ความคิดเห็นทั้งหมด : 12

จาก health pro และ เกรด ไม่ได้บอกอะไร


   มีคน พูดกันแล้ว ผมอยู่ใกล้ๆ เลย ได้ยินมาว่า เสียดายที่ สอบไม่ผ่าน ต้องซ่อมเพื่อให้ได้ ซี และในที่สุด ก็จะ ไม่ได้เกียตินิยม
และ อ่านจากกระทู้อื่น มานะว่า วิชานี้ เกรด ส่วนใหญ่อยู่ที่ ซี ถึง บี อ้าว ที่ผม เคยเรียนมาคนได้ ซี ควรมากกว่า บี และ บี ก็ควรมากกว่า เอ ไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไปตามนี้ ข้อสอบ น่าจะ ไม่ปรกติมั้ง
สุดท้าย เกรดอาจไม่ได้บอกอะไร ถ้า การตัดสินด้วยข้อสอบที่ไม่ดี มั้ง


Posted by : จจ , Date : 2006-02-20 , Time : 21:25:10 , From IP : 210-86-223-221.stati

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้วกับ health pro
สรุปว่า ถ้าจะให้ได้คะแนนดีๆ ก็ตอบตรงๆเลยใช่ไหม? เพราะส่วนมากทำไม่ทันกัน


Posted by : -_- , Date : 2006-02-20 , Time : 21:59:06 , From IP : 172.29.4.189

ความคิดเห็นที่ : 2


   "....เสียดายที่ สอบไม่ผ่าน ต้องซ่อมเพื่อให้ได้ ซี และในที่สุด ก็จะ ไม่ได้เกียรตินิยม ...." Posted by จจ

"...ถ้าเกรดกว่าจะออกมาได้ นักศึกษาถูกประเมินความสามารถทุกๆด้าน หน้าที่ความรับผิดชอบ ความสามารถการซักประวัติตรวจร่างกาย เจตคติในการเป็นแพทย์ การทำงานเป็นทีม การทำงานร่วมกับผู้อื่นทั้งระดับ horizontal and vertical การสั่งสมบุคลิกความคิดที่มีรากฐานบนจริยธรรม ถ้า เกรดที่ตัดออกมาสามารถสะท้อนได้หมด คนที่ได้เกียรตินิยมก็จะประกอบด้วยองคฺรวมที่ใกล้อุดมคติมากที่สุดเช่นเดียวกัน เมื่อทำได้ถึงจุดนั้น ถามคำถามใหม่ว่าเกรดมีความหมาย หรือเกียรตินิยมมีความหมายหรือไม่ คำตอบคือ "มี" " Posted by Phoenix() 2006-02-14

อาจเป็นความผิดพลาดครั้งเดียวในเทคนิคการทำข้อสอบของบางคน (และก็ไม่ได้บอกว่า ผู้สอบไม่รู้ไม่มีคุณสมบัติใกล้เคียงอุดมคติของความเป็นแพทย์) ซึ่งเทียบไม่ได้กับความอุสาหะในการเรียนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

แต่แค่นั้นก็เพียงพอ(แล้วหรือ??)ที่จะทำให้พลาดเกียรตินิยม

แม้ "เกียรตินิยม" เป็นแค่สิ่งที่อุปโลกกันขึ้นมา ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นแพทย์ที่ดีต่อไป จะทำงานร่วมกับผู้อื่น กับชุมชนที่อยู่หรือทำงานได้ ไม่ใช่สิ่งสำคัญของชีวิต
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า "เกียรตินิยม" ก็เป็นเสมือนของขวัญชิ้นพิเศษจากผู้ให้

"...ถ้า" เกียรตินิยมเป็นสิ่งที่ดี ผมคิดว่า "ใครๆ" ก็มีสิทธิอยากได้ รวมทั้งคนที่อาจจะไม่มีโอกาสเข้าเรียนหนังสือเลยก็ยังได้ ทำไมถึงจะ "สงวนสิทธิ์" ไว้สำหรับคนเก่งเท่านั้น จึงจะอยากได้?..." Posted by Phoenix() 2006-02-18

ขอแสดงความเสียใจกับบางคนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
และขอให้มีกำลังใจศึกษาด้วยความอุตสาหะ เพื่อสิ่งที่มากกว่า "เกียรตินิยม" ต่อไป


Posted by : brace , Date : 2006-02-21 , Time : 00:13:18 , From IP : 58.147.112.252

ความคิดเห็นที่ : 3


   ถ้าเป็นเกรดC+ก็หมดสิทธิ์ด้วยอ่ะป่าว โห เพิ่งรู้นะเนี่ย สำหรับตัวดิฉันเองไม่เป็นไร (แฮะๆก็แอบเสียใจนิดหน่อย)เพราะตอนนี้ รู้แล้วว่าเกรดไม่ได้บอกอะไร ความรู้ต่างหากที่สำคัญที่สุด แต่....เสียใจ เพราะพ่อกับแม่ก็(แอบ)หวังไว้ลึกๆ แต่ตอนนี้ตัวดิฉันเองหมดสิทธ์ไปแล้ว เฮ้อ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง

Posted by : อยากรู้อ่ะ , Date : 2006-02-21 , Time : 00:53:59 , From IP : 172.29.4.184

ความคิดเห็นที่ : 4


   วกเข้ามาเรื่องเกรดนิยมจนได้
C+ เนี่ยยังมีสิทธิ์ ถ้าไม่เคยได้ F หรือ U มาก่อน
ลงทะเบียนภาคฤดูร้อน ก็ยังมีสิทธิ์ ถ้าเข้าตามเกณฑ์ที่กำหนด

คุณสมบัติของนักศึกษาที่จะได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเกียรตินิยมอันดับสอง

ตามระเบียบมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พ.ศ. 2539 และ พ.ศ.2547
คุณสมบัติผู้ได้รับปริญญาเกียรตินิยม (ข้อ 17.2 และ 17.3) สรุปได้ดังนี้
1. เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
1.1 ได้ดัชนีสะสมตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป
1.2 ไม่เคยได้ระดับขั้นต่ำกว่า C หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ในรายวิชาใด ๆ
1.3 ใช้เวลาศึกษาไม่เกินจากระยะเวลาที่หลักสูตรหรือสาขาวิชากำหนด
1.4 ไม่เคยเป็นผู้มีประวัติได้รับการลงโทษ เนื่องจากผิดวินัยอย่างร้ายแรง

2. เกียรตินิยมอันดับสอง
2.1 ไม่ดัชนีสะสมตั้งแต่ 3.25 ขึ้นไป
2.2 ไม่เคยได้ระดับขั้นต่ำกว่า C ในรายวิชาเอกใด ๆ ของหลักสูตรสาขาวิชานั้น
2.3 ไม่เคยได้ระดับขั้น E หรือสัญลักษณ์ F หรือ U ในรายวิชาใด ๆ
2.4 มีคุณสมบัติเหมือนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ข้อ 1.3 และ 1.4



Posted by : เบื่อแล้ว , Date : 2006-02-21 , Time : 10:29:58 , From IP : p36-adslsnilf1.S.csl

ความคิดเห็นที่ : 5


   ขออนุญาตเพิ่มเติม เนื่องจากเข้าใจตรงกับที่คุณ "จจ" ที่ว่าเพื่อนๆเรากลุ่มนี้จะพลาดโอกาสรับเกียรตินิยมไปอย่าน่าเสียดาย ตรงที่ว่า

ทางคณะกำหนดไว้ในคู่มือตอนขึ้นปี 4 ว่าถ้าได้การประเมิน "X" ในรายวิชาใด จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเกียรตินิยม

จึงทำให้มีความเห็นและความรู้สึกดังกล่าวเมื่อพูดกันถึงเรื่องนี้
แต่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นที่อาจมี (หรือไม่มี)จะเป็นอย่างไรนั้น อันนี้คงขึ้นกับทางคณะ

ยังไงคุณ "เบื่อแล้ว" ก็อย่าเพิ่งเลยเบื่อที่ร่วมกันจะแสดงความเห็นหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยน้า ^__^


Posted by : brace , Date : 2006-02-21 , Time : 13:25:52 , From IP : 58.147.112.252

ความคิดเห็นที่ : 6


   เห็นว่า คนที่พลาด ไม่ใช่แค่ เกียตินิยม อันดับ2 ด้วยนะ ( ผมฟังไม่ถนัด เพราะทั้งหมดคุยกันหลายคน ฟังไม่ทัน )
อ้อ แล้วเคยได้ยินมาว่า คะแนน สอบ choice บางวิชา เต็ม 100 Mean คือ คนส่วนมาก อยู่ที่ 80 กว่า สูงสุด 98 เห็นเด็กพูดกันว่า ตรงที่อ่านมา เป๊ะๆๆๆๆๆ แหมเก็งข้อสอบแม่นจริงๆๆๆๆๆๆ


Posted by : จจ , Date : 2006-02-21 , Time : 18:37:30 , From IP : 203.114.121.211

ความคิดเห็นที่ : 7


   ให้ตายสินายจะเอาเกียตินิยมไปทำอะไร งง? นายเรียนนายน่าจะรู้ว่านายเรียนไปทำไมสิ่งที่นายจะได้และอยากได้จากสถานที่แห่งนี้คืออะไร ทำไมเกียติเราเองต้องให้คนอื่นมากำหนด นายเข้ามาและตอบโจทย์ที่นายได้ตั้งไว้ก่อนเข้ามาได้ นั้นก็ถือว่านายได้เกียตินิยมแล้วละนะ นายอย่าให้สิ่งเหล่านี่เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตนายสิมันเป็นสิ่งภายนอกที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตนายนะ นายนะต้องเริ่มจากการที่จะมองหาความรักในวิชาชีพนะสิ่งนั้นจะคงทนกว่ามากเลยละเพราะไม่ว่านายจะสอบตกกี่ครั้งนายก็จะสามารถลุกขึ้สู้อย่างหน้าด้านอายอดได้เสมอ มันก็เหมือนหมากรุกแหละ นายเล่นไม่ใช่เพราะว่านายเล่นได้ชนะดีใจมีความสุขเมื่อได้ชนะได้เกียตินิยม แล้วไปเสียใจเพราะเล่นแพ้ แต่นายเล่นเราเพราะว่านายหลงรักมันนะสิ ไม่ว่าจะแพ้สักกี่ครั้งนายก็ยังอยากจะเล่นอยู่ยังลุกขึ้นมาขอแก้ตาใหม่เสมอ มันจะไม่ใช่การเล่นเพื่อแพ้หรือชนะอีกต่อไปแต่เป็นการเล่นกันเพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กันและกันในมหาลัยมีหลายอย่างให้เรียนรู้นะ สอบตกก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้นะจ้ะ การผิดหวังเป็นการเรียนรู้ที่ดีนะจ้ะ จงฉวยโอกาสนี้เรียนรู้มันซะ



Posted by : เราก็ตกเหมือนกันแหละ 555 , Date : 2006-02-22 , Time : 17:15:50 , From IP : 172.29.4.220

ความคิดเห็นที่ : 8


   ในมหาลัยมีหลายอย่างให้เรียนรู้นะ สอบตกก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้นะจ้ะ การผิดหวังเป็นการเรียนรู้ที่ดีนะจ้ะ จงฉวยโอกาสนี้เรียนรู้มันซะ

อ่านแล้ว ชอบมากที่ สอบตก ก็ไม่เครียด สอบผ่านก็ไม่หลงคิดว่าเก่งแล้ว ขอ อวยพรให้ อย่าอยู่ใน มหาลัยนานๆ นะ เรียบๆจบ แล้วกัน


Posted by : จจ , Date : 2006-02-22 , Time : 19:01:17 , From IP : 125.25.1.187

ความคิดเห็นที่ : 9


   ถูกต้องนะคร๊าบบบบทุกคน

ยังคงยืนยันว่า...
เหมือนที่เพื่อนๆบอก เกรดไม่ได้บ่องบอกว่าเราไม่ตั้งใจเรียน
เกรดไม่ได้บ่งบอกว่าเราไม่มีความรู้ เพราะมันวัดความรู้ของเรา แค่จังหวะหนึ่งของเวลาเท่านั้น ถ้าเราสนใจจะหาความรู้ตลอดเวลาเราย่อมสามารถเก่งกว่าพวกเกรดสูงๆที่เรียนแล้วทิ้งได้อย่างแน่นอน (นอกจากนั้นมันยังมีอีกหลาย factor ที่เปลี่ยนแปลงเกรดเรา) อยากให้เพื่อนๆคิดว่าการสอบและเกรดเป็นเพียงกลอุบายหนึ่งที่เป็น stimulator ให้เราอ่านหนังสืออย่างจริงจังมากกว่า เพราะเราก็ยอมรับว่าถ้าไม่มีการสอบท้ายบล๊อกเราก็คงไม่มีโอกาสได้หักโหมตั้งใจอ่านหนังสือแน่นอน

ขอให้เพื่อนๆ โดยเฉพาะห้อง 320-321 อ่านความคิดเห็นของนาย [เราก็ตกเหมือนกันแหละ 555()] แต่เปลี่ยนคำว่าหมากรุกเป็น Dota เปลี่ยนคำว่าเกรียตินิยมเป็น pro และเปลี่ยน สอบตก,แพ้ เป็น noob น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะ เหอะๆๆๆ (สงสัยคนทั่วไปจะไม่เข้าใจ)

สุดท้ายเกรดไม่ได้บอกว่าเราจะเป็นหมอที่ดีเพราะ จิตวิญญาณมันวัดเป็นค่าไม่ได้ ไม่งั้นเราคงมีนายกดีๆไปแล้ว(ฮา)

ปล.อย่าลืมไปลงชื่อถอดถอน ก่อนที่ลูกหลานของเราจะไม่มีแผ่นดินอยู่


Posted by : poo , Date : 2006-02-22 , Time : 20:14:07 , From IP : 203.157.29.142

ความคิดเห็นที่ : 10


   กรด เป็นเหมือน สถอตอที่ดี ที่สุก ของนักวิ่ง ในระยะสั้น เช่น 400เมตร ทำได้ 59 วินาที แต่การทำงาน เป็น การวิ่ง ระยะมาง มาราธอน อาจ เทียบ กันยาก เพียงแต่ ถ้าขยันซ้อม เวลา น่าจะดี กว่า คนไม่ซ้อม

Posted by : จจ , Date : 2006-02-23 , Time : 11:37:19 , From IP : 61.19.24.122

ความคิดเห็นที่ : 11


   น้องๆ สู้ต่อไป...เราเก่งไม่เก่ง ดีหรือไม่ดี เรารู้ เพื่อนๆเราก็รู้น่า อย่าให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักเราเลยมาตัดเราและทำให้เราท้อสิครับ ไม่ได้เกีรตินิยมไม่เห็นเป็นไรเลย เวลาตรวจคนไข้ไม่เห็นเขาจะขอดูเลย...

Posted by : สู้ต่อไป ทาเคชิ , Date : 2006-02-23 , Time : 18:06:30 , From IP : 172.29.4.48

ความคิดเห็นที่ : 12


   มี "วิธี" คิดหรือวิธีมองเรื่องเกียรตินิยมหลากหลาย ผมขอเสนอวิธีนึง

เกียรตินิยมไม่ใช่ของที่มี "คนให้" แต่เป็นสิ่งที่เรา "ทำจนสมควรได้รับ" ต่อให้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ไม่มีการแจกเกียรตินิยม ตัวเราจะ "ทราบ" ว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง ได้เรียนอะไรไปบ้าง เกิดความรู้ความชำนาญเป็น "อย่างยิ่ง" ในสิ่งที่เราทำ จนกระทั่งนับเป็นเกียรติ เป็นที่นิยมของบัณฑิตโดยทั่วไป ก็จะเหมือนกัน

ถ้ามันได้ง่ายๆ โหมทำเป็นชั่วระยะเวลาสั้นๆ เลือกเรียนเฉพาะที่ credit สูงๆ มันก็คงไม่ "ท้าทาย" กฏข้อที่ห้ามได้วิชาใดต่ำกว่า C เป็นการทดสอบ stamina ความอดทน ความคงเส้นคงวา เจตคติต่อหลักสูตร ต่อสถาบันการศึกษา เจตคติต่อปรัชญาการศึกษา เจตคติต่อครูอาจารย์

"บัณฑิตแพทย์" ในความเห็นของผมนั้น ควรจะถูกประเมินแบบองค์รวม เพราะวิชานี้ อาชีพนี้ จรรยาบรรณของเรา เป้าหมายของเรานั้นเป็นองค์รวม คนที่เคยชินกับการเรียนที่เน้น cognitive เน้นข้อสอบจำ อาจจะพบว่าบางมิติของการประเมินจะเปิดเผยจุดอ่อนที่สำคัญ เช่น การเรียบเรียงความคิด การแสดงออกเพื่อให้คนอืนเข้าใจ การตีความ การทำงานให้สัมฤทธิผลตามที่ได้รับมอบหมาย การถูกประเมินเจตคติ ความสม่ำเสมอคงที่ของการตั้งใจเรียน การทำงานเป็นทีม ฯลฯ

ถ้ากว่าครึ่งหรือเกือบครึ่งของนักศึกษาได้เกียรตินิยม คำๆนี้ก็ลดความสำคัญลง ขาดความท้าทาย ลดความภาคภูมิใจที่จะเกี่ยวกับความบากบั่น สม่ำเสมอเป็นเวลา 6 ปี สนใจในทุกๆมิติของบทเรียนไป ซึ่งนับเป็นเรื่องยาก ต้องการความมานะพยายาม และสติปัญญามาเกี่ยวข้องทั้งหมด



Posted by : Phoenix , Date : 2006-02-25 , Time : 22:16:08 , From IP : 172.29.7.39

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<