ปราการแห่งทิฐิ ..
ปราการแห่งทิฐิ ..
อ่านมาจาก Bord อื่น อีกแล้ว
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนาม ..
เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่บันทึกไว้ในข้อเขียนเรื่องเมตตาภาวนา :
คำสอนว่าด้วยรัก ของท่าน ติช นัท ฮันท์
อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ จึงอยากนำมาเล่าต่อ
ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม
หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา
เขาหายไปในสงครามเป็นเวลากว่า 3 ปีจึงส่งข่าวคราวกลับมา
เธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่
ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหากัน..สัมผัสไออุ่นจากกันและกันนิ่ง
นานจนเกือบลืมไปว่า..
มีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่
ผู้เป็นพ่อดีใจมากยื่นมือไปหมายกอดลูกชายแต่เจ้าหนูถอยกรูด
แม่ปลอบว่า
อย่าตกใจเจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ
ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด
หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อพิเศษ
ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชายจึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ
เท่านั้นยังไม่กระไร พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่าง
เขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิดปกติ น้าไม่ใช่พ่อของหนู
พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืน พ่อก็ยืน
เพียงไม่กี่คำเท่านี้เองหัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงครามอันแสนหฤโหดอันยาวนานก็พลันกระด้างยังกับแผ่นศิลา..
สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาดเธอก็พบว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปรายตามองอีกต่อไป
เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น..
เย็นวันนั้นอาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาจืดสนิท ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด
เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอแวะไปซื้อของ
เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรักอย่างจับใจคนเดิมอยู่หรือเปล่า
ต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด
ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง
เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม
ไม่มีการถามไถ่ ไม่มีการโอบกอดอันอบอุ่น
ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกันอย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว
การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม
แล้วความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลง
เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์ ..
ที่แม่น้ำสายหนึ่งทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี
เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม
เขาไปรับศพเธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆในบ้านของตัวเอง
มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น
และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย ..
ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อย ๆ หรี่ลงจวนเจียนจะดับ
เขาเติมน้ำมันแล้วจุดใหม่ เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ
เขาลุกเดินกลับไปกลับมาสุด
ขณะนั้นเองเงาของเขาทาบทอไปปรากฏยังฝาเรือน
เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น นั่นไง พ่อหนูมาแล้ว
พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืนพ่อก็ยืน คนนั้นแหละพ่อของหนู
ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนูเห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา
จึงเข้าใจขึ้นมาในนาทีนั้นเองว่า พ่อ ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ เงา ที่เห็นอยู่นี่เอง
ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว..
เธอ...คงรักเขามากสินะถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา
แล้วบอกเจ้าหนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ พ่อที่หายไปในสงคราม
โอ...ไม่น่าเลยความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป
เจ็บเกินกว่าหัวใจของคนธรรมดาจะรับไหว
รุ่งขึ้นอีกวันเขาได้ชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง
ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิตเขาอีกชีวิตหนึ่ง...
เรื่องราวของเขาและเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เล่าขานกันมาอีกนานแสนนาน
วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง พ่อ ของตัวเองให้เขาฟังที่กลางตลาด
หากเขาไม่หุนหันพลันแล่นมีสติสักนิดหนึ่ง ถามไถ่จากเธอว่าพ่อคนที่
เจ้าหนูพูดถึงคือใคร และหลังจากที่เขาเย็นชา
ปิดปากเงียบสนิทหากเธอจะอาจหาญถามเขากลับไปว่า
มันเกิดอะไรขึ้น..
เธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยาและเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น
ไม่ใช่เธอ ไม่รักเขาและไม่ใช่เขา ก็ไม่รักเธอ
หากทั้งเธอและเขาต่างรักต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง
ความรักของคนทั้งสอง
กลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีผู้พิชิต
ความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทางแห่งรักแท้
จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมของคนทั้งคู่เกิดจากเส้นบางๆของปราการแห่ง ทิฐิ โดยแท้ หากทั้งเธอและเขา ยอมวาง ทิฐิ
ลงแล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย
ถามไถ่จากกันและกันอย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่ายไหนเลย
จะต้องมาจำพรากทั้งที่ยังรักล้นใจเช่นนั้น..
รักนั้นงดงาม บริสุทธิ์ อ่อนหวาน
ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอก หากจะผิด.. ก็ผิดที่ใจอันมากด้วย ทิฐิ
ของทั้งคู่นั่นต่างหาก
หากปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี อย่าให้มี
ปราการแห่งทิฐิมากางกั้นแค่นั้นพอ..
Posted by : Dhan , Date : 2003-08-12 , Time : 10:33:25 , From IP : 172.29.3.119
|