ความคิดเห็นทั้งหมด : 2

ความไม่สบายใจในเรื่องการอบเรมแพทย์ที่จบจากต่างประเทศ ในเขต 3 จังหวัดภาคใต้


   เรียนท่านคณาจารย์ทุกท่านครับ
ผมเป็นศิษย์เก่า ที่ปัจจุบันทำงานอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ
ขอเกริ่นในเบื้องต้นก่อนนะครับ คือ ในเขต 3 จังหวัด ประสบปัญหาขาดแคลนแพทย์ จึงได้มีการแก้ปัญหาโดยการ จ้าง แพทย์ที่จบจากต่างประเทศ ซึ่งโดยมากเป็นคนในพื้นที่ (เข้าใจว่า ไปเรียนแพทย์ในประเทศ แถบตะวันออกกลางครับ) ซึ่งคนกลุ่มนี้ เคยสอบขอรับใบประกอบโรคศิลป์ของประเทศไทยแล้ว แต่ ไม่ผ่านครับ โดยจะทำการจ้างเอาไว้ ให้ช่วยตรวจ OPD เป็นหลักครับ (ไม่ต้องดู ER,LR และไม่อยู่เวรนอกเวลาราชการ) ซึ่งแพทย์คนอื่นต้องทำการ cover อีกครั้ง (โดยมากจะเป็น ผอ. cover ครับ)
เรื่องที่อยากเรียนให้ทางคณาจารย์ได้ทราบ คือ ตอนนี้ทางกลุ่มนี้ ได้ทำการติดต่อไปทางกลุ่มการเมือง โดยอ้างถึง เหตุผลในด้านความสมานฉันท์ในเขตพื้นที่ เพื่อให้เกิดการอนุมัติใบประกอบโรคศิลป์ (ได้รับข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่า เคยมีการทำอย่างนี้มาแล้ว หลายครั้งครับ) บางคนก็ได้รับเป็นใบประกอบโรคศิลป์ ชั่วคราว? (เห็นว่าต้องต่ออายุ ปีละครั้ง) บางคนก็ยังไม่ได้
ปัญหาก็คือคราวนี้ ได้มีความพยายามอย่างมาก จนทำให้เกิดการอบรมพิเศษ เป็น เวลา 6 เดือน ที่ ม.อ. ของเราครับ ซึ่งผมก็ได้ข่าวอย่างไม่เป็นทางการอีกแล้วครับ ว่าจะมีการช่วยเหลือให้ได้ผ่าน จนได้ใบประกอบโรคศิลป์ในที่สุด (มีคนกระซิบผมมาว่า ทางการเมืองขอมา?) ในส่วนที่เคยทำงานร่วมกันกับแพทย์กลุ่มนี้ผม พบปัญหาบางประการที่อยากให้ท่านคณาจารย์ทราบ คือ
1. ในแง่ความรู้ทางด้านวิชาการ ค่อนข้างด้อย อยู่มากครับ หลายครั้งจะพบว่า miss diagnosis + malpractice แต่อันนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะว่า ถ้าเป็นผม ที่ทำงานใน รพช.นานๆ + ไม่ได้ update วิชาการ ก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน จึงเห็นด้วยที่จะให้มีการอบรมความรู้ในครั้งนี้ครับ
2. ในแง่ทักษะ ผมไม่สามารถประเมินได้ครับ เพราะ ไม่เคยเห็นทำหัตถการครับ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นปัญหาแน่ครับ ถ้าหากคนกลุ่มนี้ได้รับใบประกอบโรคศิลป์มา เพราะจะทำให้พวกเขา ถือว่ามีสิทธิเป็นแพทย์คนหนึ่ง และตามมาด้วยขอบเขตความรับผิดชอบที่มากขึ้น เช่น อยู่เวรนอกเวลา,ทำหัตถการในห้องคลอด เป็นต้น เพราะต่อให้ได้รับการอบรมพิเศษนี้มา แต่เมื่อกลับมาปฏิบัติงานจริง ผมเชื่อว่ายังต้องมีการ cover กันเหมือนเดิม ซึ่งจะกลายเป็นภาระงานของแพทย์ที่ทำงานใน รพช. ที่แบกรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (ในพื้นที่ๆ ถ้าเกิดปัญหากับชุมชนแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตเอาง่ายๆเลยครับ) หลายท่านอาจคิดว่า ผมคิดมากไป แต่คิดดูง่ายๆ ครับ ถ้าเขา admit case แล้ว Dx. ผิด หรือ miss diag. แล้ว คนไข้ดันมาตายบน ward แพทย์เวร หรือแพทย์ที่ดูต่อจากเค้า ตาย(เสียชีวิต)เอาง่ายๆเลยนะคับ(เพราะที่นี่ บางครั้งเหตุผลก็ใช้ไม่ได้ครับ ใช้ได้แค่ว่า พูดภาษาเดียวกัน หรือศาสนาเดียวกันรึเปล่า แค่นั้นจริงๆครับ)
3. ในแง่คุณลักษณะพื้นฐาน หลายคนที่ผมเคยสัมผัส (หลายคนจริงๆ ครับ เพราะ เคยไปอยู่มาหลายที่แล้ว) พบว่าส่วนใหญ่จะคล้ายกันครับ ในด้านความรับผิดชอบ บางคนที่พบ อยู่ขาดงานไปโดยไม่ทราบสาเหตุ + ไม่แจ้งล่วงหน้า? บางคนรับผิดชอบให้ออกตรวจที่ PCU + เค้านัดคนไข้ clinic DM , HT ไว้ อยู่ๆก็หายครับ ตามไม่ได้ ไม่ไปออกตรวจ บางครั้งตรวจอยู่ใน รพ. คนไข้ก็เต็ม OPD ก็แวปไปนั่งดู TV บางครั้ง บ่าย 2 ก็กลับบ้านไปเฉยๆ ครับ พวกผมยังตรวจกันอยู่ รู้สึกตัวอีกที พยาบาลบอกไปแล้ว บางทีมีคนลา ขอให้เข้ามาช่วย ก็หายไปเฉยๆ โดยส่วนตัว ยอมรับครับว่าบวกอารมณ์ไปด้วยครับ แต่อย่างไรก็ตามผมถือว่า ถ้าอู้กันเล็กๆ น้อยๆ หรือ ผลัดกันไปพัก ผมก็รับได้นะครับ (เพราะปกติก็ทำกัน) แต่หลายครั้ง หลายพฤติกรรม แสดงออกถึงการขาดความรับผิดชอบ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญของแพทย์ที่พึงปฏิบัติครับ และทีสำคัญครับ เมื่อมีการเรียกไปพูดคุย หรือแนะนำความรู้ทางการแพทย์ให้ ก็รับฟังครับ ฟังเฉยๆ ไม่เอาไปใช้ ไม่ค่อยพบนะครับที่จะทำตาม แต่ก็แปลกเหมือนกัน เพราะเค้าก็จะไม่เถียง หรือบางคนก็ไม่แก้ตัวเลย ฟัง+รับคำเฉยๆ จนบางครั้งผมก็เริ่มงงครับว่าเข้าใจจริงหรือเปล่า?
คนกลุ่มนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ในด้านที่ช่วยแบ่งเบาภาระ คนไข้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อย ที่ OPD ได้บ้าง ช่วยแบ่งเบาภาระในการออกตรวจที่ PCU (ซึ่งมีความเสี่ยงในการเดินทาง) และสามารถพูดภาษายาวีได้ดี ซึ่งทำให้สามารถสื่อสารกับคนไข้ได้สะดวก
สิ่งที่ผมพยายามนำเรียนให้ทราบทั้งหมดนี้ เนื่องจากเหตุผลสำคัญประการเดียวครับ คือ ผมไม่ต้องการให้ มอ. ของเราตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมือง ที่ต้องการอาศัยเรื่องนี้ เพื่อเป็นการเอาใจ คนใน 3 จังหวัด (ตามที่อ้างว่าเพื่อความสมานฉันท์ และช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ในคราวเดียว) เพราะถ้าหากเรายอมให้ คนกลุ่มนี้ได้ใบประกอบโรคศิลป์โดยที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในภายหลังแทน เช่น
- เพิ่มความเสี่ยงให้กับแพทย์ ผู้ร่วมงาน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
- ทำให้คนกลุ่มนี้ (บางคน) เรียกร้องสิทธิอื่นๆ ตามมาอีก เช่น ต้องการเป็นผู้อำนวยการ (ผมเชื่อว่าเค้าสามารถปลุกระดมคนในชุมชนให้เห็นดี ตามเค้าได้จริงๆครับ) , ต้องการย้ายออกไปอยู่นอกพื้นที่ (เพราะถ้าย้ายตอนนี้ ที่อื่นก็คงไม่จ้างให้เป็นแพทย์ ต้องรอได้ใบประกอบโรคศิลป์ก่อน ซึงจะไม่สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ได้อยู่ดี)
- และต่อเนื่องจากปัญหาข้างต้น ต่อไปมารตรฐานการดูแลผู้ป่วยก็จะแบ่ง เป็น 2 มาตรฐาน รึเปล่า ถ้าได้รักษากับแพทย์ทั่วไป ก็ได้รับการดูแลแบบหนึ่ง ถ้าไปพบกับคนกลุ่มนี้ (ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้) ก็จะได้รับการรักษาอีกมาตรฐานหนึ่ง รึเปล่า แล้วถ้าวันดีคืนดี ผมประสบอุบัติเหตุแล้ว เจอคนกลุ่มนี้เข้า ผมจะตื่นมามีสภาพเหมือนกับ พบแพทย์ทั่วๆไป หรือไม่? หรือถ้าตามพวกเค้าไม่ได้ผมจะตายไม๊?
- อื่นๆ พิมพ์มานานๆ เรื่องที่คิดเอาไว้ ก็ลืมไปดื้อๆครับ
หลายท่านอาจจะคิดว่า ผมวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ ไปรึเปล่า แต่ผมก็ขอยืนยันครับว่า ทั้งหมดที่พยายามกล่าวถึงนั้น ได้มาจากประสบการณ์ จริง ที่ได้สัมผัสมาระหว่างปฏิบัติงานใน รพช. ครับ
ท่านคณาจารย์ทั้งหลาย สามารถสอบถามความเห็นไปยัง ผอ.รพช. หรือ ท่าน นพ.สสจ. ได้ครับ แต่คงต้องเป็นทางลับ หรือพูดคุยเป็นการส่วนตัวนะครับ เพราะหลายท่านคงไม่อยากออกความเห็นในประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมืองแบบนี้ในที่สาฐารณะ หรือในรูปแบบที่เป็นทางการ (เพราะถ้ามีหลักฐานว่าพูด อาจซวยเอาง่ายๆเหมือนกันครับ)
โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่าการได้รับใบประกอบโรคศิลป์ของคนกลุ่มนี้ จะเป็นปัญหาครับ ถ้าหากพวกเค้า ทุกคน ได้มาโดยความสามารถ จริงๆ ไม่มีการเมืองแทรก แต่ก็มีข้อสังเกตว่า คนกลุ่มนี้ เคยสอบขอใบประกอบแล้ว หลายครั้ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนในที่สุดก็กลายเป็นการวิ่งเต้นโดย วิธีการต่างๆ จนครั้งนี้ ที่ผมได้ทราบข่าวมา ก็มีความวิตกกังวลอยู่มาก เนื่องจาก ถ้าหากคนกลุ่มนี้ ผ่านได้ เพราะ มอ. เป็นคนอบรม เราก็ต้องถือว่าเค้า ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เหมือนเป็นศิษย์ มอ. คนหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง เราต่างก็ทราบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าหากต่อไป คนกลุ่มนี้สร้างปัญหาใดๆก็ตามขึ้น ก็กลายเป็นว่า พวกเราชาว มอ. ต้องร่วมรับไปด้วยรึเปล่า เพราะมาจากสถาบันเดียวกัน ถ้าผ่านมาได้ ก็แปลว่ามาตรฐานเดียวกัน?
ในฐานะศิษย์เก่าคนหนึ่ง ไม่ต้องการให้ แพทย์ มอ. เราต้องตกเป็นเครื่องมือของใครครับ
สุดท้ายคงต้องขออภัยท่านอธิการบดีด้วยครับ ความจริงผมตั้งใจจะส่งผ่านทางสายตรงสู่คณบดี แต่ติดที่ข้อจำกัดที่ว่าต้องเป็นเครือข่ายภายในเท่านั้นครับ


Posted by : ศิษย์เก่า ที่กลัวว่า ม.อ. จะเส , E-mail : (Slainoo@hotmail.com) ,
Date : 2006-03-13 , Time : 23:40:31 , From IP : 61.19.24.190


ความคิดเห็นที่ : 1


   เคยมีอาจารย์ท่านนึงกล่าวได้ถูกใจมาก
ถึงลื้อสอบผ่านอั๊วะก็ไม่รู้หรอกว่าลื้อฉลาดไหม แต่ถ้าลื้อสอบตกล่ะก็ลื้อโง่แหงๆ



Posted by : greenish head , Date : 2006-03-16 , Time : 23:28:59 , From IP : 172.29.4.163

ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมว่าน่าจะฟ้องศาลปกครองครับ

Posted by : cabin_crew , Date : 2006-03-17 , Time : 01:48:29 , From IP : 172.29.4.69

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<