ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

ถ้าน้องๆอยากช่วยคนอื่นๆสามารถเริ่มได้จากตรงนี้


   มิตรภาพ

สี่ทุ่มแล้ว ผู้คนในสถานีรถไฟหัวลำโพงยังคงเนืองแน่น
ขบวนรถไฟสายอีสาน จอดเทียบชานชลา ฝูงชนเบียดเสียดขึ้นไปบนรถ

นานมาแล้ว ที่ฉันไม่ได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้
นี่เป็นขบวนรถไฟที่ นำพาชีวิตมากมายที่แล้งแค้นจากอีสานสู่เมืองใหญ่นับล้านคนในแต่ละปี
มันเป็นขบวนรถแห่งการแสวงหา

+++++++++++++++++++++++


ตีสี่กว่า ๆ รถไฟเทียบชานขลาที่จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดที่มีรายงานการวิจัยว่า มีการอพยบแรงงานที่มากที่สุดในประเทศไทย
และไม่เพียงคนเท่านั้น แม้แต่ช้างก็ยังอพยบออกจากเมืองนี้

ลงจากรถไฟ ไม่นานก็พบกับ "ยอด" อดีตนักเรียนโรงเรียนเด็กรักป่า ที่ผมเคยพบเขาเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขายังเด็กมาก
แต่ตอนนี้เขาเป็นหนุ่ม และ เป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กในสุรินทร์ เขายกมือไหว้ผม พร้อมกับทักทายชื่อผม เป็นมิตรภาพที่ดี
ที่ได้เดินทางมาถึงที่นี่ แล้วมีคนที่เคยรู้จักกันมารับ

เขาพาฉันไปที่บ้านหลังหนึ่งนอกเมือง เป็นที่อยู่ของสามี ภรรยาคู่หนึ่ง
ทั้งสองเป็นนักจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและศิลปะเด็ก
เป็นนักต่อสู้เพื่อคัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน เป็นหนึ่งในคนที่ยืดหยัดต่อสู้ต่อกลุ่มเผด็จการทหารในยุค รสช.
และทั้งคู่เป็นเพื่อนรักของฉัน

++++++++++++++++++++++++++


จืดเป็นเด็กกำพร้า ใช้ชีวิตเติบโตมาได้เพราะเป็นเด็กวัด และได้รับโอกาสทางการศึกษาเพราะ บวชเป็นเณรจนวันหนึ่งเขาสึกออกมาและเลือกเรียนศิลปะที่เพาะช่าง
ด้วยหลงไหลในเส้นสี และความงามแห่งศิลปะ

วันหนึ่งจืดในฐานะนักกิจกรรมของสถาบัน ได้พบกับหน่อย เธอเป็นนักกิจกรรมสาวจาก ม.สงขลานครินทร์ ในการชุมชุมการคัดค้านเขื่อนน้ำโจน การต่อสู้ยืดเยื้อ ในขณะที่มิตรภาพของทั้งสอง ก่อตัวอย่างเงียบ ๆ



โรงเรียนเด็กรักป่าภาคอีสาน จังหวัดสุรินทร์ คือผลงานที่เกิดจากกำลังกาย กำลังใจ และ มิตรภาพของหนุ่มสาวคู่นี้
นักเรียนรุ่นแรก ที่เป็นเด็กจากในหมู่บ้าน ที่เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.6 และแทบไม่มีโอกาสเรียนหนังสือต่อด้วยฐานะทางเศรษฐกิจ เด็กบางคนบ้านถูกเผา เพราะที่บ้าน มีปัญหากรณีขัดแย้งที่ดินกับหน่วยงานรัฐบางแห่ง ในยุคของโครงการ คจก.อันโด่งดัง
โรงเรียนเด็กรักป่า ยังเป็นที่บ่มเพาะนักกิจกรรมในอีสาน และ เป็นฐานบ่มความคิดให้กับ นักเรียนนักศึกษาเป็นพัน ๆ คน หากจะเปรียบเทียบโรงเรียนเด็กรักป่าเป็นแปลงเพาะชำต้นกล้าของสังคม ก็ไม่น่าจะเป็นคำกล่าวที่เกินความจริงมากนัก

+++++++++++++++


สิบกว่าปีมาแล้ว ที่ฉันรู้จักและติดตามสิ่งอัศจรรย์ที่ทั้งสองคนนี้ เพียรสร้างขึ้นกับสังคมชนบท
ฉันไม่ค่อยได้ยินว่า ใครจะไปตั้งหลักถิ่นฐานกันที่อีสาน ส่วนใหญ่มีแต่คนที่หนีจากที่นั่น แล้วมาแสวงโชคในเมืองใหญ่
ซึ่งแตกต่างกับหญิงชายคู่นี้ เพื่อนที่มากด้วยอุดมการณ์ และ ยืนหยัดอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
มันทำให้ฉันเชื่ออยู่สนิทใจทุกวันนี้ว่า คนดีไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย

++++++++++++++++

วันหนึ่งเมื่อสี่ปีก่อน หน่อยรู้ตัวเองว่า ตนเองมีปัญหาเรื่องไตทั้งสองข้าง
เธอปฏิเสธการเข้าสู่กระบวนการฟอกไต จนวินาทีสุดท้าย เมื่อ 3 ปีผ่านไป
ไตทั้งสองข้างของเธอฝ่อจนเชื่อได้แล้วว่า ไม่สามารถฟื้นคืนเป็นปกติได้ เว้นเสียจะมีการผ่าตัดเปลี่ยนไต
เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เธอและสามีได้ประเมินแล้วว่า ค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของเขาทั้งสอง ฉันพูดได้อย่างเต็มปากว่า ครอบครัวนี้ "ยากจน"

มันอาจฟังดูไม่สมเหตุสมผล ที่บัณฑิตสาว กับ ศิลปินวาดรูป จะมีเงินในธนาคารไม่กี่พันบาท คนทำงานสายนี้ มีเงินใช้ไปเดือนชนเดือนเท่านั้น ซึ่งคนทำงานด้านนี้ยอมรับสภาพตั้งแต่ต้น

สามีเธอยอมตัดใจเดินไปที่ห้องประชาสงเคราะห์ในโรงพยาบาล เพื่อขอใช้สิทธิ์คนไข้อนาถาในครั้งแรกที่หน่อยเข้าโรงพยาบาล
และนอนป่วยอยู่หลายวัน



ธันวาคม 2544 จืดตัดสินใจพาหน่อยเข้ารับการรักษาในฐานะผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งจะต้องรักษาด้วยการฟอกเลือดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยมีค่าใช้จ่ายในการฟอกครั้งละ 2,500 บาท
สัปดาห์หนึ่งค่าฟอกเลือด 5,000 บาท ไม่รวมค่ายาเข็มที่ต้องจ่ายสัปดาห์ละ 1,800 บาท
ทุกวันนี้เพื่อนที่รักของพวกเราอยู่ได้เพราะเงินบริจาคจากเพื่อน ๆ ที่ส่งมาสนับสนุนอยู่เป็นระยะ ตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
จนวันหนึ่ง พี่นก นิรมล เมธีสุวกุล และ คุณวันชัย บรรณาธิการนิยสารสารคดี เขียนบทความขอการสนับสนุนจากเพื่อน ๆ ที่รู้จักครอบครัวนี้ เพื่อยืดชีวิตของหน่อย จนกว่าจะมีไตมาเปลี่ยน ถึงตอนนี้ หน่อยได้รับความกรุณาจากมูลนิธิโรคไต และ โรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่ทำให้การรักษาลดเหลือประมาณเดือนละ 25,000 บาท


แม้ทั้งคู่ไม่ร่ำรวยเงินทอง แต่ทั้งคู่มากด้วยมิตรที่มีน้ำใจ
ถึงเพื่อน ๆ ทุกท่านที่เป็นทั้งเพื่อนของเขาทั้งสอง หรือใครก็ได้ ที่คิดว่า คนทั้งสองคนนี้ มีค่าควรอยู่เป็นเพื่อนของเราไปนาน ๆ
โปรดสนับสนุนกิจกรรมระดมทุนในครั้งนี้ (บริจาคแล้วก็บริจาคอีกได้) ที่
ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุรินทร์ บัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชีคุณอาริยา โมราษฎร์
เลขที่ 141-2-26855-1

หรือสั่งซื้อสมุดบันทึกธรรมชาติ ราคา 120 บาท
ศูนย์ศิลปะธรรมชาติเด็กรักป่า 29 ถนนวิภัชอนุสรณ์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
ตู้ ปณ. 123 อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 โทร. 01-4703072





หรือที่ มูลนิธิกองทุนไทย
E-mail : katin@tff.or.th Te. 02-9302140


+++++++++++++++



รถไฟพาผมกลับมาที่ กทม.อีกครั้ง ฉันยังคงมีภาระที่จะต้องเดินทางกลับสู่เชียงราย
มิตรภาพ แม้ไกลกัน แต่ส่งถึงกันได้ ฉันสัมผัสได้ถึงมิตรภาพนั้น

* หมายเหตุ : หากต้องการส่งกำลังใจถึงคุณจืดและคุณหน่อย khem2509@thaimail.com นี่เป็น email ของคุณจืดครับ แม้เปิดไม่บ่อย แต่ก็พอจะได้คุยกันบ้าง


Posted by : อย่าสนใจชื่อเลย , Date : 2003-07-17 , Time : 21:57:44 , From IP : 202.57.175.11

ความคิดเห็นที่ : 1


   เห็นข่าวนี้มานานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ

Posted by : ArLim , Date : 2003-07-18 , Time : 02:43:36 , From IP : netturbo5.cscoms.com

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.003 seconds. <<<<<