ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

ขอ ให้รักแท้


   เจ้าสาวแสนสวย เจ้าบ่าวรูปงาม ดอกไม้หอมกรุ่น ไวน์รสเลิศ และคำอวยพรจากบรรดาแขกเหรื่อ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานทั่วไป แต่ในงานวิวาห์ของหวงชุน และเสิ่นอ้ายลี่ มีบางอย่างมากกว่านี้

เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ในเมืองเต๋อหยัง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน หวงชุน อายุ 26 ปี ชายหนุ่มหน้าตาดี นิสัยซื่อตรง เชื่อมั่นในความรัก ได้เข้าพิธีแต่งงานกับหญิงสาวคนรัก ซึ่งป่วยเป็นโรคลูคิเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว ระยะสุดท้าย ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกเพียง 180 วันเท่านั้น


หวงชุน (ซ้าย) และเสิ่นอ้ายลี่ (ขวา)

สำหรับเสิ่นอ้ายลี่ ซึ่งเป็นเจ้าสาวแล้ว วันนั้นเป็นวันที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกวันในทุกๆ ด้าน วันนั้นเสิ่นได้กลายเป็นภรรยาของชายที่เธอรักมากที่สุด พร้อมได้รับสัญญารักตราบชั่วชีวิตจากหวงชุน ว่าจะรักและดูแลเธอจนกว่าความตายจะมาพรากพวกเขาจากกัน นอกจากนี้ ยังมีลำแสงแห่งความหวัง โดยหญิงสาวที่ไม่ได้รู้จักกับเสิ่นมาก่อน ยินดีที่จะบริจาคไขสันหลังกับเสิ่นระหว่างพิธีแต่งงาน


หวงชุนอุ้มเจ้าสาวของเขาเข้าสู่งานวิวาห์


“แต่งงานกับพี่นะ”

รักแท้แพ้อุปสรรค
เสิ่นอ้ายลี่ หรือเจ้าสาวของงาน อายุ 25 ปี เป็นชาวเมืองสือฟัง ในมณฑลเสฉวน ทำงานในสำนักงานขนส่งประจำเมืองเต๋อหยัง วันหนึ่งในปี 2003 หวงชุน ชาวเมืองฉงชิ่ง ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเสฉวน ได้เข้ามาเที่ยวเล่นในเมืองเต๋อหยังกับเพื่อน และได้พบกับเสิ่นอ้ายลี่ ขณะที่เธอกำลังร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะบาร์ ซึ่งทั้งคู่ปิ๊งกันในทันที

เพื่อให้ได้อยู่ใกล้กับสาวเจ้า หวงชุนได้เข้ามาทำงานในบริษัทออกแบบตกแต่งแห่งหนึ่งในเมืองเต๋อหยังหลังจากที่จบการศึกษา หลังจากนั้นพวกเขาก็มีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่าย และวางแผนที่จะแต่งงานกันในเดือนตุลาคมปีนี้

แต่ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไป ในวันครบรอบ 2 ปีการนัดเดทครั้งแรกของทั้งคู่ เหงือกของเสิ่นเลือดออก เธอจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเหรินหมินในเมือง และ 3 วันหลังจากนั้น ผลการตรวจก็ออกมา ระบุว่าเธอเป็นโรคลูคิเมียระยะสุดท้าย แม้ว่าทุกวันนี้เสิ่นจะยังรับการรักษา แต่เวลาของเสิ่นอ้ายลี่เหลือเพียง 180 วันเท่านั้น

“ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังทอดทิ้งฉันตอนที่รู้ผลการตรวจ และฉันไม่ต้องการเป็นภาระให้พี่หวง จึงพยายามที่จะอยู่ห่างจากเขา” เสิ่นกล่าวเปิดใจ และเล่าว่า เธอได้บอกกับเพื่อนคนหนึ่งของหวงถึงสภาพของเธอเพื่อขอแยกทางจากหวง

แต่หวงมาพบเสิ่นในสัปดาห์ต่อมา และบอกกับเธอว่า “ความรักของเราจะชนะความยากลำบากทั้งหมดตามทางที่เราผ่าน ชีวิตคนเราสั้นนัก เราควรช่วยกันทะนุถนอมมัน”

หวงชุนได้ลาออกจากงานเพื่อจะได้อยู่บ้านเฝ้าดูแลเสิ่นอย่างใกล้ชิด เขาต้มยา ทำอาหาร และพูดคุยกับเสิ่น และคืนหนึ่งในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เขาได้ซื้อแหวน 2 วงที่เป็นคู่กันมาในราคา 20 หยวน หรือราว 100 บาท และขอเสิ่นแต่งงาน ซึ่งเขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกับคนที่เขารัก ในขณะที่อาการของเธอยังดีอยู่

ส่วนเสิ่นอ้ายลี่ ได้ขอให้แพทย์เลื่อนโปรแกรมการทำเคมีบำบัดออกไปเป็นหลังงานแต่งงานของพวกเขา เพราะเสิ่นต้องการเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเช่นเดียวกันหญิงสาวทั่วไปที่มีความรัก

งานวิวาห์หวานชื่น
“ผมไม่รู้ว่าผมจะจากคุณไปเมื่อไร แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมอยากที่จะอยู่กับคุณจนวันที่ผมของเราขาวและฟันของเราหลอไปด้วยกัน และยังหัวเราะให้กันและกันได้ ... ผมไม่กลัวตาย แต่กลัวว่าจะสูญเสียคุณไป” เป็นคำกล่าวที่สะเทือนใจและเรียกน้ำตาของเจ้าบ่าวหวงชุน ในช่วงกล่าวความในใจแลกเปลี่ยนกัน


รินแชมเปญ เติมเต็มความสุข

ส่วนเจ้าสาวเปิดใจด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ในใจฉันคิดอยู่เสมอว่า วันเวลาที่มีความสุขเช่นนี้จะยืนยงนานเท่าใด ฉันปรารถนาอย่างยิ่งอยากให้นานจนฉันแก่เฒ่า…”


“ในใจฉันคิดอยู่เสมอว่า วันเวลาที่มีความสุขเช่นนี้จะยืนยงนานเท่าใด”

หลังจากนั้น เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้แลกเปลี่ยนของที่ระลึกแห่งความรักแก่กันแทนแหวนแต่งงาน ซึ่งของที่ทั้งคู่เตรียมมานั้นต่างฝ่ายต่างปิดเป็นความลับ แต่เหมือนทั้งคู่มีใจสื่อถึงกัน

หวงชุนได้มอบจี้คริสตัลรูปลิง (เสิ่นเกิดปีวอก) ให้แก่เจ้าสาวของเขา เพื่ออวยพรให้เธอกระปี้กระเปร่า ส่วนเสิ่นได้มอบจี้คริสตัลเช่นกันให้แก่เจ้าบ่าว แต่เป็นรูปมังกร พร้อมกล่าวว่า “พี่หวง หากฉันต้องจากไป หวังว่ามังกรตัวนี้จะปกป้องดูแลและอยู่เป็นเพื่อนพี่แทนฉัน…”

หวงชุนสวมสร้อยคริสตัลรูปลิงให้แก่เสิ่นอ้ายลี่

ทั้งนี้ จำนวนแขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานรักแท้ของหวงและเสิ่นนั้นมีจำนวนร่วม 1,000 คน เพราะนอกจากเพื่อนๆ และญาติของทั้งคู่แล้ว งานแต่งงานครั้งนี้ยังเป็นที่สนใจของนักข่าวจากสื่อหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุโทรทัศน์กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งชาวเมืองและผู้คนอีกมากมายที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้จัก แต่พวกเขารับรู้เรื่องราวความรักประทับใจของหวงและเสิ่นที่เผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

ผู้วางแผนจัดงานแต่งงานให้กับทั้งคู่เปิดเผยว่า มีอาสาสมัครจำนวนมากที่อยากมีส่วนร่วมในงานวิวาห์ครั้งนี้ โดยอาหาร เครื่องดื่ม และดอกไม้ทุกดอกในงานต่างถูกส่งมาจากคนทั่วเมืองที่ประทับใจกับความรักดื่มด่ำของหวงและเสิ่น นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังได้รับ “ซองแดง” มากมายเป็นของขวัญเพื่อให้เสิ่นใช้ในการรักษาด้วย

ขณะที่งานวิวาห์ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย หญิงสาวอายุ 23 ปีคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหาเจ้าสาวด้วยน้ำตานองหน้า ตรงเข้ามากอดเสิ่นไว้ และกล่าวว่า “พี่เสิ่น ฉันปรารถนาที่จะช่วยพี่ได้” ที่แท้สาวน้อยคนนี้ตั้งใจที่จะบริจาคไขกระดูกให้แก่เจ้าสาวเพื่อยืดระยะเวลาแห่งความสุขของเสิ่นออกไป

สาวน้อยใจดี (เสื้อเหลือง) ที่ยินดีบริจาคไขกระดูกให้แก่เสิ่นอ้ายลี่

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ที่ให้การรักษาแก่เสิ่นอ้ายลี่ แสดงความเห็นว่า การทำเคมีบำบัดน่าจะได้ผลมากกว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่จากสภาพการณ์ของเสิ่นในขณะนี้ที่เป็นลูคิเมียระยะสุดท้าย แม้เสิ่นจะเข้ารับการรักษาในทันทีหลังงานแต่ง แต่ระยะเวลาที่เหลือของเสิ่นไม่น่าจะเกินครึ่งปี ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเราสามารถทำให้เสิ่นอ้ายลี่ได้ในขณะนี้ คือขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองเธอ

ความรักอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้

เรียบเรียงจาก ไชน่าเดลี่ / ซิน่าเน็ต



Posted by : Eset , Date : 2006-02-14 , Time : 20:29:56 , From IP : 172.29.4.47

ความคิดเห็นที่ : 1


   อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย
คุณ Eset ก็ระวังเป็น leukemia นะ
เห็นมี bleeding per gum เหมือนกัน


Posted by : อินทรีย์ทะเลทราย , E-mail : (Dessert_Eagle@hotmai.com) ,
Date : 2006-02-15 , Time : 02:00:29 , From IP : 172.29.4.37


ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมนึกว่าเป็น bleeding per G...... ซะอีก


เข้าใจผิดมาตั้งนาน


รักษาสุขภาพด้วยน่ะท่าน eset


Posted by : SodaMint , Date : 2006-02-15 , Time : 14:38:16 , From IP : 172.29.3.113

ความคิดเห็นที่ : 3


   วันวาเลนไทน์นี้ใครเป็นผู้โชคดีได้ดอกไม้จากคุณ eset เหรอครับ...


อิ อิ


Posted by : SodaMint , Date : 2006-02-15 , Time : 14:42:58 , From IP : 172.29.3.113

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<