ความคิดเห็นทั้งหมด : 17

เมื่อไหร่ที่จะได้เป็น นศพ.ม.อ. ?


    หวัดดีค่ะ พี่ๆ นศพ. ม.อ.

ตอนนี้หนูกำลังขึ้น ม.4 อ่ะค่ะ หนูมีเรื่องที่จะมาปรึกษากับพี่ๆนิดหน่อยค่ะ หวังว่าพี่ๆคงให้คำปรึกษาหนูไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า

ตอนที่หนูกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 หนูกำลังกังวลใจกับเรื่องการสอบเข้า ม.4 ซึ่งจริงๆแล้วหนูอยากเรียนสายวิทย์ แต่หนูตั้งใจว่าจะสอบ สายศิลป์ ( อันนี้เป็นแค่ความตั้งใจน่ะค่ะ ) ที่ ญ.ว ถามว่าทำไมหนูไม่ไปสอบสายวิทย์ล่ะ ? โอกาสที่หนูจะติดที่มันมีน้อยมากอ่ะค่ะสำหรับคนที่มีสติปัญญาระดับหนู แต่ความิคดของหนูก็ต้องเปลี่ยนไป ซึ่งมีอยู่ครั้งนึง หนูกับเพื่อนคนนึงไปงานสัปดาห์วิทย์ ของ มอ. ไปห้องอาจารย์ใหญ่ ยืนดูอยู่พักนึง มีพี่ นศพ.คนนึงซึ่งกำลังเรียนอยู่ ปี.2 ถามหนูว่า " อยากจะจับมั๊ย ? " ( จับอาจารย์ใหญ่น่ะ ) หนูพยักหน้า แล้วพี่เค้าก็ถามต่อว่า " แล้วกล้าจับรึปล่าว ? " หนูก็พยักหน้าอีก ความรู้สึกตอนนั้นหนูไม่ได้รังเกียจ หรือกลัว ปรากฏว่าวันนั้นหนูก็เกิดความคิดที่อยาจจะเป็น " หมอ " หนูก็เลยตัดสินใจที่ะไปสอบ ม.ว ( มหา ) แต่พอใกล้สอบ พ่อกับแม่หนูเค้าอยากจะให้หนูไปลองข้อสอบที่ จุฬาภรณ์ สตูล ซึ่งสอบก่อน ม.ว หนูก็ต้องทำเพื่อความพึงพอใจของพ่อและแม่ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะติดที่นี่ หรืออยากเรียนที่นี่เลย ปรากฏว่าผลออกมาหนูสอบติด ลำดับที่ 31 ในจำนวนรับ 45 ก็ดีใจอ่ะค่ะ แล้วความตั้งใจที่หนูจะเป็นหมอก็เพิ่มมากขึ้น แล้วตอนนี้ก็กำลังปิดเทอมอยู่ หนูเริ่มอ่านหนังสือของ ม.4 รู้สึกว่ามันยากจังเลยอ่ะค่ะ แต่หนูจะพยายามอ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้หนูอ่านวันละ 6 ชั่วโมงอ่ะค่ะ หนูยอมรับน่ะค่ะว่าตอนนี้เครียดมาก หนูกลัวว่าหนูจะอ่านไม่ทันในตอนเอ็นท์ หนูก็เลยต้องฟิตหน่อย หนูถามตัวเองว่าทำไมถึงอยากเป็นหมอ หนูตอบไม่ได้ แต่หนูก็ได้บทความในเว็บหนึ่ง ซึ่งเขียนโดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข ซึ่งเอามาจากหนังสือที่คุณหมอคนนั้นเค้าเขียนชื่อหนังสือว่า 108 คนไข้ I.C.U. ซึ่งมีสารพัดแบบของคนใข้ หนูจึงรุ้แล้วล่ะ ว่าทำไมหนูถึงอยากเป็นหมอ.... แล้วหนูยังไม่กล้าที่จะบอกคนในครอบครัวของหนูว่าหนูจะเป็นหมอ เพราะว่าอะไรนั้นเหรอค่ะ? เพราะว่าหนูไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง ไม่มีแววที่จะเป็นหมอเลย และที่สำคัญ หนูตัวไม่ค่อยขาวเลย ผิดสีแทนค่ะ ( ข้อนี้หนูยอมว่ามันไร้สาระมาก ) ซึ่งหมอส่วนใหญ่ที่หนูเห็นจะขาวหมดเลย

ส่วนเรื่องที่หนูจะปรึกษาพี่ๆมีดังนี้ค่ะ
1. พี่อ่านหนังสือเยอะอ่ะปล่าวอ่ะค่ะ

2. จะมากไปมั๊ยค่ะ ถ้าหากหนูอยากจะถาม ม.ปลาย พี่ๆว่าอ่านหนังสือวันล่ะกี่ ชม.

หวังว่าหนูคงไม่ถามมากไปน่ะค่ะ

สุดท้ายก็ขอขอบคุณพี่ๆมากน่ะค่ะที่อ่านมาจนจบ คงรบกวนเวลาพี่ๆมามากแระ ขอบคุณค่ะ


Posted by : IlvTCsnsR , E-mail : (taro_of_fishsho@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-10 , Time : 14:47:22 , From IP : 203.113.76.75


ความคิดเห็นที่ : 1


   เหมือนอ่านชีวประวัติเลยแฮะ จริงๆแล้วพี่อยากให้น้องคิดดูจริงๆว่าน้องอยากจริงๆหรือเปล่าหรือเปนเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น การที่น้องจะเข้ามาในหนทางสายนี้มันเหนื่อยมากๆนะ แล้วน้องจะต้องอยู่กับอาชีพนี้ไปตลอดชีวิต ส่วนเรื่องผิวขาวหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวนา เพราะว่าเพื่อนๆพี่ก็แอบคล้ำกันทั้งนั้น
ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ
1. พี่อ่านหนังสือเยอะอ่ะปล่าวอ่ะค่ะ
- ถ้าตอนนี้ก็อ่านเยอะหน่อย ช่วงใกล้สอบก็ทั้งวันแหละ

2. จะมากไปมั๊ยค่ะ ถ้าหากหนูอยากจะถาม ม.ปลาย พี่ๆว่าอ่านหนังสือวันล่ะกี่ ชม.
- สมัยนั้นพี่อ่านหนังสือไม่เกินวันละ 2-3 ชม.นะ

สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราอ่านมันก็ชม.แต่มันอยู่ที่ว่า เราอ่านแล้วเข้าใจหรือจับใจความสำคัญได้รึเปล่า ไม่ใช่ว่าที่อ่านไป จำอะไรไม่ได้เลย ลองจดโน๊ตย่อหรือขีดเส้นในสิ่งที่ควรจำ แล้วกลับมาทบทวนโดยการทำโจทย์บ่อยๆ มันก็จะทำให้เราจำได้เอง หรือถ้าไม่ชอบการอ่านก็ให้เพื่อนติวหรืออภิปรายกันเป็นกลุ่มก็ได้นะ


Posted by : Yorestinowa , Date : 2006-04-10 , Time : 15:20:09 , From IP : 172.29.4.237

ความคิดเห็นที่ : 2


   พี่ก้อเป็นคนหนึ่งนะที่อยากเรียนแพทย์
ตอนนี้พี่ก้ออยู่ม.6แล้วปีหน้าก้อจะเอนท์แล้วแหละ
พี่ว่านะเรื่องเก่งไม่เก่งมันไม่สำคัญอะไรมากหรอกแต่ที่สำคัญมันอยู่ที่ว่าเรามีความตั้งใจ มีความพยายาม มีความพร้อม และมีใจรักที่จะเรียนที่จะเป็นหมอมากแค่ไหน
เมื่อก่อรตอนอนุบาลพี่ใผ่ฝันว่าพี่อยากเป็นหมอเพราะว่ามันเทห์ มันโก้ เป็นอาชีพที่มีหน้ามีตา
แต่พอพี่โตขึ้นความคิดพี่ก้อเปลี่ยนไป พี่อยากเรียนต่อหมอเพราะพี่มีใจรัก พี่อยากเรียนหมอเพื่อรักษาคน คนเราแม้เลือกเกิดไม่ได้แต่เร้ลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบได้
น้องคิดว่าสิ่งไหนที่ใช่ตัวตนของน้องๆก้อเลือกเรียนเลือกทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก้อแล้วกันนะจ๊ะ
พี่ก้อแนะนำอะไรมากไม่ได้....พี่ก้อเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะทำความฝันของพี่ให้เป็นจริง
ตอนนี้พี่ก้ออ่านหนังสือเกือบทั้งวันแต่ส่วนใหญ่พี่จะเอาพวกข้อสอบเอนท์เก่าๆมานั่งทำมากกว่า....ทำแล้วมันเข้าใจมากกว่าอ่านหนังสืออีกนะพี่ว่า
ยังไงน้องก้อตั้งใจเรียนก้อแล้วกันนะคะ
เอิ๊กๆๆๆๆสู้ๆ....พี่ก้อต้องเตรียมตัวเหมือนกัน


Posted by : HunGเด็กอยากเรียนแพทย์ , E-mail : (hungsandp_16@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-10 , Time : 16:57:21 , From IP : 203.113.76.10


ความคิดเห็นที่ : 3


    การที่เราจะเป็นหมอได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ แต่สิงที่สำคัญที่จะทำให้เราเป็นหมอที่ดีได้นั้น ก็คือจิตใจ การที่จะได้มาซึ่งความรู้นั้น แน่นอนว่าเราคงต้องเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทแรงกายแรงใจ(และแรงทรัพย์) มิใช่น้อย บางครั้งพี่ก็รู้สึกเหนื่อยกับการเรียนเหมือนกัน แต่เมื่อได้เห็นแววตาซาบซึ้งใจของคนไข้ที่มีต่อหมอ มันก็เป็นกำลังใจให้พี่ อดทนต่อไป แต่จริงๆ แล้ว ในโลกคงไม่มีอะไรได้มาอย่างง่ายดาย
ไม่ว่าอาชีพ(ที่สุจริต)ใดๆ ก็ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าน้องตอบตัวเองได้ว่าอยากเรียนแพทย์เพราะอะไร และพร้อมที่จะเผชิญกับเส้นทางที่ได้เลือกแล้ว พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้
ตอนที่พี่เรียน ม.ปลาย พี่ก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไร พอมาเรียนที่นี่ พี่ก็พบว่าความเก่งกับความขยันมีภาษีพอๆ กัน
ตอบคำถามล่ะนะ
1. ก็อ่านเยอะอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญคืออ่านให้ตรงจุด บางวิชาต้องอาศัย concept เช่น ภาษาไทย สังคม บางวิชาต้องหมั่นทำโจทย์มากๆ เช่น เลข ฟิสิกส์ ส่วนพี่จะอ่านเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเลือกอ่านเรื่องที่สนใจและอยากรู้ก่อน(มีฉันทะจึงเกิดวิริยะ) ยังมีเวลาพอจะทำอะไรที่อยากทำได้บ้าง พอใกล้ๆ สอบก็จำเป็นต้องอ่านให้หมด(เยอะมาก บางครั้งไม่ได้นอน)
2. ตอนม.ปลาย หลังจากกลับจากโรงเรียนพี่จะดูทีวีก่อน(ดูข่าว ดูละคร สัก 2 ชั่วโมง) แล้วจึงอ่านหนังสือ วันหนึ่งก็สัก 2-3 ชั่วโมง ที่น้องอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะเนื้อหาม.ปลายบางอย่างต้องอาศัยพื้นฐาน ที่อาจจะได้เรียนในห้องเรียน พอน้องได้เรียนในห้องมาแล้วอาจจะเข้าใจได้มากขึ้น อย่าเพิ่งท้อใจไปเลย แล้วก็การอ่านมากเกินไปอาจทำให้เครียด จนสมองรับไม่ไหวแล้วหลังๆ อาจไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นตอนนี้ น้องอาจเลือกอ่านแต่เฉพาะที่เข้าใจได้ไม่ยากไปนัก ใจเย็นๆ
ส่วนเรื่องสีผิวนั้นคงไม่สำคัญหรอก เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ข้างในนะ
ปล. เพื่อนๆ พี่หลายคนก็มีผิวสีแทนนะ(สีดำมาแทนสีขาวอ่ะ)


Posted by : nigdejavu , E-mail : (nigdejavu@yahoo.com) ,
Date : 2006-04-10 , Time : 17:01:56 , From IP : 172.29.4.177


ความคิดเห็นที่ : 4


    ผมรู้สึกชื่นชมน้องมากนะคับ ที่น้องมีความสนใจที่จะเรียนหมอและเริ่มทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว โดยการอ่านหนังสือ ขอตอบคำถามดังนี้

1. พี่อ่านหนังสือเยอะอ่ะปล่าวอ่ะค่ะ
- ตอนม.ปลายพี่อ่านน้อยมาก มาเริ่มอ่านเอาตอน ม.6 เทอม 1 เอง แต่ก็ไปจริงจังเอาตอน 3 อาทิตย์ก่อนสอบ วันหนึ่งอ่าน 30 นาที - 4 ชั่วโมง ผมอ่านหนังสือน้อยก็จริง ส่วนใหญ่ผมจะฝึกโจทย์ + เรียนพิเศษมากกว่า

2. จะมากไปมั๊ยค่ะ ถ้าหากหนูอยากจะถาม ม.ปลาย พี่ๆว่าอ่านหนังสือวันล่ะกี่ ชม.
- 30 นาที - 4 ชั่วโมง จริงๆเวลาไม่เกี่ยวหรอก มันอยู่ที่ว่าอ่านจบหน้าหนึ่งไปแล้ว จำอะไรได้บ้างไหม ถ้าจำไม่ได้ก็คงต้องกลับไป review นะ

แถมเคล็ดลับ เวลาอ่านหนังสือ อย่าเครียด ไม่ต้องรีบเดี๋ยวก็จำได้เองแหล่ะ เลือกอ่านเรื่องที่สำคัญก่อน เนื้อหาที่ออกแน่ๆทุกปี = ไม่ควรพลาดนะ (High-yield facts) ส่วนที่ออกบ้างไม่ออกบ้างถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องอ่านก็ได้มั้ง : )



Posted by : Let your freak flag fly... , Date : 2006-04-10 , Time : 17:37:21 , From IP : 172.29.4.56

ความคิดเห็นที่ : 5


   ตอนนี้พี่เป็นเอ็กซ์เทินที่มหาราช งานหนักมากนะน้อง คิดดูดีๆละกัน

Posted by : X-tern , Date : 2006-04-10 , Time : 19:09:14 , From IP : 202.129.48.122

ความคิดเห็นที่ : 6


   โอ้ เดี๋ยวนี้เด็ก จภ. ขยันจัง ขอชื่นชมครับ
เอาเป็นว่าพี่จะตอบแบบที่เคยทำตอนพี่เรียนที่นั่นแล้วกันนะ
1. พี่อ่านหนังสือเยอะอ่ะปล่าวอ่ะค่ะ
จะว่าเยอะไหมก็ไม่เยอะนะครับ ส่วนใหญ่จะทบทวนมากกว่า อ่านมากๆจริงๆก็ตอนใกล้สอบครับ ตอนพี่เรียนที่นั่น เกรดพี่ก็ไม่ค่อยดีครับ อาศัยถามอาจารย์เอาเวลาอ่านแล้วไม่เข้าใจ ถามเพื่อนๆด้วยครับ แล้วปิดเทอมค่อยว่ากันอีกที เพราะพี่จำได้ว่าสมัยพี่เรียนที่นั่น ห้องคอมมอนด้านล่างเป็นอะไรที่ไม่น่าอ่านหนังสืออย่างยิ่ง ครั้นจะอ่านในหอนอนก็หลับทุกที

2. จะมากไปมั๊ยค่ะ ถ้าหากหนูอยากจะถาม ม.ปลาย พี่ๆว่าอ่านหนังสือวันล่ะกี่ ชม.
วันละกี่ ชม. พี่คงตอบไม่ได้ครับ แล้วแต่อารมณ์มากกว่า บางวันได้เยอะบางวันได้น้อย(หรือไม่ได้เลย) แต่ส่วนใหญ่พี่จะอ่านให้ทันแต่ละวันครับ และที่สำคัญที่สุด คือ พี่ไม่อยากให้น้องเอาความฝันที่วางไว้จนกลายมาเป็นกดดันตัวเอง เอาเป็นว่า พี่ว่าชีวิต รร. ประจำมันสนุกครับ ลองศึกษาดูครับ ทั้งสองอย่างมันไปด้วยกันได้อย่างดีเราก็จะสบายใจไม่กดดันตัวเองครับ

โชคดีนะครับน้องโรงเรียน,จภ.สตูล ม.6 รุ่น 6

ปล. เรื่องผิวสีแทนไม่ต้องห่วงครับ ผิวดำอย่างพี่ยังไม่แคร์เลย


Posted by : Mr. Fungi , Date : 2006-04-10 , Time : 19:16:43 , From IP : 172.29.4.55

ความคิดเห็นที่ : 7


   อิอิ เรื่องผิวขาว หลายคนพอขึ้นวอร์ดจะผิวขาวขึ้นเพราะอยู่ในโรงพยาบาลตลอด กว่าจะลงจากวอร์ดก็ดึกแล้ว เลยขาวขึ้นเพราะไม่โดนแดด ก็มีนะ

Posted by : กระป๋องน้อย , Date : 2006-04-10 , Time : 19:43:59 , From IP : 172.29.4.153

ความคิดเห็นที่ : 8


   อย่างที่พี่ X-tern บอกนั่นแหละ ตอนนี้พี่ก็เป็นเอ็กซ์เทิร์นอยู่ที่ รพ.หาดใหญ่ งานก็หนัก ตอนกลางวันทำงานทั้งวัน ถ้าวันไหนอยู่เวรก็จะเป็นคนแรกที่ถูกเรียก แล้วต้องไปหาคนไข้ แทบไม่ได้นอนทั้งคืน (ตอนนี้พี่อยู่สูติฯ) คนไข้จะคลอดตี 3 เราก็ต้องมา แล้วตอนกลางวันก็ต้องมาทำงานทั้งวันอีก กว่าจะได้นอนก็อาจจะเป็นค่ำอีกวัน ว่ากันว่าอยู่กันเกิน 24 ชั่วโมงน่ะ บางคนเพื่อนพี่อยู่ 48 ชั่วโมงก็มีมาแล้ว น้องเอาไปคิดดูให้ดีแล้วกัน แต่ถ้าน้องรักในอาชีพนี้ พี่ก็ขอให้น้องเข้ามาได้แล้วกัน ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วกัน ขอให้โชคดีครับ

Posted by : Eset , E-mail : (smc_yw@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-11 , Time : 00:50:59 , From IP : 210-86-142-220.stati


ความคิดเห็นที่ : 9


    ขอบคุณทุกๆคำตอบที่ตอบมาน่ะค่ะ แหม!! ปลื้มจังอ่ะ คือว่าตอนนี้หนูรู้แล้วล่ะค่ะว่าหนูจะเป็นหมอทำไม

เพราะว่าเท่ย์ ?
คงไม่หรอกค่ะ เพราะว่าหนูคงไม่เอาชีวิตทั้งชีวิตของหนูมาวางไว้กับความเท่ย์ในอาชีพนี้หรอกค่ะ

มีเกียรติงั้นเหรอ ?
ก็คงจะไม่อีกนั้นแหละ เพราะว่าอาชีพทุกอาชีพย่อมมีเกียรติและศักศรีเท่าเทียมกันเสมอ ( นี่ในความคิดหนูน่ะ ( อาชีพที่สุจริต ) )

เงินดีมั๋ง ตั้งตัวได้เร็วจะตาย ?
ไม่ๆ! อาชีพแต่ละอาชีพ ไม่ว่าจะมีเงินดี หรือว่าเงินไม่ดีก็แล้วแต่ และไม่ว่าจะตั้งตัวได้ช้าหรือเร็ว ยังไงซะ เงินที่เราได้มาก็ต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้เท่านี้ก็เป็นที่น่าภูมิใจแล้ว ( นี่ก็เป็นความคิดหนูอีกนั้นแหละ )

พ่อแม่อยากให้เป็นเหรอ ?
ไม่อ่ะ เพราะว่าพ่อกับแม่หนูไม่เคยพูดเรื่องอาชีพนี้กับหนูด้วยซ่ำ แต่จะพูดแค่ว่า " ชีวิตคนเรียนจบ มีงานทำ มีเงินเลี้ยงพ่อแม่ก็ประสบความสำเร็จแล้ว " และก็อย่างที่หนูได้บอกหนูไม่เคยบอกใครว่าหนูอยากเป็นอะไร แม่เคยถามหนูน่ะ ว่าอยากจะเป็นอะไร หนูก็เลยตอบกลับไปว่า " เอาไว้ ม.6 แล้วหนูจะบอกน่ะแม่ "

แล้วอยากเป็นหมอเพราะอะไรล่ะ ?
หนูอยากจะเป็นหมอ
เพราะว่าหนูอยากจะเห็นแผ่นหลังของคนไข้ที่หนูรักษาเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างมีความสุข! พร้อมด้วยแววตาที่มองหนูด้วยความขอบคุณ ซึ่งหนูก็ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลยค่ะ

จบแระค่ะ


Posted by : IlvTCsnsR , E-mail : (taro_of_fishsho@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-11 , Time : 09:30:50 , From IP : 203.113.76.75


ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมทราบว่ามันอาจจะยังไกลเกินไปที่น้องจะมองเห็น แต่อยากจะบอกว่าแพทย์จะต้องอยู่กับความจริงที่ว่าไม่ใช่ผป.ทุกคนจะเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างมีความสุขเสมอไป ความเจ็บป่วยทุกข์ทรมานบางครั้งเป็นสิ่งที่นอกเหนือจากความสามารถของหมอ

ประเด็นสำคัญคืองานของเราคือ เราพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นบางทีมันนอกเหนือจากที่เราจะควบคุมได้ มันไม่ยากที่จะรับรู้เวลาคนไข้ขอบคุณเรา หรือมองเราอย่างกตัญญูรู้คุณ เพราะมันเป็นความรู้สึกที่อิ่มเอม แต่เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกหัดจิตใจในการที่บางครั้งเราก็จะมีการสูญเสียคนไข้ไป เจอญาติที่เศร้าโศกเสียใจ โกรธ เพราะการสูญเสียคนรัก แล้วหลังจากนั้นเรายังมีกำลังใจที่จะทำงานนี้ต่อ ตรงนี้จึงจะเป็นหัวใจของการเสียสละมาเป็นแพทย์

ยินดีต้อนรับครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-04-11 , Time : 09:58:37 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 11


    ขอบคุณพี่ Phoenix มากน่ะค่ะ หนูคิดว่าอาชีพแพทย์มันยังไกลเกินไปที่หนูจะมองมันอย่างลึกซึ้ง เหมือนอย่างที่พี่พูดอ่ะค่ะ แต่หนูเชื่อว่าบางทีถ้าหากว่าหนูโตขึ้น ความคิดหนูก็อาจจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ และความคิดที่โตขึ้น มันก็จะทำให้หนูสามารถตัดสินใจที่จะเลือกอนาคตของหนูได้อย่างรอบคอบด้วยค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ^_^


Posted by : IlvTCsnsR , E-mail : (taro_of_fishsho@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-11 , Time : 17:54:36 , From IP : 203.113.76.12


ความคิดเห็นที่ : 12


   น้องIlvTCsnsRพยายามเข้านะค่ะ
แต่พี่ขอฝากอะไรซักอย่างให้น้องลองไปทบทวน
เรื่องที่น้องอ่านหนังสือวันละ6ชม.
เป็นอารายที่พี่ทึ่งมากกกก
พี่ก้อเป็นคนนึงที่ไม่ได้เก่ง
แต่เข้าคณะนี้มาได้เพราะเผอิญเข้ารับเพิ่ม
(ไม่ได้อ่านหนังสือเยอะขนาดนั้น)
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเรียนไม่ได้
ถ้าเราไม่เก่ง
พี่ไม่คิดอย่างนั้นนะ
ถ้าเราแน่ใจว่าเรารัก
ทำในสิ่งที่เรารัก
มันก้อมีความสุขเสมอแหล่ะ
ทุกข์มันต้องมีอยู่แล้ว
ลำบากนั่นก้อของตาย
เหนื่อยสุดๆๆ..เป็นเวลาที่บอกจุดจบไม่ได้
แต่....ทุกครั้งที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
เราจะบอกตัวเองได้ว่า
เรารักที่จะทำ
แล้วก้อไม่เสียใจที่ได้มาเรียนและได้เป็นหมอ

อ้อ...แล้วก้อีกอย่าง
พี่ว่าน้องน่าจะหางานอดิเรกทำดูบ้างนะ
แบ่งเวลาดู (รึน้องอาจจะทำอยู่แล้ว)
เช่นเล่นกีฬา ฟังเพลง อ่านการ์ตูน นิยาย ถ่ายภาพ ฯลฯ
กิจกรรมพวกนี้สอนแง่คิดให้หลายอย่างนะ
แล้วที่แน่ๆๆน้องจะเครียดน้อยลง
น้องอ่านน้อยลง
แต่ความจำอาจจะดีขึ้น
ม่ายรุเหมือนกัน
มันแล้วแต่คน
แต่เท่าที่พี่ใช้ชีวิตอยู่ที่คณะนี้มาสองปี
พี่พบว่า
การที่เรามีกิจกรรมอื่นนอกจากการอ่านหนังสือด้วย
ทำให้เรารู้จักการใช้ชีวิต รู้จักคนอื่น(ได้เพื่อนเยอะ)
และที่สำคัญรู้จักตัวเองด้วย
มันจะมีความสุขกับการเรียนด้วย

....จาก เด็กทำกิจกรรม.......
ปล. หวังว่าเราคงได้ร่วมสถาบันเดียวกันนะ^_^
และการเรียนไม่ได้เก่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตนะจ๊ะ


Posted by : พี่คนหนึ่ง , Date : 2006-04-11 , Time : 22:37:46 , From IP : 202-133-135-42.stati

ความคิดเห็นที่ : 13


   เมื่อตั้งใจแล้วพยายามค่ะ.....



แต่



พี่....Phoeni..x?

^ ^"


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-12 , Time : 01:17:54 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 14


   น้องรู้ตัวเองเร็วดีนะคะ มั่นคงและตั้งใจแบบนี้ไปตลอดนะคะ ถึงน้องคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่งมาก แต่น้องก็มีภาษีเหนือคนอื่นแล้วนะ รู้มั้ยคืออะไร คือการที่น้องรู้ว่าจุดหมายของตัวเองคืออะไร น้องจะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่าคนอื่นอีกเยอะเลยค่ะ และน้องก็จะมีความมั่นใจในการก้าวในเส้นทางของตัวเองด้วย

สู้สุดใจเลยนะ อย่าลืมแบ่งเวลาทำกิจกรรมด้วยหล่ะ หมอที่เก่งแสนเก่ง แต่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ไม่รู้จักการบริหารงาน ย่อมเติบโตได้แค่ในกะลาเท่านั้นนะ


Posted by : wangtienfong , E-mail : (wangtienfong@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-13 , Time : 13:43:22 , From IP : 203.156.20.217


ความคิดเห็นที่ : 15


   ไม่น่าเชือ่ ว่า เด็ก สมัยนี้ มีความตั้งใจ ในการเรียนมากขนาดนี้
เอ ว่าแต่น้องเครียด ไปป่าว ครับ เนี่ย
มัน อีกนาน อะ คนเรา พอ โต ขึ้น อะไร อาจเปลี่ยนไปก็ได้ นะ ครับ
ดังนั้น อย่าเพิ่งไปกังวล อะไรกับมันมาก ครับ
ใช้ชีวิต ในวัยเด็ก และวัยรุ่นให้ คุ้มค่า บ้าง นะครับ
ระวัง จะรู้ตัวอีก ที ก็แก่ซะแล้ว 55555
สำหรับผม ก็ คงไม่ได้ ตั้งไรเรียนไรมากหรอก ครับ
ไม่เคยนับ ว่าอ่านหนังสือ มากแค่ใหน
แต่ตอนสอบเอ็น อะ ( ประมาณปี 2537 ) ก็ คิดแค่ว่า ตั้งใจ ทีให้ดี ที่สุด
เหนื่อย ก็พัก
ผมไม่ใช่ คนเก่ง อะไร แต่ ก็พยายามบอกตัวเองว่า ฉันก็ทำใด้ เหมือน คนอื่น
ส่วนเรื่อง ว่า อยากเรียนหมอ มากแค่ใหน
ตอนนั้น อยากเรียน เพราะไม่รู้ว่าอยากเรียน ไร รู้แค่ว่า ไม่ชอบเรียน ด้านการคำนวน เลยมาทางด้านสาย สุขภาพ แล้วบังเอิญ ติดหมอ ซะงั้น
อีกอย่างที่อยากเรียนหมอ เพราะรู้สึกว่า เทห์ ในส่วนหนึ่ง และอีกส่วน ที่สำคัญ ก็คงเป็นเพราะ รู้ว่าอาชีพหมอ เป็นอาชีพ ที่มีเกียรติ เสมอ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ามีเกียรติ เพราะมีคนยกมือใหว้ แต่ มีเกียรติ ในตัวของงานเอง
แต่เมือ่ได้มาสัมผัส จริง ๆ แล้ว ผม ว่า งานมันไม่เหมือนที่คิด ต้องรับผิดชอบ มากกว่า ที่คิดไว้ หนัก และเหนื่อย กว่า ที่เห็น อีกอย่าง ผม ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือ การที่ต้องทำงานร่วมกับคน หลายรูปแบบ และยิ่ง สังคมที่เปลี่ยนไป มีการ จับผิดหมอ มากขึ้น ทำให้บาง ครั้ง เบือ่ เหมือนกัน ที่เหมือน คนที่ทำดี แต่ไม่ได้ดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผม ยัง คงทำงานต่อไปได้ คือ ได้เห็นเคนที่เรา เคย ช่วยเหลือ มีชีวิต ที่ดี ขึ้น หาย จากโรค ภัย ต่าง ๆ
อีกอย่าง ผมว่า การได้เรียน หมอ มันเป็นเรื่องที่โชคดี สำหรับผม เพราะน้อย คนที่จะได้เข้ามาสัมผัส วิชาชีพ แบบ นี้ มันเหมือน
ถามว่า ถ้าย้อน กลับ ไปได้ตอนสอบเอ็น จะเลือกหมอ หรือป่าว
ผมว่า ถามหมอ ทุกคน ก็คง ตอบ ว่า เลือกหมอ แน่นอน ครับ
ไม่ว่าตอนนี้ เราจะเหนื่อย แค่ใหนก็ตาม
แต่คนที่เข้ามาเป็นหมอ ยังไง เค้าก็ยังคงเป็นหมอ อยู่วันยังค่ำ

ตอบมาซะนานน ไม่รู้น้อง จะยังอยากเรียนป่าว


Posted by : Dr K , Date : 2006-04-16 , Time : 12:39:22 , From IP : proxymain6.mahidol.a

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผมก็สมองทึบครับ
1. ม.ปลายอ่านหนังสือมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องอ่านแบบมีจุดหมาย มีสติตลอดเวลาว่าตอนนี้อ่านอไรอยู่ ต้องทำshort note ทุกครั้ง ต้องทบทวน short note ทุกวัน
2.ม.ปลายอ่านหนังสือ 4-5 ชม./วัน


Posted by : naruto , Date : 2006-04-17 , Time : 23:49:15 , From IP : 172.29.7.37

ความคิดเห็นที่ : 17


   สิ่งสำคัญในตนเอง
1. ชนะใจตนเอง
2. เเบ่งเวลาให้ถูก
3. สมำเสมอ
4. เป็นเด็กดีเเละตั้งใจเรียน

เป้าหมาย-->วางเเผน-->ปฏิบัติ-->ประเมินตนเอง-->ปรับปรุงเเก้ไข

พี่มีเวลาใน ม.ปลายน้อยกวาคนอื่น ต้องอาศัย 4 ข้อนี้เเหล่ะที่จะเข้ามาได้


Posted by : เช่นกัน , Date : 2006-04-29 , Time : 01:14:21 , From IP : 203.209.120.169

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<<