ความคิดเห็นทั้งหมด : 14

เธอชื่อ พิณทองทา.????


   เธอชื่อ พิณทองทา ชิณวัตร

พิณทองทา ชินวัตร
ความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สิ่งที่น่าคลางแคลงใจเกี่ยวกับการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของน.ส. พิณทองทา ชินวัตร ดูเหมือนจะถูกละเลยไม่กล่าวถึง คล้ายกับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างยินยอมพร้อมใจไร้ท่าที หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นใดๆต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

ในการสอบ EntRance 1999 (พ.ศ. 2542)
มีเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนสตรีเอกชนชื่อดัง ซึ่งมีสถานีรถไฟฟ้าชิดลมตั้งอยู่ด้านหน้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานะนิสิตชั้นปีที่ 1สาขา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (ภาคพิเศษ)คณะอุตสาหกรรมเกษตร รหัส นิสิต 42150888*

ประเด็นที่น่าขบคิด คือ

1. นิสิตใหม่ผู้นี้จบการศึกษาจากการสอบเทียบ(หรือการศึกษานอกโรงเรียน:
ซึ่งเปิดให้นักเรียนในระบบสามารถสอบเทียบได้เป็นปีสุดท้ายโดยหลังจากปี 2542แล้วได้ตัดสิทธินักเรียนที่เรียนในระบบ มิให้ใช้สิทธิสอบเทียบอีก) ขณะที่การศึกษาในโรงเรียนเธอนั้น เธอร่ำเรียนมาในสายศิลป์-คำนวณ หลักเกณฑ์ของคณะในการรับนิสิตนั้น ทางคณะฯรับนิสิตโดยตรงซึ่งทำการสอบข้อเขียนที่จัดขึ้นเป็นการเฉพาะและกำหนดคุณสมบัติของนิสิตว่าต้องเป็นนักเรียนสาขาวิทย์-คณิต

เหตุใดเธอจึงเข้าเรียนในสาขาสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร(ภาคพิเศษ)คณะอุตสาหกรรมเกษตร?
ข้อโต้แย้ง เป็นไปได้ว่าเธอผู้นี้สอบเทียบในสาขาวิทยาศาสตร์มาก็อาจเป็นได้

2. เธอเข้ามาศึกษาในคณะฯเป็นเวลา 1 ปีเศษ โดยมีเกรดเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 เป็น 1.50 และ 1.58 ตามลำดับ (ต้องการข้อมูลยืนยัน โปรดติดต่อ สำนักทะเบียนและประมวลผล มก. : รับประกันได้ว่าเขาไม่มีทางให้คุณดูแน่นอน!)
แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด คือ ชื่อของเธอผู้นี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อของนิสิตใหม่คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสสศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ ในปีการ ศึกษา 2543 ภาคเรียนที่ 1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตใหม่อย่างเสร็จสรรพ คือ 4208281*
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาคณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ฯ สาขาบริหารรัฐกิจ ตามที่ระบุในหนังสือคู่มือการเลือกคณะ แสดงคะแนนรวมต่ำสุดไว้ที่ 57.60% โดยมีรายวิชาที่ต้องสอบ คือ 01 02 03 08 และ 09 (นิสิตปัจจุบันอาจจะไม่เข้าใจ กล่าวคือเป็นรหัสวิชา ภาษาไทย สังคมศึกษา อังกฤษ วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ และคณิตศาสตร์ตามลำดับ)

ถือว่าเป็นคณะและภาควิชาที่มีการแข่งขันสูงคณะหนึ่งและคะแนนก็อยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานมาโดยตลอด

คำถามก็คือ
2.1 เธอผู้นี้มีคุณสมบัติใด
จึงสามารถย้ายคณะได้ทั้งๆที่เธอเข้ามาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยการสอบตรงของคณะอก. และเป็นภาคพิเศษ ในปี 2542 (แน่นอนว่าเธอไม่มีคะแนนสอบEnt ในปี 2000 ด้วย)
2.2 การย้ายคณะของเธอกระทำได้อย่างไร
ถูกตามหลักเกณฑ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยการย้าย คณะหรือไม่?
และเหตุใดจึงต้องเปลี่ยนรหัสนิสิตใหม่?
(การย้ายคณะไม่ใช่เรื่อง แปลก ที่พบเห็นบ่อยครั้ง คือ กรณีการย้ายคณะของนิสิตสายวิทย์ เช่น วิทยา มาวิศวะ หรือนิสิตคณะเกษตรฯ ย้ายเข้าคณะอก. :แต่การย้ายทุกครั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงรหัสนิสิตของนิสิตผู้ย้ายคณะแต่อย่างใด
เพราะจะมีปัญหาตามมาภายหลังจากทะเบียนนิสิตซ้ำซ้อนการคิดเกรด การตรวจสอบการจ่ายค่าการศึกษา การทำเรื่องขอจบ และการอนุมัติการจบการศึกษา) เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาท่านผู้อ่านผู้เจริญด้วยปัญญา

ขออนุญาตนำไปพบกับหลักเกณฑ์การย้ายคณะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุไว้คือ ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พุทธศักราช 2521 (ฉบับแก้ไขปรับปรุง) ข้อ 15.1.2 ระบุว่า
> นิสิตที่เข้าเรียนในคณะเดิม
> แต่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมในปีการศึกษาแรกต่ำกว่า 2.00
> “ไม่มีสิทธิย้ายคณะ”

แต่ผลการเรียนเฉลี่ยของเด็กสาวคนนั้นเพียง1.50 และ 1.80 เธอย้ายคณะได้อย่างไร?
กลับมาพิจารณาตามเส้นทางการศึกษาอันน่าพิศวงของเธอกันต่อ ในความแตกต่างระหว่าง ภาคพิเศษและภาคปกติที่ชัดเจน คือ
การคัดเลือกนิสิต จากการสอบโดยตรงและมีข้อสอบเฉพาะความยากง่ายอาจจะไม่ห่างกันเท่าใดนัก แต่เน้นความรู้ความเข้าใจในสาขาเฉพาะที่คณะหรือภาควิชานั้นต้องการมากกว่าและภาคพิเศษเป็นโครงการที่เลี้ยงตนเองไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยจำนวนมากเช่นภาคปกติ แน่นอนว่าค่าเล่าเรียนของนิสิตในภาคพิเศษย่อมมีราคาสูง

คำถามที่ชวนขบคิด คือ
เกษตรฯมีโครงการภาคพิเศษ(เฉพาะปริญญาตรี) หลายคณะ เช่น วิศวะ อก. บริหาร เศรษฐ์ วิทย์ เป็นต้น ถ้ามหาวิทยาลัยอนุญาตให้นิสิตปีหนึ่งเมื่อจบการศึกษาผ่านไป 1 ปี สามารถย้ายคณะจากภาคพิเศษไปภาคปกติในอีกคณะหรือแม้แต่ภายในคณะเดียวกันได้
อยากถามว่า ในอนาคต หากมีนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในสาขาวิชาหนึ่ง แต่ไม่อยากสอบ ent จึงสมัครเข้าเรียนในโครงการภาคพิเศษคณะใดคณะหนึ่งก่อนจะทำเรื่องขอย้ายเข้าเรียนในคณะที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่ต้น แม้อาจจะเสียเวลาไป 1 ปี
(คล้ายกับเส้นทางเดินของการยักย้ายถ่ายเทหุ้นเลยเนอะ)
ซึ่งหมายความว่าเด็กนักเรียนหรือนิสิตใหม่นั้นสามารถทำได้เพราะมีกรณีนิสิตสาวผู้นี้เป็นบรรทัดฐานใช่หรือไม่?

สิ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยเฉพาะผู้บริหารมหาวิทยาลัยคณบดีของคณะที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในช่วงขณะที่นิสิตผู้นั้นเข้าศึกษา ต้องตอบกับสังคม คือ
ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในรั้วสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างไร? มาตรฐานของมหาวิทยาลัยอยู่ที่ไหน?

การกระทำเช่นนี้ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่ต่างอะไรกับการสนับสนุนและส่งเสริมในการกระทำทุจริตทางการศึกษา

เป็นไปได้หรือ?ที่ผู้ปกครองของเด็กสาวจะไม่รู้เรื่องการเรียนการศึกษาของลูก

การปฏิเสธความไม่รู้ย่อมไม่ได้ เพราะนิสิตสาวผู้นี้ขณะที่กระทำอำพรางทางการศึกษาเช่นนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะและเธอก็อาศัยอยู่กับครอบครัวโดยตลอด

เป็นไปได้หรือ?ที่คณะที่เกี่ยวข้องจะอนุโลมให้เด็กสาวผู้นี้เป็นกรณีพิเศษ

เป็นไปได้หรือ?ที่เธอย้ายคณะได้โดยสะดวกเพราะผู้ปกครองเป็นหนึ่งในกรรมการสภามหาวิทยาลัยพร้อมทั้งออกทุนทรัพย์ส่วนตนปรับปรุงห้องสมุดให้แก่คณะที่เธอต้องการเข้าศึกษา

และทั้งหมดนี้ คือ คำตอบว่าเหตุใดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงไม่แม้แต่จะแสดงท่าที กำหนดจุดยืนใดๆ ต่อภาวะการณ์ทางการเมือง ณ เวลานี้ ใช่หรือไม่?

อ้อ....ขอแถมให้อีกนิด
นิสิตสาวผู้นี้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2546รับพระราชทานฯในเดือนกรกฎาคม 2547 ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมอันดับ 2 (3.25 ขึ้นไป)
และมีความพยายามที่จะหาทางมอบเกียรตินิยมให้เธอให้ได้

แต่มิเป็นผลสำเร็จเนื่องจากเผชิญแรงต้านจากกรรมการตรวจสอบที่ยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือทำให้เพราะหากจะพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว
อาจเป็นไปได้ว่าน่ากลัวจะมีรายการ เพิกถอน ปริญญา พร้อมทั้งสอบสวนผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้สะเทือนลั่นทุ่งบางเขน!!!!!!

แม้กระทั่งการศึกษายังไม่โปร่งใส
แล้วเราจะไว้ใจให้บริหารประเทศต่อไปอีกหรือ?

"คนวงใน"



Posted by : เอามาฝาก , Date : 2006-02-27 , Time : 16:24:09 , From IP : 172.29.3.132

ความคิดเห็นที่ : 1


   ดูแล้วท่านฉลาดอยู่คนเดียวนะเนี่ย ลูกเลิกโง่หมด
ยังจำเรื่องอธิการม.เกษตรฯ เอาปริญญาไปประเคนถวายไทเกอร์วูดถึงโรงแรมได้ป่าว ไม่รู้ว่าคนเดียวกันป่าว


Posted by : เกรดไม่ถึง 2.00 , Date : 2006-02-27 , Time : 20:56:46 , From IP : 172.29.9.244

ความคิดเห็นที่ : 2


   อย่าไปยุ่งกะเค้าเล้ย

Posted by : เบื่อ , Date : 2006-02-27 , Time : 21:51:29 , From IP : 203.209.124.84

ความคิดเห็นที่ : 3


   คนรวยทำอะไรไม่ผิด แต่ทำบาปได้... อันนี้ดูท่าจะจริงซะแล้ว

ดูลูกมันแต่ละคน เรียนจบแบบปัญญาชนมีมั่งมั้ย
โกงข้อสอบราม โกงent โกงมั่วซั่วไปหมด ทั้งพ่อแม่พี่น้องลูกหลาน ลุงป้าน้าอา โกงหมด

เลวจิงๆ พับผ่าสิเอ้า


Posted by : -_- , Date : 2006-02-27 , Time : 22:32:07 , From IP : 172.29.4.69

ความคิดเห็นที่ : 4


   ถ้าเป็นคนที่มีจิตสำนึกละอายใจเป็นสักนิดหนึ่ง ถ้าเป็นฉันฉันเอาลูกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชินวัตร เออแต่เรื่องราวต่างๆของตระกูลนี้และตระกูลทางแม่พอมาถึงตอนนี้ ทั้งเรื่องที่มีคนร้องเรียนว่าเยาวภาก็ใช้วุฒิปลอมในการสมัครสส.ทำให้คิดไปถึงรุ่นปู่ย่าตายายว่าช่างสามารถปลูกฝังวิธีคิดที่คดโกงได้อย่างฝังแน่นจริงๆ คดในข้องอในกระดูกเสียจริงๆ

Posted by : สาธุ , Date : 2006-02-28 , Time : 10:33:36 , From IP : 172.29.3.191

ความคิดเห็นที่ : 5


   "เป็น รูปแบบเดียวกันหมด"
TYPICAL หรือ classic สำหรับ ทักษิณ
มี การโยก มาพัก ไว้ก่อนๆ ที่จะดำเนินการต่อไป พอหลายๆขั้นตอน ก็จะติดตาม สอบสวน ยากขึ้นตามลำดับ
..แต่หารู้ไม่ว่า ยิ่งหลายขั้นตอน ผู้เกี่ยวข้องก็ยิ่งมากขึ้น
พยาน ก็ยิ่ง มากขึ้น กลับมารัดตัว ..เมื่อหมดอำนาจ!!
..เห็นบอกว่าเป็นชาติหน้า แต่ทำไม ชาติหน้ามาถึงไวจัง..

ของอย่างนี้ เด็กไร้เดียงสา อย่างลูกตัวเอง น่าจะทำไม่เป็นหรอก
เป็นการสร้าง บรรทัดฐาน เลวๆ ให้ลูกตัวเองดูเป็นตัวอย่าง..
ว่า วิธีโกงแบบนี้ เป็นเรื่อง "ปกติ"
..แล้วลองคิดดู ว่าเมื่อลูกโตขึ้น เห็นวิธีการอย่างนี้มาจนชิน
แล้วมีอำนาจ แล้วนำมาปฏิบัติต่อ อะไรจะเกิดขึ้น
..................


Posted by : ตัดไฟ แต่ต้นลม , Date : 2006-02-28 , Time : 10:49:15 , From IP : 172.29.3.85

ความคิดเห็นที่ : 6


   ความพินาศจะตามมา

Posted by : e-va , Date : 2006-03-01 , Time : 00:23:55 , From IP : 172.29.3.197

ความคิดเห็นที่ : 7


   ทำไมไม่ให้ลูกไปเรียนเมืองนอกว่ะ

Posted by : mimi , Date : 2006-03-01 , Time : 22:19:21 , From IP : 172.29.4.130

ความคิดเห็นที่ : 8


   บู่ๆมั่กๆ เฮ้อ ตระกูลนี้

Posted by : เป็ด , Date : 2006-03-02 , Time : 18:18:04 , From IP : 172.29.4.68

ความคิดเห็นที่ : 9


   บู่ๆมั่กๆ เฮ้อ ตระกูลนี้

Posted by : เป็ด , Date : 2006-03-02 , Time : 18:18:14 , From IP : 172.29.4.68

ความคิดเห็นที่ : 10


    ถ้าได้พิณทองทา มาเป็นเมีย คงสบายไปตลอดชาติ เพราะจะมีทองมาทาทั้งตัว แต่ก็กลัวพ่อตาจะ(..)ตัดตอน สรุปแล้ว มีเมียหมา ดีกว่าเอาทองมาทาตัว เพราะไม่ต้องกลัว(..)ตัดตอน

Posted by : ทองทาตัว , Date : 2006-03-28 , Time : 06:15:31 , From IP : 58.147.66.67

ความคิดเห็นที่ : 11


   อย่ายุ่งกับเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องของเราเลย..มันบาป..ปล่อยเขาไปเถอะ วาสนาของใครก็ของใคร

Posted by : ทรามวัย , E-mail : (-) ,
Date : 2006-11-10 , Time : 19:13:46 , From IP : 203.172.217.57


ความคิดเห็นที่ : 12


   อย่ายุ่งกับเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องของเราเลย..มันบาป..ปล่อยเขาไปเถอะ วาสนาของใครก็ของใคร

Posted by : ทรามวัย งามสรรพ์ , E-mail : (-) ,
Date : 2006-11-10 , Time : 19:15:58 , From IP : 203.172.217.57


ความคิดเห็นที่ : 13


   ...คิอถึงท่านทักษิณ จังเลย อยากฟังวจีที่เป็นวาทะของท่าน ไม่ได้ฟังนานแล้ว ..ว่าจะยังเหมือนเคยหรือเปล่า ?

Posted by : คริสตร์ กรุณาลักษณ์ , E-mail : (...) ,
Date : 2006-11-10 , Time : 19:19:30 , From IP : 203.172.217.57


ความคิดเห็นที่ : 14


   ผมรัก เอม - พิณทองทา หมดหัวใจ ครับ

Posted by : Gray , Date : 2006-12-20 , Time : 21:50:50 , From IP : 203.113.118.3

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<