ต้านแปรรูป กฟผ.บทความ ต้านแปรรูป กฟผ. ใครทำลายสมบัติชาติกันแน่? โดย รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ เจ้าของบทความเรื่อง "การต่อสู้ทางชนชั้นในสังคมไทย" ได้ผลิตผลงานใหม่ล่าสุดลงพิมพ์ใน นสพ. กรุงเทพธุรกิจ วันนี้เอง ( 27 เมษายน 2549) เกี่ยวกับการแปรรูป กฟผ. คลิกไฟล์ pdf ได้ที่นี่ http://www.geocities.com/prapant.geo/electricity.pdf ขอบคุณครับอาจารย์ ผมยังติดตามงานของอาจารย์อยู่ตลอดเวลา -------------------------------------- ต้านแปรรูป กฟผ. ใครทำลายสมบัติชาติกันแน่? มองมุมใหม่ : รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พลันที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้พระราชกฤษฎีกาแปลงสภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เป็นบริษัทมหาชน ว่า "มิชอบด้วยกฎหมาย" กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์ก็ไชโยโห่ร้อง เปล่งเสียง "ชัยชนะ" กันอย่างกึกก้องว่า พวกตน "ปกป้องสมบัติชาติ" ไว้ได้ในที่สุด พวกเขาคัดค้านการแปลงสภาพ กฟผ. โดยอ้างว่า กิจการสาธารณูปโภคจะต้องอยู่ในมือของรัฐเท่านั้น การแปลงสภาพ กฟผ. จะมีผลให้เอกชนเข้ามาผูกขาดกิจการไฟฟ้าของประเทศ ทำให้ไฟฟ้ามีราคาแพงเพราะต้องบวกกำไรของเอกชน และที่เลวร้ายกว่านั้น คือ ทุนต่างชาติอาจเข้ามายึดครอง กฟผ.ทำให้ "ทรัพย์สินของชาติ" จำนวนมหาศาลตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ นัยหนึ่ง กฟผ.คือ "ชาติ" และการแปลงสภาพ กฟผ. ก็คือ "ขายชาติ" แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการบิดเบือนข้อมูล ปลุกปั่นอารมณ์คลั่งชาติและเกลียดกลัวต่างชาติอย่างไร้เหตุผลโดยกลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์เท่านั้น โดยไม่สนใจผลกระทบทางลบที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศและกิจการไฟฟ้าโดยรวมในระยะยาว ข้อเท็จจริงคือ ปัจจุบัน กฟผ. ไม่ใช่ผู้ผลิตไฟฟ้าเพียงรายเดียวให้กับประเทศไทย แต่มีผู้ผลิตเอกชนร่วมด้วย เพราะที่ผ่านมา เศรษฐกิจและความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น กฟผ.ไม่มีเงินทุนที่จะขยายการผลิตไฟฟ้าให้ทัน จึงต้องมีโครงการให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเข้ามาลงทุนตั้งโรงไฟฟ้า แล้วป้อนไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของ กฟผ. ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 24,000 เมกะวัตต์ เป็นของ กฟผ. 15,000 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 63 เป็นของโรงไฟฟ้าเอกชน 9,000 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 37 แต่ในการผลิตไฟฟ้าจริงคิดเป็นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี กฟผ. ผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้เพียงร้อยละ 47 ในขณะที่ผู้ผลิตเอกชนผลิตได้ร้อยละ 50 อีกร้อยละ 3 เป็นการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ฉะนั้น ครึ่งหนึ่งของปริมาณไฟฟ้าที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ จึงเป็นไฟฟ้าที่ผลิตโดยเอกชน และค่าไฟฟ้าทุกวันนี้ก็ได้รวมกำไรและดอกเบี้ยของผู้ผลิตเอกชนไว้ด้วยถึงแม้จะยังไม่มีการแปรรูป กฟผ.เลยก็ตาม ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ เนื่องจาก กฟผ.ยังคงผูกขาดรับซื้อไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียวจากเอกชน ไปขายต่อให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำให้ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนจ่ายทุกวันนี้ต้องรวมกำไรผูกขาดค้าส่งของกฟผ.เข้าไปอีกทอดหนึ่งด้วย สถานะทางการเงินของ กฟผ. เห็นได้จากทรัพย์สินซึ่งมีทั้งสิ้น 400,000 ล้านบาท หนี้สิน 240,000 ล้านบาท มีภาระจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยสูงถึงปีละ 40,000-50,000 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรปีละ 20,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อทรัพย์สินเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น กฟผ.ยังโอบอุ้มพนักงานเอาไว้มากถึง 30,000 คนทั่วประเทศ มีค่าใช้จ่ายบริหารทั่วไปสูงถึงประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี รวมเงินเดือน โบนัส สิทธิประโยชน์ต่างๆ ค่าตอบแทนผู้บริหาร และค่าบริหารสำนักงานอื่นๆ คิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 330,000 บาทต่อพนักงานหนึ่งคนต่อปี ข้อสำคัญคือ หนี้สินของ กฟผ.ปัจจุบันจำนวน 240,000 ล้านบาท เป็นหนี้สินที่รัฐบาลแบกภาระค้ำประกันอยู่ และถูกรวมไว้ในยอดหนี้สาธารณะของรัฐบาลไทยที่เจ้าหนี้และนักลงทุนต่างชาติใช้คำนวณเพื่อประเมินความเข้มแข็งทางการคลังของรัฐบาลไทยด้วย ข้อสังเกตคือ ปัจจุบัน มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรวม 63 โครงการ เป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 300,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับประหยัดเงินลงทุนและหนี้สินของ กฟผ.และลดยอดหนี้สาธารณะที่ค้ำประกันโดยรัฐบาลไปได้ในจำนวนเดียวกัน ถ้าไม่มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเหล่านี้ กฟผ.ก็จะมีหนี้สินสูงถึง 540,000 ล้านบาท มากกว่าทรัพย์สิน เท่ากับว่า กฟผ.จะอยู่ในสภาพล้มละลาย ปัญหาขณะนี้คือ ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประมาณว่า ประเทศไทยจะต้องมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอย่างน้อย 30,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2554 คือ เพิ่มจากปัจจุบันอีก 6,000 เมกะวัตต์ เท่ากับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 6-10 โรง เป็นเงินลงทุนอีก 200,000 ล้านบาท ถ้าจะให้ กฟผ.ขยายตัวรองรับความต้องการส่วนนี้ กฟผ.ต้องมีแหล่งเงินทุนใหม่ที่ไม่ใช่เงินกู้ค้ำประกันโดยรัฐบาล และนี่คือสาเหตุที่ต้องแปลงสภาพ กฟผ.ให้เป็นบริษัทมหาชนแล้วนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 เพื่อให้ กฟผ.สามารถขายหุ้นเพิ่มทุน ระดมเงินจากประชาชนและกู้เงินจากสถาบันการเงินโดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน หาก บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) สามารถขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าได้เต็มจำนวนอีก 6,000 เมกะวัตต์ กฟผ.ก็จะยังคงมีส่วนแบ่งกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศมากที่สุดคือร้อยละ 70 ที่เหลือเป็นของเอกชน และเมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ใน กฟผ. ยังคงเป็นกระทรวงการคลัง ก็เท่ากับว่า กิจการไฟฟ้าของประเทศยังคงอยู่ในมือรัฐบาลนั่นเอง ฉะนั้น การต่อต้านการแปลงสภาพ กฟผ. ก็คือ การทำให้ กฟผ.เป็นต้นไม้แคระหรือบอนไซ ไม่สามารถเติบโตไปหาแหล่งเงินกู้มาขยายการผลิตไฟฟ้าได้ และถ้าไม่มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหม่เข้ามา ปัญหาที่คนไทยจะประสบในอนาคตอันใกล้คือ วิกฤตการณ์ขาดแคลนไฟฟ้า มีปัญหาไฟฟ้าดับในวงกว้างเป็นช่วงๆ ดังที่กำลังเกิดขึ้นในจีนและฟิลิปปินส์ปัจจุบัน หากฝ่ายต่อต้านโลกาภิวัตน์สามารถสกัดการแปลงสภาพ กฟผ. ได้ตลอดไป รัฐบาลก็จะถูกบีบให้หาทางออกที่ถูกต่อต้านน้อยที่สุดคือ ให้บริษัทเอกชนเข้ามาขยายการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 6,000 เมกะวัตต์ แทน กฟผ. ผลก็คือ กฟผ. จะลดความสำคัญลงในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าของประเทศ ในขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนจะมีส่วนแบ่งและบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสภาพเช่นนี้ แม้ว่า กฟผ.จะยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ แต่ก็แคระแกร็น ขณะที่กิจการไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศจะถูกแปรรูปเป็นของเอกชนเต็มรูปไปในที่สุด และค่อนข้างแน่นอนว่า เอกชนรายใหญ่ที่เข้ามาจะมีหุ้นส่วนเป็นทุนต่างชาติ ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยีและเงินทุนอีกด้วย ส่วนพวกที่อ้างตัวว่า "รัก กฟผ." "ปกป้องสมบัติชาติ" และกำลังได้ดิบได้ดีอยู่ทั้งในสภาและนอกสภาขณะนี้ ถึงวันนั้น ก็คือผู้ทำลาย กฟผ.และ "ทำลายสมบัติชาติ" นั่นเอง ที่มา : นสพ. กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 27 เมษายน 2549 เพิ่งอ่านเจอมีคนนำบทความนี้ไปเผยแพร่ในราชดำเนินแล้ว http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4319308/P4319308.html Posted by : ป4 , E-mail : (5555) , Date : 2006-04-27 , Time : 16:18:48 , From IP : ppp-124.120.146.83.r |
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาตอบแล้วให้ความกระจ่างในเรื่องของการแปลรูป นั้นเหละคะคือประเด็นที่อยากใด้ความกระจ่างที่ยังหลงประเด็นในเรื่องของการแปลรูปกฟผ.ว่าเป็นการขายชาติ จริงหรือไม่ แล้วประเทศ จะเป็นเหมือนอย่างที่ นิติภูมิ ได้กล่าวไว้ในซีดี อาเจนติน่า หรือไม่ แล้วเราซึ่งเป็นประชาชน จะสามารถตรวจสอบการแปรรูปให้อยู่ในความโปร่งใสได้อย่างไรต่อไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ประโยชน์สูงสุด ตกอยู่กับประชาชนและประเทศมากที่สุด เพราะเราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เราจำเป็นต้องแปรรูปไม่ช้าก็เร็วและไม่อยากให้คนที่ไม่เข้าใจหลงประเด็นตามสื่อในปัจจุบันที่ไม่ค่อยจะเป็นกลางมากเท่าไหร่ Posted by : ป4 , E-mail : (5555) , Date : 2006-04-27 , Time : 19:40:03 , From IP : ppp-124.120.146.83.r |
มีคนไปตามผมมาที่ เว็บบอร์ดนี้ และ นี่คือครั้งแรก ที่ได้มาเยี่ยมเยียน ++++++++++++++++++++++ ประเด็น กฟผ. กับการแปรรูป มีการกล่าวหาว่าแปรรูปเพื่อขายชาติ แต่ก็มีคำตอบที่ชัดเจน จากหลายๆแหล่ง ซึ่งเป็นการตอบที่หักล้างข้อกล่าวหา ได้ชัดเจน แต่ คำตอบเหล่านั้น กลับจางหาย และเป็นแค่เสียงแว่วๆ เสียงเหล่านั้น เลือนลาง และ บางเบา ด้วยถูกกลบด้วยเสียงอื้อ อึงอล ของกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ส่วนตัว ปลุกระดม ชักชวน หลอกลวงให้คนอื่นตะโกนตาม ด้วยความเมามัน แบบไม่รู้ที่มาที่ไป เพราะธรรมชาติิของคน ย่อมจะรู้สึกว่าตัวเอง - - เป็นฮีโร่ - - - เมื่อได้ทำอะไรที่ได้รับการตอบสนองว่าทำเพืื่อส่วนรวม เราจะเห็นได้จาก วัยรุ่นเกเรตามปากซอย พลันกระโดดตบหน้า หรือช่วยกันรุมประชาทัณฑ์ ผู้ร้ายสักคนที่ตำรวจกำลังทำแผนประทุษกรรม ความรู้สสึกสะใจ ว่าได้เป็นฮีโร่ เกิดขึ้นทันที ทั้งๆที่ เมื่อครู่ที่ผ่านมา เพิ่งผ่านการ อัพยา มาหมาดๆ คนที่ไม่ได้รับข่าวสาร ก็รู้สึกว่า น่าภาคภูมิใจ ที่ได้ข่าวว่า มีคนโกง และได้ร่วมมือกันประณามคนโกง ภูมิมจที่ได้มีส่วนร่วมช่วยด้วยในการประณามนั้น ฯลฯ ผมจะไม่ชี้แจงรายละเอียดในกรณี กฟผ. เพราะนักศึกษาที่นี่ เป็นนักศึกษาที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วจากสังคม ย่อมไม่อับจน ในการค้นหา ที่มาที่ไป ที่ถูกต้องแท้จริง เพียงแต่จะ มอง และ ขบคิด ว่า สิ่งที่ถูกต้อง อย่างไร เท่านั้น ผมจะขอติงเอาไว้ เพียง ให้เป็นข้อสังเกต ในการคิด สักเล็กๆน้อยๆ ว่า ในการกระทำงานใหญ่ ความบกพร่อง ผิดพลาด อาจเกิดได้ทุกจุด โดยเฉพาะ งานใหญ่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับส่วนงานอื่นๆ คนหมู่มาก และกฎหมายนับไม่ถ้วน อยากจะให้ พิจารณา ว่า ความผิดพลาดนั้น เป็นเพราะ ความตั้งใจที่จะให้ผิด หรือ โดยพลั้งเผลอ ไม่ตั้งใจ ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติ และประชาชน จะได้จาก การแปรรรูป ใช่หรือไม่ วันนี้ ต่างกับวันก่อน เมื่อ พ.ศ. 2518 ผมเคยเขียนบทความ ถึงความจำเป็นที่รัฐต้องควบคุมกิจการพลังงาน แบบเบ็ดเสสร็จ แต่วันนี้ วันที่มีการแข่งขันกันสูงระหว่างประเทศ ทั้งเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยน/ร่วมมือ ทั้งอุตสาหกรรรม พาณิชยกรรม ความคิดเดิมๆต้องเปลี่ยนไป เราจะปิดกั้นประเทศของเรา ให้จมปลัก เราจะปิดประตูบ้าน จนล้าหลัง และงมโข่ง เหมือนประทสเพื่อนบ้านเราบางประเทศ กระนั้นหรือ ? ที่จริง เรื่องนี้ มันมีนัยแอบแฝง เป็นการ ยื้อยุด ของกลุ่ม นักวิชาการและกลุ่มทุนล้าหลัง ซึ่งก้าวไม่ทันนักวิชากาารและกลุ่มทุน ที่ต้องการนำพาประเทศชาติ ก้าวไปให้ทันหรือนำหน้า ในโลกแห่งการแข่งขันที่เข้มข้น ผมขอให้นักศึกษา ย้อนกลับไปดู 5 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองเรา เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ราวกบพลิกหน้ามือเป้นหลลังมือ ไม่ว่าจะการศึกษา วิทยากาาร ดิจิตอล ระบบราชการ หน่วยงาน การรักษาพยาบาล และ โอกาส ที่ไม่เคยตกถึงมือ คนรากหญ้า คนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยากแค้นมาก่อนเลย นักศึกษาที่นี่ คงคุ้นเคย กับโครงการอาสาพัฒนา ฯ ลองเปรียบเทียบดูว่า คนเหล่านี้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ ได้รับการับรอง ในสิทธิ และ ค่า ของการเป็นคน คนหนึ่งในสังคม เมื่อออกไปต่างประเทศ ก็ยืดอกได้ เต้มภาคภูมิ ว่า เราคือ คนไทย มีศักดิ์ศรี ในเวทีโลก ขอเท่านี้ก่อนนะครับ (ผม --- ฅนคอน ) Posted by : มังกรดำ , E-mail : (-) , Date : 2006-04-27 , Time : 19:57:23 , From IP : ppp-58.8.169.95.revi |
ขอฝากให้คิด ----------------- คนที่ขาดจริยธรรม ขาดมโนธรรม ขาดศีลธรรม มักจะอ้างตัวบทกฏหมาย เพื่อความชอบธรรม Posted by : ขอเอี่ยว , Date : 2006-04-28 , Time : 09:37:54 , From IP : 172.29.1.144 |
ดร. แกบอกว่า.. "ข้อสังเกตคือ ปัจจุบัน มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรวม 63 โครงการ เป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 300,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับประหยัดเงินลงทุนและหนี้สินของ กฟผ.และลดยอดหนี้สาธารณะที่ค้ำประกันโดยรัฐบาลไปได้ ในจำนวนเดียวกัน ถ้าไม่มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเหล่านี้ กฟผ.ก็จะมีหนี้สินสูงถึง 540,000 ล้านบาท มากกว่าทรัพย์สิน เท่ากับว่า กฟผ.จะอยู่ในสภาพล้มละลาย" --- เพ้อเจ้อครับ.. แกเป็น ดร.ทางเศรษฐศาสตร์ แต่ทำไมเหมือนไม่มีความรู้พื้นฐานทางบัญชี เคยได้ยินไหมครับ ที่ว่า ------------> [ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน ] ถ้า กฟผ. ซึ่งมีสินทรัพย์ 4 แสนล้าน กู้เงินมาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าอีก 3 แสนล้าน คือมีหนี้สินเพิ่มขึ้น เงินลงทุน (หนี้สิน) ก็จะกลายมาเป็น "สินทรัพย์" เพิ่มขึ้นในอีกฝั่งหนึ่งด้วยเป็นสัดส่วนกัน ทำให้ กฟผ. มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านบาท แล้วหนี้สิน 5 แสนกว่าล้านจะมามากกว่าสินทรัพย์ (ที่ ดร. แกเรียกว่าทรัพย์สิน) ได้ยังไง ??? * สรุปว่า ดร. แกมั่วแล้วครับผม อย่าไปฟังแกมากเลย * Posted by : jerasak , E-mail : (no_thaksin@lycos.com) , Date : 2006-05-09 , Time : 15:20:05 , From IP : ppp-58.8.86.233.revi |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<< |