ความคิดเห็นทั้งหมด : 10

หากมีคนขอให้แต่ง ญ


   หากคุณเป็น คนที่มี คำว่า "นาย" นำหน้าชื่อ แล้วมีเพื่อนๆ มาขอร้องให้คุณแต่งเป็นผู้หญิง สวมกระโปรง สวมวิก ในงานเลี้ยง รับน้อง เพื่อแสดงบนเวที คุณจะคิดอย่างไร



Posted by : กิตติ , E-mail : (ilikeitkk@hotmail.com) ,
Date : 2006-03-24 , Time : 23:48:35 , From IP : 61.7.156.109


ความคิดเห็นที่ : 1


   

อย่าคิดมากครับเป็นแค่การแสดง



Posted by : @^0^@ , Date : 2006-03-25 , Time : 07:32:25 , From IP : 172.29.1.236

ความคิดเห็นที่ : 2


   เป็นผมผมไม่ทำอะ
มีเป็นล้านที่ผมทำให้ได้ แต่ไงๆให้แต่งหญิงผมไม่ทำแหงมๆ


Posted by : kronous , Date : 2006-03-25 , Time : 12:19:13 , From IP : 172.29.4.239

ความคิดเห็นที่ : 3


   ประเด็นหลักที่จะคิดคงเป็น "การแสดง" นี่มีผลต่อตัวตนเราขนาดไหน และความเป็นตัวตนของเรานั้นมันมั่นคงแค่ไหน

เพราะการแสดงตามบท นั้นไม่ได้เป็นการแสดงตัวเรา ถ้าเป็นอย่างนี้ บทที่ได้อาจจะเป็น Godzilla ก้อนหิน ต้นไม้ Zauron ฮิตเลอร์ พอลพต ฯลฯ ก็คงไม่ได้ทำให้เราสูญเสีย self สักเท่าไหร่ รวมทั้งจะเล่นเป็นผู้หญฺง Gollum หรือ RingWraith ก็ได้

น่าสนใจว่า self ของเราที่จะกระทบกระเทือนได้จากการ acting นี่เป็นเพราะอะไร เพราะมันสามารถทำให้เราเสริมสร้างความมั่นใจต่อตัวเองด้านนั้นได้นะครับ ทำไมแสดงเป็นอะไรๆก็ได้ ยกเว้นบทนี้ๆ แสดงว่ามันต้องโดนใจอะไรบางอย่าง สำรวจตนเองและพัฒนาก็จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น



Posted by : Phoenix , Date : 2006-03-25 , Time : 12:53:55 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 4


   ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ
ทุเรศตัวเองเท่านั้นแหละครับ ที่อาจารย์ยกตัวอย่างผมว่าถ้าให้ผมทำ ผมน่าจะทำได้หมดนะ ยกเว้นแต่งหญิงนี่สิ ไม่รู้สิครับ ไม่ค่อยอยากเลย
แบบที่คุณกิตติยกตัวอย่างให้ไปแต่งหญิงในงานเลี้ยงรับน้อง
สำหรับผม ผมคงไม่อยากอย่างที่ได้บอกไปแล้ว
อาจจะอยากให้น้องดูเราในแง่ดีหน่อยมั้งครับ หรือไม่ก็จำที่ตอนเป็นผู้ชายหน่อย
หรือไม่บางทีสิ่งที่เราแสดง อาจถูกคนอื่นตัดสินว่าเป็นอย่างนั้นได้นอกเวทีได้ อาจจะหาว่าพี่คนนี้เป็นตุ๊ดตู่ (แต่ถ้าเล่นบทGodzilla คงไม่มีใครว่าเป็น Godzilla นอกเวที)
ถึงแม้ว่าบางทีการแต่งหญิงนั้นอาจจะทำให้น้องๆจำเราได้ง่าย และสนิทสนมกันมากขึ้นก็ตาม
แต่ถ้าคอขาดบาดตายจริงๆ ก็คงเว้นไม่ได้ละนะครับ
ขอถามนิดนึงได้ไหมครับ ไม่ใช่ลามปามหรือว่าอะไรนะครับ สมมติว่าให้อาจารย์Phoenix แต่งหญิงแสดงบนเวที อาจารย์จะคิดอย่างไรครับ
ถ้าล่วงเกินก็ขออภัยด้วย ผมแค่อยากทราบว่าอาจารย์คิดอย่างไร เพราะผมคงไม่ให้อาจารย์แต่งหญิงอยู่แล้วครับ


Posted by : kronous , Date : 2006-03-25 , Time : 14:43:28 , From IP : 172.29.4.163

ความคิดเห็นที่ : 5


   ผมคงจะคิดว่าถ้าผมเล่นบทนั้นจริงๆแล้ว จะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายของงานได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าไม่ได้ก็ให้คนที่มีความสามารถกว่าทำงานให้สำเร็จ อ้อ... อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ผมมีเจตคติอย่างไรต่องานที่ว่านี้ด้วย โชค(ไม่)ดีที่ความสามารถในการแสดงอะไรแบบ pretending ผมต่ำทรามมาก เลยไม่มีคนเคยขอให้แสดงอะไรที่ต้องใช้ความสามารถในการ acting

เป็นความจริงที่ว่าจะมีคนจำเราได้ในบริบทต่างๆกัน และเราเองก็อยากจะควบคุมว่าใครจะจำเราได้ตอนไหน ตอนหนุ่ม ตอนแข็งแรง ตอนสอน หรือตอนดุด่า ตอนแต่งตัวเป็นผู้หญิงในงานละคร หรือ บริบทไหน เช่น นักกีฬา ครู คนโหด หรือผู้เสีบสละ ผู้มีส่วนร่วมกับงานในสังคม ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี่คนมองและคนถูกมองก็จะเป็นคน "เลือก" ว่าอันไหนเป็น preference ปัญหาก็คือ ถ้ามันไม่ตรงกัน มันเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน?

สมมตินะครับ ถ้าเราประกาศว่าหัวเด็ดตีนขาดจะไม่แต่งเป็นผู้หญิง โดยความคิดของเราว่ามันเป็น image ที่เราไม่อยากให้น้องเราจำเราได้ในลักษณะนั้น แต่จริงๆแล้ว น้องจะจำเราในลักษณะใดนั้น มันจะออกมาอย่างที่เราหวังรึเปล่า ก็น่าสงสัย บางคนอาจจะคิดว่าเรากลัวจะแสดงออกมาดีเกินไป เพราะจริงๆเราเป็นเกย์ หรือบางคนอาจจะคิดว่าเราเป็นพวกแบ่งแยกและดูถูกดูหมิ่นคนส่วนน้อย หรือบางคนอาจจะพาลคิดว่าเราไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับ principle of autonomy ในแง่การเคารพสิทธิส่วนบุคคลเลย เพราะเรารังเกียจ cross-dressing ความคิดของคนนั้นควบคุมยากมาก และบางทีการแสดงออกของเราอย่างหนึ่งที่เกิดจากความหวังว่าจะมีผลต่อ "ความคิด" ของคนอื่นนั้น อาจจะเป็น the most futile attempt ก็ได้

และความ "ไม่ชอบ" ลึกๆนี่มันอธิบายยากอย่างที่ว่าจริงๆ ok ไม่มีใครคิดว่าเราจะเป็น Godzilla แต่ถ้าแต่งเป็นฮิตเลอร์ แต่งเป็นพอลพต แต่งเป็นทักษิณ จะมีคนคิดว่าเรา "share value" กับคนเหล่านี้หรือไม่? ถ้าเรากลัวอย่างนั้น แสดงว่า perception ต่อบทนั้นๆมีอะไรซ่อนเร้นด้านคุณค่า ด้านการยอมรับ ในใจเราอย่างมากพอสมควร จนกระทั่งมันไม่สบายใจแม้แต่การ pretend ตามบทให้เหมือนบทเหล่านี้โดยเฉพาะ เหมือนกับที่บทนางตัวร้ายในละครไทยแหละครับ ที่เดินไปตลาดก็ถูกแม่ค้าด่าเอาก็มี คนเล่นก็ต้องมี self confidence เพียงพอที่จะรู้ว่าตัวตนเราจริงๆเป็นอย่างไร ไม่ใช่อย่างที่มีคนเกลียดคนด่าสักกะหน่อย

กลับมาที่ข้อเสนอในการมอง

ผมคิดว่าน่าสนใจที่ถ้ามีคนมาขอให้เราแสดงบทอะไร แล้วความคิดแรกที่ขึ้นมาในสมองคือ "ไม่เอา ทุเรศ" นั้น เราน่าจะรีบจับมาสะท้อนทันที เพราะมันต้องมีเบื้องหลังความเป็นมาอะไรสักอย่างที่ เราได้บรรจุ default reaction ว่ามันทุเรศ ไม่เอา ไม่ยอบรับ

เพราะอะไร?

เพราะอาชีพเรา (แพทย์) นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการทำงานครับ ถ้าเราเกิดมี pre-setting ของการไม่ยอมรับอะไรไว้เป็น first reaction มากๆ เช่น ถ้าเรารู้สึก เกย์ การแต่งตัว cross-dressing เป็นเรื่องทุเรศ เรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เราอาจจะมีความรู้สึกเช่นนี้ในบริบทอื่น เช่น เจอคนไข้ที่เป็นเกย์ เป็น cross-dresser มาหาที่ ER หรือที่ clinic ต่อให้เราไม่พูดอะไร แต่ attitude ที่ strong นั้น มันจะออกมาตาม อวจนภาษา ตามสายตาที่เรามอง ตามการแสดงออกต่างๆที่คนไข้จะ "รับรุ้ได้" อย่างแน่นอน

พอสะท้อนเจอสาเหตุที่ทำไมเราจึงมองเรื่องนี้น่ารังเกียจ ทุเรศ ยอมรับไม่ได้ เราอาจจะสามารถ explore ความรู้สึก สาเหตุต่างๆ ของเรา เสร็จแล้วเราอาจจะสามารถถอยมาอีกสองสามก้าว explore หาสาเหตุอะไร "ของเขา" ในที่สุดเราอาจจะสามารถทำใจและยอมรับเขาได้ในฐานะคนๆหนึ่งที่แตกต่าง

การยอมรับคนอื่นไม่ได้นั้น เป็นสาเหตุประการเดียวของสงครามครับ สงครามเกิดขึ้นเพราะคนไม่สามารถยอมรับการคงอยู่ของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ต้องการเข้าไปควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงให้เหมือนของเราให้ได้ เป็นการละเมิดกฏ principle of autonomy ธรรมดาๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-03-25 , Time : 15:43:21 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 6


   คุณกิตติทำวิจัยเรื่องเกย์รึค่ะ เห็นถามเรื่องนี่มากมาย

Posted by : นุ้ย , Date : 2006-03-25 , Time : 15:47:48 , From IP : passport6.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ
พออ่านที่อาจารย์เขียนแล้ว ก็ถูกอย่างที่อาจารย์ว่าแหละครับ(รู้ได้ไงนะ) ผมยอมรับเลยว่าไม่ชอบตุ๊ดน่ะครับ ผมจะลองถอยมา explore อย่างที่อาจารย์แนะนำดูครับ หวังว่าคงเลิกไม่ชอบได้ สาธุ...


Posted by : kronous , Date : 2006-03-25 , Time : 16:04:56 , From IP : 172.29.4.163

ความคิดเห็นที่ : 8


   Homophobia นั้นมีมานานแล้ว พอๆกับ ---ism อื่นๆ เช่น racism, sexism, etc

การเกลียด/กลัว สิ่งที่แตกต่าง หรือสิ่งที่เราไม่เข้าใจ นั้นเป็นรากฐานของอารมณ์มนุษย์มาแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะมนุษย์ชอบที่รู้สึกว่าเรา "ควบคุม" สถานการณ์ได้ หรือแม้ถ้าควบคุมไม่ได้ แต่เราก็ยัง "ปลอดภัย" อยู่ สถานการณ์ที่เราไม่เข้าใจ ควบคุมไม่ได้นั้น จะ "คุกคาม" ความเป็นตัวตนของเรา

วิธีแก้มีหลายวิธี เช่น

การหลีกหนี หรือตั้ง barrier เช่น เรากลัวความมืด กลัวสัตว์ป่า ก็หนีมาอยู่ในถ้ำ ก่อกองไฟให้ความสว่าง มีประตู มีรั้ว

การออกไปควบคุม เช่น ไปทำความเข้าใจว่า อ้อ.. หมาป่านี่มันเป็นยังนี้ เราสู้ได้ เราป้องกันตัวเองได้ หรือทราบว่าจริงๆแล้วมันกลัวเราเหมือนกัน หรือพกพาเอาอาวุธ เอาคบไฟไปก็พอ จะปลอดภัย

การหาข้อมูลศึกษา เช่น จันทรคราสนั้นไม่ใช่ราหูมาอมจันทร์ อมอาทิตย์ เราก็ไม่ต้องกลัวรากษสเหล่านี้ ไม่ตอ้งไปตีฆ้องร้องเป่าไล่ราหู เพราะไล่ไม่ไล่มันก็ไปเอง

ความแตกต่างที่เราไม่เข้าใจนั้น คุกคาม stability of mind ของเราเอง ยิ่งถ้าเรามีบุคลิกที่ไม่มั่นคง อ่อนไหวง่าย ไม่มั่นใจในคุณค่าของตนเอง "ความไม่รู้" หรือ "รู้ผิดๆ" ยิ่งจะมีอิทธิพลต่อเจตนคติ ต่อแนวความคิดของเราได้ง่าย บางทีถ้าจะแก้ ทำทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ได้แก่ การศึกษาสิ่งที่เราไม่รู้ และการเพิ่มคุณค่า เพิ่ม self ของตนเอง เพิ่มความมั่นใจในตนเองก็ช่วยได้เร็วขึ้น

ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จในการตั้งใจพัฒนาบุคลิกและตนเองครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2006-03-25 , Time : 16:21:20 , From IP : 172.29.3.242

ความคิดเห็นที่ : 9


   เป็นผม ผมไม่แต่งครับ เหตุผล ง่ายๆๆ ไม่ชอบ

Posted by : สมพร , E-mail : (sompon@hotmail.com) ,
Date : 2006-03-25 , Time : 19:00:38 , From IP : 61.7.156.109


ความคิดเห็นที่ : 10


   คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าผมเป็นเกย์ น่ะ

Posted by : กิตติ , E-mail : (ilikeitkk@hotmail.com) ,
Date : 2006-04-03 , Time : 20:34:27 , From IP : 203.113.71.108


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<