่เรากัน Rotation ไม่ได้ครับ......แบบ Philadelphia นี่ดีกว่าตรงที่ป้องกันได้ทั้ง Flex Exten และ Rotation ครับ.....รบกวนเรียนนึดนึงครับ......เพราะเท่าที่ทราบนี่.....ราคา Hard Collar ธรรมดานี่น่าจะถูกกว่าครับ.....กรุณาอย่าซื้อของห่วยและถูกมาใช้เลยครับ......อายโรงพยาบาลอื่นที่เค้า Refer คนไข้มายังใช้ของดีกว่านี้เลย...........:D...:D.........ส่วนเรื่อง Process นี่คงไม่ช้าแล้วมั้งครับ......คงอายชาวบ้านน่าดูอุตสาห์ขอมาเป็นปี.....ไม่เห็นได้เลย....พอลงกระดานข่าวแค่ไม่กี่วันก็เริ่มดำเนินการได้เลย......ดีครับ....:D...:D...........ถ้ายังช้าอยู่.....แพทยื Death จะดำเนินการโวยวายที่ ER เป็นระยะๆครับ.......ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่านครับ.....และขอโทษที่นิยมประชดครับ....นั่นเป็นสันดานเสียๆของผมที่พยายามแก้ไขอยู่ครับ....:D....:D .........ส่วนเรื่องการเรียนการสอนที่ ER นั้น.....สมควรจะมีการคุมการทำหัตถการให้นักศึกษาแพทย์และ Extern ครับ......แต่กรณีเร่งด่วนที่ไม่สามารถคุมได้....จะต้องมีข้อยกเว้นครับ.....ขึ้นกับแพทย์ใช้ทุนที่อยู่เวรวันนั้นๆเป็นคนพิจารณาครับ.....จะไม่มีการชี้ไอ้กระดาษงี่เง่าบนฝาถ้าเกิดกรณีที่ไม่สามารถทำได้ครับ.....ส่วนหัตถการอื่นๆบน Ward ถ้า Extern หรือนักศึกษาแพทย์.....อยากจะทำ...และทำได้.....จะต้องสอนและมีคนควบคุมโดยตลอดครับ.....ขึ้นกับความสมัครใจของ Extern หรือ นศพ นั้นๆเองครับ.....จะไม่มีการมาบังคับให้ทำหัตถการที่ไม่อยากทำ....เหมือนการเจาะหลังคนไข้ HIV สมัยผมเป็น Extern นี่ผมเจาะคนเดียวเลยครับ.....เพื่อนๆกลัวเลยไม่ทำครับ.....นั้นหมายความว่าคนที่จะทำต้องรับทราบ Risk ของการเกิดปัญหาและต้องได้รับการควบคุมโดยอาจารย์หรือแพทย์อาวุโสและต้องมีการ Protect ตัวเองอย่างดีที่สุดด้วยครับ.........ผมคิดว่ายังงี้นะครับ.....ขอบคุณครับ....:D...:D Posted by : Death , Date : 2003-08-19 , Time : 22:33:47 , From IP : 172.29.3.197 |
Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-19 , Time : 23:36:42 , From IP : 172.29.3.254 |
เอา collar มาทำอะไรกันครับ มันช่วย immobilize cervical spine injury ได้หรือครับ? Posted by : ไดโนเสาร์ , Date : 2003-08-20 , Time : 08:26:16 , From IP : 172.29.1.172 |
ผมขออนุญาติแสดงความคิดเห็นครับ ผมขอตอบคำถามคุณ ไดโนเสาร์ ครับ เท่าที่ผมเคยเรียนมา สิ่งที่น่าจะเหมาะสมในการ immobilize cervical spine ก็น่าจะเป็น philadelphia collar อาจเนื่องจากว่ามันสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวได้พอสมควรครับ ถ้าจะเอาแบบดีที่สุดก็คงต้องเป็น halo ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมสำหรับเราหรือเปล่าครับ Posted by : free bird , Date : 2003-08-20 , Time : 09:10:20 , From IP : 172.29.1.172 |
คุณควรบอกให้ได้ตั้งแต่ผ.ป.มาถึง E.R. ได้ไม่นานแล้วว่ามี cervical spine injury หรือเปล่า? บน spine board + head block + ที่รัดศีรษะ ที่ใส่มาตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้ว ; ถ้า clear ก็เอาออกเลย ผมว่าไม่ถูกนะครับที่จะใส่ collar ให้กับผ.ป. ที่ได้รับอุบัติเหตุทุกคนโดยไม่มีอนาคตว่าจะเอาออกเมื่อไร? Posted by : ไดโนเสาร์ , Date : 2003-08-20 , Time : 11:04:54 , From IP : 172.29.1.172 |
ในโลกอุดมคติเราอยากจะให้เป็นอย่างที่คุณ dinosaur ว่า คือ paramedics รับวิทยุหรือโทรศัพท์แจ้งว่ามีอุบัติเหตุ เอารถพยายามไปรับ (หรือเฮลิคอปเตอร์) ให้ first aid วินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีอะไรบาดเจ็บตรงไหนบ้างแล้วก็วางมาตรการป้องกันตั้งแต่ตอนแกะผู้ป่วยออกจากทรากรถ ป้องกัน cervial spine etc แต่เราไม่มีอย่างที่ว่าบ่อยนักครับ อีกประการหนึ่งก็คือ definite diagnosis ว่ามีหรือไม่มีนั้นหลายครั้งที่ต้องการ cervial spine x-ray ซึ่งบอกไม่ได้จากสถานที่เกิดเหตุ หรือแม้แต่ที่ ER งั้นถ้าเราสงสัย เราก็ควรจะป้องกันไว้ก่อนเป็นสิ่งถูกต้องอยู่แล้ว จนกว่าจะ confirm ว่า "ไม่มี" แล้วค่อยเอาออก เผอิญเราไม่ได้อภิปรายในรายละเอียดว่าจะใส่ collar อย่างไร คุณ dinosaur เข้าใจถูกแล้วว่า ER เราไม่ได้มีนโยบายแจก collar ให้ผู้ป่วยทุกรายเป็น souvenir หรือมีใครในที่นี้บอกว่าใส่ไว้โดยไร้อนาคตว่าจะเอาออกเมื่อไหร่ นั่นเป็นรายละเอียดนอกประเด็นเลยไม่มีการพูดถึงน่ะครับ Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-20 , Time : 12:02:41 , From IP : 172.29.3.160 |
...............ส่วนใหญ่ Case ที่มา...มีแต่แบบเละๆมา....นอนจมกองเลือด....ไม่มีอะไรใส่มาให้ก่อนหรอกครับ.....หน่วยกู้ภัยหรือพลเมืองดีที่นำมาส่งนี้ไม่มีไอ้ Spine board หรือที่รัดหัวอะไรนั้นมาหรอกครับ....ในเมื่อมาแบบไม่มีอะไรเลย.....คนไข้ conscious แย่ๆ....เมาไม่รู้เรื่อง......ผมว่าไม่ผิดครับที่ถ้าเรา R/O ไม่ได้ว่ามี C-spine injury แล้วเราจะใส่ไว่ก่อน......ผมไม่เคยใส่ทุกคน......และไม่เคยใส่แบบไม่มีอนาคต....บางที่ใส่แล้วดู Film c-spine มัน +/- ก็ยังต้องใส่ไว่ก่อนเลย.....อาจจะรออาจารย์มาช่วยประเมิน...หรือบางคนต้องส่ง CT หรือ MRI ก่อนด้วยซ้ำถึงจะมั่นใจว่าไม่มีจริงๆ.........ถามคุณ ไดโนเสาร์นิดนึงเถอะครับว่า....มีอะไรมาวัดหรือ Definite Diagnosis ว่าไม่มี C-spine injury ที่ ER ด้วยเหรอครับ......การที่การวินิจฉัยไม่แน่นอน....การกระทำที่ทำให้คนไข้ปลอดภัยไว้ก่อนนี่เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ครับ.....แต่ไอ้การกระทำที่ประมาท.....มั่นใจในตนเองเกินเหตุอันจะนำมาให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายนั่น....เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง.....ถ้าคุณไดโนเสาร์คิดว่ามั่นใจมากกับการตรวจคนไข้ที่จมกองเลือด....เมาไม่ได้สติ...โวยวายอาละวาด....ว่าไม่มี C-spine injury แล้วหละก็.....ทำไปเถอะครับ.....ผมไม่กล้าทำครับ....ผมไม่มั่นใจ.....ผมใส่ทุกราย......ผมถูกสอนมาว่าการไม่มั่นใจ...ถ้า R/o ไม่ได้..."ต้อง"ใส่ครับ.....ถ้าคิดว่าสิ่งที่ผมเรียนมามันผิด....กรุณาไปหา Evidence base มายืนยันครับ.....ถ้าจะมาอ้างลอยๆว่าตรวจดีๆไม่ต้องใส่ก็ได้นี่.....ระดับความน่าเชื่อถือมันต่ำมากครับ.....Expert Openion ในกรณีที่มี Guideline ชัดเจนแล้วนี่"ไม่มี"ความหมายครับ.....ถ้าผมไปทำตามที่คุณ ไดโนเสาร์ว่าแล้วเกิดปัญหากับคนไข้แล้วนี่.....ผมผิดเต็มๆครับ.......ขอร้องนะครับคุณ ไดโนเสาร์ถ้าจะอ้างอะไรที่เป็นวิชาการ...กรุณาไปเตรียมข้อมูลที่เข้าท่ามาด้วยครับ.....อาจน้องๆที่เขาเข้ามาอ่านครับ.....เราเรียนกันอยู่ในยุค Internet แล้วนะครับ....ไม่ใช่หมอสมัยโบราณที่เชื่ออะไรก็เชื่อต่อๆกันมาครับ....ขอบคุณครับ....:D...:D Posted by : Death , Date : 2003-08-20 , Time : 14:07:47 , From IP : 172.29.3.138 |
ผมคิดว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ คุณต้องใช้ guideline ครับ มีมากมายครับ เราจะไปเอาของคนอื่นมาดัดแปลงใช้ หรือคิดทำกันเองก็น่าจะได้นะครับ ถ้าคุณไปอ่านหนังสือกันบ้างผมคิดว่าเราอาจจะ focus topic of debate กันได้ และ discuss กันได้สนุกขึ้น ส่วน evidenced-base ที่คุณถามหานั้นมีมากมายในโลกปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับคุณจะหากันเองหรือให้ผมหาให้ ต้องการอย่างไหนบอกมาได้นะครับ ตอนนี้เรามีศูนย์นเรนทรนะครับ ถ้าคุณเป็นคนที่เคยมา ER คุณก็จะเห็นว่าหน้า ERในขณะนี้ มี ambulance อยู่ 2 คันนะครับ กรุณาไปดูกันบ้างนะครับว่าใช้ทำอะไรกันบ้างใน 2 คันนี้ ผมคิดว่าเรื่อง prehospital care ไม่ใช่เรื่องที่เป็น ideal ครับ แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ทำกันต่างหาก จริงไหมครับ !!! Posted by : ไดโนเสาร์ , Date : 2003-08-21 , Time : 08:37:50 , From IP : 172.29.1.172 |
พอดีแวะเข้ามาอ่านแล้วเจอการโต้ตอบกันอยู่ ผมเองรู้สึกว่าคุณไดโนเสาร์เต่าล้านปีต้องการกวนคุณDeath นะ(อันนี้ผมรู้สึกนะ ไม่รู้จะจริงหรือเปล่า) และผมเองก็เป็นเพียงคนโง่ๆ ที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือ ผมว่าคุณไดโนเสาร์ช่วยหา evidenced-base ที่คุณเอ่ยว่ามีมากมายในโลกปัจจุบันมาโพสให้ดูกันไปเลยดีกว่านะ เอาแบบว่าหาเองนะครับ ไม่ใช่ให้คนอื่นหามาให้ ส่วนเรื่องศูนย์นเรนทรนะครับ ผมเคยเห็นว่าหน้า ERในขณะนี้ มี ambulance อยู่ 2 คัน ไปทีไรก็เห็นจอดอยู่แบบนั้น สงสัยว่าผมคงไปไม่เจอจังหวะที่เค้าทำงานน่ะครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าใช้ทำอะไรกันบ้างใน 2 คันนี้ คุณไดโนเสาร์ก็บอกมาเลยก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องเล่นลิ้นลวดลาย ผมมันพวกคิดเองไม่ค่อยได้ แถมไม่มีความพยายามในการไปหาคำตอบซะด้วย ขออภัยหากคิดว่ามากวน (จริงๆก็มีนิดหน่อย แต่อยากรู้คำตอบที่พยายามเอามาเบ่งเรื่องวิชาการกันมากกว่า) Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2003-08-21 , Time : 09:21:57 , From IP : 172.29.3.138 |
ทำไมเรื่องการเรียนการสอนนักเรียนแพทย์ กลับกลายเป็นเรื่องการใส่ collar หรือ รถฉุกเฉินไปแล้วละ ถึงคุณนกฟินิกส์ 1 ) หัตถการบางอย่าง อาจไม่สัมพันธ์กับผู้ป่วยเอดส์ เช่น การเย็บแผล แต่หัตถการบางอย่าง ผมคิดว่าสัมพันธ์แน่นอน ตัวอย่างเดิมที่ยกไว้ตั้งแต่ตอนแรก ก็คือ การเจาะหลัง 2 ) ทำไมผมถึงต้องไปค้นคว้าภาษาอังกฤษ เพื่อเอามาตอบคุณนกฟินิกส์ละ 3 ) ไม่ใช่ผมไม่เห็นด้วยแล้วไม่อ่าน แต่ผมไม่อ่านเพราะผมไม่อยากอ่านภาษาไทย ปน อังกฤษ ทั้งๆที่บางคำสามารถใช้คำไทยได้ Posted by : คนที่เพิ่งมาใหม่ , Date : 2003-08-21 , Time : 10:25:38 , From IP : 172.29.3.205 |
.........ว่าแต่ไอ้ในรถ 2 คันนี้.....มี Collar หรือเปล่าครับ?..................:D...:D ..........แล้วที่ว่าเราไม่ทำ Pre-Hospital care นี่....เรากลายเป็น Trauma Center ทีมี"คุณภาพ"เพียบพร้อมไปตั้งแต่เมื่อไหรเหรอครับ?......ส่วนใหญ่ไอ้เละๆที่ผมเห็น..พลเมืองดีเค้าก็หอบหิ้วเลือดนองใส่รถรับจ้างมากันทั้งนั้นครับ......ถ้าเราคิดจะทำให้เข้าท่า....แต่สักแต่ว่า"พยายาม"คิดว่าจะทำ.....อย่าเลยครับ....อายชาวบ้านเค้า......รถพยาบาลนี่มีไว้ขัดให้สะอาดโชว์หน้าโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ?.............ส่วน Evidence อะไรนั่นนะ....ขอผมดูที่มันชัดๆที่คุณว่านิดเถอะครับ....ว่ามีอะไรที่บ่งบอกบ้างว่า Collar นี่ไม่แน่ใจไม่ต้องใส่ได้เนี่ย?.....ผมไม่เคยเห็นการดำเนินชีวิตด้วยการประมาทเนี่ย....แล้วจะดีสักคนเลย......ขอร้องนะครับ.....ยึดถือคนไข้เป็นหลักครับ....อาจารย์ท่านนึงของผมที่เสียไปแล้วเคยกล่าวไว้ว่า....."หมอจะทำตัวห่าเหวหรือสำมะเลเทเมาอย่างไรก็ช่างหัวหมอ....แต่หมอต้องดูคนไข้!!!".......ผมไม่เคยลืมคำพูดนี้ครับ.......ถ้าการกระทำใดๆก็ตามอันจะนำมาซึ่งความประมาทและทไให้คนไข้เดือดร้อนแล้วหละก็.....อย่าทำเลยครับ.....:D...:D ..........ขอโทษนะครับคุณ"คนพึงมาใหม่"ที่ผมชอบลากออกนอกเรื่อง...........:D...:D Posted by : Death , Date : 2003-08-21 , Time : 11:26:23 , From IP : 172.29.3.118 |
เรียน "คุณคนพึงมาใหม่" ขอขยายความสักนิดได้ไหมครับ ไม่เข้าใจว่า case AIDS ที่ต้องเย็บแผลจัดว่าไม่สัมพันธ์แต่ถ้าถูกเจาะหลังจะสัมพันธ์ คือความเห็นของผมก็คือ นศพ.นั้นมี case อื่นๆที่ปลอดภัยกว่าและอยู่ในสถานการณ์ที่ภายใต้การควบคุมกว่า เช่น เย็บแผลปิดท้อง หรือปิดแผลใน OR ขณะที่ผู้ป่วยดมยาสลบ หรือ case เย็บแผลในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวกับ cosmetic และ "ผลแห่งความเสี่ยง" (ดู กระทู้คำตอบของคุณ Shonikeka) ไม่มาก เจาะหลังนั้นเป็นหัตถการที่มีข้อบ่งชี้จำเพาะมากๆเพราะเป็น invasive procedure และในกรณี Immunocompromised host อันตรายจากความเสี่ยงยิ่งสูงมากขึ้นเป็นทวีคูณ นั่นเป็นสาเหตุที่เรา "ไม่ควร" เอา case แบบนี้มาให้ trainee ลองฝีมือ ทำนองเดียวกับถ้ามี case ฉุกเฉิน หรือแผลบริเวญใบหน้า ไม่ต้องเป็น AIDS เราก็ไม่ควรจะให้ นศพ.ทำ เพราะผลแห่งความเสี่ยงมันต่างกันกับเย็บแผลที่หน้าแข้งหรือส้นเท้า ความเสี่ยงของ นศพฬที่จะทำให้เกิด contamination จากการเจาะหลังนั้นผม "ว่า" มากกว่าแพทยืที่จบแล้วหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน ขนาดในห้องผ่าตัดที่เป็น control environment ถ้าเป็น case ที่มีความเสี่ยงสูง เรายังไม่ให้ resident ดมยาทำเลยครับ ไม่ต้องพูดถึง นศพ. ความควร ไม่ควร ในสถาบันการฝึกอบรมนั้นสำคัญมาก ไม่ได้กำหนดว่าคุณต้องไปค้นมาตอบผมหรอกครับ การตอบหรือไม่อย่างไรเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของคุณ ในทำนองเดียวกันกับ preference การเขียนของผมหรือของคุณเอง สำนวนอย่างไร สั้นยาวแค่ไหน เป้นเรื่องสิทธิส่วนบุคลอย่างสิ้นเชิง ฉนั้นข้อบ่งชี้ว่าคุณจะอ่านต่อบทความไหน เมื่อไม่มีหรือมีภาษาอังกฤษเฉพาะคำที่คุณอนุโลมนั้นเป็นสิ่งที่ผมคงไม่กังวลเท่าไหร่ ผมไม่มี List ของคำที่คุณอนุมัติว่าให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ซะด้วย ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ และล่วงหน้าในอนาคตที่คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะครับ Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-21 , Time : 18:01:32 , From IP : 172.29.3.205 |
สนใจอยากรู้ evidence-based criteria การใส่ Philadelphia Collar จากคุณไดโนเสาร์นะครับ อาจจะขออนุญาตนำมาดัดแปลงลง CPG ที่ ER เพราะรู้สึกว่าคุไม่เห็นด้วย และบอกว่าการวินิจฉัย spine injury นั้นสามารถทำได้ทุกรายตั้งแต่ pre-hospital care สถานการณ์ของเรายังต้องขอบคุณพลเมืองดีที่นำผู้ป่วยอุบัติเหตุมาส่งรพ.เราอยู่ค่อนข้างมาก และการ stabilize cervical spine เพื่อปลอดภัยไว้ก่อนนั้นสำคัยแน่นอนครับ (ผมสงสัยว่าเราควรจะต้องลงทุนทำวิจัยเรื่องนี้จริงๆหรือไม่ โดยลองใส่กับไม่ใส่ เพราะเกรงว่า RCT เรื่องนี้จะไม่ผ่านที่ประชุมจริยธรรมน่ะครับ) Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-21 , Time : 18:18:51 , From IP : 172.29.3.205 |
เห็นด้วยกับอาจารย์นกไฟดังนี้ครับ -อยากเห็น evidence-based criteria การใส่ Philadelphia Collar จากคุณไดโนเสาร์ -----> อย่าพูดลอยๆ ผมมันพวก slow learner -สถานการณ์ของเรายังต้องขอบคุณพลเมืองดีที่นำผู้ป่วยอุบัติเหตุมาส่งรพ.เราอยู่ค่อนข้างมาก และการ stabilize cervical spine เพื่อปลอดภัยไว้ก่อนนั้นสำคัญ -----> มันเป็นเรื่องจริงที่"ต้อง"ยอมรับ ไม่ใช่ทำเป็นอ้างเรื่องอื่น Posted by : กะหลั่วเป็ด , Date : 2003-08-21 , Time : 19:01:44 , From IP : 172.29.3.137 |
ผมคิดว่า -นศพ.ควรได้ทำหัตถการเยอะๆภายใต้การดูแลของแพทย์อาวุโส -นศพ.ไม่ควรทำหัตถการในcaseที่มีความเสี่ยงเช่นHIV เหตุผลก็คือ นศพยัง.มีประสบการณ์น้อยครับ ตัวอย่าง - นศพ ปี 4 คนหนึ่งสงสัยว่า วิธีการถอด capกับการเปลี่ยนเข็มฉีดยานั้นต่างกันอย่างไร จึงไปหัดใส่หัดถอดจนเข้าใจ แต่ก็โดนเข็มตำสังเวยความสะเพร่า ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยโดนเข็มตำอีกเลย -แพทย์คนหนึ่งเดินผ่านเตียงผู้ป่วยเห็นExt ที่เพิ่งขึ้นใหม่กำลังควานหาเส้นจากแผลcut downจึงเข้าไปถามว่าทำอะไร Ext บอกว่าพี่ให้มาOff cut downครับ -Ext คนหนึ่งได้รับnotifyว่าคนไข้ปวดท้อง เวรเมื่อวานมีคนฉีดMO ให้คนไข้ อาการก็ดีขึ้น เขาจึงให้ฉีดด้วย ตอนเช้าคนไข้ sepsisเพราะbowel gangrene -Ext คนหนึ่งได้รับnotify ว่าคนไข้post op day 3 NG tube หลุดเขาจึงไปใส่ใหม่ ปรากฏว่า อาจารย์ด่าเละเพราะเป็นcase esophagectomy และต่อ anastomosis ไว้ที่คอ นีเป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่เกืดจากด้วยประสบการณ์ พวกเราส่วนใหญ่จะให้อภัยน้องๆที่ทำพลาดไปแล้วผู้ป่วยเกิดmorbidity ( อาจจะด่านำไปก่อน ) แต่ที่สำคัญเราไม่อยากให้น้องของเราต้องหมดอนาคตจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการครับ Posted by : megumi , Date : 2003-08-21 , Time : 22:18:04 , From IP : 172.29.3.160 |
ผมคิดว่า -นศพ.ควรได้ทำหัตถการเยอะๆภายใต้การดูแลของแพทย์อาวุโส -นศพ.ไม่ควรทำหัตถการในcaseที่มีความเสี่ยงเช่นHIV เหตุผลก็คือ นศพยัง.มีประสบการณ์น้อยครับ ตัวอย่าง - นศพ ปี 4 คนหนึ่งสงสัยว่า วิธีการถอด capกับการเปลี่ยนเข็มฉีดยานั้นต่างกันอย่างไร จึงไปหัดใส่หัดถอดจนเข้าใจ แต่ก็โดนเข็มตำสังเวยความสะเพร่า ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยโดนเข็มตำอีกเลย -แพทย์คนหนึ่งเดินผ่านเตียงผู้ป่วยเห็นExt ที่เพิ่งขึ้นใหม่กำลังควานหาเส้นจากแผลcut downจึงเข้าไปถามว่าทำอะไร Ext บอกว่าพี่ให้มาOff cut downครับ -Ext คนหนึ่งได้รับnotifyว่าคนไข้ปวดท้อง เวรเมื่อวานมีคนฉีดMO ให้คนไข้ อาการก็ดีขึ้น เขาจึงให้ฉีดด้วย ตอนเช้าคนไข้ sepsisเพราะbowel gangrene -Ext คนหนึ่งได้รับnotify ว่าคนไข้post op day 3 NG tube หลุดเขาจึงไปใส่ใหม่ ปรากฏว่า อาจารย์ด่าเละเพราะเป็นcase esophagectomy และต่อ anastomosis ไว้ที่คอ นีเป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่เกืดจากด้วยประสบการณ์ พวกเราส่วนใหญ่จะให้อภัยน้องๆที่ทำพลาดไปแล้วผู้ป่วยเกิดmorbidity ( อาจจะด่านำไปก่อน ) แต่ที่สำคัญเราไม่อยากให้น้องของเราต้องหมดอนาคตจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการครับ Posted by : megumi , Date : 2003-08-21 , Time : 22:18:04 , From IP : 172.29.3.160 |
อาจจะมีคนเข้าใจผิดว่า cognitive, psychomotor, และ affective domains ของการเรียนรู้นั้นเป็นคนละหมวดคนละเรื่องกัน จริงๆแล้วความชำนาญในการทำหัตถการนั้นจะ "ไร้ความหมาย" และข้อสำคัญ "อันตรายอย่างยิ่ง" ถ้าขาดความรู้ในเรื่องหัตถการนั้นๆเป็นพื้นฐาน ที่คุณ Megumi เล่ามานั้นก็พอจะเป็นตัวอย่าง แต่ผมว่าไม่หมดอนาคตหรอกนะครับ แต่เป็นการเรียนบทเรียนด้วย Hard Way เท่านั้น ขนาด morbidity นะ ไม่ต้องพูดถึง mortality เอาง่ายๆฉีดเคมีบำบัดเข้าเส้นนี่แหละ ใครลองให้ นศพ.ฉีด adriamycin แล้ว leak คุณจะเห็น necrotizing fasciitis ที่ผุ้ป่วยภูมิคุ้มกันไม่ดีอาจจะตายใส่ก็เป็นได้ อันนั้นน่ะจะแพงมากเกินค่าเล่าเรียนที่มีใครบ่นว่าไหนๆเสียตังค์แพงๆ เลยจะขอทำอะไรเยอะๆ ที่นี่ไม่ใช่ตลาด หรือเลหลัง specimen ทางการแพทย์ อาจารย์ผมเคย round และผมจำมาบอกต่อๆให้น้องคือ เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้ indication ในการทำหัตถการ สำคัญมากที่เราต้องรู้วิธีแก้ไข complications แต่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องรู้ contraindications เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอะไรกับผู้ป่วย ผมว่าเป็นเรื่องดีครับที่ นศพ.อยากทำหัตถการเป็น แต่ตอนไม่มี case นั้น น้องไปทบทวน indication, contraindications, และ การดูแลรักษา complications นั้นให้คล่องไปพลางๆ ทำกับ "อาจารย์หุ่น" ไปพลางๆ ดูวิดีโอสอนแสดงไปพลางๆ อยากทำอะไรกับ "อาจารย์" เหล่านี้ก็ทำไป ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าลองเลยครับกับผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยเด็กเล็กๆ การที่เราเป็นนักเรียนแพทย์ มีอภิสิทธิ์ที่จะถลกผ้าชาวบ้านเขาดูโดยถกต้องตามกฏหมายนั้นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าเราเป็นลูกพระราชบิดาที่ทำไปเพราะประโยชน์ของเขาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เราไม่มีอภิสิทธิ์นอกเหนือจากนี้หรอกครับที่จะ "ขอหน่อยน่า" จะจบอยู่แล้วยังไม่ได้ทำเลย Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-21 , Time : 22:37:33 , From IP : 172.29.3.205 |
เห็นด้วยกับ megumi นะ เรื่องนศพ. ยังไม่ควรทำหัตถการในคนไข้ HIV positive คิดว่ายังเด็กเกินไปที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ การเรียนรู้่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลานะ ถ้า่เราขวนขวาย ถ้าเรารู้จักร้องขอเมื่อสมควร ยกตัวอย่างนะ เวลา ward round หากมีคนไข้คนใดคนหนึ่ง มี Penrose drain แล้วอาจารย์หรือพี่แพทย์ใช้ทุนบอกให้ short drain O.K. ว่าานศพ.เจ้าของ case ที่ดูแลเฝ้าทำแผลอยู่ทุกวัน ควรเป็นคนได้หัดทำก่อน แต่ถ้าเคยทำแล้ว หรือเป็นการ short drain ครั้งต่อไป ควรให้เพื่อนคนอื่นในกลุ่มมาผลัดกันทำนะ จะำได้มีประสบการณ์กันหลายๆคน การที่เราได้ short drain 1หรือ 2 ครั้งนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลยนะ ไม่ได้ทำให้เราทำได้คล่องขึ้นอย่าง significant หรอก ของแบบนี้นะ ให้รู้ว่าต้องทำอย่างไร เคยทำสักครั้ง ความมั่นใจก็จะบังเกิด มือก็จะไม่สั่น ก็แค่นั้น ขออย่างเดียว เกรงใจคนไข้บ้าง อย่างเกี่ยงเกรงใจกันเกินไป หรือแ่ย่งกันเกินไป อย่าตะโกนว่า " เรายังไม่เคยทำเลยนะ ขอทำบ้าง" ถ้าคนไข้ได้ยินคงกลัวนะ สงสารเค้าบ้าง เค้าก็เป็นครูเรานะ ส่วนตัวเอง ได้มีประสบการณ์ เจาะปอด และเจาะท้องตั้งแต่เป็นนศพ. ปี 4 ไม่รู้่เหมือนกันว่าทำไม พี่แพทย์ใช้ทุนอายุรกรรมท่านนั้นถึงให้ทำ (ตอนนี้ท่านเป็นอาจารย์ cardio med ที่กำลังศึกษาต่ออยู่) รู้แต่ว่า เวลามีหัตถการอะไร ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าเป็น case ตัวเอง หรือกรณีที่อยู่เวรนะ จะวิ่งไปหยิบถุงมือ sterile มาใส่เตรียมไว้ทุกครั้ง ช่วยจับนู่น จับนี่ หยิบของ ส่งของให้ ทำกันบ่อยๆ จะรู้ step ไปโดยปริยาย ทำจนสนิทกับพี่แพทย์ใช้ทุนคนนี้ และพี่อนุญาตให้ทำหัตถการในที่สุด ไม่ใช่แต่ตัวเองที่ได้ทำอะไรแบบนี้นะ เพื่อนคนหนึ่งได้เจาะข้อตั้งแต่เป็นนศพ. ปี 4 เหมือนกัน สิ่งที่ได้คืออะไรรู้ไหม คือความภูมิใจที่พี่่ไว้ใจ และความมั่นใจ หากเมื่อเราโตขึ้น เราจะต้องทำสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีพี่คนนี้อยู่ เราก็ทำได้ด้วยความมั่นใจ และ้ด้วยความปลอดภัยเมื่อในวันนึงที่เราโตขึ้น และต้องทำหัตถการเหล่านี้กับผู้ป่วย HIV positive ู้ Posted by : 178 , Date : 2003-08-21 , Time : 23:04:30 , From IP : 172.29.3.105 |
......คุณ Death...มีเบอร์...email....ไหม....อยากรูจัก...เป็นเพื่อน..นะ..... Posted by : thai , E-mail : (Thai @hunsa.com) , Date : 2003-08-21 , Time : 23:10:42 , From IP : 172.29.3.218 |
จงถูมิใจในความเป็นมอเถอะ เชื่อผมเถอะ ตอนนี้ผมมาอยู่โรงเรียนแพทย์ชั้นนำในกรุงเทพ รู้มั้ย เมื่อก่อนผมว่า มอ เราไม่ไหวเลย เด็กก็ไม่ได้เรื่อง พอมาที่นี่แล้ว มอ เราไม่ได้ด้อยกว่าเค้าแน่แน่ครับ ผมขอยืนยัน สำหรับ คนเพิ่งมาใหม่ที่เข้ามา post ไว้นะครับ เอาไว้เวลาคุณจบออกไปจากที่นี่ หรือมี vision มากกว่านี้คุณก็จะเข้าใจที่ผมพูดครับ Posted by : A , E-mail : (sarayut_geater@hotmail.com) , Date : 2003-09-30 , Time : 22:56:41 , From IP : 202.28.179.1 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.02 seconds. <<<<< |