ความคิดเห็นทั้งหมด : 32

ดูกันเอาเอง


   http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O4491930/O4491930.html

Posted by : mumoo , Date : 2006-06-28 , Time : 23:54:05 , From IP : 172.29.4.143

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมดูแววตาผู้หญิงในรูปแล้ว ไม่สามารถสงสารลงเลย

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 00:00:09 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 2


   คุณ Cabin_crew พิจารณาว่าจะสงสารใครจากการมองและอ่านแววตาหรือครับ? ส่วนตัวคิดว่าสำหรับพวกอาชีพอย่างเรา อาจจะต้องยึดอะไรที่มากกว่านั้นหน่อย

อ่านต่อมาในกระทู้ ผมว่าข้อมูลยังไม่อิ่มตัว และตอนนี้ (0.45 น.) อาจจะมีความหมายเปลี่ยนไปจากแรก



Posted by : Phoenix , Date : 2006-06-29 , Time : 01:02:16 , From IP : 124.157.177.49

ความคิดเห็นที่ : 3


   เราอาจจะ "รู้สึก" สงสาร เห็นใจ รัก ชอบ ชัง ใครๆ จากแวบแรกที่ ... มอง... แววตาได้ค่ะ

ส่วนเรื่อง ...อ่าน... นั้น เห็นว่าคงต้องใช้ ...เวลา... สักหน่อย


Posted by : Lucifer , Date : 2006-06-29 , Time : 01:24:21 , From IP : 172.29.4.176

ความคิดเห็นที่ : 4


   ผมว่าลองหันมาเลี้ยงหมูแทนลองดูซิว่าพวกมุสลิมม่มีการศึกษาพวกนี้ยังจะปล้นอีกไหม

Posted by : เบื่อ......... , Date : 2006-06-29 , Time : 07:35:19 , From IP : 172.29.1.213

ความคิดเห็นที่ : 5


   ณ ขณะนี้คิดว่าคนกลุ่มหนึ่งมีอิสระในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ความเป็นอิสระของเขาก็ละเมิดสิทธิและความเป็นอิสระของผู้อื่น นโยบายรัฐต้องแก้ไขที่จุดไหนกันแน่ ควรมุ่งเน้นในแง่วิชาการอย่างเดียวหรือเพิ่มทวีคุณในแง่ศีลธรรมจรรยาเข้าไปด้วย

Posted by : ฟ , Date : 2006-06-29 , Time : 08:13:48 , From IP : 172.29.3.62

ความคิดเห็นที่ : 6


   คุณ lucifer ครับ

เพราะมันเป็น "ความรู้สึก" ผมจึง "คิด" ว่าเราควรจะหยุดสักนิด สะท้อนความรู้สึกนั้นในตนเองก่อน แล้วจึงค่อยมี "การกระทำ"

การมีพฤติกรรมทันทีตามความรู้สึกนั้น มันไม่ค่อยดีครับ และการปลุกปั่นระดมกำลังอะไรนั้น จะสังเกตได้ว่าคนทำมักจะไม่ใคร่อยากให้คนฟังใช้ความคิดเท่าไหร่นัก อยากจะให้ใช้แต่อารมณ์มากกว่า ดังนั้นเราจึงควรจะ "รู้เท่า" ทันอารมณ์ของเราเอง ก่อนจะรีบแสดงออก เพราะบางครั้งข้อมูลบางชนิดที่ดูเหมือนเป็น pure emotion นั้น อาจจะเป็น well-calculated ก็ได้ ที่มีทิศทางของวัตถุประสงค์ชัดเจนคือต้องการให้คนอ่านเกิดใช้ mode ของอารมณ์เป็นหลัก

ลองสังเกตการตอบสนองที่ไม่ได้ควบคุมให้ดี มันจะเจือปนด้วยอารมณ์เสมอ โกรธ เกลียด เบื่อ อึดอัด ฯลฯ เกิดการกระทบกระเทือนต่อ Self ได้ง่าย เพราะมี awareness ว่าอะไรควรไม่ควรอยู่ในส่วนที่ยังเป็นตรรกะอยู่

ตอนเราขึ้น clinic แล้วอาจจะได้ยินคำว่า acute and chronic pain ที่ส่งผลต่อสีหน้า ท่าทาง และพฤติกรรม ถ้าเราจะสรุปจากรูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้ว่าเป็นปรัตยุบันกาล หรือเป็นบุคลิกหลักการความคิดของคนๆหนึ่งนั้น จะพบว่ายากครับ บางทีตอนเราท้องเสียอยากจะเข้าห้องน้ำ เราก็อาจจะมี "แววตา" ขวาง ไม่อยากจะคุยกับใครในตอนนั้น ใครมาขวางหน้าก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆ หรือเสกให้หายตัวไป ไม่ได้แปลว่าเราจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง

จริงๆเหตุการณ์เป็นเช่นไร ควรหรือไม่ที่เราจะนำมาไตร่ตรองดูก่อน ก่อนที่จะ "รับ" ข้อมลมาทั้งดิบๆ รีบๆย่อย แล้วรีบๆกลืนทันที ทำอย่างนี้บ่อยๆ ตัวตนของเราจะมีโอกาสรับพยาธิชนิดต่างๆ เข้ามาเติบโตแพร่พันธุ๋ในท้องเรา มี larva migration ไปสมองได้ในอนาคต ตอนนั้นคิดอะไร อาจจะเป็นพยาธิคิด ไม่ใช่เราคิด



Posted by : Phoenix , Date : 2006-06-29 , Time : 08:41:04 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 7


   อ่านจบทุกความคิดเห็นแล้ว สรุปได้อะไรบ้างคะ

1. ชาวมุสลิมโดนด่าอีกตามเคย
2. คุณรู้ไหมคะ การที่คุณรุมด่าพวกเขานั่นแหละเข้าเป้า ของเจ้าของกระทู้เลยแหละ
3. สังเกตุไหมคะ การปล้นครั้งนี้ใช้ถุงพลาสติกเก็บกุ้ง นี่หรือคะการปล้น
4. การจับกุ้งไม่มีใครเขาจับด้วยมือหรอกค่ะ
5. สังเกตุสิคะมีแต่ผู้หญิงกับเด็ก
6. ถ้าหากมีการปล้นจริง รูปถ่ายก็มีทำไมไม่แจ้งความละคะ แต่เขาไม่แจ้งเพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์

งานนี้ก็คือ พวกนี้ไปนั่งดูเขาจับกุ้ง พอเจ้าของเขาจับเสร็จ หรือเลิกก็ลงไปจับ ซึ่งจิงๆแล้วไม่มีอะไรเลย เหมือนลุงอ่ำพูดนั่นแหละ บ้านเราสงขลาก็มีแบบนี้เยอะเลย แต่ไม่มีใคร "หาเรื่อง" แค่นั้นเอง

วัตถุประสงค์คือ ต้องการยุยงให้สังคมเกลียดมุสลิม ต้องการให้เกิดความแตกแยกในสังคม เพื่อบรรลุในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้


Posted by : มุสลิม , Date : 2006-06-29 , Time : 09:22:43 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 8


   บอกก่อนนะครับ ผมไม่ใช่มุสลิม

ตั้งแต่มองภาพแรกแล้ว รู้สึกมันแปลกๆ ไม่น่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน ยิ่งพอมาฟังลุงอ่ำอธิบาย ก้อยิ่งเข้าใจว่า ใช่แน่นอน งานนี้ต้องการสร้างความแตกแยก แต่เพื่ออะไรนะไม่ทราบ เพื่อความสนุกหรือหวังผลอะไรไม่อาจทราบได้

บางทีกระทู้ในเว็บบอร์ดต่างๆ อ่านแล้ว ต้องอ่านอีกหลายๆ รอบนะคงต้องใช้แนวคิดของ Phoenix ซะแล้วละมั้ง


Posted by : ไม่ใช่_มุสลิม , Date : 2006-06-29 , Time : 10:00:54 , From IP : 172.28.90.120

ความคิดเห็นที่ : 9


   มาอ่านกระทู้นั้นตอน "ลุ่งอ่ำ" มาเฉลยแล้วครับ

คน "เจตนาร้าย" "อาจจะ" เป็นคนที่เราคิดว่า เจตนาดีก็ได้

เหรียญมี 2 ด้านเสมอครับ ใจเย็นๆ อย่าใช้ "อารมณ์" พาไปครับ

มุสลิม ที่น่าสงสาร น่าเห็นใจ ในพื้นที่ มีมากกว่า มุสลิม ที่ตกเป็นข่าว ครับ


Posted by : OmniSci , Date : 2006-06-29 , Time : 10:36:57 , From IP : 172.29.1.216

ความคิดเห็นที่ : 10


   งานนี้ถ้าไม่มี "ลุงอ่ำ" มุสลิมโดนอ่วมแน่ ทั้งๆที่ คนมุสลิมกลุ่มนั้น เขาไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ไม่มีโอกาสชี้แจงความจริง แต่ไม่เป็นไรมุสลิมพระเจ้าสอนให้อดทน อดทนต่อทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอบคุณลุงอ่ำนะคะ

แล้วคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่า เหตุการณ์อื่นที่ไม่มีคนอย่างลุงอ่ำ ความจริงเป็นเช่นไร เขาก็เป็นคนนะคะ มีหัวใจ มีเลือดเนื้อ มีโกรธ มีเกลียด มีทุกอย่างเหมือนคุณ เขาไม่ใช่สัตว์เหมือนที่บางคนคิด แต่ที่เขาไม่มีคือ "โอกาส" โอกาสที่จะได้ศึกษา ในชั้นสูงๆเพื่อที่จะเอาตัวรอดเหมือนพวกคุณ เหมือนพวกที่คิดว่าตัวเองศิวิไลซ์






Posted by : มุสลิม , Date : 2006-06-29 , Time : 12:35:22 , From IP : 172.29.1.148

ความคิดเห็นที่ : 11


   ฮานาก้า

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 13:05:00 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 12


   ก๊อป กอบ .......... โปเต้

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 13:06:57 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 13


   ปาร์ตี้.........ฮานามิ...........คอนเน่

Posted by : ฟ , Date : 2006-06-29 , Time : 13:49:54 , From IP : 172.29.3.62

ความคิดเห็นที่ : 14


   คอนพับ ..... กุ๊งกิ๊ง ...... ช้างน้อย

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 19:37:04 , From IP : 172.29.4.187

ความคิดเห็นที่ : 15


   ยังไม่พออีกหรอครับ

Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-29 , Time : 19:51:19 , From IP : 172.29.7.124

ความคิดเห็นที่ : 16


   คิดว่าเป็นเรื่องของ ... การใช้เหตุผล ... กับ ... การสถาปนาความจริง ค่ะ
เรื่อง การใช้เหตุผล นี้ มีบทความเรื่อง “ 25 ปี คำพิพากษา กับคำอุทธรณ์ของสมทรง” เขียนโดย ชูศักดิ์ ภัทรกุลวนิชย์ ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ เจ้าชายในฝัน แนะนำให้อ่านค่ะ
เป็นบทความวิเคราะห์การวางตรรกะของตัวบทที่น่าสนใจทีเดียว เมื่อเทียบเคียงแนวคิดเดียวกันนี้ในการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นจาก “การสถาปนาความจริง” ด้วยภาพ ... ในกรณีเรื่องเล่าที่พันธ์ทิพย์ กับ

.... “คำพิพากษา” ....

ของคนในพันธ์ทิพย์

ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนได้กล่าวถึง ... สมทรง ... หญิงบ้าในหมู่บ้าน และ ผู้หญิงกับความบ้าเซ็กส์
“ แต่หากพิจารณาความเป็นผู้หญิงบ้าเซ็กซ์ ควบคู่ไปกับชะตากรรมของฟัก จะพบว่าความบ้าเซ็กซ์ของสมทรงยังมีบทบาทสำคัญต่อตรรกะของเรื่องเล่าที่ทำให้ฟักกลายเป็นวีรบุรุษผู้น่ายกย่อง
ขอให้เรากลับไปทบทวนตรรกะของเรื่องเล่าในนวนิยายเล่มนี้
นวนิยายผูกปมความขัดแย้งให้ฟักถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าหลับนอนกับสมทรงผู้เป็นเมียของพ่อ ข้อหาอันเต็มไปด้วยอคติดังกล่าวนี้นี่เองได้นำไปสู่ชะตากรรมอันน่ารันทดของฟักในตอนจบ โดยตรรกะของเรื่องเล่า เราจะสามารถรู้สึกเห็นอกเห็นใจฟักได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อเราเชื่อในความบริสุทธิ์ของฟักโดยปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัยว่าเขาอาจจะหลับนอนกับสมทรงดังที่ถูกกล่าวหา
แต่เราจะปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในตัวฟักได้ ก็ต่อเมื่อเราโยนปัญหาความเข้าใจผิดทั้งมวลไปที่ม่ายสมทรง ในฐานะที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดนี้”

ลองพิจารณา ... เรื่องเล่า .... ในชีวิตประจำวันของเราบ้าง
ว่าสิ่งใดคือ .... การสถาปนา .... ความจริง กับ เหตุ และ ผลใด ที่ทำให้เรื่องที่เรา ... คิด... ว่าจริง เป็นความจริงจากการสถาปนา
ความสำคัญที่พบเช่น
- บทบาทสำคัญต่อตรรกะของเรื่องเล่าที่ทำให้ “ฟัก” กลายเป็นวีรบุรุษผู้น่ายกย่อง … อีกนัยหนึ่ง ก็คือ “เหยื่อ” ที่สังเวยชีวิตเพื่อกลายเป็น “วีรบุรุษ” ... ผู้น่ายกย่อง ....
- นวนิยายผูกปมความขัดแย้ง ให้ ฟัก ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
- ข้อหาอันเต็มไปด้วย “อคติ” ดังกล่าวนี้นี่เองได้นำไปสู่ชะตากรรมอันน่ารันทดของฟักในตอนจบ


“ใคร” คือฆาตรกรที่แท้จริง ?







Posted by : Lucifer , Date : 2006-06-29 , Time : 20:57:22 , From IP : 172.29.4.171

ความคิดเห็นที่ : 17


   ส่วนเรื่องความรู้สึก กับ ความคิด ...


อาจารย์... เคยมี Love at first sight มั้ยคะ? …


Posted by : Lucifer , Date : 2006-06-29 , Time : 20:57:51 , From IP : 172.29.4.171

ความคิดเห็นที่ : 18


   จำได้ลางๆว่าตอนเห็นแม่ครั้งแรกครับ ยังคง last long จนถึงปัจจุบัน



Posted by : Phoenix , Date : 2006-06-29 , Time : 21:18:08 , From IP : 124.157.177.49

ความคิดเห็นที่ : 19


   ยังไม่พออีกหรอครับ

Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-29 , Time : 19:51:19 , From IP : 172.29.7.124



หมายถึงอะไรครับ





Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 21:19:36 , From IP : 172.29.4.187

ความคิดเห็นที่ : 20


    ยังไม่พออีกหรอครับ

Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-29 , Time : 19:51:19 , From IP : 172.29.7.124

หมายถึงอะไรครับ

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 21:19:36 , From IP : 172.29.4.187

ผมแค่ไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน ครับ




Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-30 , Time : 09:18:52 , From IP : 172.29.1.106

ความคิดเห็นที่ : 21


   บอกตามตรงเลยว่า ปกติผมจะรู้สึกอคติกับพวกมุสลิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีข่าว คนของรัฐโดนทำร้าย

แต่เคสนี้ผมได้อ่านทุกความเห็น ดูรูปทุกรูปแล้ว

ผมกลับเชื่อลุงอ่ำ ประมวลดูแล้วมีเหตุมีผลมากที่สุด

s.f. น่าจะย่อมาจาก sea fresh industry ผู้ส่งออกกุ้งแช่แข็ง

รายใหญ่อันดับต้นๆของเมืองไทย





Posted by : ทำใจให้เป็นกลาง , Date : 2006-06-30 , Time : 19:54:53 , From IP : 172.29.5.217

ความคิดเห็นที่ : 22


   ไม่ทราบว่ามีใครได้ลองตรวจสอบข้อมูลของทั้งเจ้าของกระทู้และลุงอ่ำรึยังครับ
เราน่าจะลองฟังความสองด้านนะครับ


Posted by : Cruz , Date : 2006-06-30 , Time : 22:17:02 , From IP : 210-86-223-212.stati

ความคิดเห็นที่ : 23


   เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ในแถบสามจังหวัดมาบ้าง ครับ หากผมเป็นเจ้าของบ่อกุ้ง แล้วมีชาวบ้านจำนวนมากไปล้อมเพื่อจะเอากุ้งของผม จะให้ผมคิดอย่างไร ผมก็คงคิดว่าผมโดนปล้น แล้วจะให้ผมไล่ชาวบ้านอย่างไร ขืนไปไล่อาจจะโดนเหยียบตาย แต่ผมมองว่าคงไม่จำเพาะศาสนาหรอกครับ คนขี้ขโมยเกิดได้ทุกที่

Posted by : g09090 , E-mail : (g09090@hotmail.com) ,
Date : 2006-06-30 , Time : 22:55:35 , From IP : 125.24.72.117


ความคิดเห็นที่ : 24


   ยังไม่พออีกหรอครับ

Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-29 , Time : 19:51:19 , From IP : 172.29.7.124

หมายถึงอะไรครับ

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-29 , Time : 21:19:36 , From IP : 172.29.4.187

ผมแค่ไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน ครับ




Posted by : เด็กแนว , Date : 2006-06-30 , Time : 09:18:52 , From IP : 172.29.1.106


โอเคๆ โทดเด้อ


Posted by : cabin_crew , Date : 2006-06-30 , Time : 23:25:25 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 25


   this is the tax.

Posted by : phony , E-mail : (kkk) ,
Date : 2006-07-01 , Time : 08:41:40 , From IP : 172.29.1.113


ความคิดเห็นที่ : 26


   มีบางคนชอบแสดงความปัญญาอ่อนออกมาจิงๆ
หัดโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว


Posted by : cabin_cruay , Date : 2006-07-02 , Time : 07:59:04 , From IP : 172.29.4.225

ความคิดเห็นที่ : 27


   เรียน อ.Phoenix จะทำยังงัยดี ถ้าจะบอกว่า ได้รับรู้เหตุการณ์นี้มาก่อนที่จะมีการ post กระทู้ อยากจะเล่าให้ฟังแต่ก็คงไม่เหมาะ เพราะจากภาพ กลายเป็นประเด็นแตกแยกเสียแล้ว

Posted by : 0 , E-mail : (0) ,
Date : 2006-07-03 , Time : 04:29:45 , From IP : 172.29.1.183


ความคิดเห็นที่ : 28


   โดยส่วนตัวผมคิดว่าการมีความเห็นไม่เหมือนกันยังไม่ใช่การแตกแยก และยิ่งถ้ามีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าทำไมถึงได้ต่างกัน จากมุมมองแบบไหน ผมคิดว่าเป็นเรื่องทีดี

บ่อยครั้งที่การมองเรื่องๆหนึ่งจากมุมของคนๆหนึ่งจะได้ข้อสรุปแตกต่างจากของคนอื่น ถ้าเราไม่ได้ยินเรื่องราวมุมต่างบ้าง เราก็จะเข้าใจอยู่แค่มุมของเราเท่านั้น เวทีกระดานข่าวเปิดแบบนี้เอื้ออำนวยให้ scenario หรือเรื่องราวอะไรก็ตาม ได้มีการสะท้อนจากคนหลายๆ background ที่มี concept ความเชื่อ และมุมมองชีวิตมาจากต่างที่กัน

ผมยังเชื่อว่าบรรยากาศการแลกเปลี่ยนของกระดานเรา หรืออย่างน้อยกระทู้นี้ ยังห่างจากคำว่า "แตกแยก" ครับ ยิ่งถ้ามีเหตุผลประกอบในการแสดงความเห็นแต่ละกระทู้ แต่ละคำตอบด้วย จะยิ่งเป็นการฝึกฝนการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ฝึกฝนกฏกติการมารยาทในการแลกเปลี่ยน ในการไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วย ในที่สาธารณะ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนแพทย์ และต่อการใช้ชีวิตในสังคมจริงในภายภาคหน้า



Posted by : Phoenix , Date : 2006-07-03 , Time : 09:04:14 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 29


   มีบางคนชอบแสดงความปัญญาอ่อนออกมาจิงๆ
หัดโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว

Posted by : cabin_cruay , Date : 2006-07-02 , Time : 07:59:04 , From IP : 172.29.4.225




ผมต้องกลัวคุณหรือเปล่า


Posted by : cabin_crew , Date : 2006-07-03 , Time : 23:35:01 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 30


   คุณ cabin_crew อยากจะ share กับพวกเราไหมครับว่า จากการมองแววตาของคนในรูปแล้ว นอกเหนือจากไม่สามารถสงสารลง ยังรู้สึกอย่างไรอีก และเพราะอะไร

การเรียนรู้ความรู้สึกตนเองเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง และต่อเพื่อนร่วมงานในทีม



Posted by : Phoenix , Date : 2006-07-06 , Time : 02:01:09 , From IP : 58.147.114.142

ความคิดเห็นที่ : 31


   ผมค่อนข้างsensitiveกับการเปลี่ยนไปของอารมณ์ของคนครับผมจึงมักใช้การสังเกตมากกว่าการถามเช่นเวลาเพื่อนกำลังรู้สึกไม่ดี 9ล9 แม้ว่า ความถูกต้องจะไม่เต็มร้อย แต่ส่วนมากจะถูกเกิน70 % ผมเลยเลือกใช้วิธีนี้เพราะมันน่าเสี่ยงนะครับ ดีกว่าเรารอให้อะไรๆเปลี่ยนไป โดยที่เราไม่รู้.... แต่ผมคงไม่เสี่ยงกับคนไข้อ่ะครับผมหมายถึงในสังคมทั่วไป...กับครอบครัว กับคนรัก กับเพื่อนในสังคม หรือแม้แต่เพื่อนทางธุรกิจ เพราะการรู้ใจทั้งคู่ต่อสู้และพันธมิตรมีแต่ผลดีครับ

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-07-06 , Time : 04:46:20 , From IP : 172.29.4.121

ความคิดเห็นที่ : 32


   ขอบคุณครับที่ share

เนื่องจากคนเราทุกคนจะ "แปล" ประสบการณ์ได้โดยการใช้ past experience ของตนเองประกอบ ไม่มากก็น้อย เสมอ ในกรณีที่ไม่ได้ถูกบริบทที่จับต้องได้บังคับจริงๆ (เช่น การทำสมการคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์) ถ้ามีเรื่องของทางจิตใจ สังคม เราจะพบว่าเรา "ขาด" ข้อมูลที่คนอื่นใช้ในการแปลความหมายไป เพราะเราไม่ได้ share past experience ของเขา

ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการที่คิดว่าเราควรจะ "ลังเล" แค่ไหนในการที่จะบอกว่าที่เราแปลนั้นถูกหรือไม่ (ไม่ต้องเอาขนาดออกมาเป็นกี่เปอร์เซนต์)?

ทำไมจึงจำเพาะเจาะจงว่าจะระมัดระวังเฉพาะคนบางกลุ่ม? และศัตรู หรือคู่ต่อสู่นั้น หมายถึงใคร เพราะอะไร?

ในทางปฏิบัตินั้น เราแปลหรือไม่แปล เราใช้บริบทคือฐานะทางสังคมของคนที่เกี่ยวข้องเป็นฐานสักกี่มากน้อย และเพราะเหตุใด? เพราะจริงๆพิจารณาดูให้ดี คนกลุ่มหนึ่งมันจะมีความเชื่อมโยงไปกลุ่มอื่นๆ สุดท้ายก็วนมาหาตัวเราได้เสมอ ยกตัวอย่าง ถ้าเรา "ฟันธง" ว่าคนอย่างนี้ไม่น่าสงสาร คนอย่างนี้น่าสงสาร เราจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อะไรบ้างจากการด่วนสรุปแบบนั้น ในกรณีที่ extreme การฟันธงและตีค่าของคนอื่น เป็นรากของ racism หรือ --ism อีกหลายๆอย่าง เพราะแนวโน้มที่จะเหมารวมและเชื่อ "อารมณ์" ของเรามากเกินไปว่าเราสามารถที่จะ stereotype คนได้ทันทีที่เห็นตา ได้ยินเสียง เห็นรูปถ่าย เห็นสีผิว ได้ยินภาษา ฯลฯ ดังนั้นการด่วนสรุปนั้น หรือการ generalize sensation หรือการรับรู้ของเรามากเกินไปนั้น ไม่เกิดผลดีต่อเราหรือต่อใครหรอกครับ ไม่ต้องเฉพาะกับคนไข้ก้ได้

สงครามทั่วโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็เพราะคนตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป ไม่สามารถอยู่ร่วมกับ "ความต่าง" ของพื้นฐานความคิดได้ ไม่สามารถมี empathy ได้ ถ้าเราเคยเรียนการสัมภาษณ์ผู้ป่วย จะทราบว่าถ้าหมอขาด empathy แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ประเด็นสำคัญก็คือ empathy นี้ ไม่ใช่เครื่องมือ ที่เราแค่หยิบขึ้นตอนจะใช้ วางลงตอนไม่ใช้ empathy เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเรา ครับ เหมือนๆกับที่เราพูดๆกันว่า ต้องมี เมตตา กรุณา กับคนไข้นั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะจำเพาะควักเอาเมตตา กรุณามาใช้ตอนเราใส่เสื้อกาวน์ แขวน stethoscope เท่านั้น แต่หมายความว่าเราต้องมีบุคลิกและพื้นฐานความคิดเมตตากรุณาเป็นตัวตนของเราให้ได้ต่างหาก

คนเราจะมี respect of autonomy ได้นั้น ไม่ใช่การเลือกกระทำ เพราะการ respect นั้นเป็น outcome ชนิดหนึ้งที่คนๆหนึ่งได้สั่งสมประสบการณ์ จนออกเป็นบุคลิก พฤติกรรม ไม่ใช่ fake หรือเสแสร้ง หรือแสดงให้คนอื่นดู แต่เป็นความรู้สึกอยู่ใน background ของพฤติกรรมที่ดูเป็นเมตตา กรุณา เข้าใจ และ non-judgemental

เห็นด้วยไหมครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2006-07-06 , Time : 08:30:35 , From IP : 172.29.3.231

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.053 seconds. <<<<<