ความคิดเห็นทั้งหมด : 32

เป้าหมายในชีวิตแพทย์




   แค่อยากลองถามความเห็นดูนะครับว่า จริงๆแล้วเป้าหมายของอาชีพแพทย์คืออะไร การเป็นหมอที่ชื่อเสียงมีผลงานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ กับการเป็นหมอในชนบทมีคุณค่าต่างกันหรือเปล่า ช่วยกันแสดงความเห็นเยอะๆนะครับ

Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-08 , Time : 12:37:14 , From IP : 172.29.4.136

ความคิดเห็นที่ : 1


   หมอที่มีความสุขกับการทำงาน

Posted by : หมอเก่า , Date : 2006-04-08 , Time : 14:49:19 , From IP : 203.156.190.66

ความคิดเห็นที่ : 2


   เปนอาจารย์แพทย์ สอน นศพ
สักห้าปีแรกอยากสอนเต็มที่ งานวิจัยทำบ้าง ไม่ถึงขึ้นต้องเปน ศ
เอาแค่ ผศ ก็พอใจ

ถ้าเปนได้ ก็เปนอาจารย์สักพัก สักสิบปี
ถ้าเบื่อระบบก็ ออกไปทำงานแพทย์ กะว่าจะลงทุนทำธุรกิจด้วย

อยากเปิด รีสอร์ท เล็กๆ แถวภาคใต้ ชายเล
เปิดคลินิก หรือ ทำ รพ แถวๆนั้น
ใช้ พท บางส่วน ตั้งเปนศุนย์ประสานงานชุมชน
พัฒนาเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ สาธารณสุขบ้าง

แก่ๆก็ อยู่กะลูกหลานเหลนโหลน
ปล ถ้าไม่โดนยิงตายซะก่อนนะ
เอิ๊กๆๆๆๆ


Posted by : แปะ , Date : 2006-04-08 , Time : 14:50:51 , From IP : 172.29.4.134

ความคิดเห็นที่ : 3


   บางครั้ง คิดว่าอะไรก็เหมือนๆกันนะ ที่เป็นแล้วทำให้เรามีประโยชน์ต่อโลกนี้สูงสุด

อาชีพแพทย์ก็เป็นอาชีพหนึ่ง ที่สามารถใช้ชีวิตก่อนตายได้คุ้มค่า (หมายถึง นอกจากจะได้ช่วยคนมากมายแล้ว ยังเป็นที่ระบายออกของสังคมอะน่ะ) แบบฟ้องหมอได้ตังค์เยอะดี ด่าหมอออกทีวีเร็ตติ้งก็กระฉูดด้วย

ส่วนตัวคิดว่าโชคดีที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน เป้าหมายต่างกัน เหมือนกันบ้างแต่ก็ทำไม่ได้เท่ากัน เราจะได้ทำประโยชน์ให้กับโลกที่เรา(จำใจ)อยู่ ได้อย่างหลากหลาย

จขกท ล่ะมีเป้าหมายอะไร "ล่อเป้า" เอ้ย สำรวจความคิดเห็นเหรอ


Posted by : เพื่อนเกิด อาจจะแก่แต่ไม่ใช่เพ , Date : 2006-04-08 , Time : 16:21:48 , From IP : 172.29.4.193

ความคิดเห็นที่ : 4


   สมัยตอนเรียนยังมีไฟแรงอยู่ อยากเป็นแพทย์ทำงานในชนบท ใช้ชีวิตแบบพอมีพอกินก็มีความสุขแล้ว พอมาเรียนเริ่มมีทิฏฐิอยากเป็นอาจารย์ อยากเก่ง อยากมีชื่อเสียงอยากเป็นที่ยอมรับ พอมองย้อนกลับไปดูตัวเองในอดีต มันหายไป....
พอคิดจะออกไปทำงานอย่างอื่นก็เสียดายเวลาและแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทลงไป
อนาคตคงต้องทบทวนตัวเองใหม่แล้ว ไม่อยากลืมอุดมการณ์ที่ตั้งใจไว้ อนาคตก็อยากมีครอบครัวน่ารักๆก็พอแล้ว..


Posted by : Yorestinowa , Date : 2006-04-08 , Time : 19:17:54 , From IP : 172.29.4.237

ความคิดเห็นที่ : 5


   ผมแค่คิดว่าอาชีพแพทย์ของเราและกำลังจะเป็นอาชีพของผมในอีกไม่นานเป็น อาชีพนึงที่มีความหลากหลายและสามารถสร้างความแตกต่างได้ ทางเลือกมีอยู่มากมาย บางครั้งเลยไม่แน่ใจว่าจะเลือกทางไหนดี เปรียบเทียบอาชีพแพทย์ กับหนัง หนังบางเรื่องทำเงินไม่ได้กล่องอย่าง Harry Potter บางเรื่องได้กล่องไม่ทำเงิน Crash, oscar ปีล่าสุดแต่อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีทั้งกล่องและเงิน คงคล้าย Titanic, LOTR
ดังนั้นกระทู้นี้ไม่มีอะไรแอบแฝงหรอกครับแค่อยากเห็นแนวทางกว้างๆความคิดเห็นที่หลากหลายเท่านั้น ขอบคุณครับที่แสดงความเห็นกัน ช่วยกันตอบนะครับอย่าอ่านอย่างเดียว



Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-08 , Time : 23:13:52 , From IP : 172.29.4.136

ความคิดเห็นที่ : 6


   ผมคงทำอาชีพอื่นไม่เป็นแล้ว คงทำอาชีพนี้ไปตลอด
ภาคภูมิใจในอาชีพ สบถสังคมจัณไรไปบ้าง คงไม่เป็นไร
เหอๆ


Posted by : คงแก่เล่นมากว่าเรียน , Date : 2006-04-09 , Time : 01:17:34 , From IP : 172.29.7.188

ความคิดเห็นที่ : 7


   คนที่มีความคิด และความตั้งใจที่จะสอนคนนี่น่านับถือนะ

เราน่ะคิดว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรยากกว่าการ สอนคนอีกแล้ว ยิ่งสอนคนให้เป็นคนยิ่งยากเข้าไปใหญ่

เคยฝึกเห็นเค้าฝึกหมามั้ย วิ่งไปคาบลูกบอลกลับมา เอ้ายื่นขนมให้ classical theory แต่ฝึกคนสอนคนนี่ยากจะเดานะว่าจะวางเงื่อนไขยังไง


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-09 , Time : 10:22:04 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 8


   เห็นด้วยกะคห.7นะ ว่าไม่มีอะไรยากไปกว่าการสอนคนอีกแล้ว และขอให้คนที่ตั้งใจจะเป็นอาจารย์ ขอให้สอนแพทย์รุ่นต่อๆไปให้มีคุณภาพ ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าคงไม่สามารถ ขอแค่เป็นหมอรักษาคนไข้ก็พอแล้ว และอาจจะทำธุรกิจส่วนตัวด้วย

Posted by : กทม , Date : 2006-04-09 , Time : 13:24:58 , From IP : 172.29.4.140

ความคิดเห็นที่ : 9


   พระธรรมปิฎก ได้สรุปว่า ความสุขของแพทย์มีได้หลายทาง เช่น
"ความสุขจากทรัพย์สิน เงินทอง
ความสุขจากงานที่ได้ผลตามวัตถุประสงค์
ความสุขจากการได้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์
ความสุขจากการเห็นคุณค่าแห่งชีวิตตน
ความสุขจากการได้เห็นชีวิตตนพัฒนาสู่ความไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป"


Posted by : DogTor , Date : 2006-04-09 , Time : 14:34:44 , From IP : 172.29.4.47

ความคิดเห็นที่ : 10


   Gather ye Rosebuds,while ye may
Old time is still flying.
The young flower today...
tomorrow will died.
... Carpe diem ! Seize the day,Boys !
Make your life extraordinary !!
- ไม่ว่าอะไรที่ว่าดีก็จงทำเถิด สิ่งสำคัญคือ...
"ทำ" หรือ " ไม่ทำ " ... " เมื่อไร "
.... มากกว่า " ทำอะไร ? อย่างไร ? "


Posted by : Oh captain, your captain , Date : 2006-04-09 , Time : 23:50:51 , From IP : 203.188.4.191

ความคิดเห็นที่ : 11


   3-4 เดือนก่อน ไป selective ที่รพช.แถวบ้าน พี่ถามว่า "ที่มาเนี่ยอยากได้อะไรน้อง" ตอบพี่ว่า อยากตัดไส้ติ่งกะC/S ดูพี่อึ้ง(เอามากๆ) ไม่ยอมให้จับมีด ไล่กลับไปอ่านหนังสือ บอกให้ผ่ากระดาษให้ได้ซะก่อนค่อยมาผ่าคน เข้าเคสต่อมาให้บรรยายขั้นตอนตัดไส้ติ่ง พอเราอึ้งบ้างเค้าก็บอกเราว่า "ถ้าคิดจะทำกับข้าวอย่าเป็นแค่คนผัดข้าวผัดนะน้อง ต้องเป็นให้ได้อย่าง....แดจังกึม....!!!???!!!

เอ่อ....เราควรจะมีเป้าหมายในชีวิตแพทย์ยังไงดีเหรอ????

(เธออย่าบังคับเมทเรามาตอบเลย ... request เราดีกว่า นะ...นะจ๊ะ ช่วงนี้น้ำลายบูดมากเลยต้องมาเดรนแถวนีอ่ะ)


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-11 , Time : 20:49:11 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 12


   คุณ Lucifer ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยสิครับ ช่วงนี้อากาศร้อนอาจมีปัญหานำลายยืดได้บ้าง อย่าลืมฉีด Rabies vaccine นะครับ

Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-11 , Time : 23:02:38 , From IP : 172.29.4.136

ความคิดเห็นที่ : 13


   อืม...มันออกร้อนชื้นด้วยแหละ ไม่ใช่ร้อนอย่างเดียว(ฉันว่าฉันเดาได้นะว่าทำไมต้อง...2b...นามนี้มีที่มา....แสนรู้มั้ยล่ะ... ^_^ ... อ้อ...แล้วถ้าปรากฏว่าฉันเดาผิดล่ะก็...ยอม dinner ด้วยเลยอ่ะ ต่อ ไอติม กับหนังสักเรื่องก็ได้นะ...เธอจ่าย absolute สนมั้ย)

เป้าหมายของอาชีพแพทย์คืออะไร การเป็นหมอที่ชื่อเสียงมีผลงานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ กับการเป็นหมอในชนบทมีคุณค่าต่างกันหรือเปล่า
ก็อย่าเปรียบเทียบดีกว่านะ เราบอกไม่ได้หรอกว่าอย่างไหนดีกว่า เพราะต่างก็ดีและมีคุณค่าในตัวของมันเอง เผลอๆ มันอาจจะมารวมเป็นเรื่องเดียวกันก็น่าจะได้...
การเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมีผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับ จะอยู่ที่ไหนก็ทำได้ ไม่น่าจะจำกัดเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ขึ้นกับว่าเราสนใจ สงสัยเรื่องอะไร ในการเรียนแพทย์คุณสมบัติสำคัญที่ต้องติดตัวเราไปคือความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา (ศัพท์หรูๆเรียกว่า long life leraning) ที่นี้เรื่องที่เราสงสัยมันก็น่าจะสัมพันธ์กับบริบทชีวิตของเรา ภายใต้เงื่อนไขความเหมาะสมของแหล่งทรัพยากรสนับสนุน ถ้าพูดถึงความน่าสนใจพอที่จะทำให้มีชื่อเสียงระดับโลก ก็อาจจะด้วย 2 ปัจจัยคือ มี whorld wide impact หรือไม่ก็จะมี unique characteristic สักอย่าง แต่ถ้าไม่ถึงอย่างนั้นเพียงแต่ผลการศึกษาของเราสามารถนำมาใช้ได้อย่างดีเหมะสมกับบริบทเฉพาะของคนที่เราดูแลอยู่ ถึงจำนวนจะน้อยกว่าแต่เราก็คงไม่ประเมินคุณค่าด้วยกรอบที่ต่างกัน เราก็เลยบอกไม่ได้ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน
สรุปว่าแล้วแต่ชอบ ชอบชีวิตหมอในเมือง หรือ ชอบชีวิตหมอในชนบท เราไม่เคยมีประสบการณ์ตรงทั้งอย่าง แต่เคยเห็นทั้งอย่าง และว่าจะยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกดีอย่างไหน เธอว่าไงล่ะ


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-12 , Time : 00:35:19 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 14


   เออ..เรายังไม่ได้ตอบว่าเป้าหมายในชีวิตแพทย์คืออะไร

คงเป็นไม่ได้อย่างแดจังกึมแน่ๆ ห่างไกล ห่างไกล คล้ายบ้างล่ะพอไหว เราอยากช่วยให้คนที่มีทุกข์ เป็นทุกข์น้อยลง เราอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง เราไม่อยากกังวลว่าถ้าวันนี้พรุ่งนี้ถ้าเราตายไปแล้วเราจะรู้สึกเสียดายว่ายังไม่ได้ทำอะไร เราว่าเราคงทำอย่างอื่นไม่ได้อย่างมีความสุขมากกว่า "เป็นหมอ" แน่นอนว่ามันสุขบ้างทุกข์บ้างในแต่ละวันของเรา แน่นอนว่ามันทุกข์มากสำหรับคนที่จะมาหาเรา แต่ทั้งหมด เรา "เลือก"


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-12 , Time : 00:48:56 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 15


   แลเราเพิ่งสำนึกว่า มีงานพอกหางอ้วนๆ ของเราไว้หนักแค่ไหน ไปดีกว่า(ไว้ว่างๆ หรือไม่ว่างแต่น่าสนใจจนอดรนทนไม่ได้จะมาใหม่)

Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-12 , Time : 00:51:23 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 16


   ว่าจะเข้ามาบอกว่าที่เจอกันวันก่อน ดู sporty & man มากๆๆ แล้ว imported ที่หนีบมาด้วยก็น่ารักดี

(ไม่ได้ว่างหรอกแต่กำลังสติแตก)


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-13 , Time : 19:48:00 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 17


   สวัสดีครับ คุณ Lucifer ชอบจังที่คุณบอกว่า
"เราอยากช่วยให้คนที่มีทุกข์ เป็นทุกข์น้อยลง เราอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง เราไม่อยากกังวลว่าถ้าวันนี้พรุ่งนี้ถ้าเราตายไปแล้วเราจะรู้สึกเสียดายว่ายังไม่ได้ทำอะไร"
ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายคนอาจเคยรู้สึกเสียดายและสงสัยว่าถ้าตอนนั้นเราทำอย่างนั้นไปตอนนี้มันจะเป็นยังไงนะ ถึงตอนนี้ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้หรอกว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร แต่พอย้อนกลับไปคิดถึงความรู้สึกตอนแรกที่อยากเป็นหมอทำให้นึกได้ว่าแรงบันดาลใจ คือ คุณหมอเด็กใจดีคนนึงที่เป็นหมอประจำตัวผม ทุกครั้งที่ไปหาหมอจะรู้สึกไม่ต่างกับไปหาญาติใจดีๆ คนนึง นั่นละมั้งครับที่ทำให้คนทุกข์ได้ทุกข์น้อยลง เวลาที่ผ่านไปทำให้เราสับสนและหลงทางไปได้เหมือนกัน ต้องคอยถามตัวเองเสมอๆว่าเราอยากเป็นหมอเพราะอะไรกันแน่ ถึงแม้ยังไม่ได้ข้อสรุปกับอนาคตตัวเอง ผมคงหาทางที่จะทำให้ไม่เสียดายและไม่สงสัยว่าที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ตอบแทนให้แผ่นดินเกิดบ้างหรือยัง


Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-14 , Time : 14:14:29 , From IP : 172.29.4.136

ความคิดเห็นที่ : 18


   cute!!

สวัสดีค่ะ คุณ doctor2b
แย่หน่อยที่เราไม่เคยเจอหมอน่ารักๆแล้วก็ใจดีอย่างที่เธอเคยเจอ เราโยนยาทิ้งหลังจากแม่พาไปหาหมอประจำเลย แต่ดีอย่างคือไม่ค่อยผิดหวัง เจอที่ดีก็ดี Happy ดี๊ด๊าไป เจอที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุดก็เคยเจอมาแล้ว คงไม่แย่กว่าที่เคย



Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-14 , Time : 16:22:29 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 19


   หมั่นไส้ Lucifer

ชอบใช้คำพูด(รวมทั้งสิ่งที่เธอเขียน) ดูดีสวยหรู ไทยคำ อังกฤษคำ (อยากรู้จริงๆว่า เข้าใจความหมายของมันจริงๆหรอเปล่า)

แต่ลอง จับใจความดูซิ สิ่งที่เธอพูด มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่หรอก

ดูเหมือนคนชอบสร้างภาพ ประมาณว่า
.. ฉันมีความคิด ..
.. ฉันดูมีสาระ..
.. ฉันไม่เหมือนใคร ..
.. ฉัน เริ่ด เชิด หยิ่ง ..

ขอโทษ เดี๋ยวนี้คนเค้าเริ่มเอือมเธอมากขึ้นทุกทีทุกทีแล้วละ

ถ้าเธอ มีความสุภาพ นอบน้อม พูดจาให้มันไพเราะกว่านี้ และเลิกสร้างภาพ
เธอจะมีเพื่อนมากกว่านี้เป็นกองเลย


Posted by : DDT , Date : 2006-04-17 , Time : 14:00:27 , From IP : tot-92-238.pacific.n

ความคิดเห็นที่ : 20


   หมั่นไส้ Lucifer

ชอบใช้คำพูด(รวมทั้งสิ่งที่เธอเขียน) ดูดีสวยหรู ไทยคำ อังกฤษคำ (อยากรู้จริงๆว่า เข้าใจความหมายของมันจริงๆหรอเปล่า)

แต่ลอง จับใจความดูซิ สิ่งที่เธอพูด มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่หรอก

ดูเหมือนคนชอบสร้างภาพ ประมาณว่า
.. ฉันมีความคิด ..
.. ฉันดูมีสาระ..
.. ฉันไม่เหมือนใคร ..
.. ฉัน เริ่ด เชิด หยิ่ง ..

ขอโทษ เดี๋ยวนี้คนเค้าเริ่มเอือมเธอมากขึ้นทุกทีทุกทีแล้วละ

ถ้าเธอ มีความสุภาพ นอบน้อม พูดจาให้มันไพเราะกว่านี้ และเลิกสร้างภาพ
เธอจะมีเพื่อนมากกว่านี้เป็นกองเลย


Posted by : DDT , Date : 2006-04-17 , Time : 14:07:29 , From IP : tot-92-238.pacific.n

ความคิดเห็นที่ : 21


   Posted by k() 2006-04-17 , 13:22:40 , tot-92-238.pacific.n

Posted by DDT() 2006-04-17 , 14:07:29 , tot-92-238.pacific.n

DDT=k?

ถ้าเราเคยรู้จักกัน หมายถึงรู้จักกันจริงๆ น่าจะใช้วิธีที่กล้าหาญกว่านี้ personal attack ใน web board ไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาดที่ลอบทำร้ายคนอื่นข้างหลัง
ลองให้เกียรติตัวเองในการเผชิญหน้า รับผิดชอบการกระทำ รวมทั้งคำพูดของตัวเอง อย่าเก่งแต่ซ่อนตัวอยู่ในเงาที่ไม่มีใครรู้เพียงเพื่ออาศัยเงานั้นประพฤติเยี่ยงสัตว์จนแก่ปัญญา หาความรับผิดชอบในการกระทำไม่ได้

แสดงให้เห็นสักหน่อยว่า ดิฉันกำลังแลกเปลี่ยนอยู่กับผู้ที่เจริญแล้วด้วยปัญญา ด้วยวุฒิภาวะ ควรค่าแก่การแลกเปลี่ยนเพื่อเจริญและเติบโต หาไม่แล้วจะเป็นการเสียเวลาที่จะแลกเปลี่ยน เพียงเพื่อทำให้ตัวเองตกต่ำ ไม่ประเทืองทั้งปัญญาและอารมณ์

และถ้าคุณตัดสินคุณค่าของคนอื่นได้ ลองตัดสินคุณค่าการกระทำของตนเองเสียหน่อยเป็นไร



Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-17 , Time : 22:45:17 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 22


   ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่มากที่ มีคนใส่ใจ ติดตาม สังเกตและสะท้อนตัวตน(หมายถึง Lucifer ในโลกcyber หรือ นศพ.อัจราวดี พันธุ์มณี ในโลกที่หน้าตา เนื้อหนังสามารถสัมผัสได้) คนเรายิ่งโต ยิ่งทรนงว่าสำคัญ(เริด เชิด หยิ่ง?) ยิ่งสอนยากเตือนยาก บางที "ตัวกู ของกู" มันแน่นหนาเสียจนแก้เกลียวลำบาก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาว่าเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการสะท้อนเพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข คืออะไรและมีที่มาอย่างไร เป็นต้นว่า อยากให้ดี อยากให้เจริญยิ่งขึ้นไป ก็น่าพิจารณา หรือแม้ไม่ได้เป็นเจตนาของผู้เสนอแต่ outcome ปลายของผู้สนองจะออกมาในทางที่เจริญขึ้นก็ยังน่าพิจารณา ในทางกลับกันหากหวังว่าจะเปลี่ยนคนอื่นเพื่อให้เข้ากับเราได้ ให้เหมือนเรา ให้เป็นอย่างที่เราต้องการเพียงเพราะความต่างคุกคามเสถียรภาพของตันตนของผู้เสนอ ก็เห็นว่าจะคาดเดาผลยากสักหน่อยว่าผู้รับต้องการจะ "เหมือน เอาอย่าง ต้องการจะมีตัวตนอยู่ในโลกที่ถูกเลือกให้"หรือไม่ ในทางอกุศลยิ่งกว่า คือถ้าหวังว่าจะมีใครเป็นทุกข์เพราะผลจากการกระทำของเรา ก็น้าเห็นใจที่ว่าได้เริ่มทำร้ายตัวเองเสียก่อนแล้ว ด้วยความไม่อยากให้ดี ไม่ปราถนาดี ถ้ากลายเป็นว่ายิ่งดีขึ้น จะไม่ทุกข์ยิ่งขึ้นหรือ

ความเจริญอย่างหนึ่งที่เคยได้เรียนรู้ คือเมื่อมีการแลกเปลี่ยนความเห็น (ตรงหรือไม่ตรงกันก็ตาม) แต่แรกเลยจะเริ่มด้วยการทำความเข้าใจ "คำ" ที่ใช้ให้สามารถสื่อความหมายเป็นที่เข้าใจตรงกันเสียก่อน เป็นขั้นตอนที่เรียกว่า "Clarify term" ไม่ได้เป็นการเสียหน้า เสียหาย โงเง่าหลังเขาหรือเป็นการผิดมาตรฐานที่มีใครในวงอภิปรายไม่รู้ ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ จึงสามารถถามไถ่ ตีความกันได้อย่างผู้เจริญ ต่อมาเมื่อสงสัย ไม่เข้าใจในเนื้อหา ก็ตั้งคำถามได้ เพื่อหาเหตุผล ที่มา วิธีการคิด เป็นการเปิดมุมมองต่อกระบวนการของผู้ร่วมอภิปราย ซึ่งจำเป็นต้องเปิดใจ เปิดสมอง เพื่อให้เกิดปัญญารู้เท่าทันก่อนตัดสินและประเมินคุณค่า ที่สุดแล้วถึงแม้เมื่อสิ้นสุดการอภิปรายแต่ละคนอาจจะได้บทสรุปไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นผลจากการเลือกสิ่งที่รับรู้ที่ต่างกัน อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เกิดระหว่างกระบวนการคือการเรียนรู้ ใครเลือกเรียนอะไรก็น่าจะได้รู้ในสิ่งนั้น เป็นผลที่เกิดจากเจตจำนงเสรีในการเลือกของแต่ละคนแท้ๆทีเดียว



Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-18 , Time : 02:22:04 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 23


   สงสัยผมคงจะมีภูมิปัญญาต่ำต้อยเกินกว่าจะคุยกับคุณLuciferได้รู้เรื่อง

เสียเวลาต่อกรด้วย เพียงแต่อยากจะเป็นกระจกสะท้อนตัวคุณเท่านั้น

จริงๆคุณเป็นคนน่าคบหาคนหนึ่งนะ
แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ที่ทำให้หลายๆคนพยายามห่างจากคุณไว้

เช่นอะไรนะหรอ.........

คุณมักมีท่าทีอวดดี
คุณมักพูดจา กัด จิก โดยไม่คำนึงถึงคนฟังรอบข้าง
หลายๆครั้ง คุณ " พูดจาหยาบคาย " เหลือประมาณ (บางครั้งรู้สึกอายแทนว่าพูดออกมาได้อย่างไรกัน ช่างไม่รักตัวเองเสียเลย)
คุณมักพูดจา/แสดงตน ให้เป็นจุดสนใจของคนอื่นอยู่เสมอๆ (เข้าใจว่าคุณคงเรียกร้องความสนใจ คุณอาจไม่รู้ตัว แต่หลายคนเข้าใจการกระทำของคุณว่าเป็นเช่นนั้น)
เวลาอยู่ในวงสนทนา คุณเอาแต่พูด พูด และพูด " เรื่องของตัวเอง " ( ลองนึกทบทวนดู ว่าคนเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ถ้าคุณหัดรับฟังคนอื่นบ้าง จะดีไม่น้อย)
และอื่นๆอีกมากมาย แต่บอกไปแล้วอาจทำให้คุณอึดอัดเปล่า (เพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะไปหน่อย รักนะ ถึงไม่คายออกมาทั้งหมด)

ลองถามคนรอบข้างคุณดูก็ได้ หากเค้ารักและปรารถนาดีต่อคุณจริง เค้าจะบอกอย่างที่ผมบอก
อยากรู้มากกว่านี้ ถามคนรอบตัวคุณเพิ่มได้ (ถ้าเค้ารักคุณจริงเค้าคงบอก)

หวังดีหรอกนะถึงบอก




Posted by : DDT , Date : 2006-04-18 , Time : 15:13:03 , From IP : tot-92-249.pacific.n

ความคิดเห็นที่ : 24


   หมั่นไส้ คุณ DDT จริงๆ

ใช้คำพูด attack ชาวบ้านใน webboard แบบนี้ นี่มันไม่ค่อยสมควรเท่าไหร่เลยนะ แต่ก็ดี เพราะคุณก็จะได้เข้ามาคุยกับคุณ Lucifer เหมือนเพื่อนคนเดิมได้ตามปกติ (ดีเนาะ)
ก็น่าคิดนะ สำหรับผม ถ้าเพื่อนมีอะไรที่ไม่ดี หรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เป็นผม ผมก็คงไปบอกเพื่อนคนนั้นตรงๆ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาว่าเค้าในบอร์ดแบบนี้ คุณกลัวอะไรเหรอครับที่จะเดินเข้าไปบอกคุณ Lucifer ตรงๆ ซึ่งในความเห็นของผมเนี่ย คุณ Lucifer เป็นคนที่ยอมรับฟังความเห็นของคนรอบข้างนะครับ เพราะฉะนั้นผมว่าคุณน่าจะเดินเข้าไปบอกเขาตรงๆ
คุณน่าจะเอาใจเขามาใส่ใจเราเสียมั่งนะครับ เพราะถ้าคุณโดนแบบนี้บ้าง คุณจะรู้สึกอย่างไรล่ะ เฮ้อ พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่มีใครรู้ตัวจริงของคุณนี่ สบายใจได้เลยครับ แต่ในกรณีคุณ Lucifer ผมเข้าใจว่าส่วนใหญ่เพื่อนๆ ก็จะรู้กันนะว่าเป็นใคร คุณเองก็คงรู้ และน่าจะสนิทพอสมควรล่ะมั้ง ถึงได้มาว่าเค้าในบอร์ดแบบนี้ได้
แต่มันไม่ควรหรอกนะครับ ยิ่งถ้าคุณอยู่ใน Medicine แล้วด้วยล่ะก็ น่าจะมีความคิดที่ดีกว่านี้นะครับ
เหอๆ
อ้อ ขอโทษนะครับ ผมใช้คำว่า Lucifer, attack, webboard ผสมไปกับภาษาไทย บางทีคนเราก็แบบนี้แหล่ะครับ แต่ก็แปลกใจเหมือนกันนะ ผมว่าคนที่อยู่ใน Medicine ที่ใช้คำไทยคำอังกฤษคำ ก็มีเยอะนะครับ คุณทำไมไม่ไป attack เค้าบ้างล่ะ ทำไมต้องคุณ Lucifer ด้วย รึว่าคุณเป็นคนที่ผมกำลังนึกถึงตอนนี้อยู่นะ


Posted by : ananjung , Date : 2006-04-18 , Time : 16:21:12 , From IP : 172.29.4.232

ความคิดเห็นที่ : 25


   ผมไม่ทราบว่าคุณ DDT เป็นแพทย์หรือไม่ แต่นี่เป็นประเด็นที่เราเคยอภิปรายในเรื่องของ judgemental attitude หรือการตัดสินคุณค่าของคนอื่น

โดยปกติแล้ว เราไม่ค่อยมีข้อมูลเพียงพอที่จะ "ตัดสิน" คนอื่นอย่างแม่นยำ มักจะมีประเด็นหรือ background ที่เราไม่ทราบ ไม่เข้าใจ มีประสบการณ์เก่าของคนอื่นที่เราไม่รู้เรื่อง แต่เราจะเห็นแค่ผลรวมปลายเท่านั้น ในการดูแลผป. การระมัดระวังเรื่อง judgemental attitude นี้สำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่ระวัง พอคนไข้ไม่มา follow up หรือ follow up ช้า หรือไม่ให้ความร่วมมือ ปฏิเสธการรักษา แล้วเรา label ผป.ว่าเป็น difficult patient ทันที เร็วเกินไป มันจะไม่เป็นผลดีต่อ doctor-patient relationship และทำให้เกิดอุปสรรคต่อ principle of autonomy ได้อย่างง่ายดาย

เคยมีภาษิตพังเพยว่า "ชมให้ชมลับหลัง ตำหนิให้ตำหนิต่อหน้า" มันจะได้ผลและจริงใจมากกว่า และถ้าจะตำหนิ ขอให้เป็น constructive criticism มีที่มา มีพรรณนาว่าทำไม่จึงไม่เห็นด้วย ในบริบทอะไร ไม่ใช่ตำหนิแต่เพียงตีค่า ให้ value เท่านั้น ไม่ได้บอกบริบท ถ้าเราตำหนิอย่างสร้างสรรค์ เพราะหวังดี ต่อใครๆแล้ว มันก็จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ เพื่อนแท้ที่สามารถเตือนเราได้ต่อหน้า ว่าเราควรไม่ควรทำอะไรนั้นจึงเป็นเพื่อนที่ควรค่าแก่การคบหา

วัฒนธรรมบัตรสนเท่ห์ หรือการทำ personal attack ในที่สาธารณะนั้น เราเคยอภิปรายบนเวทีนี้มามากมายหลายครั้งแล้ว ทำไมก็ยังมีคนคิดว่าดี คิดว่าควรทำอยู่ก็ไม่ทราบได้ ในอาชีพของเรา มหาวิทยาลัยก็มีคติ อตฺตานํ อุปมํ กเร เอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่ น่าจะนำมายึดปฏิบัติได้เป็นอย่างดี เป็นสิริมงคลต่อตนเองและคนรอบข้าง ไม่ทำให้จิตใจมัวหมองเพราะความเกลียด โกรธ หมั่นไส้ อิจฉา ริษยา หรือแค่เพราะความแตกต่าง คำว่า "หมั่นไส้" นี้เป็นคำไทยแท้ ไม่มีแปลเป็นภาษาอื่น เป็นอารมณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่เกิดขึ้นโดยแรงผลักด้านบวก ถ้าเราอยากจะฝึกจิตให้ดี ต้องระแวงระวังต่อมหมั่นไส้ อย่าให้มันหลั่งสารออกมาบ่อยเกินไป มันจะรบกวนสติสัมปชัญญะ บั่นทอนจิตใจตนเองไปเสียเปล่าๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-04-18 , Time : 17:24:29 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 26


   ถ้าใช้นามแฝงกันทุกคน และเรารู้กันว่าluciferคือ นศพ ....จะเป็นการทำpersonal attackไหม แค่สงสัย

Posted by : ^.^ , Date : 2006-04-18 , Time : 18:11:41 , From IP : 172.29.7.213

ความคิดเห็นที่ : 27


   ถามตนเองดูครับ อย่าใช้นิยาม "ตามกฏหมาย" หรือตามที่ได้มีการเขียนไว้ "เจตนา" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทางพุทธศาสนาเวลาพูดถึง "กรรม" ที่จะส่งผลวิบากต่อผู้กระทำ ยังเน้นที่ volitional deed คือ การกระทำที่จงใจ นั้นหนักแน่นมากกว่า side effect หรือผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-04-18 , Time : 21:02:13 , From IP : 58.147.25.150

ความคิดเห็นที่ : 28


   เอ่อ คือผมเป็นเจ้าของกระทู้ครับทุกคน รู้สึกงงเล็กน้อยไม่ได้เข้ามาวันนึง ตอนแรกเห็นกระทู้ขึ้นไฟแดง แอบดีใจตั้งกระทู้ครั้งแรกก็มีคนสนใจร่วมแสดงความเห็นเยอะเลยแฮะ แต่อ่านไปอ่านมาเริ่มงง คือการตอบกระทู้เริ่มหลงประเด็นอะครับ มีปัญหาอะไรไว้เคลียร์กันข้างนอกดีไหมครับ เข้าใจว่าทุกคนคงมีเจตนาดีแต่การแสดงออกอาจผิดที่ผิดทางไปหน่อย ใจเย็นๆนะครับ ประเด็นคือเป้าหมายในชีวิตแพทย์ผมยังไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเป้าหมายของเราคงไม่ใช่การโจตีเพื่อนพ้องหรือพี่น้องร่วมอาชีพจริงไหมครับ การว่ากล่าวตักเตือนหากเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นสิ่งที่พึงกระทำก็จริงอยู่หากแต่คงต้องพิจารณาความเหมาะสมและความตั้งใจของตนเองก่อนว่าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและต้องการให้เกิดผลดีกับผู้ที่เราตักเตือนอย่างแท้จริงฉันทน์มิตร ไม่ใช่ว่ากล่าวด้วยอารมณ์หมายแก้แค้นเยี่ยงศัตรู และการรับฟังความเห็นที่แตกต่างก็ควรเป็นคุณสมบัคิอย่างหนึ่งของอาชีพแพทย์เช่นเดียวกันหากรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าการรับฟังไว้พิจารณาคงไม่เสียหายใช่ไหมครับ การตอบสนองต่อสถานการณืเดียวกันของคนแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปบางคนเลือกที่จะใช้อารมณ์มากกว่าบางคนเลือกที่จะใช้เหตุผล หากเราไม่ชอบใจการตอบสนองของคนที่ใช้อารมณ์ แต่เรากลับตอบกลับไปด้วยอารมณ์เช่นกัน แล้วเรากับเขาต่างกันตรงไหนครับ (อันนี้ฝากให้คิดเล่นๆนะครับไม่เกี่ยวกับกระทู้)
ดีใจจังครับที่เห็นอาจารย์ Phoenix เข้ามาอ่านถึงแม้ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในกระทู้ก็ตามผมขอทราบความเห็นอาจารญ์ครับกับ"เป้าหมายในชีวิทย์แพทย์"


Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-18 , Time : 22:55:33 , From IP : 172.29.4.213

ความคิดเห็นที่ : 29


   ผมมีความเชื่อว่า "เป้าหมายในชีวิตแพทย์" นั้น น่าจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน และวิธีการเรียนรู้ประสบการณ์ของแต่ละคน

จริงอยู่ครับ ตอนเราเป็น teenager นั้น เป็นช่วงที่ "อุดมคติ" หรือ idealism กำลังโชติช่วงชัชวาล เนื่องจาก "บริบท" ประกอบยังไม่มาก แต่สำหรับใครที่เริ่ม "สะสม" ประสบการณ์ก็จะเริ่มมีการผสานเอาประสบการณ์ต่างๆเหล่านี้เข้ากับ idealism ที่กำลัง "ค้นหาตัวตน" อย่างที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ทำ (ไม่ว่าจะเพื่อ "ค้นหา" จริงๆ หรือเพื่อการ "ถูกยอมรับ" จากเพื่อนๆ)

เราสามารถที่จะรับรู้ประสบการณ์ของ "คนอื่น" ได้โดยการอ่าน ฟัง ความคิดเห็นหรือเรื่องเล่า แต่ยังไงๆก็ยังแอบเอามาเปรียบเทียบกับประสบการณ์ "ความจริง" ของตนเองอยู่ดี อย่างที่เห็นมาในกระทู้ก่อนๆ ต่อให้ใครมาบอกอย่างอื่นเท่าไร ถ้าเราเคยเห็นแต่ว่า "เกรด" สำคัญที่สุด เราก็คงได้ข้อสรุปว่า "ชีวิตแพทย์ = เกรด" จนกระทั่งประสบการณ์ตรงสอนเราอย่างอื่น หรือประสบการณ์อ้อมนั้นมาจากที่ที่เรายอมรับ

คุณค่าหรือเป้าหมายที่ว่านี้แม้แต่ให้ "ใคร" ตัดสินก็สามารถจะเริ่มต่างกันได้แล้ว บางคนก็ว่าจะยังไงก็ช่าง แต่พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงหรือแฟนฉันต้อง approve จึงเรียกว่าดี เงื่อนไขแบบนี้ คือ "อิงสังคม" ถ้าสังคมที่อิงเป็นสังคมแบบไหน ในที่สุดเป้าหมายในชีวิต หรือความหมายของเราก็จะอิงไปตามสังคมนั้นๆ อันนี้อาจจะเห็นเยอะ เพราะเป็นการใช้ชีวิตที่ passive ที่ "ตามกระแส" ซึ่งผมเห็นก็ยอมรับว่ามัน "ง่ายดี" ที่จะตัดสิน dilemma ว่าอะไรถูดผิดได้โดยการถามเพื่อนข้างๆ หรือคนที่อยู่ในห้องเดียวกันว่ายังนี้ OK ไหม ดีกว่าวิปัสนาสมาธิดูว่ามันถูกหรือผิดจริงๆ (อืม... อาจจะไม่ใช่ "ดีกว่า" แต่เป็น "ง่ายกว่า" จะถูกความหมายกว่า)

อีกวิธีคือให้ "ตัวเรา" เองเป็นคนตัดสินคุณค่า ถ้าใครเลือกทางนี้ ปัญหาแรก (และปัญหาเดียว) คือการ set standard ว่าอะไรดี เลว ท้าทาย หรือมีคุณค่า สำหรับเราเอง คำว่า ชีวิตแพทย์ นั้น มีอะไรให้ explore มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราเคยวิเคราะห์และทราบว่าการจะ "อยู่อย่างไร" ให้มีคุณภาพชีวิตสำหรับตัวเราเองนั้น มันยากและซับซ้อนขนาดไหน การจะเป็นคนแนะนำ ช่วยเหลือ "คนอื่น" ให้อยู่อย่างไรจึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ยิ่งยากกว่าหลายเท่า หลายสิบเท่า อย่างนี้ไม่ท้าทายก็ไม่รู้ว่ามีอะไรท้าทายแล้ว

ทำไมอาชีพนี้มันจะ "ยาก" ขนาดนั้นเชียวหรือ?

อันนี้เป็น free will ที่แต่ละปัจเจกบุคคลจะตั้งเป้าให้ท้าทาย และ active หรือไม่ passive ขนาดไหน ลำพังวิชาแพทย์ที่เราเรียนๆมานั้น physical suffering อยู่ใน field of expertise ของเราแน่ๆ ซึ่งเป็น field ใหญ่ และมีนัยสำคัญมากต่อคุณภาพชีวิต ไม่เป็นที่สงสัย แต่ทว่าเราอาจจะอยากจะลอง dimension อื่นของ "คุณภาพชีวิต" ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ก็ย่อมใด้ คือ พิสัยใจ สังคม และจิตวิญญาณ

มีอยู่คำนึงที่มีมิติลึกคือ To Heal คำๆนี้ค่อนข้างดี ใช้ได้หลายพิสัย to heal อาจจะเป็นได้ทั้งทางกาย ทางใจ การเข้าถึงความจริง การหลุดพ้นอุปสรรคที่ใจติดปลักตมอยู่ ทำใจได้กับการพรากจาก กับการยึดมั่นถือมั่น แพทย์โบราณของ Anglo Saxon จะเรียกว่า Healer มากกว่า doctor คธาของ Mercury ที่เป็นรูปงูสองตัวพันกันนั้น ที่กลายเป็นสัญญลักษณ์ของวาแพทย์ ก็เพราะมีอำนาจแห่ง healing หรือ reconciliation การประสาน conflict หรือสมานความบาดหมาง การขาดความสมดุล (เรื่องเล่าว่าเทพ Mercury ลองฤทธิ์ของคธานี้โดย เห็นงูสองตัวกำลังต่อสู้กันอยู่ ก็เลยจิ้มคธาลงไป ปรากฏว่างูทั้งสองตัวหยุดการต่อสู้ แล้วเลื้อยขึ้นมาพันคธา Mercury ชอบใจก็เลยให้งูทั้งสองอยู่บนคธานั้นตลอดไป) To heal หรือศัพท์ยุคนี้ต้องใช้ สมานฉันท์ นั้น แพทย์แผนโบราณใช้มานมนานแล้ว ทงจีนก็จะใช้อาหารเพื่อรักา "สมดุล" ของธาตุต่างๆ ความเจ็บป่วย หรือความทุกข์เกิดจากการ "ขาดสมุดล" นั้นเอง การรักษาสมดุลไม่เพียงแต่จะ "รักษา" ได้เท่านั้น ยังสามารถ "ป้องกัน หรอืเสริมสร้างสุขภาพ" ได้อีกด้วย

ศิลปศาสตร์การแพทย์นี้จึงเป็นศิลปศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ทาทายและน่าตื่นเต้น และเพราะว่ามันเกี่ยวกับ "ชีวิต" จึงอาจจะนับว่าเป็นศิลปศาสตร์ที่ "ใกล้เคียง" กับปรัชญา อภิปรัชญามากที่สุดสาขาหนึ่งของศาสตร์ต่างๆทีเดียว

คุณค่าแบบนี้เป็นสากลแค่ไหน มีใครยอมรับขนาดไหน คงจะบอกยากครับ บอกไม่ได้แม้กระทั่งว่า "แรงบันดาลใจ" ที่จะ set คุณค่าเหล่านี้มันมาอย่างไร พอเราขาด pathogenesis ขาด pathophysiology ไป เราก็เริ่มยากที่จะทำอะไร จะเริ่มต้น คงต้อง "ศึกษา" จนกระทั่งเราคิดว่ามัน OK ก่อน

หรือแม้กระทั่งถ้าเราลองดูแล้ว "บริบท" มันไม่เอื้อ สิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยมลภาวะ ในที่สุเเรก็อาจจะได้ "สมดุลใหม่" ของชีวิตแพทย์ของเราเอง ตามบริบทที่เราอาสัยอยู่ ตรงนี้ก็น่าสนใจครับว่าเราตจะเป้นคนที่ active/passive ขนาดไหน และจะ settle ที่จุดใด ไม่มีถูกผิดชัดเจน เพราะเป็น autonomy ที่เราจะเลือก (ในที่สุด)



Posted by : Phoenix , Date : 2006-04-19 , Time : 00:08:54 , From IP : 58.147.113.69

ความคิดเห็นที่ : 30


   จบแล้วจะทำงาน สาม จ.ชายแดน แต่ก่อนอื่นอยากไป selective ที่ สุไหงปาดี คณะให้ไปนะๆๆๆๆ อยากไปอ่ะ

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-04-23 , Time : 09:19:26 , From IP : 172.29.4.229

ความคิดเห็นที่ : 31


   โอ๊ย ฉันรำคาญพวกเสแสร้ง แกล้งทำ ดัดจริต จะชักตายอยู่แล้ว!!!!

(ห้ามบ่น ห้ามด่า ห้ามถาม..เพราะจะไม่ตอบ...
และเพราะมันหาทางออกไม่ได้เลยมาลงใน board ไปล่ะ)


Posted by : Lucifer , Date : 2006-04-23 , Time : 17:30:14 , From IP : 172.29.4.152

ความคิดเห็นที่ : 32


   เอ่อ งง ??? Lucifer เป็นอะไรอ่ะ?

Posted by : doctor2b , Date : 2006-04-23 , Time : 19:07:24 , From IP : 172.29.4.205

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.013 seconds. <<<<<