ความคิดเห็นทั้งหมด : 4

เส้นทาง “ชูวิทย์”


   เผยเส้นทาง “เสี่ยเดวิส” นักธุรกิจดีกรีปริญญาโท ที่พลิกผันตัวเองจากเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร สู่วงการอาบอบนวด ประสบความสำเร็จชั้นแนวหน้าของวงการโดยอาศัยจากประสบการณ์ชอบเที่ยวตั้งแต่เป็นนศ.ปี 1 บวกกับความช่วยเหลือของทนายความรุ่นพี่ และเส้นสายในวงการทหาร-ตำรวจ รายละเอียดเรื่องนี้ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” ให้สัมภาษณ์ คำนูณ สิทธิสมาน ทางรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คลื่นสามัญประจำบ้าน เอฟเอ็ม 97.5 เมกะเฮิร์ตซ เมื่อเช้า(14ก.ค.)ที่ผ่านมา



คำนูณ – ท่านผู้ฟังครับ สภาท่าพระอาทิตย์ในช่วงต่อไปนะครับเราจะไปพูดคุยสนทนากับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราอยากรู้และท่านผู้ฟังอยากรู้นะครับ เอาเป็นว่าถ้าท่านผู้ฟังมีคำถามอะไรอยากจะถามคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์นะครับโทรศัพท์เข้ามาได้ ที่หมายเลข 02-629-4480-3 สวัสดีครับคุณชูวิทย์ครับ อยากคุยหลายเรื่องเลย คือเรื่องที่คุณชูวิทย์จะแถลงอะไรก็ว่ากันไป แต่ผมคิดว่าตั้งแต่เป็นข่าวมานะครับท่านผู้ฟังจำนวนมากไม่รู้ว่าคุณชูวิทย์เป็นใครมาจากไหน อยากจะรู้ว่าคุณชูวิทย์ ก่อนจะมาทำธุรกิจอาบอบนวด ทำอะไรมาก่อนครับ

ชูวิทย์ – เอาแต่เด็กไหม

คำนูณ – เอาเลยก็ได้ครับ วันนี้วันหยุดสบาย ๆ เรื่องที่เป็นประเด็นก็ว่ากันไปนะครับ

ชูวิทย์ – คุยเรื่องไม่เครียดดีกว่า เพราะว่าเขาจะต้องมาเครียดวันพุธแล้ว

คำนูณ – ผมจะมาขอให้คุณชูวิทย์เปิดเผยตั้งแต่รายการนี้ก่อนวันพุธคุณชูวิทย์ก็คงไม่เอานะ แต่ถ้าจะมีอะไรแพลมออกมาบ้างก็ไม่เป็นไร

ชูวิทย์ – ได้ นี่ช่อง 97.5 เอฟเอ็ม ผมชื่อชูวิทย์ เกิดมาแถวเยาวราช พ่อแม่ผมเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่เมืองไทย คุณพ่อผมเป็นคนจีน คุณแม่ผมมาจากอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพราะฉะนั้นผมเลือดน้ำเค็ม ผมเรียนหนังสือที่ดี ๆ มาตลอด ผมเรียนอัสสัมฯศรีราชา โรงเรียนประจำ เสร็จแล้วผมก็มาเข้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ หลังจากนั้นผมก็มาเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี ผมจบมหาวิทยาลัยที่อเมริกา อยู่ที่ซานดิเอโก
ประวัติผมที่ผ่านมาผมไม่เคยทะเลาะกับใครนะครับผมมาทำการค้า ธุรกิจอันแรกที่ผมทำก็ไม่ใช่ธุรกิจอาบน้ำนะ อย่านึกว่าผมทำแต่อาบน้ำเป็น ผมทำหมู่บ้านสราลี ถนนเทพารักษ์ กม. 5 ผมทำปี 2530 ตอนกลับจากอเมริกาใหม่ ๆ ปี 2529 – 2530 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โครงการแรกผม 600-700 หลังขายหมดภายใน 5 เดือน ขายได้เดือนละร้อยกว่าหลัง หลังจากนั้นผมไปทำหมู่บ้านชื่อรอยัล ปาล์ม วิลล่า ถนนศรีนครินทร์ อันนั้นก็เป็นโครงการอีกโครงการหนึ่งของผม หลังจากนั้นเกิดสงครามอ่าวปี 2533 บ้านขายไม่ดี ผมก็ไปนั่งกินข้าวกับผู้รับเหมา เอ...จะทำอะไรกันดีนะ ก็ได้ยินโต๊ะข้าง ๆไปกินข้าวที่สถานที่บริการนะ อาบอบนวด เพราะผมชอบเที่ยวมาก

คำนูณ – ไปคุยที่ไหน

ชูวิทย์ – ไปคุยที่จูเลียนา

คำนูณ – ตอนนั้นจูเลียนากำลังดัง

ชูวิทย์ – ก็ไปกินข้าวโต๊ะข้างๆ บอกว่ามีใบอนุญาตอาบน้ำใบหนึ่งจะขาย มีที่แปลงหนึ่งอยู่ด้านหลังจะให้เช่าเขาก็เอ่ยชื่อทนายความคนหนึ่ง ทนายความคนนี้เป็นรุ่นพี่ผมเอง ที่ธรรมศาสตร์ รุ่งขึ้นผมก็โทร.หาเขาเลย พี่ตกลงมีขายจริงหรือเปล่า เขาก็บอกจริง ใบอนุญาตนั้นกี่ห้อง 106 ห้อง ขายห้องเท่าไหร่ เขาบอกขายห้องละ 200,000

คำนูณ – 106 ห้องนี่ใบอนุญาตใบเดียว

ชูวิทย์ – 106 ห้องใบอนุญาตใบเดียว เพราะ 20 กว่าล้าน

คำนูณ – ต้องถือว่าเยอะนะ เพราะปกติตั้งอาบอบนวดยุคหลัง ๆ มันต้องรวมใบอนุญาตย่อยๆ เข้ามาด้วยกันใช่ไหมครับ

ชูวิทย์ - 106 ห้อง คุณคิดว่าสมัยก่อนมีไหมละ เขาอาจจะถ่างตัวเลขก็ได้ ถ่างยังไง อาจจะมี 16 แล้วใส่ 0 ตรงกลาง

คำนูณ – เราก็ต้องเช็กว่าของจริงของปลอม

ชูวิทย์ – ก็มีอย่างนี้ เราก็เริ่มติดต่อ ก็เริ่มธุรกิจที่วิคตอเรีย

คำนูณ - ต้องถือว่าถูกนะห้องละ 200,000 เพราะปกติราคามันห้องละ 500,000 ใช่ไหม

ชูวิทย์ – ใช่เดี๋ยวนี้มัน 500,000 บาท มันขึ้นอยู่กับใบเล็กใบใหญ่ เรื่องนี้คุยกันได้อีกเยอะ ตำรวจนี่สงสัยต้องนั่งร้องไห้อีกเยอะ

คำนูณ – แล้วคุณชูวิทย์มีใครช่วยเจรจาไหมถึงได้มาในราคานี้

ชูวิทย์ – เจ้าของเขาก็เจ้าของโมนาลิซาไง โมนาลิซาอาบอบนวด

คำนูณ – โกสะอาดใช่ไหม

ชูวิทย์ – โกเหม่ง สะอาดครับ ผมตั้งฉายากันว่า มิสเตอร์คลีน

คำนูณ – อ๋อ เขาชื่อโกเหม่ง แต่ชื่อจริงชื่อสะอาด ที่ตอนนี้เขาไปเปิดยูโทเปียใช่ไหมครับ

ชูวิทย์ – ใช่ครับ แต่จริง ๆ ผมคุยกับพี่บรรเจิด พี่บรรเจิดเป็นทนายความ

คำนูณ - ทนายม่านรูด คือเรียกว่าเป็นขาใหญ่ในวงการโรงแรมม่านรูด

ชูวิทย์ – โรงแรมเบอร์ๆ ของแกหมดละ ทำไมคุณรู้ละ

คำนูณ – อ้าวอยู่ในวงการเหมือนกัน ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

ชูวิทย์ – สารพัดเบอร์แหละ แกมีของแกหมดแหละ

คำนูณ – เขาเรียกว่าทนายบรรเจิดพอเอ่ยชื่อขึ้นมาตำรวจรู้จัก เพราะว่าเป็นผู้รวบรวมอะไรต่อมิอะไร ของโรงแรมมีเบอร์ คือโรงแรมมีเบอร์คือว่าเป็นโรงแรมที่มีโสเภณี

ชูวิทย์ – ไม่มี ผมไม่ทราบ

คำนูณ – เขาเรียกว่าทนายบรรเจิด คือทนายบรรเจิดรู้จักกับคุณชูวิทย์มา

ชูวิทย์ – รู้จักกันดี เพราะซื้อใบอนญาตใบแรกแกก็เป็นคนจัดการ

คำนูณ – ที่มาเป็นวิคตอเรีย ซีเครทนะ

ชูวิทย์ – ใช่ครับ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนคนไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่เคยทำธุรกิจอาบอบนวด ธุรกิจอาบอบนวดเป็นยังไง มันไม่มีในหนังสือ เราคนจบปริญญาโท เราก็...มีไหมวะหนังสือไหนบอก ที่ไม่สอนในโรงเรียน ไม่มี หาไม่มี เราก็ต้องไปทำเอง

คำนูณ - คือก่อนหน้านั้นคุณชูวิทย์เที่ยวอาบอบนวดมานานไหม

ชูวิทย์ – ผมเที่ยวตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียนมหาวิทยาธรรมศาสตร์ปี 1 ข้ามปิ่นเกล้าไปอาบน้ำวาเลนไทน์

คำนูณ – คุณชูวิทย์เรียนธรรมศาสตร์ปีไหน

ชูวิทย์ – ทะเบียนปี 22

คำนูณ – รุ่นน้องผมหลายปี

ชูวิทย์ – เหรอครับ อย่างนี้ต้องเรียกพี่ ผมก็เรียนรู้การทำอาบอบนวดมาจากใครรู้ไหมครับ จากพวกเชียร์แขกที่ผมรู้จัก ผมก็เรียกมาทำงานกับผม พวกนี้สารพัดพิษ หลอกผมทุกอย่าง คนหลอกก็คือสอนผม คือมันสอนโดยมันไม่รู้ตัว เพราะว่ามันสอนผม ผมไม่ใช่คนโง่ ผมเรียนรู้แป๊บเดียว

คำนูณ –คือเที่ยวอาบอบนวด ตั้งแต่ปี 1 นี่คุณชูวิทย์ก็ต้องรู้แล้วซิว่ามันไม่ใช่อาบอบนวดธรรมดา

ชูวิทย์ – หมายความว่าไงไม่ธรรมดา

คำนูณ – มันเข้าไปมีบริการทางเพศด้วย ใช่ไหม

ชูวิทย์ – อันนั้นผมบอกให้ว่าคุณอยู่ในห้องสองต่อสอง ผมอาจจะรูปร่างหล่อก็ได้

คำนูณ – คุณชูวิทย์พูดแบบนักกฎหมายอีกแล้ว เป็นที่รู้กันนะ คือเข้าไปมันไม่ใช่ว่าไปอาบน้ำ ไปนวดเฉย ๆ

ชูวิทย์ – ถ้าคุณอยากพูดเรื่องนี้นะ ผมจะบอกตรง ๆ สังคมทุกสังคมต้องหาทางออกครับ ผมถามหน่อยว่าถ้าทุกคนเป็นคนดีหมด ไปเข้าวัดหมด ทำไมมีเหล้าล่ะครับ ทำไมมีบุหรี่ล่ะครับ

คำนูณ – เข้าใจไง แต่ผมกำลังจะพยายามจะบอกว่า เพราะว่าสังคมในทางความเป็นจริงยอมรับสิ่งเหล่านี้ ว่ามันไม่ได้ผิดมากมายอะไร

ชูวิทย์ – อาบอบนวด อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน

คำนูณ – ใช่ แต่ในทางกฎหมายมันผิดมาตลอด

ชูวิทย์ – มันเป็นทางออกทางหนึ่งของผู้ชาย

คำนูณ – ใช่ไหมครับแต่ในทางกฎหมายมันผิดมาตลอด

ชูวิทย์ – ทางกฎหมายผิด เอาอย่างนี้ ถูกกฎหมายผิดศีลธรรม บอกให้ผมทำตามกฎหมาย กฎหมายบอกให้มีอ่าง กฎหมายบอกอาบอบนวด ผมก็ทำตามกฎหมาย

คำนูณ – เขาห้ามล็อคด้วยใช่ไหม

ชูวิทย์ – ผมก็ไม่ได้ล็อค

คำนูณ – แล้วมันต้องมีช่องเปิดให้ดูด้วยใช่ไหม

ชูวิทย์ – ไม่มีใครอยากเปิดเข้าไปอยู่แล้ว มีช่องให้ดูด้วยนะครับตามกฎหมายมีช่องกระจกให้ดู

คำนูณ – แต่กฎหมายก็ไม่ได้บอกว่าเอาผ้ามาปิดไม่ได้

ชูวิทย์ – อ้า นั่นนะซิครับ ผมถึงบอกว่า ก็เขาทำกันอย่างนี้มาตลอด เวลามีปัญหาทำไมมาหาผมคนเดียว ต้องไปหาทุกคน ถ้าจะแก้ปัญหา อย่าเลือกปฏิบัติ ต้องทำเหมือนกันทุกคน

คำนูณ – เอาละก็ได้รับความช่วยเหลือจากทนายบรรเจิด ได้ปรึกษากับโกเหม่ง หรือคุณสะอาด มิสเตอร์คลีน เท่ห์ดีนะ ผมได้ยินมาว่าตอนนั้นก็มีนายทหารบางคนช่วยเหลืออยู่

ชูวิทย์ – นายทหาร ของปกติ เพราะเราทำธุรกิจอย่างนี้

คำนูณ – ถ้าไม่สะดวกใจที่จะเอ่ยชื่อก็ได้นะครับ

ชูวิทย์ – ผมไม่เอ่ยหรอกครับ ผมใช้เป็นตัวย่อหมด

คำนูณ – แต่ถ้าจะเอ่ยก็แล้วแต่คุณชูวิทย์นะ ผมไม่มีปัญหาอะไร มีส่วนไหมครับนายทหารท่านนั้น

ชูวิทย์ – นายทหารท่านนั้นก็เสธ.ด.แดง เอ๊ย เสธ.ด.เด็ก

คำนูณ- คุณพูดเองนะเสธ.ด.เด็ก ถอนคำพูดเรื่องเสธ.ด.แดงไป

ชูวิทย์ – มารู้จักกัน เขาทำธุรกิจพวกนี้ และมันมีคนมาเกี่ยวพันเช่นตำรวจ มาเฟีย ตำรวจก็รุ่นเดียวกันทั้งนั้น ผมบอกแล้วไง ผมไม่มีรุ่น ผมก็ต้องพึ่งคนที่เขามีรุ่น มีรุ่นเดียวกัน มาเดี๋ยวเคลียร์ให้
คำนูณ – รู้จักมาก่อนหรือยังไง เสธ.ด.เด็ก

ชูวิทย์ – ไม่รู้จักครับ มีการแนะนำมาจากเพื่อนผมที่อยู่อเมริกาอีกที เพื่อนที่อยู่อเมริการู้จักเขาและก็แนะนำกันมานะครับ พอมาเมืองไทยทำธุรกิจนี้ก็ติดต่อเขา เขาก็รับเป็นที่ปรึกษาให้ แต่ไม่ได้หุ้นกับผมนะครับ เช่นรับเคลียร์ตำรวจให้ เนื่องจากตำรวจกับผมมันรุ่นเดียวกัน เดี๋ยวก็อ้างรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ไม่ฆ่ากันอยู่แล้ว

คำนูณ – คติไม่ฆ่ากันอยู่แล้วนะ

ชูวิทย์ – อย่าลืมคติ

คำนูณ – ยุคนั้นคตินี้ดังนะ

ชูวิทย์ – ทีนี้พอทำไปทำมา ผมก็เห็นว่าใช้ทหารไปเคลียร์ตำรวจนี่ขาดทุน รู้ไหมทำไม ตำรวจบอกเอาทหารมาเคลียร์ ทหารเคลียร์ราคา ไม่มีราคา ราคาถูก บางทีอ้างพี่อ้างน้องไม่จ่ายเฉยเลย อย่างนี้แหม ตำรวจไม่ไหว ตำรวจเคลียร์กับพ่อค้าดีกว่า พอเคลียร์กับพ่อค้ามันเป็นตัวเลข

คำนูณ – คือหมายถึงว่าถ้าให้เสธ. หรือให้ทหารอะไรก็แล้วแต่ไปเคลียร์ ตำรวจเขาเกรงใจ เขาต้องคิดถูก

ชูวิทย์ – ไม่ใช่ เกรงใจจับเลย

คำนูณ – ถือว่าต้องพูดผ่านกลางใช่ไหม

ชูวิทย์- ไม่มีตัวเลขให้ ไม่มีเงินให้ ตัวเลขมันไปตกที่ใครคนหนึ่ง ผมให้ตลอดนะ แต่ตัวเลขไม่ถึงเขา

คำนูณ – คุณชูวิทย์ระวังเปิดศึกกับทหารอีกนะ

ชูวิทย์ – ทหารกับผมนี่เพื่อนกัน เที่ยวกันเยอะ ตอนนี้ตำรวจอย่างเดียวนะครับ ทหารผมไม่เกี่ยว ทีนี้ก็วันหลังเราเคลียร์เองดีกว่า

คำนูณ – ตอนที่มาเคลียร์กับตำรวจเอง หลังจากที่เปิดวิคตอเรีย ซีเครทไปแล้วนานไหม

ชูวิทย์ – เปิดประมาณ 2-3 ปี

คำนูณ – เปิดวิคตอเรีย ซีเครทปีไหนครับ

ชูวิทย์ – ถ้าผมจำไม่ผิดปี 2535

คำนูณ – ยุครสช.อยู่

ชูวิทย์ – รสช.งั้นไม่ใช่ งั้นต้อง 2536 –2537 ผมเปิดหลังจากยุครสช.

คำนูณ – ตอนนั้นทำไมตั้งชื่อวิคตอเรีย ซีเครทละครับ ชื่อชุดชั้นในใช่ไหม

ชูวิทย์ – ความลับของวิคตอเรีย ตอนนี้เขาฟ้องอยู่นะ

คำนูณ – อ๋อ ชุดชั้นในวิคตอเรีย ซีเครทเขาฟ้อง

ชูวิทย์ – อเมริกันส่งทนายมาฟ้องผม

คำนูณ – คือเรียกว่าวิคตอเรีย ซีเครทนี่เป็นชุดชั้นในไฮโซ ราคาแพง

ชูวิทย์ – เขาอ้างว่าเขาเป็นชุดชั้นใน ผมบอกผมไม่ได้ขายชุดชั้นใน ผมเป็นสถานบริการ

คำนูณ- อ๋อนี่เป็นคดีความกันอยู่หรือครับ

ชูวิทย์ – เป็นคดีความ เอาเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันซึ่งเป็นผู้หญิงอเมริกันมาเป็นพยาน บอกว่ารู้จักวิคตอเรีย ซีเครท

คำนูณ – เขาฟ้องคุณชูวิทย์ที่ไหน

ชูวิทย์ - ศาลไทย ฟ้องถึงศาลฏีกา ปรากฏว่าแพ้ผม

คำนูณ – ตอนนี้คดีจบไปแล้ว แต่ใบอนุญาตไม่ได้ชื่อวิคตอเรีย ซีเครท ใช่ไหมครับ

ชูวิทย์ – ใบอนุญาตมันชื่อเก่า ชื่อใบอนุญาตบางใบชื่ออุดม ออนเซน อมรินทร์ คือเป็นใบอนุญาตที่ออกให้เมื่อ 20-30 ปีก่อนแล้ว

คำนูณ – แล้วตอนนั้นกรมตำรวจเขามีนโยบายไม่ออกใบอนุญาตเพิ่มเติม

ชูวิทย์ – หลังปี 2521 เขาไม่ออกใบอนุญาตเพิ่มเติม คือ 113 ใบทั่วประเทศ อันนี้หมายความว่าใบนี้ออกที่เชียงใหม่ ห้ามย้ายมากรุงเทพ ฯ อยู่กรุงเทพฯ ห้ามย้ายไปพัทยา อยู่เขตใครเขตมัน

คำนูณ – มันก็เลยทำให้คนที่ถือใบอนุญาตในเขตกรุงเทพฯ ไว้มันมีราคา แล้วเวลาซื้อมาซื้อขาดไหม

ชูวิทย์ – ซื้อมาต้องซื้อขาด ขั้นตอนการซื้อขายมันก็มีอีก เพราะตำรวจท่านว่าห้ามโอน ห้ามย้าย ห้ามขาย แต่ทำไมมีการทั้งซื้อ ทั้งขาย ทั้งโอน

คำนูณ – ก็เรียกว่าจ่ายกันทุกขั้นตอน

ชูวิทย์ – เออ นั่นแหละ

คำนูณ – จ่ายแพงไหม อย่างค่าโอน

ชูวิทย์ – ตอนนี้เหรอ ค่าโอนตอนนี้อย่าเพิ่งพูดเลย เพราะผมกำลังจะโอนอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวเสียราคา

คำนูณ – จริง ๆ คุณชูวิทย์ขายไม่ได้ ในทางกฎหมายขายไม่ได้

ชูวิทย์ – ในทางกฎหมายขาย ผมถามคุณหน่อยนะ ใบอนุญาตมี 2 ประเภท ประเภทหนึ่งเป็นชื่อคน เช่น นาย ก. นาย ข. อีกประเภทหนึ่งเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัท ห้างหุ้นส่วนบริษัททำไม่ยากหรอก เช่น ผมบอกผมเป็นหุ้นส่วนคุณ ผมไม่สบาย ผมแก่แล้ว ผมจะไปต่างประเทศ

คำนูณ – อาจจะใช้วิธีขายหุ้นส่วน ขายบริษัทไปเลย สวมชื่อกันแทน

ชูวิทย์ – แต่ชื่อบุคคลมันขายได้ยังไง

คำนูณ – ขายไม่ได้

ชูวิทย์ – ขายได้ ใบขับขี่คุณนี่ธรรมดาใช้ชื่อคุณ คุณจะไปโอนให้คนอื่นไม่ได้นะ แต่ตำรวจไทยทำได้

คำนูณ – ทำยังไง

ชูวิทย์ – เป็นความลับ ผมบอกทีหลัง

คำนูณ – คุณก็บอกผ่านรายการเราบ้างซิ

ชูวิทย์ – ผมบอกไปเดี๋ยวเขาไม่มีทางออก ให้ทางออกเขาหน่อย

คำนูณ – มีข่าวว่าคุณชูวิทย์ขายไปแล้ว 4 แห่งจริงไหม

ชูวิทย์ - คุณช่วยผมขายหน่อยเถอะ คือผมมี 6 ที่ ทุกวันนี้ผมเดือดร้อนมาก อาทิตย์หน้า 2 อาทิตย์ สื่ออาจจะเงียบ ผมเดินไปตามถนน อาจจะต้องมีคนทำอะไรผม แล้วผมก็นอนลง เสร็จแล้วอีกซักพัก ก็บอกว่าพบชายร่างใหญ่ ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ สันนิษฐานว่า หนึ่งชู้สาว สองขัดแย้งทางธุรกิจ เออ นี่ผมรู้ใจจังเลย

คำนูณ – ไม่ตายหรอกคุณชูวิทย์ ดัง ๆ อย่างนี้ไม่มีใครเขาทำอะไรหรอก

ชูวิทย์ – ผมเคยบอกไปแล้ว วันนี้โพลออกมาทางช่อง 5 ของคุณสรยุทธ์ หรือช่อง 3 ที่ออกข่าวตอนเช้า โพลออกมาว่าคนเชื่อว่าผมถูกอุ้ม 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ คนที่ไม่เชื่อนะ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ก็ยังดีครับ ผมคิดว่ายังไงความจริงก็คือความจริงนะ โกหกก็คือโกหก ไม่มีใครที่ลวงโลกได้ตลอดหรอก

คำนูณ- เอาละตอนนั้นพอเปิดวิคตอเรียซีเครทขึ้นมานี่บูมไหม

ชูวิทย์ – โอ้โห มันจะไม่บูมได้ยังไง

คำนูณ – ทำยังไงถึงบูมเหนือกว่าคนอื่นเขา

ชูวิทย์ – ผมเล่าให้คุณฟัง แรก ๆ ก็ไม่มีคนเท่าไหร่

คำนูณ – เ พราะทางมันเข้าลึกลับเหมือนกันนะ

ชูวิทย์ – แต่ตรงนี้เป็นจุดดี เพราะคนมองไม่เห็นหลังคารถ

คำนูณ – เออ ใช่ ที่เปิดเผยกลับไม่ดีนะ

ชูวิทย์ – ที่ไหนเปิดหรูหรา ทางเข้าใหญ่ ๆ ไม่มีคน ของแบบนี้ต้องทำลับๆ มุมๆ หน่อย วิคตอเรียตอนนั้นเปิดใหม่ๆ ไม่ดี เพราะคนเชียร์แขกหลอกผมไว้เยอะ ประมาณ 3 เดือนหลังจากนั้น คลีโอพัตราที่เพลินจิตปิด อีลิทที่หัวมุมพระราม 9 ปิด ปรากฏว่าเด็กไม่รู้จะไปไหน เฮมาหาผม

คำนูณ – ก็คือเด็กเลาจน์ลงอ่างเยอะ

ชูวิทย์ – มีหมดครับ ผมมีทั้งเลาจน์ด้วย ผมมีทั้งแผนอนาคต มีทั้งแผนปัจจุบัน มีทั้งแบบโบราณ เดี๋ยวคุณจะฟังว่าแผนปัจจุบันคืออะไร

คำนูณ- แผนอนาคตเป็นยังไงนะ

ชูวิทย์ – แผนอนาคตก็คือเลาจน์ไง ผู้ชายมาเที่ยวเลาจน์ไม่จบ เพราะเด็กอยากจะให้มา พี่มาพรุ่งนี้นะ ขืนจบวันนี้ก็เสร็จซิ แผนอนาคตไหมละ มาพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็ยังไม่จบ มาอีกมาอีก มาเป็นอาทิตย์เสียเป็นแสนยังไม่ได้เลย

คำนูณ – แผนปัจจุบันนี่คืออาบอบนวดปกติ

ชูวิทย์ – โบราณก็พวกนวดเอาแต่มือทำอะไรได้ พวกแผนอนาคตก็คุยไปซิ คุยไปซักอาทิตย์หนึ่ง เสียเงินซักหมื่น 2 หมื่น 3 หมื่น 5 หมื่นกว่าจะได้ นั่นแหละครับอนาคต ดังนั้นผมก็ทำไปเรื่อยวิคตอเรียประสบความสำเร็จมาก คุณเชื่อไหมเยอะจริงๆ

คำนูณ – ตอนนั้นคนดังก็มาเที่ยวเยอะใช่ไหม

ชูวิทย์ – จะให้ผมเอ่ยไหม

คำนูณ – เอาเลย คุณชูวิทย์เอ่ย คุณชูวิทย์รับผิดชอบอยู่แล้ว

ชูวิทย์ – ผมรับผิดชอบ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว ผมบอกให้ โดนอุ้มมาแล้ว อย่างเดียวผมก็ตาย รัฐมนตรีป. ปลา โอ้โห รัฐมนตรีป.ปลา นี่ลูกค้าประจำผม เข้าบ่าย 3 ออกเที่ยงคืน ผมก็แนะนำให้ อะไรให้หมดนะ

คำนูณ- คุณนี่ไปจงเกลียดจงชังอะไรท่านเนี่ย สงสารท่านมั่งไหมเนี่ย

ชูวิทย์ – ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าชื่ออะไร

คำนูณ- คนก็รู้กันทั่วเมืองนะแหละ

ชูวิทย์ – ในรัฐมนตรีนี้มีป.ปลาตั้งเยอะ ผมถามหน่อยเถอะ ถ้าเกิดผมแค้นนะ ผมบอกตรงๆ เลยนะว่าผมแค้น เพราะอะไร สมัยก่อนนะเป็นเพื่อนกัน สมัยนี้บุญพาวาสนาส่ง พอเจอหน้าไม่ทัก ไม่ทักไม่เป็นไร ยังจับอีกแน่ะ

คำนูณ – คุณก็เห็นใจเขาบ้างซิ เขาเลิกแล้ว

ชูวิทย์ – เขาเลิกที่ไหนล่ะ เขายังไม่ได้เลิก

คำนูณ – เขาเป็นรัฐมนตรีเขายังไปนวดได้อีกเหรอ

ชูวิทย์ – คุณรู้ได้ยังไง หมอนวดนี่เดินไม่ได้เหรอ ท่านไม่มาหา หนูไปหาท่านก็ได้ มันผิดตรงไหน

คำนูณ – แล้วท่านใช้บริการที่ไหนเดี๋ยวนี้

ชูวิทย์ – อย่าลืมนะมีที่ไหนที่ท่านยังไม่เคยไปเลยนะ ที่ของท่านเองนะ มุมมักกะสันนะ

คำนูณ – พลาซ่า

ชูวิทย์ – อ้า รู้นี่

คำนูณ – เสี่ยอ้วนก็คนของท่านไม่ใช่เหรอ

ชูวิทย์ – ก็ใช่นะสิ นั่นก็ของท่านนะ

คำนูณ – เสี่ยอ้วนก็แบบว่าเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีด้วย

ชูวิทย์ – นั่นของท่านไง ท่านจะไปเมื่อไหร่ ท่านจะขึ้นเมื่อไหร่ ท่านจะแว้บเมื่อไหร่ใครจะไปรู้

คำนูณ – ท่านก็เรียกจากตรงนั้นไปเลย

ชูวิทย์ – เอาเฉพาะหมอนวดที่แบบรู้ใจกัน ไม่งั้นต้องเอาเฉพาะเด็กๆ หน่อย เขาไม่ชอบคนแก่ เขาชอบขาว ๆ และก็สูงหน่อย หน้าอกใหญ่หน่อย

คำนูณ – คุณอย่าให้รายการผมถึงเรทเอ็กซ์นะ

ชูวิทย์ – สเปคเขาเป็นอย่างนั้น

คำนูณ – สรุปว่าท่านยังไม่เลิก

ชูวิทย์ – จะเลิกได้ยังไง คุณหยุดกินข้าวหรือเปล่าล่ะ ผมถามว่าคุณใหญ่แค่ไหนคุณก็ต้องกินข้าว กินข้าวทุกคน

คำนูณ – บางวันผมก็กินก๋วยเตี๋ยว

ชูวิทย์ – บางวันก็กินหูฉลาม แต่ถามหน่อยผู้ชายกินหูฉลามทุกมื้อไม่ได้หรอก เบื่อตาย เพราะฉะนั้นต้องก๋วยเตี๋ยวบ้าง บางคนกินปลาร้า ถามว่าไปได้ยังไง มืด ๆ ดำ ๆ อย่างนี้ ก็วันนี้อยากกินแบบนี้ห้ามไม่ได้

คำนูณ – คุณชูวิทย์เดี๋ยวเราจะต้องพักถ่ายทอดข่าว แต่ว่าเดี๋ยวหลัง 09.00-10.00 น.ถ้าคุณไม่ติดอะไรเราคุยต่อไปได้เรื่อย ๆ

ชูวิทย์ – เอาแบบสนุกๆ ได้ๆ

คำนูณ – อยากให้คนเขารู้จักคุณชูวิทย์พร้อมกับธุรกิจนี้ ส่วนเรื่องที่คุณชูวิทย์จะแฉอะไรเรื่องเกี่ยวกับตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการ

ชูวิทย์ – เอาเรื่องอื่นดีกว่า เรื่องนักการเมือง

คำนูณ – เรื่องรัฐมนตรีป.และก็จะมีรัฐมนตรีไหนอีกก็ด้วยความยินดีครับ

ชูวิทย์ – มีครับ มีเยอะเลย

คำนูณ – เพราะฉะนั้นคุณชูวิทย์พักซักครู่เดี๋ยวเราติดต่อกลับไปใหม่นะครับ

ชูวิทย์ – ครับ


…………

คำนูณ – ช่วงต่อไปเราจะสนทนาต่อกับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์นะครับ ในประเด็นที่อาจจะไม่เหมือนข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันทั่วไป คือเราจะมาคุยกันเรื่องชีวิตคุณชูวิทย์อีกครั้งครับ คุณชูวิทย์ครับ เรามาต่อกันดีกว่า จากวิคตอเรียซีเครท กำไรเยอะไหมครับซักปีสองปี

ชูวิทย์ – ผมแจกเขาเป็นถึงปุ๋ยได้ ผมก็ได้เป็นกระเป๋าเดินทาง

คำนูณ – เพราะธรรมดาของนักธุรกิจใช่ไหม คุณชูวิทย์คงไม่เอาส่วนใหญ่ไปแจกให้

ชูวิทย์ – ก็นั่นน่ะซิครับ

คำนูณ – ยังเหลืออีกเยอะ

ชูวิทย์ – ผมก็ต้องกำไรซิครับ พอกำไรผมก็มาทำเอ็มมานูเอลต่อ สมัยเอ็มมานูเอล รัชดายังไม่มีอาบอบนวดเลยนะ ผมทำเป็นที่แรกก่อนทุกที่ครับ โพไซดอน ปิซ่า มิราจ พวกนี้ทีหลังทั้งนั้น ทำตามผมทั้งนั้น พอผมทำที่เอ็มมานูเอล คุณเชื่อไหม เอ็มมานูเอลเยอะตั้งแต่วันแรก

คำนูณ- คือเอากำไรจากวิคตอเรีย ซีเครททำ

ชูวิทย์ – ครับเพราะคนอย่างผมก็กู้เงินเขาจ่ายดอกเบี้ย บางคนเอาเงินเขาดอกเบี้ยก็ไม่มี ต้นก็ไม่มี ผมเหมือนพระเวสสันดรให้อย่างเดียว สุดท้ายเหลือนางมัทรีซึ่งเป็นเมีย คิดดูแล้วกัน นี่จะไปเอาอีก ให้จนไม่รู้จะให้อะไรแล้ว ผมบอกว่าถ้าจะเอาอย่างนี้ผมก็ยอมกลายเป็นหมา

คำนูณ- พระเวสสันดร มีนางมัทรีคนเดียว คุณชูวิทย์นี่ตามข่าวปรากฏมาผมเห็นว่า 2 คนแล้ว

ชูวิทย์ – 2 คนนี่เท่าที่เห็นนะ บางวันผมก็ต้องไปกล่อมเด็ก ต้องไปคุยกับเด็กคนโน้น ให้กำลังใจคนนี้

คำนูณ – กี่คน

ชูวิทย์ – ก็ต้องนับนิ้วมือกับนิ้วเท้ารวมกันนะ เพราะนิ้วมือนับไม่พอ เอ็มมานูเอลเราก็ทำลักษณะเดียวกัน มีทั้งอาบอบนวด มีทั้งเลาจน์ มีทั้งคอฟฟีช็อฟ บางคนไม่ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ ไม่ชอบแม็คโดนัลด์ เข้ามาถึงแล้วไปอาบน้ำเลย บางคนอยากจะฝอยก่อน อยากจะฝอยก็ต้องไปที่เลาจน์ต้องไปคุยต้องไปพูด และเด็กพวกนี้คุณเชื่อไหม เก่ง เป็นนักจิตวิทยา ผมถามหน่อยเถอะ ถ้าผมเสริมความสุข เวลาที่คนมาหาผมเครียด บางครั้งทะเลาะกับเมียมา บางครั้งมีปัญหาเรื่องงาน มาอาบน้ำมาอะไร คุยปัญหาเรื่องที่บ้าน คุยว่าเมียจู้จี้จุกจิก เมียพูดมาก เมียเอาโน่นเอานี่ พนักงานของผมก็คอยกล่อม คอยคุยกับเขาใจเย็นๆ พี่ ค่อย ๆ คิด อาบน้ำก่อนนะพี่นะ หิวไหม เขาจะไม่พูดเรื่องปัญหา

คำนูณ – วิคตอเรีย ซีเครทนี่ลงทุนถึงร้อยล้านไหม

ชูวิทย์ – สมัยก่อนรวมทั้งหมด 80 ล้าน

คำนูณ – ที่นี่ซื้อเลยใช่ไหมครับ

ชูวิทย์ – ที่ผมเช่าครับ ทุกที่ผมเช่าเอา เพราะว่าซื้อลงทุนเยอะเกินไป แต่ถ้าคุณบรรเจิดแกซื้อ คุณบรรเจิดกับคุณสะอาดนี่เขาซื้อ เขาซื้ออย่างเดียว เขาไม่เช่า เพราะเขาถือว่าซื้อคุ้มกว่าเยอะ อันนี้ก็แล้วแต่คิด เพราะผมเช่า ผมเช่าไม่นาน ก็เช่าเอา

คำนูณ – เอ็มมานูเอลนี่ลงทุนสูงขึ้นไปอีก เกินร้อยซิครับ

ชูวิทย์ – ต้องเกิน ดังนั้นเมื่อเอ็มมานูเอลประสบความสำเร็จ ผมก็พ่อค้า ก็ขยายไปอีก ก็เป็นฮอนโนลูลู ผมก็สร้างเป็นรูปเรือ ทรงเรือเลย เปิดไปวันแรกนี่ฮือฮามาก นั่งเรือข้างในหรูหรา มีลานเรือ มีหมู่บ้านฮาวาย มีทุกอย่างนะครับ ก็ประสบความสำเร็จอีกเยอะตั้งแต่วันแรก หลังจากนั้นผมก็ไปเปิดไฮคลาส ก็อยู่ข้างเอ็มมานูเอล ไฮคลาสเป็นรูปแบบใหม่ แผนโบราณ ถ้าขึ้นไปแล้วสะกิดก็ไม่ว่ากัน เพราะส่วนมากมันต้องมีอะไรแถมหน่อย นวดไปนวดมากำลังลมมันขึ้น หลังจากนั้นผมก็ไปทำโคปา คาบานา เป็นรูปแบบของรีสอร์ท ใครมาก็ตกใจ มันไม่หรูนะแต่มันแปลก ผมบินไปบาหลี สั่งของมาเป็นคอนเทนเนอร์เลย หมดไปแสนกว่าบ้านเอง ก็แต่งหมดละครับ ทั้งหน้ากาก สไตล์รีสอร์ท เป็นไม้ ให้รูปแบบมันแปลก คนมาก็ชอบ คือเป็นรีสอร์ทที่อยู่ใจกลางกรุง ไม่ต้องไปถึงภูเก็ตหรอก 2 ชั่วโมงเองก็ถึงแล้ว ทั้งหมดก็มี 6 ที่ครับ

คำนูณ – แล้วจุดเริ่มต้นที่จะมาเอาที่ ที่เหตุเกิดปัญหานี่ละครับ

ชูวิทย์ – ทีนี้ผมบอกให้นะคุณสนธิพูดผิด ข้อมูลของผู้จัดการนะ ขอโทษอัพเดทหน่อย ที่พูดที่ช่อง 9 นะ พูดผิด ผิดยังไงผมบอกให้ฟัง คุณฟังดูคุณจะรู้เรื่องเลย เพราะไอ้ที่สุขุมวิทมันไม่มีโซนนิ่ง กฎหมายเขามีโซนนิ่งแล้ว โซนนิ่งที่จะสร้างสถานบริการที่จะย้ายไปตั้งได้ ต้องย้ายตามโซนนิ่งที่เขากำหนด ประการแรก พัฒน์พงษ์ โอเคมีโซนนิ่ง ประการที่สองรัชดา ประการที่สาม เพชรบุรี อย่างนี้ย้ายได้ ในโซนนิ่ง แต่สุขุมวิทไม่มีโซนนิ่ง ดังนั้นจะย้ายเธค ย้ายอาบอบนวดไปเปิดตรงนั้นไม่ได้

คำนูณ – แล้วคุณอยากจะให้เป็นอะไรตรงนั้น

ชูวิทย์ – ที่สุขุมวิทผมก็จะทำแบบที่คุณสนธิพูดเหมือนกัน คือเลิกแล้วก็มาทำอะไรที่มันดีๆ แต่คุณพูดให้มันชัดหน่อยนะ คนที่ทำนานกว่าผม 30 ปียังไม่เลิกเลย ผมเพิ่งทำ 8-10 ปีเอง คุณก็ให้เวลาผมหน่อยซิ

คำนูณ – แต่ตั้งชื่อทัชมาฮาลเหมือนกัน

ชูวิทย์ – ไม่ใช่ครับ ผมก็ไม่รู้เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนนะ แต่ไม่ใช่ผมครับ

คำนูณ – คุณชูวิทย์เคยคิดจะเป็นชื่ออะไรไหม

ชูวิทย์ – ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์ เพราะว่าผมไม่เคยให้สัมภาษณ์คน ผมอยู่หลังฉากมาตลอด ผมไม่เคยพูด จะสังเกตว่าผมก็พูดเป็นเหมือนกัน ผมไม่เคยพูดเลยว่าจะทำทัชมาฮาล ผมไม่เคยพูดจะสร้าง 48 ชั้น ผมไม่เคยพูดเลยว่าจะสร้างอาบอบนวด ซ่องถูกกฎหมาย ผมจะทำไปทำไม สมมติวันหนึ่งลูกผมโต ผมก็อยากจะทำอย่างอื่นบ้างซิ ผมอยากจะเดินใส่สูทเดินไปเดินมา เหมือนกับโรงแรมหลายโรงแรมที่รัชดา สมัยก่อนเขาก็ทำเหมือนผม ที่ไหนบ้างละครับ คุณคงรู้ เอมเมอรัลด์ เจ้าพระยา เดิมเขาทำอะไรล่ะครับ เขาทำอาบน้ำนะครับ เขาทำแบบเดียวกับผม ตอนนี้เขาทำอะไร เขาใส่สูทเดินไปเดินมา ก็เท่ห์ดี ผมก็อยากทำแบบเขาบ้าง ทีนี้ถามหน่อยผมทำกี่ปี ผมเพิ่งทำ 8-10 ปีนี่เอง ทำไมถึงใส่ร้ายผมจังเลย คุณจะไม่ให้เวลาผมเลิกบ้างหรือ

คำนูณ – ที่แคมป์เดวิสนี่กะเป็นอะไรครับ

ชูวิทย์ – แคมป์เดวิสผมก็ใช้ชื่อผม และพอไปพ้องกับแคมป์เดวิส สถานที่พบปะพักร้อนของประธานาธิบดี ผมก็กะเป็นที่สนุกสนาน ให้เด็กวัยรุ่นมาแสดงออก ทีนี้ผมไม่มีเวลาทำแอคติวิตี้นั้น การที่ทำอย่างนั้นมันต้องพึ่งคน แอคติวิตี้ของวัยรุ่น มาแสดงออก แสดงความสามารถผมก็ทำไปแล้ว ซึ่งประสบความสำเร็จ มีร้านค้า ร้านอะไร โฮลาโฮล่า สตาร์บัคส์ ทุกอย่างพอสมควร อยู่ได้ ส่วนโรงแรมเดอะ เดวิส ของผม ผมก็กะเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง ผมแต่งเองนะ ผมชอบทำ ชอบแต่ง

คำนูณ – ขายดีด้วย

ชูวิทย์ – ผมไม่เคยคิดว่าใกล้สถานทูตจะเปิดอาบน้ำเปิดไม่ได้ แหม คุณเอาความคิดที่ไหนมา

คำนูณ – แต่มันเป็นข่าวมาตลอดนะ

ชูวิทย์ – ก็ผมไม่เคยแก้ข่าวไง เพราะผมไม่เคยพูด แต่วันนี้ผมพูดแล้วก็พูดเลย

คำนูณ – โอเค ผมเชื่อว่าคนที่เอาข่าวมาเขาคงไม่ได้คิดขึ้นมาเอง เขาก็กะคุณชูวิทย์นะ ถ้าไม่มีเรื่องนี้ขึ้นมา คุณชูวิทย์จะออกมาพูดเปิดตัวหรือ คนเขียนหนังสือเขาก็ได้ข่าวมาอย่างเรื่อง 48 ชั้น มันก็มีข้อมูลมานั่นแหละ

ชูวิทย์ – มันไม่เกินไปเหรอทำ 48 ชั้น

คำนูณ – ผมก็ว่ามันเกินไป

ชูวิทย์ – ผมถามหน่อย อะไรที่มันจีรังยั่งยืนมีไหม เวลาทำอย่างนี้ผมถามหน่อย ถูกกฎหมายผิดศีลธรรม ผมถามคุณคำนูณ กับคุณพีรยุหน่อยว่ามีอะไรที่ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลธรรมบ้าง นอกจากธุรกิจของผมช่วยคิดหน่อย

คำนูณ – มีเยอะเหมือนกันนะ

ชูวิทย์ – นั่นนะซิครับ ตามที่พระท่านว่าก็เยอะแล้ว สุรา กาเม มันก็ผิดนะ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกปฏิบัติ ถ้าจะทำให้จริงก็ทำให้หมด แต่ผมรู้ว่าทำไม่ได้ เพราะอะไร เพราะสังคมต้องหาทางออก

คำนูณ – เห็นด้วยไงที่เรามาคุยกัน เราก็เห็นด้วย

ชูวิทย์ – นั่นนะซิครับ ผมอยากจะแชร์ความรู้สึกของผมให้สังคมได้รับรู้ สังคมไทยปกปิด ผมถามว่ามีส่วยไหม ทุกคนบอกมี นี่ไงผมมี คนนั้นบอกไม่มี

คำนูณ – คือรายการเรานะครับ คุณชูวิทย์เล่าให้ฟังหน่อย เราไม่อยากให้ประเด็นของสังคมหยุดแค่คุณชูวิทย์กับตำรวจ แต่อยากให้ก้าวไกลไปถึงว่าอะไรที่มันสีเทาทั้งหลายแหล่จะเอายังไง

ชูวิทย์ – ผมพูดได้

คำนูณ – คือถ้าจะเลิกก็เลิกมันให้หมด ถ้าไม่เลิกนะก็ให้มันอยู่ในที่สว่างซะ ทำโซนนิ่งได้ไหม

ชูวิทย์ – ผมกล้าพูดวันนี้เลย ถ้ารัฐบอกว่าให้เลิก ผมเลิกหมด แต่ผมขอคำเดียวให้ผมเลิก เพราะไม่อยากให้มีผู้หญิงทำงานใช่ไหม ผมเลิกแล้วต้องไม่มีผู้หญิงทำงานนะ ไม่ใช่ผู้หญิงทำงานไปเดินข้างถนนหน้าโรงแรมสยาม เพชรบุรี พอตำรวจมาวิ่ง

คำนูณ – นี่เป็นประเด็นที่สังคมไทยจะต้องถกเถียงกันมาก เพราะว่าเวลาพูดขึ้นมาว่าจะต้องมีการขายบริการทางเพศโดยถูกต้องก็จะต้องมีคนรุมด่าประณามกันทั่วไป แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันมีอยู่ทุกถนน และก็มากขึ้นทุกวัน

ชูวิทย์ – นั่นน่ะซิครับและถามหน่อยว่า ทำไม ใครอยากจะมาทำ

คำนูณ – แล้วมันก็เป็นที่มาของส่วย ภาษีเถื่อน สารพัดรูปแบบ

ชูวิทย์ – ผมถึงบอกว่าสังคมไทยพูดอย่างทำอย่าง บอกว่าไม่ให้มีแต่มีกันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีใครปราบ

คำนูณ – ประเด็นนี้เราสนใจ คือว่าเรื่องชูวิทย์กับตำรวจก็ว่ากันไป ผมไม่อยากให้เรื่องของสังคมไทยมันหยุดลงแค่นี้ มันควรจะไปที่รากฐานด้วย

ชูวิทย์ – ผมถึงบอกว่าถ้าสื่อมวลชนคิดเหมือนคุณ มีประเด็นที่จะเปิดเยอะ เรามาช่วยกันแก้ไขปรับปรุง ผมก็เป็นคนมีการศึกษา

คำนูณ – เพราะจริง ๆถ้าจบเรื่องคุณชูวิทย์ไปมันก็ไม่ได้หมายความว่าอาบอบนวดมันหมดไปนะ รายใหญ่ๆ ก็อยู่อีกเยอะนะ แล้วมันก็จ่ายกันทั้งนั้น

ชูวิทย์ – ถามว่ากล้าพูดหรือเปล่า ไม่มีใครกล้าพูดนะ แต่ถามทุกเดือนต้องจ่ายหรือเปล่า โอ้โห เดินขวักไขว่ แล้วถามว่าทำไมเงินเดือนตำรวจน้อย อ้าวผมจะไปรู้เลยเหรอครับ ผมไม่ได้เป็นคนตั้ง เงินเดือนตำรวจน้อยแล้วไม่พอกิน ต้องไปซื้อพิมพ์ดีด ซื้อกุญแจมือ ซื้อปืนเอง ถ้างั้นอย่าเป็นตำรวจซิครับ มาเป็นพ่อค้าซะ แบบผม สนุกกว่าเยอะ

คำนูณ – คือมันควรจะต้องแก้ปัญหากันทั้งระบบนะ

ชูวิทย์ – ใช่ครับ

พีรยุ – คุณชูวิทย์ คิดว่าอาบอบนวดควรจะมีการจัดการยังไงต่อไปครับ ในความคิดของคุณชูวิทย์ อนาคตจะวางแผนกันยังไงดี

ชูวิทย์ – ความคิดของผม ของผมก็บอกว่าแล้วไง ว่าถ้ามีใครซื้อผมก็ขาย

คำนูณ – ตอนนี้ธุรกิจตกลงไปไหม ถามจริงๆ

ชูวิทย์ – คนเยอะกว่าเดิม

คำนูณ – เขาไม่กลัวเหรอ

ชูวิทย์ – อาจจะน้อยตรงที่ไม่มีตำรวจกับนักการเมือง นักการเมืองนี่หัวหดเลย สมัยก่อนนั่งกินเหล้ากับผม

คำนูณ – มีใครบ้าง

ชูวิทย์ – เดี๋ยวผมเล่าให้คุณฟัง ถามว่าทำไมชูวิทย์รู้ข้อมูลเด็ด ๆ เกี่ยวกับนางฟ้าป.ปลา รัฐมนตรีป.ปลา รัฐมนตรีส. รัฐมนตรีพ. อธิบดีนั้น อธิบดีนี้ ผมรู้หมดครับ เพราะเวลาเมาเขาพูดหมด

คำนูณ – นางฟ้าป.ปลา มันยังไงกันนะ

ชูวิทย์ - อ้าวคุณไม่รู้เหรอ นางฟ้าปะเวณี เพี้ยนกลับเอาเองแล้วกัน

คำนูณ – หนักนะ คุณไปแค้นอะไรเธอนักหนา

ชูวิทย์ – อ้าวก็อย่าสร้างภาพซิครับ คุณจำได้ไหม เมื่อสมัยหนึ่ง คุณเป็นรีเซปชั่นที่โรงแรมหนึ่งที่เซ็นทรัล ตอนนั้นท่านนายกฯ ช. ท่านกำลังเป็นนายกฯ ไปถึงท่านทำอะไรกันในห้อง แล้วท่านผู้หญิงไปทำอะไร ไปตบหน้าคุณ คุณลืมเรื่องนี้แล้วเหรอ เรื่องนี้มีหลายคนรู้ ผมก็อยากจะพูดให้ประชาชนรู้เหมือนกัน คุณสร้างภาพเป็น ผมก็ลบภาพเป็นเหมือนกัน คุณสร้างไป ผมลบก็ลบไป

คำนูณ – เอาละคุณชูวิทย์ได้ศัตรูเพิ่มมาอีกแล้ว

ชูวิทย์ – ผมไม่กลัว ผมบอกแล้วไง ผมเครื่องบินพลีชีพ จะเล่นกับผมหรือเปล่าตายหมู่

คำนูณ- ผูกระเบิดติดตัวตลอดเวลา

ชูวิทย์ – แน่นอนครับ ผมตายหมู่ คนอย่างผมนะ ผมมีข้อมูลอีกเยอะ แล้วคุณจะหนาวว่าข้อมูลผมมาจากไหน แต่ผมไม่โกหก ข้อมูลผมไม่โกหก บอกก่อนว่าข้อมูลอย่างผมนะ สังคมรู้กันทั้งหมด สมมติผมพูดเรื่องนักการเมืองคนนี้ รู้หมดทั้งรัฐสภา เพราะมันเรื่องจริง แต่ชาวบ้านธรรมดาไม่รู้

คำนูณ – นางฟ้าป.ปลา เขาไม่จงใจไปแกล้งคุณชูวิทย์มั๊ง มันเข้าทางพอดี

ชูวิทย์ – ถ้าจะแก้ไข โน่นที่ต้นตอนะ ซ่องต่างจังหวัดที่มันโหดร้าย มันมีเยอะแยะคุณ ไม่ใช่ว่าคุณมาแกล้งธุรกิจหรอกนะ แล้วคุณก็ไปผูกพันเด็ก ผมไม่โกรธเด็กหรอก เพราะทุกคนรู้ว่าผมเป็นยังไง แต่ที่จริงๆ ที่คุณแก้ไขปัญหาคุณต้องไปที่ต้นตอ ที่เชียงใหม่ เชียงราย ต่างจังหวัด

คำนูณ – นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้จูเลียนาต้องเลิกไปเลยหรือเปล่า

ชูวิทย์ – หนีไปเลยกลัวจัด แต่ผมบอกผมไม่กลัวไง เขาฝากระเบิดมาให้ผมด้วย

คำนูณ – แล้วทำไมจูเลียนาเขาขายได้ล่ะ

ชูวิทย์ – ขายได้ซิครับ เขาขายแบบเงียบๆ และมันเป็นจังหวะที่ดีของเขา พ่อค้าเราทุกคนมันอยู่ที่โอกาส อยู่ที่จังหวะ คนไทยเราเรียกดวง ฝรั่งเรียกไทม์มิ่ง ถูกไหมครับ ถูกจังหวะมันก็ดีหมดละครับ สมัยก่อนผมทำอาบน้ำ สมัยนี้ใครทำก็เจ๊ง เปิดมากี่ที่ไม่มีแขกเพราะอะไร เศรฐกิจก็ไม่ใช่จะดีมากมาย คนทำอาบน้ำก็เยอะ และแถมต้องมาจ่ายส่วยเยอะ ๆ อีก และจะเหลือหรือกำไร

คำนูณ – ระยะหลังการที่อาบน้ำได้ยินมาว่า มีพวกที่เรียกว่านั่งข้างนอกกันมากขึ้น ไซด์ไลน์ มันมีผลอะไรเปลี่ยนแปลงกันมากไหม

ชูวิทย์ – ผมจะบอกให้ ผมเป็นคนตั้งฉายามันเอง คำว่าไซด์ไลน์ เหตุผลก็บอกว่าอยู่แล้วไซด์ไลน์ ทำไม่เป็นเวลา ผมถามว่าอาชีพอย่างนี้ เงินดีไหม ทุกคนบอกเงินดีหมด ผมถามเงินไม่ดีเขาจะมาทำทำไม ก็โดนเขากระแทกกระทั้น ใช่ไหมก็ต้องเงินดี ถามว่าใครอยากจะได้เงิน ก็จะมีคนทำงานเป็นครั้งคราว เช่นพวกที่ยังเรียนหนังสืออยู่ หาเวลาว่างมาทำ หาเวลาที่ไม่ได้เรียนมาทำ ก็บอกอย่างนี้ไม่ผิด เป็นการส่งเสริมการศึกษา พ่อแม่เขาส่งไม่ได้เขาหาเงินไม่ทัน ก็ดีนี่ครับ เขาทำงานไม่ได้ผิดกฎหมาย ที่ทำกับผมถูกกฎหมาย รัฐให้ผมทำนะ และก็สุจริต แต่คุณทำ แล้วคุณก็เก็บเงิน เป็นงานพาร์ทไทม์ ไม่ได้เป็นงานที่มาตามเวลา กลับตรงเวลา จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ กลับเมื่อไร่ก็ได้ ถามว่ามีผลกับผมไหม เป็นตัวเสริมกันครับ เพราะว่าพอมาทำแล้ว ผมถามคุณมีเงินในกระเป๋าเยอะ บางวันคุณอยากใช้เยอะมีของให้ใช้น้อย อยากซื้อของแพงวันนี้มีแต่ของถูก ตอนนี้อยากกินหูฉลาม เอ ทำไม่ให้ก๋วยเตี๋ยวกิน แต่ถามว่ากินหูฉลามทุกวันได้หรือเปล่า ไม่เอาเว้ย บางวันอยากกินข้าวแกง

คำนูณ -ก็ต้องมีให้เลือกนะ

ชูวิทย์ – ต้องมีหลากหลาย

คำนูณ – เป็นเรื่องสนุกทีเดียว

ชูวิทย์ – ถ้าคุณคุยเรื่องอาบอบนวดกับผมนะ เยอะ เพราะคนมาเที่ยวกับผม แล้วข้อมูลผมเยอะ เพราะเขาเมาแล้วเขาพูด

คำนูณ – นักการเมืองมีใครอีกบ้าง

ชูวิทย์ – นักการเมืองส.ไง ก็มีสมัยก่อน ที่ผมพูดนี่ก่อนสมัยเขาเป็นรัฐมนตรีนะ ไม่ได้หมายความว่าเป็นรัฐมนตรีต้องมาเที่ยวกับผมนะ รัฐมนตรีส. ก็ลูกค้าประจำผม

คำนูณ – ส.ใบอีกนิดนึง เยอะเหลือเกิน

ชูวิทย์ – ไม่ได้ เดี๋ยวผมโดน เดี๋ยวฟ้องผมเป็นลูกระนาด แต่ผมบอกว่าอย่างนี้คนที่เขาโดนผมพูดหรือคนที่เขารู้ หรือเพื่อนฝูงกัน ร้องอ๋อทุกคน เพราะเรื่องอย่างนี้เขารู้กันวงใน ท่านทำอะไร บางครั้งท่านชอบให้เด็กเสิร์ฟมาดูท่าน ทิปทีละ 500 ให้เด็กเสิร์ฟมายืนดู ท่านลืมไปแล้วเหรอ

คำนูณ – รัฐมนตรีป.ใช่ไหม ที่ให้เด็กเสิร์ฟมายืนดู

ชูวิทย์ – รัฐมนตรีป. นี่ชอบให้เด็กเสิร์ฟมายืนดู รัฐมนตรีส. มาก็ต้องตั้งวง และท่านชอบแบบสเปคนี่สูง ขาว ไม่สูงไม่ขาว ไม่เอานะ ไม่ชอบ

คำนูณ – เอาว่าเบื้องหลังได้ยินมาว่ามีสกู๊ปหนังสือพิมพ์บางฉบับ เขาทำนะว่านักธุรกิจมาลงอาบอบนวดกันเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะจากต่างจังหวัด มันมีธุรกิจแฝงอะไรไหม

ชูวิทย์ – ในธุรกิจอาบน้ำนะ คนเป็นอดีตอธิบดีตำรวจก็มีหุ้น ผมบอกว่าอดีตนะ อดีตป. ก็มี อดีต พ. ก็มี

คำนูณ – หุ้นใหญ่ไหม

ชูวิทย์ – ก็มีหุ้นละครับเพราะเป็นธุรกิจที่ยั่วยวน ไม่ผิดกฎหมายนี่ครับ กฎหมายให้ทำ เขาไม่ได้ไปค้ายาอะไร และทุกวันนี้ก็ยังมี ผมไม่อยากพูดนะ ถ้าผมพูดไปพวกคุณจะสะดุ้งเลย ว่าเขาคู่กรณีผมก็มีหุ้นนะ ผมถามหน่อยว่าคู่กรณีผมเขาก็มีหุ้นอยู่นะ

คำนูณ- คู่กรณีคือปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต ถนนไหน

ชูวิทย์ – ถนนเพชรบุรี ถนนเมื่อ 3 เดือนที่แล้วตำรวจหน้าโง่ไปจับ เขาโมโหทุบโต๊ะเลย ไม่รู้เหรอว่าเป็นของอั๊ว

คำนูณ – ถนนเพชรบุรีต้นหรือปลาย

ชูวิทย์ – ไม่เอาละ อย่างนั้นคุณรู้เยอะเกินไป พวกนักธุรกิจ นักการเมืองที่อยู่ต่างจังหวัดที่อยากจะเห็นเงินเห็นทองแต่ไม่ได้เห็นเงินทองอย่างเดียว เห็นความสวยความงาม ถามหน่อยซิ ถ้าเห็นจริง ๆ อย่างผมนะ ทำอะไรไม่ลงหรอก ทำไมเขาถึงถามว่าผมไม่เคยยุ่งกับเด็กในที่ของผม ในที่ของผมเป็นหมื่นๆ คนที่ผ่านตาผม ไม่ใช่พันนะเป็นหมื่น บางคนได้ดิบได้ดี เป็นคุณหญิงคุณนาย
คุณเชื่อไหม ผมพาลูกผมไปเวิลด์เทรด วันหนึ่งผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาดีมาก ใส่เพชรใส่ทองเต็มตัว เขามายกมือหวัดดีผม บอกนายคะจำหนูได้ไหม จำไม่ได้ หนูเคยทำงานกับนายที่วิคตอเรียยังไงล่ะ อ้าวเหรอ และเขาบอกเดี๋ยวนี้หนูได้ดีแล้ว หนูได้ผัวรวย เขารักหนู ขอบคุณนายมากนะที่ให้โอกาสหนู หนูได้ดีนะได้ดีแล้วก็ลืมนายซะ ถ้าตกอับค่อยมาหา ถ้าได้ดีลืมเลย ตอนนี้เป็นคุณหญิงคุณนาย ผมเห็นเยอะแยะ

คำนูณ- คุณชูวิทย์บอกว่าเคยเที่ยวตั้งแต่ปีหนึ่ง ตั้งแต่วาเลนไทน์

ชูวิทย์ – สมัยก่อนบีวา แนนซี เที่ยวหมด

คำนูณ – แล้วพอมาตั้งอาบอบนวดเอง

ชูวิทย์ – แล้วคุณรู้ไหมผมมาจากไหน ผมมาจากเยาวราช เพราะฉะนั้น 7 ชั้น ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก โรงน้ำชา

คำนูณ – คนเรามันมีความเป็นมาจริง ๆ ผมจะถามว่าทำอาบอบนวด 6 แห่ง และก็ไม่เคยยุ่งกับเด็กตัวเองนะครับ แล้วไปเที่ยวที่ไหนละ

ชูวิทย์ – ผมไปที่ไหนก็ไม่ให้ผมเข้า ผมเข้า เชียร์แขกซึ่งเป็นลูกน้องผมนะ ปัจจุบันเชียร์แขกผมมี 70-80 คน บางทีไปทำงานที่โน่นที่นี่ วงการเดียวกันก็รู้จักกัน เดินไปหามัน มันบอกนายๆ อย่าเพิ่งคุยกับผมนะ เดี๋ยวเราไปคุยกันข้างนอก ถ้านายคุยทางนี้เขาเรียกผมไปคุยเลย คุยอะไรกัน คุยอะไรกับเดวิส ผมถามจริง ๆ เด็กทุกคนเขาอยากจะได้งาน ได้เงินดีๆ ผมไม่เคยไปดึง ไปไหนก็ทักทายกัน

คำนูณ – ก็เรียกว่าตั้งแต่ตั้งอาบอบนวดขึ้นมาก็ไม่ได้เที่ยวอาบอบนวดเลย

ชูวิทย์ – ไม่ได้เที่ยวเลย

คำนูณ – ต้องไปมีภรรยาหลายๆคน

ชูวิทย์ – ไปตามแฟลตดีกว่า

คำนูณ – แล้วหายังไงละ

ชูวิทย์ – ผมก็มีวิธีของผมซิ เราต้องเล็ง ผมทำงานอย่างนี้แล้วผมพลาดไม่ได้ ผมเดินหมากเกมนี้แล้ว เรื่องส่วยตำรวจ ผมรู้ว่าตำรวจบางท่านคิดยังไง ท่านที่คิดดีก็มี ท่านที่คิดร้ายก็มี

คำนูณ – ผมกลับมาเรื่องคุณชูวิทย์ ต่อว่าหน่อยเหอะทำให้พวกผมสับสนมานาน ไอ้มูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ เราก็ขับรถผ่านไปผ่านมา เราก็นึกว่าตระกูลที่ไหน นึกถึงบรรพบุรุษ มารู้ที่หลังว่ามาจากชื่อลูกชายใช่ไหมครับ

ชูวิทย์ – อย่างนี้ครับพ้องกับชื่อลูกชายผม เพราะลูกชายผมชื่อต้นตระกูล นะครับ

คำนูณ – ลูกชายคนโต

ชูวิทย์ – ครับ ถือว่าเป็นต้นตระกูล ผมถือว่าผมตั้งมูลนิธินี้ขึ้นมา เพื่อให้ตระกูลผม ให้เพื่อระลึกถึง จริงๆ ผมจะตั้งว่าต้นตระกูลไทย แต่ทางนั้นเขาไม่ให้ผมตั้ง ทางคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นผู้อนุมัติมูลนิธิต่าง ๆ ไม่ให้ผมตั้ง เขาบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน ต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ ก็โอเค เอาตามนี้ เหตุผลที่ตั้งก็เพื่อคิดถึงพระบรมโพธิสมภารที่ต้นตระกูลผมได้มาพึ่ง ผมเป็นคนจีน พ่อแม่ผมเป็นคนจีน ผมถามหน่อยเถอะ ผมคืนกำไรให้สังคมผมผิดเหรอ เขาไม่อยากได้ค่าน้ำ
คำนูณ- มูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ ทำอะไรบ้างครับ

ชูวิทย์- บริจาคอะไรบ้างครับ เดี๋ยวคุณฟังแล้วคุณจะตกใจ ผมทำโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลที่วัดพระบาทน้ำพุ ให้คนโรคเอดส์ มีใครเคยรู้ไหม ไม่รู้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ชื่อโรงพยาบาลต้นตระกูล
คำนูณ- ป้ายยังอยู่นะ

ชูวิทย์ – ยังอยู่ ผมร่วมมือกับวิทยาลัยปทุมวัน ทำโครงการนักศึกษาอาสา สร้างห้องสมุด นครสวรรค์ พะเยา สร้างมา 3-4 โรงแล้ว แต่ไม่มีใครเคยเห็น ผมเอาของไปแจกต่างจังหวัด ไม่มีใครเคยเห็น แต่ป้อมตำรวจเห็นชัดดี ผมก็ถือว่าเป็นชื่อเสียง สร้างภาพซะหน่อย ผมก็สร้าง

คำนูณ – มูลนิธิตั้งก่อนบริจาคตำรวจ

ชูวิทย์ – ผมตั้งมานานแล้วครับ ตั้งแต่ปี 2537 คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ เป็นประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ ถามท่านดูซิครับ

คำนูณ – แล้วรู้จักท่านบิ๊กจิ๋วไหม

ชูวิทย์ – รู้จักครับ

คำนูณ – รู้จักกันที่ไหน

ชูวิทย์ – รู้จักกันที่บ้านละครับ ไม่ใช่ที่ผมนะ อยู่กันหมดนะครับ ตอนไปกราบท่าน

คำนูณ – นักข่าวไปสัมภาษณ์บิ๊กจิ๋วได้

ชูวิทย์ – ได้เลย ว่ารู้จักชูวิทย์ไหม ตอนท่านหาเสียง พรรคความหวังใหม่ยังอยู่ ผมทำสมุดนักเรียน ไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเล่ม ช่วยให้ท่านไปแจกเด็ก ๆ ผมว่าท่านต้องจำผมได้แน่นอน ท่านรักผมเหมือนลูกเหมือนหลาน ผมไม่เคยเอาผู้ใหญ่มาอ้าง แต่ทุกวันนี้ผมบอกว่าผมอยู่คนเดียว ใครอยู่เบื้องหลังผมไหม พรรคฝ่ายค้านอยู่ข้างหลังไหม มีเหมือนกันนะข้างหลังผมน่ะ มี ใคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าวันนี้ผมพูดผิดก็ขอให้ผมฉิบหาย แต่ถ้าผมพูดถูกก็ขอให้พวกคุณต้องมีซักคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าฉิบหาย

คำนูณ – ผมไม่เกี่ยวนะ

ชูวิทย์ – รายการคุณไม่เกี่ยว ผมบอกเจอกันวันที่ 16 แล้วกัน ของจริงคือของจริงครับ

คำนูณ – ตอนที่สร้างป้อม และสร้างประตูวัดที่ส่วนใหญ่เขาขอมา

ชูวิทย์ – ผมถามคุณหน่อยซิ คุณเป็นผมคุณเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน เวลาสร้างก็ไม่ได้ไปเสนอหน้า เขาส่งจดหมายมาขอ แล้วเวลานี้รื้อแต่ป้ายเรา ทำไมไม่รื้อทั้งป้อมไปเลยล่ะ สี่แยกปทุมวันที่ให้สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน 500,000 บาทน่ะ

คำนูณ – ผู้จัดการเขาถ่ายรูปมาลงแล้วนะ

ชูวิทย์ – ในนั้นเฟอร์นิเจอร์ของผมทั้งนั้น ขอทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ตู้น้ำเย็น ตู้เย็น ทีวี นาฬิกาแขวนยังขอ บางทีวิทยุยังขอเลย และก็มีระบุหมด เพราะผมต้องกลัวเจ็บตัวเหมือนกันเนื่องจากผมสร้างในที่สาธารณะ ที่สาธารณะผมสร้างได้ยังไง ถ้าหน่วยงานของรัฐไม่มาขอ ผมก็ต้องเก็บจดหมายไว้

คำนูณ – คือสรุปว่าที่คุณชูวิทย์ เจ็บใจตำรวจสาเหตุหนึ่งคือเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม

ชูวิทย์ – คุณถามจากใจจริงใช่ไหม ถูกต้องครับ

คำนูณ – คล้ายๆ เวลาเราตก เป็นจำเลยของสังคม

ชูวิทย์ – ถูกต้องแล้วอีกอย่างทำไมคุณทำกับผม แล้วทำไมป้ายถึงไม่เอาออก ปากคุณพูดบอกว่าเอาออกหมด จะโฆษณา จะทำอย่างนี้ ไม่กี่วันรอง ผบช.น.ท่านอดุลย์ แสงสิงแก้ว บอกจะปฏิบัติให้เหมือนกันหมด โรงพยาบาลก็ยังติดอยู่ ทำไมป้ายโรงพยาบาลยังติดอยู่ โรงพยาบาลเอกชนนะครับ เขาก็หากำไร แต่ของมูลนิธิเรียบไปนานแล้วครับ และผมถามว่าผมทำไปเพื่ออะไรก็แน่นอนเพื่อชื่อเสียง เพื่อเจตนารมณ์ ของคนที่จะบริจาค ผมถามว่าผมได้เงินเหรอ ผมโฆษณาขายของหรือยังไง ผมโฆษณาเพื่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาคให้ลูกหลานเห็น

คำนูณ – อันนี้ถือว่าเจ็บปวดมาก

ชูวิทย์ – ผมถามว่าคุณเจ็บปวดไหมล่ะครับ คุณเคยคาดหวังอะไรจากการสร้างป้อมนี้ ไม่มีครับ นอกจากเจตนารมณ์ให้ลูกหลานเขาได้เห็นในอนาคตข้างหน้า และผมทำธุรกิจอย่างนี้ ผมไม่ได้ทำอย่างนี้อย่างเดียวนะครับ

คำนูณ – รวมๆ แล้วกี่ป้อมจำได้ไหม ในกรุงเทพฯ

ชูวิทย์ – ในกรุงเทพฯ 70 กว่าป้อม 40 กว่าป้อมไม่จริงหรอกครับนับไม่ถูก ผมนับให้ใหม่ได้เลย 70 กว่าป้อม ผมบอกได้ด้วยมีป้อมไหน เพราะการสร้างป้อมของผมเป็นการสร้างแบบใหม่ไม่ใช่ป้อมเฮงซวยแบบแต่ก่อน ผมสร้างแบบป้อมยามตรวจการณ์

คำนูณ – นี่คุณชูวิทย์ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.เขาห้ามพูดคำว่าเฮงซวย ถอนคำพูดด่วน

ชูวิทย์ – ขอถอนคำพูดครับ ผมมันคงตรงนะ ผมเป็นคนจริงใจ ผมบอกแล้วผมทำงาน

คำนูณ – ตอนนี้เขาลบออกหมดทุกป้อมเลยใช่ไหม

ชูวิทย์ – เกลี้ยงเลยครับ เอาออกหมดแล้ว กลัวมาก เอาป้ายปิดยาเสพติดไปติด ยิ่งติดยิ่งเละนะ เพราะอะไร เพราะเดิมมันสวยอยู่แล้วผมแกะหิน ทำป้ายไฟอย่างดี ตอนนี้ก็ไปลอกตัวหนังสือออก ไปเอาสติ๊กเกอร์สีเหลือง สีเขียวไปแปะ มั่วใหญ่เลย

คำนูณ – ผมถามนิดนึงท่าน ผบ.ตร.คนปัจจุบัน เท่าที่ผมจำได้จากข่าว ตอนมีเรื่องรื้อบาร์เบียร์ใหม่ ๆ และบอกจะเอาจริงเรื่องผู้มีอิทธิพล พาคุณชูวิทย์ไปพบนายกฯ ใช่ไหมครับแสดงว่ารู้จักกันมาก่อนซิ

ชูวิทย์ – เอาอย่างนี้ดีกว่าเรื่องนี้พูดไปเดี๋ยวคู่กรณีผมบอกเฮ้ยไม่รู้จักรัฐมนตรีป.

คำนูณ – ไม่ๆ มันยังไงกันเราว่ากันตามความจริงก็ได้คือถ้าไม่รู้จักจะติดต่อพาไปพบนายกฯได้ยังไง

ชูวิทย์- ก็ถามคุณดูแล้วกัน เพราะถ้าไม่รู้จักจะพาผมไปหานายกฯได้ยังไง

คำนูณ- เพราะภรรยาคุณชูวิทย์บอกว่ารู้จักกับท่าน ผบ.ตร.ดี รู้จักกันมายังไง พอจะพูดได้ไหมครับ พูดรายการเราเป็นรายการแรก ซักครั้งหนึ่งเถอะ

ชูวิทย์ – ผมถามจริงๆ เหอะ ตำรวจกับผมไม่รู้จักกันเหรอ สมัยก่อนท่านเป็นผู้การกรมพลาธิการใช่ไหม ทำไมผมรู้

คำนูณ – ใช่ ท่านก็มีชื่อเสียงเรื่องนี้ เรื่องดีนะ อย่าตีความผมผิด

ชูวิทย์ - จัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดของตำรวจต้องไปผ่านท่าน ทำไมผมรู้ อย่าหาว่าผมรู้มากนะ แล้วก็จะให้ผมปิดปากเงียบ โดยส่งผมไปเข้าคุกก่อน หรือไม่ก็นอนข้างทาง ผมรู้อะไรดีๆ เยอะ แต่ผมบอกอย่างเดียวว่าผมพูดความจริง คุณอย่ามาทำผม

คำนูณ –ก็เรียกว่ารู้จักมักคุ้นกับท่านเป็นอันดี

ชูวิทย์ – ไม่รู้จักได้ยังไง แต่ถ้าตอนนี้บอกว่าไม่รู้จักกัน ก็ไม่โกรธกัน

คำนูณ – ผมถามตรงๆ เลย มีผลประโยชน์ร่วมกันไหม

ชูวิทย์ – อย่างนี้อย่าพูดดีกว่า พูดอย่างนี้เดี๋ยวผมโดนฟ้อง อย่างนี้มันไม่มีใบเสร็จ เดี๋ยวท่านถามหาใบเสร็จ ผมถามหน่อยว่าคุณอยู่กับผู้หญิงคนนี้ คุณอยู่กันแล้วเลิกกันแล้วคุณให้เขาเซ็นไหมว่าเคยอยู่กันกี่คืน ไม่มีใครให้ใบเสร็จหรอกครับ เพราะฉะนั้นท่านนายกฯ ถามหาใบเสร็จ ผมไม่มี แล้วแต่จะคิด ผมพูดตามความเป็นจริง

คำนูณ – อีกเรื่องที่คนสงสัยกันมาก ตอนที่คุณชูวิทย์ติดคุกอยู่เดือนหนึ่งใช่ไหมครับ นอนห้องเดียวกับคุณบิน ใช่ไหม คุณบินที่เป็น 1 ใน 3 จำเลยที่คุณร่วมกับคุณดวงเฉลิม อยู่บำรุง แล้วได้คุยอะไรกันบ้าง เพราะว่าเริ่มมีทิศทางการวิเคราะห์ออกไปว่าคุณชูวิทย์จะไปพบกับคุณเฉลิม อยู่บำรุง ช่วยเคลียร์เรื่องนี้หน่อย

ชูวิทย์ – ผมถึงบอกไงว่า เบื้องหลังผมอย่าไปพูดถึงท่านเลย คุณเฉลิมกับผมไม่รู้จักกัน รู้จักกันตอนไหน รู้จักตอนที่เขามาเยี่ยมบินครับ มันจะมี 2 คน บินกับแม็ค ซึ่งเป็นลูกน้องของคุณดวงเฉลิม ตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา ผมไม่รู้นี่ครับ เรือนจำจับผมมาอยู่ห้องเดียวกัน ผู้ต้องขังกินอยู่ด้วยกัน นอนพื้นคุกด้วยกัน ทางเรือนจำก็บอกว่าคุณชูวิทย์ออกมาพูดอย่างนี้นะ พูดได้ยังไง เดือนละ 300,000 ผมบอกว่าแหม แล้วก็ไปเช็ค บอกว่านอนอยู่ตรงไหนพาผู้สื่อข่าวไปถ่าย แล้วก็ไปดูบัญชีชูวิทย์ซิ อ้อวันนั้นตอนเข้าฝากไว้ 2,000 จนออกใช้ไปแค่ 100 เอง แล้วจะมาบอกว่า 300,000 ผมถามหน่อยเถอะ ผมเข้าคุกเดือนหนึ่งผมใช้ร้อยบาท คุณเชื่อผมไหม

คำนูณ – ไม่เชื่อ

ชูวิทย์ – ก็นั่นนะซิ แล้วกรมราชทัณฑ์ออกมาแฉเอง แปลกไหม

คำนูณ – อยู่ในคุกสบายไหม

ชูวิทย์ – ก็สบายซิ ผมเป็นขาใหญ่ มีห้องวีไอพี

คำนูณ – มีห้องแอร์นอน

ชูวิทย์ – มีแบล็คโซดาด้วย

คำนูณ – เทียบกับระดับสมัยก่อน เฮียโส ธนวิสุทธิ์แกติดคุกนี่คุณชูวิทย์ทาบระดับนั้นไหม

ชูวิทย์ – ผมอยู่สบาย ผมถามหน่อยเถอะจะให้ผมพูดเหรอ ผมเปิดศึกด้านเดียวดีกว่า

คำนูณ – อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวติดอีกที

ชูวิทย์ – นั่นนะซิ ผมติดอีกทีใครจะรับผิดชอบผม เดินเข้าไปผู้คุมถูมือเลย มาแล้วชูวิทย์

คำนูณ – แต่ตอนนั้นสมัยเฮียโส ธนวิสุทธิ์เขาก็เล่ากันชัดเจนนะ

ชูวิทย์ – แต่ตอนนั้นข่าวสารและสังคม

คำนูณ – แกมีบ่าวเป็นฝรั่งด้วยนะ

ชูวิทย์ – ผมเจอฝรั่งคนนะ เป็นออสเตรเลีย เขาคุยให้ผมฟัง บอกมิสเตอร์เดวิส ในนี้ cost of living แพงกว่าอยู่ข้างนอกอีก เขาอยู่ข้างนอกถูกกว่า อีกผมถามว่าทำไมล่ะ ไม่รู้ซิ ถ้าอยากรู้จริงๆ เหรอ กรมราชทัณฑ์ดีแน่นอน แต่คนน่ะไม่ค่อยดี ผมไม่ได้พูดถึงสถาบันผมพูดถึงคนเพราะฉะนั้นอย่าเบี่ยงประเด็น ผมยิงตรงประเด็น ผมไม่หลบ

คำนูณ – ก็สรุปว่าได้คุยกับคุณบิน ได้คุยกับสารวัตรเหลิมตอนที่เขาไปเยี่ยม

ชูวิทย์ – แล้วผมถามหน่อยมีกรงกั้น แล้วผมจะไปคุยอะไรได้มาก

คำนูณ- แล้วได้รับคำแนะนำอะไรไหม

ชูวิทย์ – ก็แนะนำให้ผมทำใจให้สงบ ใจอยู่ได้ กายก็อยู่ได้ บางคนอยู่ข้างนอกร้ายแค่ไหน เข้าไปในคุกร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ

คำนูณ – เรียกว่าเจอกันบ่อยแหละ

ชูวิทย์ – ไม่บ่อยครับ ผมเจอกับท่านเหลิมแค่ 2 ครั้งเอง ครั้งหนึ่งไม่ถึง 10 นาที

คำนูณ - แล้วพอออกมาได้ไปพบกันไหม

ชูวิทย์ – ไม่เคยครับ

คำนูณ- คือทิศทางที่เขาวิเคราะห์กัน คือเขาเห็นว่าสารวัตรเหลิมมีคู่กรณีเดียวกับคุณชูวิทย์

ชูวิทย์ – อย่าเอาท่านมาเกี่ยวซิครับ ผมก็ไม่เกี่ยวกับแก แกก็ไม่เกี่ยวกับผม มันคนละเรื่อง ถามว่าทำไมแต่ก่อนผมก็ไม่เคยยุ่งนี่ครับ จู่ ๆ ผมลุกขึ้นมาพูดเมื่อไหร่ ถามผมซิครับ ผมพูดเพราะอะไร ทำไมผมต้องเป็นอย่างนี้ ผมเคยมีอนาคตมาก่อน อนาคตผมแจ่มใส

คำนูณ – ถ้าไม่มีเรื่องนี้ คุณชูวิทย์ก็ไม่พูดใช่ไหม

ชูวิทย์ – หลายเรื่องที่ผ่านมา ผมบอกว่าคุณไล่หมาไปชิดฝาหมามันยังเห่า แล้วผมเป็นคนนะครับ คุณเขยิบ ผมก็เขยิบ แต่ถ้าคุณไล่ผมออกจากบ้าน ผมจะไปอยู่ที่ไหนนี่มันบ้านผม

คำนูณ- บรรดานายตำรวจที่เราแค้นมากที่สุดนี่ใคร จ.ไหม

ชูวิทย์ – รอง จ. นี่ผมถามหน่อยนะ ท่านพูดอย่างนี้หรือเปล่า ท่านเป็นคนพูดเอง ทีนี้ถามว่าทำไมท่านต้องกินปูนร้อนท้อง ต้องออกมาอาละวาด ฟาดงวง ฟาดงา จะฟ้อง ตำรวจก็เป็นอย่างเดียวล่ะครับ เดี๋ยวจะฟ้องไม่เลี้ยงเลย ท่านฟ้องเลย ผมไม่กลัวหรอกครับ แต่ความจริงผมก็บอกแค่รอง จ. มันต้องมีรอง ผอ. รองอะไรอีกเยอะแยะ จ. มีเยอะแยะไปหมด ถามว่าท่านกินข้าวกับผมหรือเปล่า ร้านจี ขายอาหารอิตาเลียน ชื่อย่อนะ เดี๋ยวจะมาฟ้องผมอีก ท่านกินอะไร ผมกินอะไร แล้ววันรุ่งขึ้นทำไมท่านมาจับผม

คำนูณ – ถูกหลอกไปจับหรือเปล่า

ชูวิทย์ – สร้างผลงานไง เพราะตำรวจต้องอยู่กับผลงานสร้างภาพ และผมยังไม่รู้เลย ผบ.ตร.คนนี้ดูแลประชาชน หรือดูแลนายกฯ

คำนูณ – ตอนวันที่ถูกจับคุณชูวิทย์รู้ตัวล่วงหน้าไหม

ชูวิทย์ – ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ และก็ออกข่าวว่าผมมีเป็นขบวนรถ ถ้ามีจริง เขาจะจับผมง่ายอย่างนั้นเหรอ เดินเข้ามายกมือไหว้ผม แล้วก็จับผม

คำนูณ – และตอนนั้นถ้าไม่ถูกจับคุณชูวิทย์คิดจะทำยังไงมามอบตัวหรือว่า

ชูวิทย์ – ก็ผมนัดมอบตัวไว้แล้ววันที่ 8 นัดกับผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แล้วผมเป็นนักธุรกิจเป็นพันล้าน ผมจะหนีไปตลอดชีวิตเหรอ คุณคิดดูแล้วกัน จะหลบได้ไปตลอดชีวิต และถามว่าข้อหาผมฆ่าคนตายหรือเปล่า ไม่ได้ฆ่าใครตายนะครับ โดนคดีบาร์เบียร์ ก็โดนคดีร่วมกันบุกรุกในยามวิกาล ทำให้เสียทรัพย์ผมก็มอบตัวแล้วก็สู้คดีไป เพราะผมทำธุรกิจได้ ไม่ดีกว่าหรือ

คำนูณ – ความแค้นเลยสะสมนะ ถูกหลอกมาจับ ถูกลบชื่อออกจากป้อม และก็ในระหว่างที่เราลำบากอยู่ ก็มิตรสหายก็หายหน้าหมด

ชูวิทย์ – อย่างนี้นะคุณมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง คุณคบกันมาตั้ง 8-10 ปี กินด้วยกัน ส่วนมากเขาขอคุณกิน คุณก็เลี้ยง จ่ายให้เขาตลอดวันใดวันหนึ่งผ่านมาทะเลาะกัน เอาเรื่องผมไปเล่นงานผม ผมถามหน่อย แล้วผมพูดบ้างไม่ได้เหรอ

คำนูณ – แล้วทหารยังคบอยู่ไหม

ชูวิทย์ – ทหารดีมาก ผมทหารมันต่างกัน ทหารมันคบกันด้วยใจนะครับ มันไม่มีอย่างอื่นมาเกี่ยวข้อง ทหารคบง่าย ตำรวจคบยาก

คำนูณ – แล้วเป็นห่วงไหมกับสภาพตอนนี้ เพราะว่าตัวคุณชูวิทย์เองยังไงก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก คือเราตัดสินใจขนาดนี้แล้ว แต่ลูกเมียที่ต้องอยู่ต่อไปจะทำยังไง ลูกก็คือแบบว่านามสกุลนี้ ชื่อนี้ หน้าตาก็ออกหนังสือพิมพ์นะ เวลาเขาไปเรียนเพื่อนไม่ล้อเขาเหรอ คุณชูวิทย์จะแก้ปัญหายังไง
ชูวิทย์ – เรื่องนี้ผมแก้ปัญหาให้เขาแล้ว ผมบอกลูกๆ ทุกคนนะ พ่อเป็นคนพูดตรง ไม่เคยโกหก ไอ้การที่เราจะต้องตายเพราะการโกหก มันทรมาน มันช้ำใจ และเราจะเสียใจไปตลอดชีวิต เราอาจจะต้องฆ่าตัวตายเลย ผมถามหน่อยว่าถ้าเกิดผมโกหกแล้วผมก็ทนช้ำโกหก ช้ำใจ ลูกพ่อทนช้ำใจไม่ได้ พ่อต้องพูด การที่พ่อพูด จะให้เดือดร้อนถึงลูก ๆ ลูก ๆ อาจจะโดนเพื่อนล้อเพื่อนถาม ลูกจะกลัวทำไม ลูกเป็นลูกชูวิทย์ ลูกบอกว่าพ่อชื่อชูวิทย์ จะตายลูกก็ต้องบอกว่าพ่อชื่อชูวิทย์ ไม่มีปัญหานี่ครับ คนเราตายครั้งเดียวเกิดหนเดียว ไม่มีใครตายสองหน

คำนูณ – ลูกยอมนะ

ชูวิทย์ – ลูกก็เข้าใจ

คำนูณ – แล้วเราคิดจะย้ายลูกไปอยู่ต่างประเทศอะไรบ้างไหม

ชูวิทย์ – ไม่เคยคิดครับ ผมคนไทย ผมไม่เคยคิดจะย้ายลูกไปไหน ผมก็คนไทยผมต้องตายในเมืองไทย ลูกผมก็ต้องตายในเมืองไทย ไม่ไปไหนเด็ดขาด

พีรยุ – คุณชูวิทย์มีลูกกี่คนครับ

คำนูณ- 4 กับคุณงามตา

ชูวิทย์ – อันนั้นพูดไม่ได้นะ อันนั้นมันเรื่องที่ผู้ชายเราไม่ออกอากาศกันนะ นั่นมาคุยกันที่โต๊ะเหล้ากับผมหน่อย

คำนูณ – แล้วปกติชอบดื่มไหม

ชูวิทย์ – ผมไม่เคยดื่ม อย่าลืมว่าเราอยู่กับกิเลส อยู่กับตัณหา ถ้าเราเอามาใช้กับตัวเราแล้ว เราก็ทำงานไม่ได้ ผมถามว่าทำไมเด็กๆ ผมสวยไหม สวยซิ ดีไหม ดีซิ เคยยุ่งไหม ไม่เคย ได้แต่เป็นเสี่ยดูกับเสี่ยดมนะ ไม่เหมือนนักการเมืองไหนไม่รู้นะ ผมไม่ได้ย้อนนะ ท่านก็ชอบดม ถ้าไม่ดมแล้วไม่มีอารมณ์

คำนูณ –แค้นเขาจริงๆ แฉเรื่องอย่างนี้ได้ยังไงคุณชูวิทย์

ชูวิทย์ – คุณทำอะไรไว้ คุณก็ยอมรับไปซิ

คำนูณ – มันเรื่องในที่มืดมันเรื่องของเขานะ คุณทำเป็นดร.บางคนอีกแล้วต้องเอาวิดีโอมาแฉ

ชูวิทย์ – ผมจะเป็นจอมแฉ แฉเพราะอะไรเพราะตอนที่คุณเมา คุณคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง แต่ผมไม่เมานะ ผมจำแม่น ผมจบบัญชี เพราะฉะนั้นตัวเลขอะไรต่างๆ ผมจำได้ดี

คำนูณ – อีกหน่อยเขาจะไม่คบกับนักธุรกิจที่จบบัญชีแล้วนะ คุณเล่นจดไว้ละเอียดยิบเลย

ชูวิทย์ – ผมถามหน่อยนะ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบัน คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็เพื่อนผม รู้จักกันอยู่อเมริกา

คำนูณ – รู้จักกันนอกสถานที่คุณใช่ไหม

ชูวิทย์ – ตั้งนานแล้วครับ เจอกันตั้ง 20 กว่าปีก่อน สถานที่ผมเป็นสถานที่ถูกกฎหมายนะ เป็นสถานที่ระบายความเครียด ไม่ผิดนะครับที่จะมาเจอกันที่นี่ ธุรกิจเป็นพันล้านที่มาเจอกันที่ผมนะเยอะแยะนะ เขาไปคุยกันที่ไหนไม่รู้เรื่อง มาคุยกันที่นี่ กินเหล้า มีความสุข คุยกันรู้เรื่อง ทะเลาะกับเมียมา แหมหน้ามุ่ย เข้ามาหาผมสองชั่วโมง ออกไปคุยกับเมียรู้เรื่อง ต่อชีวิตครอบครัวให้ยืนยาว สานธุรกิจให้ยั่งยืน เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ

คำนูณ – แต่นั่นเป็นเฉพาะบุคคลนะครับ เดี๋ยวท่านผู้ฟังฟังแล้วจะมีปัญหากับภรรยาไปสถานที่ธุรกิจของคุณชูวิทย์ พอออกมาภรรยาท่านอาจจะไม่ใช่ภรรยาบางคนอย่างที่คุณชูวิทย์เล่านะ เลิกกันเลยก็มีนะ

ชูวิทย์ – สถานที่ผมมันเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง อย่าไปคิดว่าสถานที่ผมจะดี ไม่ดีหรอกครับ ถ้าท่านทำใจได้ ท่านเข้าวัดฟังธรรมะ ดีที่สุด ไม่มีอะไรของจริงเท่าอยู่กับลูกกับเมีย

คำนูณ – ลงหลักธรรมวันเข้าพรรษาเลย

ชูวิทย์ – พูดตรงๆ ผมนะไม่เที่ยวที่ไหนแล้ว วันๆ ผมก็ดูลูกผมโต ผมสอนหนังสือลูก ถามว่าทำไมผมสอน ผมไม่ใช่คนโง่นี่ครับ ลูกเราคือทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุด คุณจะรวยแค่ไหนก็เถอะ แต่ถ้าลูกคุณเอาสมบัติคุณไว้ไม่อยู่นี่ก็หายหมด เพราะฉะนั้นลูกสำคัญที่สุด

คำนูณ –เห็นด้วยครับ และที่คุยกับคุณชูวิทย์มาชั่วโมงกว่านะครับ ท่านผู้ฟังก็รับฟังไว้ ที่ผมเห็นด้วยก็คือ 2-3 ประโยคสุดท้ายนี่แหละ ไม่ว่าคุณชูวิทย์จะทำอะไร จะเผชิญชะตากรรมยังไง วันนี้เข้าพรรษานะ สิ่งสำคัญที่คุณชูวิทย์พูดมา 3-4 ประโยคสุดท้ายผมว่าคือสัจธรรมที่สำคัญที่สุดของชีวิตนะครับ เวลาจะหมดลง แต่เรื่องของคุณชูวิทย์ยังอีกยาวนาน ถ้ามีประเด็นอะไร เราขอฝาก 97.5 ไว้ให้ช่วยพูด เปิดเผยเป็นอันดับต้นๆ บ้าง จะได้ดังแข่งกับสรยุทธ์บ้างตกลงไหม งั้นโอกาสหน้าพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ

ชูวิทย์ - ครับ สวัสดีครับ


Posted by : . , Date : 2003-07-15 , Time : 22:54:00 , From IP : 172.29.3.218

ความคิดเห็นที่ : 1


   โอ้! ยาวจัง อ่านไม่ไหว

Posted by : ลิงน้อยก้นแดง , Date : 2003-07-21 , Time : 16:44:01 , From IP : 172.29.2.83

ความคิดเห็นที่ : 2


    ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขึ้นอีกเยอะเลย

Posted by : เด็กกะหลวด , Date : 2003-07-24 , Time : 13:09:44 , From IP : 192.168.13.90

ความคิดเห็นที่ : 3


   เมืองไทยก็เป็นอย่างนี้แหละ ตำรวจเฮงซวย
เอาแต่ตามหลังผู้ใหญ่ ไม่มีความคิดของตัวเอง
ไมกล้าเผชิญกับความจริง
นักการเมืองก็อุบาทย์ ไม่คิดแก้ไขกฎหมายให้เด็กขาด
นโยบายด็ห่วย



Posted by : เอก , Date : 2003-07-25 , Time : 23:45:57 , From IP : ppp-203.118.126.96.r

ความคิดเห็นที่ : 4


   สมรภูมิอาบอบนวด เฉพาะในเขต กรุงเทพมหานคร วันนี้ไม่เจิดจ้า จรัสแสง
เหมือนปีก่อนๆ จำนวน "
คุณหมอ" ที่เคยนั่งหน้าแฉล้ม อยู่ในตู้กระจก ลด น้อย ถอยลงไป
อาบอบนวด น่าจะแบ่งออกเป็น 3 เกรด หลักการ...แบ่งเกรด คงพอ ยอมรับกันได้
สถานที่ คุณภาพ
ของตัวหมอนวด บรรยา-กาศแวดล้อม ซึ่งมีสัดส่วนสัมพันธ์กับราคา ...แพงที่สุด
ปานกลาง และลดหลั่น
ลงมาแต่จะให้ระบุ เกรด A เกรด B เกรด C ก็ดูจะหักหาญเกินไป ขอเอ่ยชื่อ
ไล่เป็นลำดับ พอเป็น ที่
เข้า ใจก็แล้วกัน
1. ชองเอลิเซ่ สี่แยก อ.ส.ม.ท. ยูโทเปีย น้องใหม่ย่านพระรามเก้า จูเลียน่า
ก็ยังโด่งดัง แบบปาก
ต่อปาก สาวๆส่วนใหญ่ใจถึง วิคตอเรีย, พลาซ่า, ซีซาร์, เอ็มมานูเอล, มิราจ,
โพไซดอน, คลีโอ
พัตรา, โฮโนลูลู, โคปาคาบานา และโนอาร์


2. คริสตัล, เอวิต้า, บางกอกโคซี่, บีวา, เจ้าพระยา 2, เจ้าพระยา 3,
แอมบาสซี่, เจ-วัน, นา
ตาลี, โมนาลิซ่า, วาเลนไทน์ึง
3. ส.โบตั๋น, ไฉไล, สายฝน, นิวยอร์ค, ไนแองการา, อะตามิ, เฮเลน, คริสติน่า
และลาสสเตล
ล่านา



หมอนวดทุกเกรดรวมกันประมาณ 3,000-3,500 คน จากตำนานเล่าขาน คุณหมอระดับดารา
หมายเลข
"ตอง" เลขเดียวกันสามตัว ไม่ต้องนั่ง เสนอหน้ารอ ลูกค้าเรียกอยู่ในตู้
การแต่งกายก็ตามสบาย...
เคยปั๊มเงินได้เดือนละหลาย แสนบาท มีบ้าน มีเบนซ์ป้าย แดง ขับกันให้เกลื่อน
ว่ากันว่า ยุคทองของคุณ
หมออย่างนั้นผ่านเลยไปแล้ว วันนี้ ไม่มีอีกแล้ว
เหตุผลที่หมอนวดซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเอเย่นต์ตกอันดับมีมาก นับแต่


1. แขกรู้สึก ไม่ดีที่เด็กต้องถูกเอเย่นต์หักเงิน


2. ความนิยมของ เด็กไซด์ไลน์เพิ่มขึ้น่นต์


3. เศรษฐกิจ ยังไม่อู้ฟู่เท่าที่ควร



ชั่วโมงนี้...เป็นที่รู้กัน กว่าคุณเธอจะได้ลูกค้าสักคน ก็ต้องนั่งหาวหวอดๆ
แถมบางคืน "กินไข่" คำว่า
กินไข่ หมายถึงการลงทุนเสียเงินปรุงโฉม แล้วมานั่งหาวในตู้ฟรีๆ ไม่มีรายได้
ผิดกับ ยุคทอง สาวในตู้
เดินเข้าออกเป็นว่าเล่น ส่วนหมอระดับซุปเปอร์สตาร์ หรือดารานอกตู้
คิวยาวเหยียดแขกต้องจองกัน
เป็นเดือนๆาง พูดถึง "ซุปเปอร์สตาร์"...หลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับอาบ อบ นวด
อาจสงสัย ทำไมซุปเ
ปอร์ สตาร์จึงมา อยู่ในโรงนวดข่ "ซุปเปอร์สตาร์
ไม่ใช่คำคำเดียวที่รู้กันสำหรับคนวงใน ยังมีศัพท์
เฉพาะอีกหลายคำ ที่บัญญัติขึ้นโดยกลุ่มด็อกเตอร์นวดด้วยกันเอง
อู๋ คนเชียร์แขก คลุกคลีตีโมงอยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 20 ปี อธิบาย
ศัพท์เฉพาะในแวดวงหมอนวดมีมากมาย
ไม่ต่างจากศัพท์เฉพาะของสาวประเภทสอง หรือชาวเกย์ อู๋ว่า
...ถ้าจะให้เท่ห์ ต้องเรียกพจนานุกรมฉบับ ด็อกเตอร์นวด้ว เน้นยืนยันคำว่า
ด็อกเตอร์นวด...เพราะ
แยกขาดชัดเจนจากคำว่า หมอนวด ซึ่งอาจจะ หมายถึง
หมอนวดแผนโบราณ ทั้งที่นวดเพื่อรักษา นวดเพื่อผ่อนคลาย ไม่ว่าจะนวด
เฉพาะฝ่าเท้า นวดทั้งตัว ตั้ง
แต่หัวจรดเท้าว


เริ่มด้วยคำว่า S มาจาก "ซุปเปอร์" นี่คือคำย่อของ...ซุปเปอร์สตาร์
หมายถึงระดับ ของ หมอนวดที่
อยู่เหนือกว่าระดับธรรมดา ถือเป็นระดับสุดยอด


M มาจาก Model หรือ ดารา เป็นพนักงานที่คัดพิเศษ สวยผิดปกติ
เลยต้องออกมานั่งนอกตู้ ราคาก็
เลย แพงกว่าเป็นธรรมดาับ


Sl ย่อจาก Side line ก็ประเภท...ที่อ้างตัวเป็นนักศึกษาบ้าง สาวออฟฟิศ บ้าง
สาวห้างบ้าง แต่รับ
งานเป็นครั้งคราว วันนี้มีดาษดื่น เรียกหาได้แทบทุกแห่งด
ส่วนคำว่า เด็กเอ อู๋อธิบายว่า ย่อมาจาก "เอเย่นต์" ก็คือเด็กที่มาทำงาน
โดยมีพ่อเล้า แม่เล้า คุม
ส่วนใหญ่เป็นเด็กต่างจังหวัดน พวกเอเย่นต์ จะเก็บเงินและ แบ่งให้ เด็กบ้าง
ไม่แบ่งบ้าง มีที่พักให้อยู่
รวมกัน ไม่มีอิสระ ถ้าใครฝืนกฎ แอบนัดแขก นอกรอบ ถ้าถูกจับได้...อ้วก
แบ่งประเภท หมอนวดด้วย
ศัพท์เฉพาะแล้ว ก็มาถึงศัพท์เฉพาะ รูปแบบการให้บริการม
เริ่มต้นด้วยคำว่า บีคอร์สน คือการปรนนิบัติ ของหมอนวด หมายถึงการใช้ร่างกาย
เบียดเสียด ถูไถไป
ตามร่างกายของผู้ชาย ที่จริงก็นวดเหมือน ทั่วไป...แต่ไม่ใช้มือบ
โตร่าาร เป็นชื่อน้ำยาที่ใช้อาบน้ำให้แขก เดิมทีสูตรน้ำมันนี้ ให้บริการ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ลูกค้าจะ
นอนบนแพยาง นำน้ำมันทาจนทั่วตัว จากนั้น ก็ใช้บางส่วนสำคัญในร่างกายถูไถ
ตั้งแต่ต้นคอจรดปลายเท้า
ดำน้ำร ศัพท์นี้ ถือเป็นบริการเสริม คือการดำน้ำทำออรัลเซ็กซ์ให้ลูกค้า
ขณะอยู่ในอ่างระดับ น้ำท่วม
ปริ่มๆ บริการนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัว อยู่ที่ความพอใจของผู้ให้บริการ
ถือเป็น ของแถม อู๋กระซิบ
ว่า เคล็ดลับที่จะได้บริการระดับนี้ อยู่ที่ลูกค้าทำตัวน่ารัก ไม่งี่เง่า
เด็กที่มีความ สามารถเฉพาะ แบบนี้
มีคำเรียกว่า เด็กอึด
คำต่อมา สเป่ ย่อมาจาก สเปเชียล เป็นบริการโดยใช้ปากแบบทั่วๆไป
สเปยังแบ่งเป็น
หลายประเภท
สเปสดา ก็ไม่ใส่ถุงยาง ไม่สด ใส่ถุงยาง ถ้าเพิ่มลูกเล่น อมน้ำแข็งแล้วสเป
เรียกะสเปเย็นส่ หรือ น้ำ
อุ่นแล้วสเป ก็เรียกสเปร้อน้ำ
ต่อมาก็เป็นศัพท์ ล้างตู้ฟักไข่พท์ ยังอยู่ในบริการโดยใช้ลิ้น
แต่เผื่อแผ่จากจุดสำคัญไปถึง ทุกส่วนที่อยู่ใกล้
บางคนอาจใช้คำว่า ล้างตู้เย็น
อ๊อฟโรด แปลว่า ยกสูง เหมือนกับรถปิกอัพที่เอาไปแต่งแบบอ๊อฟโรด หรือการยกรถ
ให้สูงขึ้นกว่าระดับ
ปกติ คำนี้เปรียบเทียบการให้บริการทางด้านหลัง บางคนใช้คำว่า ทางด่วน้
บริการ
ทางด่วน วงการ
อาบอบนวดว่ากันว่า จะให้กันก็ต่อเมื่อเส้น ทางธรรม
ดาฝนตกน้ำเจิ่งนองถนนลื่นเกินไป ทางด่วน...
เป็นศัพท์เฉพาะระหว่างชายกับหญิง แตกต่างจากคำว่า ถั่วดำ ที่ใช้เฉพาะ
ชายกับชาย
หากเหมาเอาทุกบริการมารวมกัน อู๋เรียกว่า Full option
และเมื่อการให้บริการแบบ Full option จบสิ้นลง แขกบางคนประทับใจ
ก็จะใช้คำว่า
มีเงิน
ทอนอการ ก็ทิป...นั่นแหละ เพียงแต่มากกว่า กลับกัน บริการแย่มาก เสียอารมณ์
รู้สึกเหมือนเงินหาย
ก็ใช้คำว่า เงินหล่น ถ้าแขกหลุดปากคำว่า กรุ๊งกริ๊งด หมายถึง
บริการที่เป็นไปตามสเต็ป ของอาบอบ
นวดธรรมดาๆ สื่อความ หมายไปถึงการทำงานไร้อารมณ์ ทำไปตามหน้าที่ ทำไปแกนๆห้
ต่อมา...คำว่า แซนด์วิช หนึ่งเดียวไม่พอ ลูกค้าต้องการสอง คำนี้
ใช้กับสถานการณ์ผู้หญิง สองผู้ชาย
หนึ่ง แต่ถ้าใช้คำว่า ฮอตดอก ต้องเปลี่ยนไปใช้ในสถานบริการผู้หญิง ลูกค้า
หญิงหนึ่ง ต้องการบริการ
จากผู้ชายสองต่ ช้างเผือก่ยน หมอนวดสวยเด็ด บริการเยี่ยม
แต่มาอยู่ในสถานที่ไม่ใหญ่ ไม่หรูหรา
ราคา ไม่แพง คำนี้ ตรงข้ามกับคำว่า นางไม้ด ประเภทสวยแต่รูปจูบไม่ได้
จับไม่ได้ เอาแต่นอน หลับ
ตา ตัวแข็งทื่อ คำว่าม่ ประตูท คือ จำนวนรอบของการให้บริการ
คิดเป็นอัตราส่วนต่อวัน ต่อด้วยคำว่า
กินไข่ำน หมายถึง ...วันนี้ไม่ได้งานสักประตู็ นอกรอบ
พฤติกรรมลูกค้าที่เอาเปรียบสถานบริการ หลบ
เลี่ยงจ่ายค่าต๋ง นิยมซื้อตรง นัดหมอ ที่คุ้นเคย ออกไปข้างนอก
จ่ายค่าตัวกันเองารมา


หมวดสุดท้ายหมวดสรีระ อู๋เริ่มด้วยคำว่า หลอดไฟุด หมายถึง ส่วน
ปลายแหลมของอก เช่น หลอดไฟ
แดง หลอดไฟสีชมพู แต่ถ้าใช้คำว่า ไฟหน้าึงใหญ่เล็ก หรือชำรุด หมายถึงรูปร่าง
ลักษณะและขนาด คำ
ว่า เกาเหลา หมายถึง ไม่มีเส้น หรือถ้าใช้คำว่า อุยาย ตรงข้ามกับเกาเหลา
มีพอสมควร ไม่มาก
เกินไป ถ้าถึงขั้น เงาะป่าม หรือ คิงคอง เป็นที่ เข้าใจ มากเกินพอดี
และทั้งหมดนี้...คือ พจนานุกรมฉบับด็อกเตอร์นวด ที่ใช้กันเฉพาะคนสองฝ่าย
ผู้ชาย นักเที่ยวและฝ่ายผู้
ให้บริการ...คนนอก ไม่มีสิทธิใช้ และไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
ทุกศัพท์ ล้วนแล้วแต่หนีไม่พ้นเรื่องตรงนั้น...แทบจะไม่มีศัพท์แสงอธิบายถึง
ศาสตร์ ในการนวด... นวด
อย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่า ชื่อ...อาบอบนวด ถูกยืมมาใช้ปะหน้า
บริการเรื่องอย่างว่า นานเกินไป จะ
เรียกคืนก็คงไม่ได้ เพราะสายเกินไปแล้ว.


Posted by : . , Date : 2003-08-03 , Time : 14:41:28 , From IP : 202.57.171.80

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.021 seconds. <<<<<