โจ นิสิตหนุ่ม "ไม่อยากชิงสุกก่อนห่าม เลยเที่ยวอาบอบนวด"
เรื่องรักระหว่างเรียนดูจะกลายเป็นเรื่องปกติไปในปัจจุบัน เรื่องรักนี่ไม่เท่าไหร่แต่เรื่องเซ็กนี่สิน่ากลัว เพราะ บางคนมีเซ็กในขณะที่ยังไม่พร้อม โดยเฉพาะนักศึกษาที่มีเซ็กด้วยการที่เข้าใจว่ารักคือการมีเซ็ก
อย่างไรก็ตามเรื่องเซ็กนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน บางคู่ยังยึดมั่นในขนบธรรมเนียมที่ว่า รักจริงหวังแต่ง ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ขณะเดียวกันมีบางคู่กลับปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ ตามความต้องการทางเพศ
ที่น่าสนใจก็คือเมื่อมีความต้องการทางเพศแล้ว การหาหนทางสนองความต้องการของตัวเองควรทำอย่างไร เพราะ การมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนวัยอันควรยังเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย มีหลายๆ คนใช้การเที่ยวอาบอบนวดแทนเหมือนกับ โจ น.ศ จากมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง
ไปเพราะไม่อยากมีอะไรกับแฟนตัวเองก่อนที่จะแต่งงานกัน เทิดทูนเขาไว้บนหิ้ง แล้วก็ไปหาเอาที่อื่นอย่างหาระบายตาม อาบ อบ นวด บ้าง โจบอกกับเราพร้อมๆ กับ บอล เพื่อนซี้ของโจให้เหตุผลว่าการไปเที่ยวอาบอบนวดว่าดีกว่าที่จะไปเที่ยวตามผับเยอะ เพราะ ถ้าไปอย่างนั้นเสียเงินเสียทองมากโดยใช่เหตุ ในขณะที่การเที่ยวแบบนี้ไปถึงจ่ายเงินแล้วจบเลย
ข้อนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งครับ ก็มีอยู่รายนึงเหมือนกันที่ผมอ๊อฟออกมาข้างนอก แล้วก็ติดต่อกันอยู่อีก มีโทรคุยกันบ้างแต่มาหลังๆ ผมไม่ติดต่อ เพราะ เอะอะก็อยากได้นู่นอยากได้นี่จะให้ซื้อให้ตลอดก็เลยเลิกติดต่อกันไป โจสนับสนุนความเห็นของเพื่อน
ครั้งแรกที่โจไปก็ไปเพราะเพื่อนชวนไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยนี่ล่ะ แต่ถ้าให้ไปคนเดียวโจยืนยันยังไงๆ ก็ไม่ไปแน่
เรื่องเขินน่ะ ไม่เขินหรอก แต่อายมากกว่าอายแม่บ้านที่มาเตรียมนู่นเตรียมนี่เวลาอยู่ในห้องน่ะ ตอนนั้นก็ไม่เสียดายเงินหรอก เพื่อนชวนเอ้า! ไปก็ไปวะดูเงินในกระเป๋าก็พอจะมีก็ไปกัน ก็เลยเที่ยวไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่ แต่ถ้ามีเงินก็ไป อือ.. เวลาผมไปนะบางทีเจอเด็กหัวเกรียนพวก ม.ปลาย น่ะมาเที่ยวอย่างนี้ก็มีนะไม่รู้เข้าไปได้ยังไง
เวลาไปก็ขับรถเข้าไปแล้วจอดที่หน้าประตู พนักงานก็เอารถไปจอดให้แล้วก็เดินเข้าไปเลือกก็มีคนเชียร์ มาบอกว่าคนนั้นดีอย่างนั้น คนนี้ดีอย่างนี้ ถามว่าชอบแบไหน คนไหนเอาใจเก่ง เลือกเสร็จ พนักงานก็จะพาขึ้นห้อง แม่บ้านก็จะหิ้วของใช้พวกสบู่ ยาสระผม น้ำยาบ้วนปากอะไรแบบนี้ล่ะ จากนั้นก็แล้วแต่จะอะไรยังไง
จากครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆ มาโจบอกครั้งแรกน่ะไปกับเพื่อนแต่ต่อจากนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะมีเงินพอหรือเปล่า และโจยังบอกตัวเองไม่กลัวโรคติดต่อ เพราะ เชื่อว่าตัวของใคร ใครก็ห่วง อีกทั้งผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้ต้องตรวจโรคเป็นประจำอยู่แล้ว และการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งโจต้องใช้ถุงยางอนามัย เพราะ ถ้าไม่ใส่ผู้หญิงก็ไม่ยินยอม
ผมกลัวที่สุดก็คือ กลัวแฟนจะรู้น่ะสิ เดี๋ยวเสด็จลงจากหิ้งมาประหารผมทำไงล่ะ อุตส่าห์เก็บขึ้นหิ้งไว้แล้ว อย่าให้รู้ดีกว่า (หัวเราะ) พวกผู้หญิงแบบนั้นก็มีการศึกษานะอายุก็ประมาณ 20 กว่าๆ อย่างคราวที่แล้วก็จะมีคนเชียร์บอกว่า พี่ๆ คนนั้นนะ คนนี้นะ เรียนที่นั่นที่นี่ พอเราเข้าไปในห้องก็จะถามสิว่าน้องเรียนที่นั่นเหรอ
เด็กก็บอกว่าพี่รู้ได้ไง ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียนอยู่มหาลัยจริงรึเปล่า อาจไม่ใช่ก็ได้แต่จะไปสนทำไมว่าเรียนอยู่จริงหรือเปล่า ดูแค่หน้าตารูปร่าง แล้วพวกไซด์ไลน์นี่ก็แพงมากๆ ด้วยบางทีตั้ง 5,000 แล้วผมต้องเก็บตังค์นานไงก็ไม่ค่อยไปเที่ยวแบบไซด์ไลน์หรอกแบบธรมดาๆ ก็พอแค่ 1,000 2,000 ก็พอ
โจบอกบางคนดูข้างนอกไม่มีทางรู้ว่าเป็นหมอนวด เพราะ แต่งเนื้อแต่งตัวหรูมากโทรศัพท์มือถือ รถที่ใช้ล้วนแต่ราคาแพงทั้งนั้น
ก็เคยถามเหมือนกันนะว่าเป็นนักศึกษาอยู่แล้วทำไมถึงมาทำ เค้าก็บอกว่า เกลียดแฟนบ้าง แฟนทิ้ง ถูกผู้ชายหลอกบ้าง แต่บางคนพูดตรงๆ เลยว่าทำเพราะอยากมีของอยากมีเงิน แต่ทุกๆ คนจะบอกว่าเคยมีอะไรกับแฟนมาแล้วแฟนเคยได้เขาแล้ว เท่าที่ดูๆ ทุกคนมีปัญหาทั้งนั้น แต่ ผมว่าความโลภมากกว่านะ ความโลภนี่สำคัญเลย เชื่อว่าไม่มีนะที่ไปทำ เพราะ เรื่องเซ็กอย่างเดียว เพราะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาตามที่เที่ยวทั่วไปก็น่าจะได้
เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าถ้าวันนึงเข้าไปแล้วเห็นเพื่อนตัวเองนั่งอยู่นี่จะทำยังไง (หัวเราะ) แต่ถ้าเจอจริงๆ ก็คงต่างคนต่างหลบกันดีกว่าคงอายกันนะ ยกเว้น กรณีที่คนนี้อยาก.... มานานแล้ว(หัวเราะ) แต่ต้องรู้จักแบบมองอยู่ไกลๆ นะ เหมือนกับเคยคุยกันสองสามครั้งหรือไม่ก็ไม่เคยคุยเลย แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันคุยกันบ่อยๆ เจอกันบ่อยๆ อย่างนี้ไม่เด็ดขาด
Posted by : joe , Date : 2003-07-10 , Time : 04:12:30 , From IP : 202.57.175.155
|