ความคิดเห็นทั้งหมด : 13

รู้สึกอย่างไรกับคนไทยบางคนที่ชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ


   ผมอ่านกระทู้หลายกระทู้แล้ว เห็นบางคนชอบเขียนภาษาไทยปนอังกฤษ ดูมีภูมิดีนะครับ แล้วคุณล่ะรู้สึกอย่างไรกับคนไทยบางคนที่ชอบพูด (เขียน)ไทยคำอังกฤษคำ ทั้งๆที่เป็นคำที่ไม่ต้องทับศัพท์ก็ได้และไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทาง ทำไมไม่ไทยก็ไทย ไม่อังกฤษก็อังกฤษไปเลยล่ะ หรือเอาดีไม่ได้ทั้งสองภาษา บางคนก็แปลกไปเมืองนอกมาไม่กี่เดือน กลับมาพูดภาษาไทยไม่เป็นแล้ว เราอยู่บนแผ่นดินไทย มีของดีให้อนุรักษ์ ทำไมไม่ช่วยกันล่ะ ผมเองก็ใช่ว่าจะเก่งนะแต่ก็พยายามที่จะใช้คำให้ถูกต้อง

Posted by : คนไทยรึเปล่า , Date : 2003-08-04 , Time : 20:08:39 , From IP : 172.29.1.190

ความคิดเห็นที่ : 1


   ......ผมว่านั่นเป็นสิทธิส่วนบุคคลนะครับ....เหมือนกับสิทธิที่คุณอยากจะเขียนหรือพูดอะไรก็ได้.....ผมพอจะแนะนำคุณได้อย่างนึงว่า...ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปสนใจสิครับ...อย่าไปอ่าน....อย่าไปเหลือบแล...."แหวะไอ้บ้านี่เขียนอีกแล้ว...อย่าอ่านดีกว่า"..ผมไม่เห็นมีใครในนี่ที่เขียนข้อความแล้วอยากให้คุณปลื้มไปกับข้อความที่เขียนตรงไหนเช่น..."เห็นไหมครับ...ผมเขียนไทยปนอังกฤษก็ได้....เท่ไหม?"...ไม่มีข้อความลักษณะเช่นนี้สักนิด.....แล้วคุณจะมานั่งเป็นเดือดเป็นร้อนทำไมเหรอครับ....ถ้าคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่แย่.....จะมาทำให้การอนุรักษ์ไทยต้องเสื่อมเสียแล้ว.....ทำไมไม่ไปยืนเรื่องที่กระทรวงศึกษาให้ถอดวิชาภาษาอังกฤษออกจากการสอนเด็กนักเรียนหละ?......:D...:D.....ดีไหมๆ...:D...:D

"อย่าใช้อคติส่วนตนเข้ามาตัดสินสิ่งที่คนอื่นเป็น....เพราะเราไม่มีสิทธิเช่นนั้นครับ"



Posted by : Death , Date : 2003-08-04 , Time : 20:26:20 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 2


   ฉันนั้นเห็นด้วยทุกประการกับนาย Death ว่าเราไม่ชอบอะไรก็อย่าไปอ่านมัน เราจะสร้างความหงุดหงิดให้อารมณ์ของเราไปทำไม มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ทำ


Posted by : ซาดาโกะ , Date : 2003-08-04 , Time : 22:47:25 , From IP : 172.29.3.169

ความคิดเห็นที่ : 3


   ประการที่หนึ่งการพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษไม่ได้เกี่ยวกับ "มีภูมิ" อะไรเลย

ประการที่สองนิยามของ "อนุรักษ์" นั้นคงจะมีหลากหลาย แต่ผมว่าวัฒนธรรมของไทยนั้นลึกซึ้งมากกว่าเปลือกหรือกระพี้ วัฒนธรรมของเรานั้นมีรากฐานบูรณาการไปกับศาสนาพุทธ ที่เห็นได้ชัดคือความสามารถในการ "อยู่ร่วม" กับศาสนาใดๆโดยไม่มีปัญหาก็ได้เป็นข้อเด่นที่สุดอย่างหนึ่ง ปรัชญาการทำจิตใจให้ "พ้นทุกข์" นั้นสำคัญมาก โรค "ขี้เบื่อ หรือ โรคขี้หมั่นไส้" นั้นหา remedy จากผู้อื่นมารักษายากครับ บางทีไม่เพียงแต่จะเป็นคนเดียวยังมีความพยายามชักชวนหาแนวร่วมซะอีกด้วย

ประการที่สามการเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน "ต้องใช้ภาษาอังกฤษ" อย่างแน่นอน เคยมีคนบัญญัติศัพท์ aorta ว่า "มหาวารีรัตน" infra-hepatic vena cava ว่า "มหานทีใต้ตับ" แต่คงไม่มีศัลยแพทย์ท่านไหนขอ arterial clamp มาเพื่อ clamp มหานทีใต้ตับขณะกำลัง bleed อยู่ คงจะงงกันทั้งโต๊ะผ่าตัด ภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีความสำคัญต่อการศึกษาต่อเนื่องของแพทย์อย่างมาก เพื่อที่แพทย์สามารถที่จะศึกษาและพัฒนาตนเองในการหาวิธีที่ดีที่สุดมารักษาคนไข้ การอ่านหนังสือหรือวารสารภาษาไทยอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน หรือในการ round ward (กิจกรรมที่อาจารย์แพทย์สอนข้างเตียงแก่นักศึกษาแพทย์...ขยายความเพฃผื่อผู้โพสต์ไม่ได้เป็นนักศึกษาแพทย์) นั้นรับประกันได้ว่าจะเป็นการผสมผสานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ภาษากรีก ลาติน ฝรั่งเศสทีเดียว เราทำกันมาอย่างนี้เป็นธรรมชาติมาเป็นร้อยปีแล้วครับ

ประการที่สี่การสื่อสารนั้นเน้นที่ความเข้าใจครับ ระหว่าง speaker and audience ถ้าเข้าใจก็เป็นการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ ถ้าสื่อแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รู้คำศัพท์เพิ่มยิ่งมีประโยชน์

ประการที่ห้า คำถามที่ว่า "คนไทยรึเปล่า" นั้น น่าสนใจครับ ผมอยากจะทราบนิยามของคนไทย ที่มีความภาคภูมิใจความเป็นคนไทย และเอื้อประโยชน์หรือทำงานเพื่อชาติไทยในความหมายของเจ้าของกระทู้อยู่เหมือนกัน

ประการที่หก constructive criticism is in demand and as much as never before. Really........sigh



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-04 , Time : 23:07:36 , From IP : 172.29.3.199

ความคิดเห็นที่ : 4


   รู้สึกอย่างไรกับคนไทยบางคนที่ชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ

รู้สึกว่า...

เรานี่นาที่เค้าพูดถึง.. เพราะทั้งพูดทั้งเขียนก็จะผสม2ภาษามั่วมากเลย
รู้สึกอยากให้คนแบบคุณเข้าใจคนแบบนี้คับ

จริงๆไม่ได้อยากใช้2ภาษาปนกันคับ..
แต่บางทีมันนึกไม่ออกจริงๆ (โดยเฉพาะเวลาโกรธ.. อิอิ)
ไม่เกี่ยวกะอวดภูมิเลยคับ
แล้ว(อาจจะสำหรับตัวกมคนเดียวก็ได้) มันไม่เกี่ยวกับการเรียนหมอด้วย
ภาษาไทยที่ยาก+แปลกขนาดที่อ.นกไฟยกตัวอย่างมา
(เค้าบัญญัติอย่างนั้นจริงๆหรอคับ)
คงจะไม่มีใครใช้อยู่แล้ว ออกจะเป็นตัวอย่างที่extremeไปนะคับ
(Oops i did it again! อิอิ)

ตัวกมว่าการใช้2ภาษาปนกัน
กับการอนุรักษ์ภาษาไทยไม่เห็นเกี่ยวกันเลย

แล้วจริงๆคุณรู้สึกไงหรอคับ..หมั่นไส้ ตลก โกรธ
ไม่แน่ใจว่าคุณบอกแล้วยังว่ารู้สึกยังไง
^_^


Posted by : ตัวกมๆเป็นคนไทยคับ , Date : 2003-08-05 , Time : 00:22:29 , From IP : 203.113.76.13

ความคิดเห็นที่ : 5


   ไม่คิดหรือ ว่า เขากำลังหัดอยู่ก็ได้ คนที่จะประสบความสำเร็จก็ ต้องเริ่มจากจุดเล็ก ๆ หรือ ล้มบ่อยๆ

ใช่ ๆ แล้วคำว่าไทยของคุณ คืออันหยัง ครับ
ถามจริง เหะ แค่ไหว้ กับกราบเบญจางคประดิษฐิ์ ยังทำผิดทำถูกเลย

อยากช่วยไทยเหรอ รักษ์สิ่งแวดล้อมสิ
ประหยัดนำ ไฟ อย่าให้โล ต...ส ครองเมือง อย่าให้ ท่.....ก๊า...
มาลงสุ่ม 4-5 มัวนิ่งเฉยจน เปียก Buttom อยู่ได้
.....นี่ไงครับ ....เห็นข้อดีของภาษาอังกฤษ คำ ไทยคำหรือยัง....
.....


Posted by : uud , Date : 2003-08-05 , Time : 05:20:46 , From IP : 172.29.3.127

ความคิดเห็นที่ : 6


   ทำไมต้องแยกกันด้วยอังกฤษกะไทย เราก็คนเหมือนกันนะครับถ้าคนหนึ่งพูดภาษาแมวแต่อีกคนพูดภาษาคนนี่ค่อยมาว่ากัน

Posted by : I WILL GO PATTAYA , Date : 2003-08-05 , Time : 14:00:21 , From IP : proxy6.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมคิดว่าเราควรจะอนุรักษ์ภาษาไทยของเรานะครับเพื่อภาษาไทยจะได้ดำรงอยู่และอยู่คู่กับชาวไทยเราสืบต่อไป หามิฉะนั้นก็คงจะอิหลักอิเหลื่อพิลึกกึกกือกระมังครับ การเรียนแพทย์ก็เช่นกันคงต้องอนุรักษ์ภาษาไทยไว้ เหมือนเมื่อเพลาเช้านี้ผมได้ไปเดินกลมดูคนไข้ และพบว่าผู้ป่วยคนหนึ่งดัชนีเม็ดโลหิตแดงผนึกแน่นมีค่า ร้อยละ 20 สงสัยว่าจะมีพยาธิสรีรวิทยาอย่างไร ภาพรังสีทรวงอกพบว่าที่บริเวณขั้วปอด ใกล้กับมหารัตนวารี มีก้อนต่อมน้ำเหลืองขนาดใหญ่ ได้สอบถามท่านผู้รู้ทางรังสีวิทยาบอกว่าหลอดเลือดมหาวารีใต้ตับก็มีความผิดปกติ ขณะเดียวกันผู้ป่วยไอออกเลือด ฟังเสียงปอดได้ยินเสียงเปรียะ และเสียงหวีดหวือ ที่บริเวณชายปอด คงจะมีวารีท่วมอุทกร่วมด้วย ดังนั้นแพทย์ผู้ร่วมกลมได้สั่งยาขับปัสสาวะให้
เรามาร่วมอนุรักษ์กันดีกว่านะครับ


Posted by : รรรรร , Date : 2003-08-05 , Time : 23:13:49 , From IP : 203.113.76.10

ความคิดเห็นที่ : 8


   ข้าน้อยขอมองต่างมุมในข้อนี้ สำนักกระยาจกมีวิชาไม้เท้าตีสุนัขอันเรื่องลือฝากไว้ในยุทธจักร แต่ยามนี้พรรคมารมีอำนาจเหนือยุทธภพ วิชาคัมภีร์ทานตะวันคือสุดยอดแห่งวิชาในกาลนี้ ชาวยุทธใดสามารถบรรลุวิชานี้นับเป็นสุดยอดจอมยุทธ ศิษย์พรรคกระยาจกต่างรู้ดีในความจริงข้อนี้ ต่างคนก็หาวิถีทางที่จะได้ล่ำเรียนวิชา บางคนลงทุนเล้นกายสู่พรรคมาร บางคนได้รับการถ่ายทอดมาหลายสำนัก วิชาที่ได้มาแสดงได้บางท่า ชาวยุทธก็ยำเกรง รู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่แล้วบางคนกลับไม่สามารถนำพลังในคำภีร์ทานตะวันมาใช้ได้จริงดังศิษย์พรรคมาร ถึงคราวต้องต่อสู้กันก็เป็นฝ่ายปราชัยมิเป็นท่า ข้าพเจ้ากลับยกย่องผู้กระยาจกที่สามารถแสดงแสดงวิชาไม่เท้าตีสุนัขได้อย่างงดงามและพวกที่เรียนรู้พลังในคัมภีร์ทานตะวันอย่างถ่องแท้มากกว่า ผู้ใดสามารถใช้วิชาทั้งสองได้ยิ่งน่ายกย่อง ในบางโอกาสหากคับขันการที่ศิษย์พรรคกระยาจกอาจใช้กระบวนท่าพิศดารในคัมภีร์ทานตะวันผสมผสานบ้างก็มิอาจดูถูก ก็แต่มิใช่วิชาปนเปไปหมดไม้ตีสุนัขก็มิใช่ ทานตะวันก็ไม่เชิง กลายเป็นวิชาทานสุนัขไป (afraid เหลือเกิน)
หากคำกล่าวขอข้าน้อยกระทบชาวยุทธท่านใด ข้าน้อยต้องขออภัย ข้าน้อยขอตัวก่อน "พลังฝ่าเท้าเหยียบเมฆา!!!!!"


Posted by : ฮวยบ่อข่วย , Date : 2003-08-06 , Time : 02:51:43 , From IP : 172.29.3.198

ความคิดเห็นที่ : 9


   การอนุรักษ์ภาษาไทยกับความจำเป็นในการใช้คำภาษาอังกฤษมันต่างกันนะครับ
หรือว่าจะหมายถึงคนที่ตั้งใจกระแดะ(ขอโทษที่ใช้คำนี้นะครับ)พูดอังกฤษเพื่อจะแสดงว่าตัวเองได้ไปเมืองนอกเมืองนามา แล้วเกิดกระแสนิยมตามๆกันจนกลายเป็นว่าเกิดคำเพี้ยนคำใหม่ๆขึ้นในภาษาไทย
ผมว่าการเกิดคำขึ้นใหม่ในภาษาไทย ไม่มีอันตรายหรอกครับ เพราะภาษามันยังไม่ตาย เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ
แต่ก็น่าห่วงเรื่องของการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องนะครับ เพราะถึงแม้จะไม่ไทยคำอังกฤษคำก็เถอะ การใช้คำของภาษาไทยให้ถูกความหมาย ถูกหลักภาษา การตีความ อะไรหลายๆอย่างพวกนี้ ผมว่าน่าจะได้รับการส่งเสริมมากกว่านะครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-07 , Time : 04:59:49 , From IP : dial-57.ras-2.ska.s.

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมว่าใครจะใช้ภาษาไทยปนอังกฤษอะไรก็ได้

แต่ผมอยากขอความเมตตาแปลบางคำหรือบางจุดด้วยจะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ศัพท์ได้เป็นอย่างยิ่งครับ ขอบคุณล่วงหน้า


Posted by : 123 , Date : 2003-08-08 , Time : 11:32:27 , From IP : 172.29.2.114

ความคิดเห็นที่ : 11


   ผ่านมาเสนอแนวคิดเล่นๆนะครับ
1. จากการที่ผู้ตั้งกระทู้ มีจุดเริ่มของความคิดจาก ความรู้สึก ว่าใช้ 2 พาสามันมีภูมิ ตรงนี้ขอบอกว่า ข้าพเจ้า ก็คิดเช่นนั้น มิต่างกัน
ซึ่งพอจะบ่งบอกว่า คนส่วนใหญ่(N = คนไทย only)จะมีแนวโน้มที่จะคิดว่า ถ้าใช้ 2 พาสา จะฟังแล้วมีภูมิ (ขออภัยที่ไม่มีการวิจัยรับรอง ค่าความน่าเชื่อถือลดลง เจ็บใจนัก)
จากตรงนี้ ผมเพียงอยากแสดงให้เห็นว่า จริงแล้วๆ เรื่องการใช้ 2 พาสา or มากกว่านั้น ปัญหาหลักอยู่ที่วิถีการคิด การตัดสินใจ ของคนไทยเสียมากกว่า เพราะแสดงให้เห็นว่า คนไทยมีแนวโน้มจะ "เชื่อ" ในสิ่งที่ input โดยใช้สิ่งเหล่านี้คือ เชื่อเพราะว่าเป็นครู, เชื่อเพราะเหมือนที่เราเชื่อ เชื่อเพราะผู้พูด พูด 2 พาสา(อันนี้ อาจไม่ถึงขั้นเชื่อครับ แค่ฟังแลัวมีภูมิ แต่ก็ครือๆกัน) และอื่นq สุดที่ผมจะยกตัวอย่างได้ไหว จุดสำคัญอยู่ที่เราละเลยการเชื่อตามหลัก กาลามสูตรต่างหาก (ไม่ได้เหมาว่าเป็น "ทุกคน" หรอกนะครับ ต้องมีคนที่ใช้หลักกาลามสูตรอยู่บ้างสิน่า)
สรุป ข้าพเจ้าคิดว่าในเรื่องการใช้ 2 พาสา (จงใจไม่เขียนว่า ภาษา )ไม่ได้เกี่ยวกับการ conservative ความเป็นไทย แต่มันเกี่ยวพันลึกซึ่งกับ แนวคิด ความเชื่อ (และอะไรที่มีความหมายทำนองนี้ ข้าพเจ้ายอมรับว่า ตนเองเป็นผู้อัตคัตคำศัพท์และความรู้ ไม่สามารถคิดหาคำที่ตรงกับความต้องการจะสื่อได้ ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย)
ยกตัวอย่าง เรื่องการใช้มือถือ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เป็นความสำเร็จอย่างงดงาม ของบริษัทการค้ามือถือที่สามารถก่อเกิดกระแสการตอบรับของผู้บริโภคได้มากขนาดนี้ เพราะอะไร??????
ถ้าเหตุผลหลักในการเลือกซื้อมือถือ คือมีความเชื่อว่า เท่ห์ in trend ไม่มีคือเชย อะไรประมาณนี้ โดยเหตุผลการใช้งานเป็นเรื่องรองแล้วละก็ มันก้พอจะตอบอะไรได้หลายอย่างแล้ว จริงไหมครับ
ข้อความส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกระทู้ครับคือ อยากให้นกไฟอมตะ ได้มาอ่านและหากมีข้อเสนอแนะ จะขอบพระคุณอย่างสูงครับ จากคนที่ชื่นชม และเสพความคิดของท่านนกไฟ



Posted by : คนที่เดินผ่าน , Date : 2003-08-09 , Time : 15:22:29 , From IP : 172.29.2.140

ความคิดเห็นที่ : 12


   The beauty of Thai language

ภาษาไทยมีลักษณะความเป็น unique หลายประการ เป็นหนึ่งในไม่กี่ภาษาในโลกที่คำจะเปลี่ยนความหมายเหมือนเปลี่ยน pitch of voice หรือวรรณยุกต์นั่นเอง และอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อพวก western หรือ Latin-based จะทำความเข้าใจและใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง ภาษาอื่นที่มีลักษณะนี้ก็มีภาษาเวียดนามเป็นต้น (มีครบวรรณยุกต์ห้าระดับบวกเสียงขึ้นจมูกอีกหนึ่งเสียงที่เราไม่มี พวก "เหวงียน" sound นั่นเอง)

Latin-based นั้นสามารถผลิกผัน pitch ของคำได้โดยไม่เปลี่ยนความหมาย (สักเท่าไหร่) แต่เปลี่ยนที่การเน้นหรืออารมณ์ (ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเน้นเสียงและปล่อยลมพร้อมๆกับคำว่า You ดีๆ คุณสามารถหมายถึง "คุณไอ้ลูกโสเภณี" ได้) ประโยชน์อย่างหนึ่งของภาษาไทยในเรื่องนี้คือเราพบปรากฏการณ์ของภาวะ Tune deaf ได้น้อยมาก ขณะที่ฝรั่งหลายคนไม่สามารถแยกความแตกต่างของ pitch และ tone side-effect คือพวกนี้จะร้องเพลงได้แย่มากหรือเสียงหลงไปคนละทางสองทางอย่างสิ้นเชิง ดังที่คนให้พรรณนาของวรรณยุกต์ในภาษาไทยว่าคือ "เสียงดนตรี" นั้นถูกต้องอย่างยิ่ง

ผลต่อมาก็คือเพลงไทยเดิมนั้นจะประพันธ์ได้ค่อนข้างยาก เพราะถ้าใส่ทำนองไม่ดีแล้ว force เสียงให้ผิดวรรณยุกต์เพื่อตรงกับทำนองก็จะไม่ได้ทีเดียว (ยุคนี้รู้สึกจะไม่ค่อย care เท่าไหร่แล้ว ดูจากอัตราความ "วิบัติ" ของภาษาในด้านการใช้ทั้งอ่าน พูด เขียน) พูดในฐานะนายวงมโหรีบางกอกน้อย เคยเห็นครูละเมียดใช้เวลาหลายวันกว่าจะปรับ "ลิ้นนักร้อง" ประจำวงให้ออกเสียงถูก "สิ้น" จะได้ไม่กลายเป็น "ซิ้น" "เอ๋ย" จะได้ไม่กลายเป็น "เอ๊ย"

อีกประการนึงของภาษาไทยคือเรามี "คำ" เยอะมากที่จะใช้ ลองนึกแค่สรรพนามบุรุษที่หนึ่งสอง แล้วลองนึกของภาษาอังกฤษดู ผลสุดท้ายนั่นคือเอกลักษณ์ของฉันทลักษณ์ไทยที่เต็มไปด้วยกฏสัมผัสมากมายหลายรูปแบบแต่เราก็สามารถผูกคำตามกฏนั้นๆออกเป็นเรื่องเป็นราวได้ตามต้องการ ขณะที่ poem ของตะวันตกจะมี "ความจำกัด" ของสัมผัสบังคับ มิฉะนั้นแล้วคงจะแต่งได้ยากเข็ญทีเดียว

กระนั้นภาษาอังกฤษนั้นก็มีทีเด็ดและ Beauty ของเธออยู่ นั่นคือเป็นภาษาที่มี "Dimension" or "Depth" ของคำอย่างมาก คำๆหนึ่งมีมิติในด้านลึกจนกระทั่งหากเราจะแปลเป็นไทย บางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้งย่อหน้าจึงจะตรงกับความหมายดั้งเดิมของคำๆเดียว เช่น conviction, passion, compassion, empathy, elaboration, scrutinize, etc, etc และยังถูก "blended and mixed" ไปกับคำข้างเคียงหรือบริบทไปได้อย่างสุดพิสัย Poem อังกฤษอาจจะไม่มีคำมากมายหรือยาวมากแต่ถ้าใช้ภาษาอย่างรัดกุมแล้วจะมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก ไม่รู้จะเปรียบอย่างไรอาจจะต้องเปรียบกับ ""ไฮกุ" กระมัง

สุดท้ายคือภาษานั้นจุดมุ่งหมายเดิมสุดคือ "สื่อ" แต่ในระดับสูงขึ้นมาสำหรับ specific receptor ก็คือ "สุนทรีย์ "จินตนาการ" และ "แรงบันดาลใจ" ภาษาเป็นมรดกสำคัญของมนุษยชาติที่เราไม่บังควรจะใช้เป็นสิ่งกีดขวางความเจริญของจิตใจมนุษย์ ตรงกันข้าม เรียนและรู้คำมากขึ้น เราจะมีใจกว้างมากขึ้น เกลียดน้อยลง และ peaceful mind



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-09 , Time : 19:58:04 , From IP : 172.29.3.197

ความคิดเห็นที่ : 13


   ผมว่าคำไทยก็มี มิติ และ ความหมาย ที่ลึกไม่แพ้คำศัพท์อังกฤษเลยนะครับ
แต่พอดีว่าเราเรียนคำแปลของคำศัพท์มากกว่าความหมายเองไม่ใช่เหรอครับ

ครูเดี๋ยวนี้ก็ยังสอนคำแปลของคำภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนอยู่ดี


Posted by : ArLim , Date : 2003-08-12 , Time : 15:09:59 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.043 seconds. <<<<<