ความคิดเห็นทั้งหมด : 23

การตัด ชั่วโมง lecture ของ นศพ.ออก ดีหรือไม่


   ถ้าทางคณะจะ ตัด lecture ออก แล้วให้ SDL เองจะดีหรือไม่

Posted by : superman , Date : 2003-08-06 , Time : 17:29:08 , From IP : 172.29.2.94

ความคิดเห็นที่ : 1


   ก็มีทั้งดีแล้วก็ไม่ดี อย่าตัดที่ออกมากแล้วกัน เดี๋ยวนศพ.จะหลับสบาย

Posted by : ลิลลี่ , Date : 2003-08-06 , Time : 18:39:09 , From IP : 172.29.3.185

ความคิดเห็นที่ : 2


    อย่างนั้นก็คงมีเวลาสำหรับ sleep-deep and long นานขึ้นหละสิ เออ....ดีจริงหรือเปล่าน้า?

Posted by : 178 , Date : 2003-08-06 , Time : 19:06:38 , From IP : 172.29.3.130

ความคิดเห็นที่ : 3


   ขึ้นอยู่กับการประเมินครับ ถ้าคิดว่าการประเมินเรา accurate มากพอที่จะบอกได้ว่านักเรียนบรรลุวัตถุปรสงค์การเรียนที่ได้ตั้งไว้ (contents) การที่นักเรียนจะเรียนโดยวิธีอะไรนั้นไม่แปลก

อีกประการคือ maturity (อีกแล้ว) การเรียนด้วยตนเองนั้นต้องจัดการเวลาเป็น ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ทำงานอย่างมีหมายกำหนดการ ถ้าหากทั้งทางคณะฯและนักเรียนยอมรับ consequence ของการมอบความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นเป็นภาระของนักเรียนก็คงไม่มีปัญหา (ตกก็คือตก retire ก็คือ retire)

แต่ เอ....กิจกรรมวิชาการวันพุธที่ไม่ได้บังคับนั้น มีนักเรียนไปเข้าเรียนสักกี่เปอร์เซนต์นะ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-06 , Time : 19:51:24 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 4


   เรื่องการตัด lecture การประเมินไม่มีผลคับ มันเป็นนโยบายของเขา เขาไม่ฟังนศ.คับ

Posted by : ๊{๊ , Date : 2003-08-06 , Time : 23:05:55 , From IP : 172.29.2.123

ความคิดเห็นที่ : 5


   เอ่อ...การประเมินในที่นี้ไม่ได้หมายถึง feedback นะครับ ผมหมายถึงการสอบประเมินความรู้

ว่าแต่ว่าผมอยากรู้ว่านศพ. feedback ว่าอย่างไรในเรื่องนี้ครับ อยากรู้จริงๆนะ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-06 , Time : 23:10:51 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 6


   ผมว่าก็ดีนะ แต่พอขึ้น clini c แล้วอยากมีเลคเชอร์ เยอะๆนะ

Posted by : เหอๆๆ , Date : 2003-08-06 , Time : 23:21:28 , From IP : 172.29.2.238

ความคิดเห็นที่ : 7


   ???? เวลาอยู่ clinic ทำไมกลับจะเอา lectures เยอะๆล่ะครับ? แม้แต่ระบบเก่าที่ป็น teacher-based, ก็ยังลด lectures ลงอย่างมากมายเมื่อเปรียบเทียบกับตอน per-clinic



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-07 , Time : 00:52:22 , From IP : 172.29.3.249

ความคิดเห็นที่ : 8


   การตัด lecture ไม่ได้ขึ้นกับการประเมินครับ ไม่เกี่ยวข้องกัน
เพราะการมี lecture วัตถุประสงค์หลักคือต้องการให้นักศึกษาได้ฟังสิ่งที่อาจารย์สรุปมาให้ อย่างย่อๆเท่านั้นและหัวข้อ lecture นั้นมักจะเป็นหัวข้อที่นักศึกษาอ่านแล้วจะเข้าใจยาก หรือใช้เวลาค่อนข้างมาก หรือเรื่องยากเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจได้ดี ส่วนเรื่องการประเมินก็คงต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อย่าลืมว่า lecture นั้นนำเสนอแต่เรื่องของ ความรู้ ครับดังนั้นการประเมินก็คงประเมินได้แต่ส่วนของความรู้ซึ่งมีหลายระดับ แต่สรุปง่ายๆว่ามีเพียงความจำ กับการประยุกต์
ว่าแต่ว่า lecture มีประโยชน์จริงหรือ แน่ใจได้อย่างไรว่าที่ฟังคำบรรยายนั้นถูกต้องแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่อาจารย์สรุปมานั้นไม่ล้าสมัย การฟังคำบรรยายอาจจะเป็นการลงทุนที่สั้นและได้เนื้อหาเร็ว(ไม่รู้จริงหรือไม่) อาจารย์สบายใจที่ได้พูดให้นักศึกษาฟัง นักศึกษาสบายใจที่ได้ฟัง แต่ไม่รู้ว่าเก็บได้เท่าไร (แต่เอเวลาอาจารย์บรรยายพวกนักศึกษาไม่เห็นเข้าเลยหรือเข้าสายมาก แสดงว่าไม่อยากฟังผมเสนอว่าน่าจะตัดออกให้หมดก็ดีนะ)


Posted by : ออ , Date : 2003-08-07 , Time : 02:47:35 , From IP : r115-skaHS1.S.loxinf

ความคิดเห็นที่ : 9


   เห็นด้วยว่านศ.ไม่ได้ mature กันทุกคน หลายๆคนไม่สามารถช้ SDL ได้อย่างเกิดผล แม้ว่าจะขึ้นมาปี 4 แล้วก็ตาม (รวมทั้งตัวผมด้วย - - แบ่งเวลาไม่เป็น ไม่ได้ เพราะหลับเป็นอุปสรรคสำคัญ)
แต่การมี SDL ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี อย่างน้อยก็เป็นการฝึกให้รู้จักการใช้มันให้เป็น (ถึงแม้จะยังไม่เป็น) แต่เลคเชอร์ที่นำมาสอนนี่สิ ผมคิดว่าน่าจะเอาเรื่องที่สำคัญๆหรือต้องรู้จริงมาสอนกันมากกว่า เพราะเหมือนเรื่องที่สำคัญๆเราก็ยังไม่รู้เรื่อง
อ้อ ที่เห็นว่าควรจะแก้ไขมากที่สุด คือเรื่องความรับผิดชอบอย่างที่คุณ Phoenix ว่า ตกก็ตก อะไรที่สมควรตกก็น่าจะให้ตก เพราะที่ผ่านๆมา ยังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองผ่านมาได้อย่างไร แม้แต่สอบ compre ขึ้นคลินิกเราก็ผ่าน ทั้งที่รู้ว่าทำได้ไม่มาก ... ถ้าให้ตกแล้วสอบใหม่ จะได้แก้ไขในส่วนที่เราตกไปให้ดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยเลยผ่านมาตลอด
(เคยติด E วิชาคณิตของอ.ประสาท ต้องเรียน summer ใหม่ โอ้ คราวนั้นก็รู้ซึ้งไปเลยล่ะ ...คณะแพทย์มีเวลาให้เรียนตั้ง 12 ปี น่าจะให้คุณภาพของนศพ.มีมาตรฐานหน่อย)


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-07 , Time : 04:42:31 , From IP : dial-57.ras-2.ska.s.

ความคิดเห็นที่ : 10


   ตกสักบล็อกแล้วจะซึ้ง

Posted by : หึหึ , Date : 2003-08-07 , Time : 18:31:56 , From IP : 203.155.176.72

ความคิดเห็นที่ : 11


   ขอชี้แจงเรื่อง Lecture (หรือการตัดทิ้ง) กับการประเมินที่ได้กล่าวถึงสักนิด

Lecture นั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนที่มีจุดเด่นคือ สามารถบรรจุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ด้าน cognition ให้กับกลุ่มคนจำนวนมากในเวลาอันจำกัด เมื่อ correspond กับข้อสอบซึ่งจะต้อง reflect learning objectives แล้ว วิชาไหนที่มีแต่ lecture จะเป็นวิชาที่หมูมาก

แต่ถ้าหากตัดวัตถุประสงค์การเรียนที่จะได้จาก passive หรือแบบ lecture นี้ออกไป และมี active process ได้แก่ self-directed learning มากขึ้น ก็เท่ากับฝ่านสอนสูญเสียความควบคุม content ที่นักศึกษาจะได้ไป และจะขึ้นกับตัวนักศึกษามากขึ้นเยอะ วิธีเดียวที่จะประกันคุณภาพว่านักศึกษาได้เรียนรู้สิ่งที่ควรเรียนไปจริงๆก่อนที่จะให้ผ่าน ก็คือการมีการประเมินที่มีประสิทธิภาพสูง คือ ตรงวัตถุประสงค์ มีความเที่ยง และ validity

ถ้าหากการประเมินไม่ strictly effective อย่างที่ว่า ก็จะเป็นความเสี่ยงสูงที่จะตัด lecture ออก แล้วปล่อยให้นักศึกษาเรียนเองตามยถากรรม แล้วไปวัดดวงเอาว่าอ่านตรงไม่ตรงตอนสอบ

เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-07 , Time : 19:12:21 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 12


   วิชาที่ควรเอาออก เช่น แคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมี เพราะไม่ได้ใช้เลยจริง ๆ
เสียเวลาเรียนมาก เคยถามอาจารย์วิชาอินทริกรัล ว่าทำไมต้องมาเรียนอีก อาจารย์ตอบว่าในอนาคตต้องใช้ แต่ตอนนี้ผมเรียนแพทย์ครบ 6 ปีแล้ว ไม่เห็นต้องใช้เลย ผมว่าเอาเวลาไปเรียนพวกการบริหาร เพราะหมอเราบริหารไม่เป็นเลย ไปเรียนเรื่องยาเสพติด ไปเรียนเรื่องกฏหมายดีกว่านะ


Posted by : พี่หมอ , Date : 2003-08-07 , Time : 19:22:59 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 13


   ขอแนะว่าวิชา math ของอ.ประสาท น่าเรียนครับ ได้เรียนกลุ่มเล็กๆประมาณ 10 คนกับแกนี่... สนุกมากเลย

คุณ Phoenix ครับ การสอบนี่ไม่ใช่การประเมินผลที่ได้จากการ SDL หรือครับ แล้วถ้างั้น เขามีการประเมินกันตอนไหนล่ะครับ เรียนๆมายังไม่เห็นจะรู้เลยว่ามึใครมาประเมินว่าเราเรียนได้ถึงไหนแล้ว


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-08 , Time : 17:15:04 , From IP : dial-127.ras-2.ska.s

ความคิดเห็นที่ : 14


   อื้อฮึ....คุณ rLim ไม่ทราบว่าถูกประเมินตอนไหนบ้างหรือครับ???

sdl เป็นแค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเรียนทั้งหมดเท่านั้นเองครับ การสอบจะประเมินความรู้ ความชำนาญ ทั้งหมดที่เขียนไว้ในวัตถุประสงค์การเรียนครับ

Formative Examination เป็นการประเมินขณะเรียน ไม่คิดคะแนน ในชั้นปี ๓ และ ๔ เวลาผ่านไปแต่ละ block ทุกๆ session ของการราวด์ bedside teaching, group teching, team teaching etc หลังจากแยกย้ายจากนัเรียน อาจารย์จะมานั่งกรอกแบบฟอร์มประเมิน performance ของนักเรียนเป็นรายบุคคล บางทีก็หลังจากหมด ck หรือ หมดชุดก็ประเมินภาพรวมอีกที ขณะที่นักศึกษาอาจจะไม่ได้ appreciate ว่าถูกประเมิน จริงๆแล้วมี record การประเมินงอกงามออกมาใน portfolio อยู่ตลอดเวลา



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-08 , Time : 21:58:10 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 15


   ถ้าประเมินแล้ว
ทำไมผมถึงไม่ "ตก" ล่ะครับ
(จากการประเมินตัวเอง)


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-11 , Time : 15:44:29 , From IP : dial-5.ras-2.ska.s.c

ความคิดเห็นที่ : 16


   คุณ ArLim สามารถยื่นคำร้องขอตกได้กระมังครับ บอกว่าขอสละสิทธิ์เลื่อนชั้น และลงทะเบียนวิชาเดิมซ้ำ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-11 , Time : 18:22:17 , From IP : 172.29.3.198

ความคิดเห็นที่ : 17


   ง่า...ุคุณ Phoenix ... ผมไม่อยากเสีัยเวลาหรอกครับ
ขอเร่งมือสุดชีวิตเอาตอนนี้ดีกว่า คงยังไม่สายเกินไป
ว่าแล้วก็ไปนอนดีกว่า...zZzZ


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-12 , Time : 14:55:06 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 18


   บางทีผมก็รู้สึกอยากยื่นคำร้องขอซ้ำชั้นเหมือนกันนะ แต่ว่าพอคิดว่าจะไม่ได้เรียนพร้อมกับเพื่อนที่เข้ามาเรียนพร้อมกันของเรา ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ



Posted by : 1234 , Date : 2003-08-13 , Time : 11:30:03 , From IP : 172.29.2.121

ความคิดเห็นที่ : 19


   อ้อ อีกอย่างก็คือ อาจารย์ท่านไม่ยอมให้นศ.ตกหรอกครับ

แม้จะขอตกเองก็ตามเหอะ


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-13 , Time : 17:26:54 , From IP : 172.29.2.164

ความคิดเห็นที่ : 20


   เคยมีคนลองแล้วหรือครับ? หรือว่าผิดกฏมหาวิทยาลัย? ถ้าอยากเรียนซ้ำจริงๆน่าจะมีวิธีอยู่นะครับ เช่นขอ drop ชั้นปัจจุบันปีหนึ่ง แล้วไป join รุ่นน้องสักปี ไม่ต้องสอบก็ได้เพราะคุณสอบผ่านแล้ว ยังไงๆเขาก็ต้องให้ผ่าน ขอ drop นี่น่าจะเป็นสิทธิ์ของนักศึกษษรึเปล่า? น่าจะเป็นนะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-13 , Time : 20:57:57 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 21


   อืม ยกเว้นของชั้นพรีคลินิกและคลินิกครับ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆเขาไม่ให้ drop ครับ คิดว่าคงมีปัญหาตามมาหลายอย่างถ้าให้ drop ไป

และที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นมีใคร drop เลยนะครับ ยกเว้นเพื่อนผมคนนึงเขาขอ drop ไปเรียนอย่างอื่นสักปีแต่อาจารย์ก็ไม่อนุญาต


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-14 , Time : 00:49:43 , From IP : netturbo5.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 22


   ขอค้านที่บอกว่า ถ้าไม่สามารถ รับผิดชอบสิ่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว +++ ตกก็คือตก retire ก็คือ retire +++ เพราะเกรดที่นี่ เวอร์มาก ทำได้บ้างนิดๆหน่อยๆก็ B แล้ว (แล้วก็ให้ C น้อยมาก ) ผมไม่ได้หมายถึงว่า ให้เกรดสูงๆแล้วไม่ดี
แต่มันแสดงว่า เกณฑ์การให้ผ่าน ต่ำ กว่าที่มันควรจะเป็น
นั่นหมายถึงว่า มีความรู้น้อย และได้ความรู้ไม่ครบวัตถุประสงค์ที่คณะตั้งไว้ ก็ยังให้ผ่านได้
เช่น ความรู้ที่จำเป็นต้องรู้ 100 หน่วย เรารู้สัก 50 หน่วย ก็ผ่านแล้ว ที่จริงทำคะแนนได้สักครึ่งหนึ่ง ก็น่าจะดีแล้ว แต่ไอ้ที่เราไม่รู้อีก 50 หน่วยนั้น คือเราไม่รู้เลยจริงๆ แล้วอย่างนี้จะมีความรู้พอที่จะไปดูแลคนไข้ได้อย่างไร



Posted by : ..... , Date : 2003-08-17 , Time : 04:15:33 , From IP : 203.113.37.8

ความคิดเห็นที่ : 23


   อืม...ขอโทษนะครับ ไม่แน่ใจว่าจะค้านประเด็นไหนแน่
๑) ประเดนที่ถ้าไม่สามารถรับผิดชอบ ก็ควรจะถูกประเมินไม่ผ่าน หรือ
๒) ประเด็นเกณฑ์การผ่านไม่ได้มาตรฐาน คือตัดเกรดง่ายไป

คือว่ามันเป็นคนละส่วนกันน่ะครับ ประเด็นที่หนึ่งที่คุณบอกว่าขอค้านนั้น เป็นหลักการที่ทุกมหาวิทยาลัย หรือทุกโรงเรียนเขาใช้กัน ไม่ใช่เฉพาะที่นี่ เพราะถ้าจะให้เปลี่ยนเป็นอนุญาตให้คนที่ไม่ควรผ่าน ผ่านหมด ผมยังมองไม่เห็นว่าจะดีขึ้นอย่างไร

ในส่วนที่อยากจะให้ที่นี่ตัดเกรดให้โหดขึ้น น่าจะลองเสนอตอน feedback curriculum (ซึ่งผมเข้าใจว่าเขามีตอนสิ้นสุดปีการศึกษาหรือยังไงราวๆนี้น่ะครับ)

ความรู้ที่เราเรียนกับที่การแพทย์จริงๆมีนั้นน้อยกว่า 50% เยอะครับ ผมว่าอาจจะแค่ 10% ด้วยซ้ำ เขาถึงไปเน้นที่ process การสามารถค้นคว้ามากขึ้น ถ้าน้องจบไปเจอสิ่งที่ไม่เคยเรียนจะได้ไม่ตกใจ และรู้ว่าควร approach อย่างไร การศึกษษหลังจบแพทย์นั้นมีไม่สิ้นสุดเลยนะครับ ความรู้มันงอกงามรวดเร็วกว่าที่เราคิดหรือจินตนาการหลายเท่า

ที่น้องว่ามานั้นมีส่วนถูกคือ ความสำเร็จในระบบใหม่นี้เพิ่มภาระในการเรียนแก่นักศึกษามากขึ้น นักเรียนมีบทบาทในส่วน active learning มากขึ้น การสอน comprehensive รวมหลายสถาบันที่ผ่านมา (รู้สึกจะสามครั้งแล้วนะครับ) ให้ผลว่านักเรียนระบบใหม่กลับทำคะแนนสูงกว่าระบบเก่านิดหน่อยด้วยซ้ำ อันนี้ถึงแม้เราสรุปยังไม่ได้ แต่รุ่นพี่น้องก็ทำให้ค่อนข้าง promising พอสมควร




Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-17 , Time : 09:08:57 , From IP : 172.29.3.211

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.049 seconds. <<<<<