ความคิดเห็นทั้งหมด : 5

ยาวหน่อย,,,,แต่อยากให้อ่านนะคะ โดยเฉพาะพวก"รักชาติ"ทั้งหลาย


   "พ่อครับ...ผมกลัว" จดหมายถึงพ่อ ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน พ่อครับ ผมรู้ว่าพ่อไม่อยากให้พวกเราพี่น้องทะเลาะกัน เพราะหลายครั้งแล้วที่ลูกๆ ของพ่อทะเลาะกัน ตีกันถึงเลือดตกยางออก ราวกับว่าไม่ใช่พี่น้องกัน ราวกับว่าไม่ได้มีพ่อคนเดียวกัน และราวกับว่าเป็นลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าพ่อแม่สั่งสอนตลอด แต่ลูกๆ ของพ่อ ไม่จำและไม่นำมาปฏิบัติมากกว่า หลายครั้งที่ลูกๆ ของพ่อ ทะเลากัน ตีกันบาดเจ็บ บางครั้งก็เลยเถิดถึงขั้นล้มตาย เพราะไม่มีใครยอมใคร มีแต่คนอยากเอาชนะ ไม่มีใครอยากเป็นคนแพ้ ทุกครั้งที่ลูกๆ ของพ่อทะเลาะกัน ตีกัน ทำร้ายกัน จนทำให้ข้าวของในบ้านของเราตกแตกเสียหาย มีความแตกแยกของพี่น้อง พ่อจะเข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยยุติปัญหา และขอให้หยุดทะเลาะกัน ซึ่งพวกเราทุกคนในบ้านรู้ดีว่า ถ้าหากว่าพ่อพูดแล้ว เราทุกคนต้องหยุด ต่อให้จะโกรธเคืองกันรุนแรงขนาดไหน ถึงขั้นจะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง พวกเราก็จะต้องหยุด เพราะพวกเราทุกคนรักและเคารพ เทิดทูนพ่อมากที่สุด ผมรู้ดีว่าในหัวใจของลูกๆ ทุกคน มีพ่อเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจ ไม่มีใครหรืออะไรจะมาเทียบเท่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกๆ ทุกคนได้อีกแล้ว ผมยังจำได้ดี เมื่อ 13 ปีที่แล้ว พ่อเคยสอนพวกเราทุกคนในบ้าน ว่าจะสู้กันไปทำไม จะเอาชนะกันไปทำไม ถ้าเป็นชัยชนะบนความพ่ายแพ้ของบ้านเรา ผมเห็นแววตาของพ่อเจ็บปวด เป็นทุกข์ อย่างมากในวันนั้น แต่น้ำเสียงของพ่อเยือกเย็นและอบอุ่นเสมอ สำหรับลูกๆ ทุกคน คำพูดของพ่อเสมือนหนึ่งเม็ดฝนที่รินไหลรดลงบนร่างกายและหัวใจที่ระอุของลูกๆ ให้คลายร้อนเป็นชุ่มฉ่ำ และมีสติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง คำพูดของพ่อเสมือนหนึ่งกระแสน้ำที่ราดลงบนกองไฟในหัวใจของลูกๆ ที่กำลังโกรธขึ้งกันอยู่ ให้ดับมอดลง และทำให้กองไฟเหล่านั้นไม่ลามลุกไหมบ้านของเราไปด้วย ทุกครั้งที่ลูกๆ ของพ่อ มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งข้างทำร้ายกันเอง ผมรู้สึกกลัวทุกครั้ง เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะถูกทำร้ายด้วยหรือไม่ ผมกลัวที่จะต้องถูกแบ่งข้าง ผมกลัวที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง แล้วผมก็รู้สึกอายเพื่อนบ้านของเรา ที่บ้านเราไม่มีความสามัคคี ผมเคยได้ยินคนข้างบ้าน เขาพูดถึงบ้านของเราว่า “ลูกๆ บ้านนี้ ทำไมชอบหาเรื่องหนักใจให้พ่อ ทำไมชอบทำให้พ่อมีความทุกข์ ทำไมไม่ทำตามคำสอนพ่อ ทั้งๆ ที่พ่อเป็นคนดี สั่งสอน อบรม ลูกๆ ทุกคน อยู่เสมอ พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิต เพื่อให้ลูกๆ ทุกคนในบ้านอยู่สุขสบาย แต่ก็ไม่วายที่ลูกๆ จะก่อเรื่อง ก่อราว หาเหตุทะเลากันอยู่ทุกวัน เดี๋ยวคนนั้น ทะเลากับคนนี้ เดี๋ยวคนนี้ทะเลากับคนนั้น หนักเข้าก็แบ่งข้างไปรวบรวมพี่ๆ น้องๆ มาทำร้ายกันเอง ทำไมไม่คิดถึงคำที่พ่อสอนบ้าง ทำไมไม่ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อบ้าง ทำไมชอบสร้างปัญหาแล้ว โยนไปให้พ่อช่วยแก้ไข” ผมเคยได้ยินเขาพูดกันถึงขนาดที่ว่า…. “ลูกๆ บ้านนี้ โชคดีที่มีพ่อที่แสนประเสริฐ ชนิดที่ไม่อาจจะหาพ่อคนใดมาเทียบเท่าได้อีกแล้ว เขาอยากมีพ่อแบบพวกเราบ้าง เขาบอกว่าถ้าเขามีพ่อแบบพวกเรา เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้หลายเท่า ” ผมได้ยินเขาพูดกันแล้ว ผมน้ำตาไหลเลยครับ น้ำตาไหลที่โชคดีเกิดมาเป็นลูกของพ่อ น้ำตาไหลที่ลูกๆ ทำให้พ่อเป็นทุกข์ ทำให้พ่อไม่สบายใจ ผมรู้แล้วครับว่า การที่บ้านของเราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา ของเพื่อนบ้านทั้งบ้านใกล้เรือนเคียง และบ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป ก็เพราะคุณงามความดีที่พ่อสร้างไว้ทั้งสิ้น พ่อครับ พ่อสอนให้พวกเราทุกคนรู้รักสามัคคี สอนให้พวกเราทุกคนเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน พ่อสอนให้พวกเราทุกคนลดฑิฐิ หันหน้าเข้าหากัน พ่อสอนให้พวกเราทุกคนต้องเห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน พ่อไม่เคยดุ ไม่เคยด่า ไม่เคยตำหนิ ไม่เคยกล่าวหา ไม่เคยลงโทษลูกๆ สักครั้ง เพราะพ่อมีแต่เมตตาและความรักที่บริสุทธิ์ให้แก่ลูกๆ ทุกคน พ่อมีแต่คำสอน เมื่อลูกทำผิด พ่อมีแต่คำแนะนำ เมื่อลูกหลงทาง พ่อมีแต่กำลังใจ เมื่อลูกเหนื่อยอ่อน และท้อแท้ พ่อมีแต่คำชื่นชม เมื่อลูกทำงานสำเร็จ พ่อมีแต่รางวัล เมื่อลูกทำความดี ทุกคำที่พ่อสอน ทุกงานที่พ่อคิด ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อความสงบสุขของ เพื่อประโยชน์ เพื่อการกินดีอยู่ดี ความสุขสบายของลูกๆ ทุกคนในบ้านหลังนี้เสมอมา พ่อครับ สองสามเดือนที่ผ่านมา บ้านเราที่สงบร่มเย็น ชักจะร้อนขึ้นมาอีกแล้ว เพราะพี่สองคน ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน เสียงดังเอะอะโวยวาย ขึ้นทุกวันๆ จนผมกับพี่ๆ อีกหลายคนเริ่มไม่สบายใจ ผมกลัวว่าบ้านเราจะมีปัญหา กลัวว่าพี่ๆของผมจะแบ่งข้างยกพวกตีกันอีก ผมกลัวว่าพี่ๆ ของผม จะบาดเจ็บกันอีก ผมกลัวว่าข้าวของในบ้านของเราจะเสียหายอีก ทั้งๆ ที่บ้านของเรากำลังเข้มแข็ง ทุกคนเริ่มมีสตางค์ใช้ มีความอบอุ่นและความสุขสมตามอัตภาพของพวกเรา ผมไม่อยากให้บ้านเรามีเรื่องอีก ผมอายคนข้างบ้านที่เขากำลังมองดูบ้านเราอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าพี่สองคน ไม่ยอมลดราวาศอกกันเลย พ่อรู้ไหมครับ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผมกลัวมากว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านของเราอีก ผมกับพี่ๆ หลายคน นึกภาวนาอยู่ในใจว่าขออย่าให้มีเหตุร้ายๆ เกิดขึ้นในบ้านของเราอีกเลย คนอื่นจะคิดอย่างไร ผมไม่รู้ แต่ผมมีต่อท้ายนิดหนึ่งด้วยว่า ผมภาวนาขอให้พ่อบอกให้พี่สองคนหยุดทะเลาะกันเสียที ผมภาวนาอยู่ในใจแบบนี้หลายวัน วันละหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่กล้าบอกกับพ่อตรงๆ ผมไม่กล้ารบ กวนพ่อ เพราะผมรู้ว่าพ่อเหนื่อยเหลือเกิน และเหนื่อยมามากแล้วกับพฤติกรรมของลูกๆ บางคน ที่ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตามคำสอนของพ่อ แต่ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่รู้จะหันไปทางไหน เพราะลูกๆ ของ พ่อทุกคน ตกอยู่ในอาการเดียวกับผม คือ กลัวพี่เขาจะมีเรื่องกันรุนแรงจนถึงขั้นเลือดตกยางออก แล้วก็ทำให้พวกผมพลอยบาดเจ็บไปด้วย แล้วคนข้างบ้านก็จะหัวเราะเยาะพวกเราอีก แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปพูดกับพี่ทั้งสองคน กลัวถูกเขาไล่ตะเพิดออกมา พ่อครับ ในที่สุดคำภาวนาของผมก็เป็นจริง เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมได้ยินคำพ่อสอนให้พวกเราในบ้านรู้รักสามัคคีกันอีกครั้งหนึ่ง พ่อบอกให้พี่ทั้งสองคน รวมไปถึงลูกๆ ของพ่อทุกคน ที่กำลังแบ่งข้าง แบ่งฝ่ายกัน หยุดทะเลาะกัน และอย่าทำอะไรที่เกินเลย อย่าทำอะไรที่เลยเถิด พ่อสอนให้พวกเราทุกคนระมัดระวังคำพูด ระมัดระวังการกระทำ ถ้าทำแบบไม่ระวังแล้ว บ้านเราจะเดือดร้อน ทุกคนในบ้านต้องเดือร้อนไปด้วย วันนั้น ผมฟังคำสอนของพ่อจบ ผมก้มลงกราบกับพื้น และยกมือไหว้ท่วมหัว พร้อมกับนึกในใจว่าผมกับพี่ ๆ ทุกคนในบ้านหลังนี้ ช่างเป็นลูกที่โชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ พ่อช่วยปัดเป่าบรรยากาศที่ไม่ดีออกไปให้พ้นบ้านของเราอีกครั้งหนึ่งแล้ว วันรุ่งขึ้น ก็เป็นจริงดังที่ผมคิด พี่คนโตบอกว่าจะหยุดทะเลาะ หยุดพูดทุกอย่างที่จะทำให้เกิดปัญหาและทำให้น้องๆ อย่างพวกผม ไม่สบายใจ หรือกลัว อีก แล้วก็ให้ยกเลิกการฟ้องร้องพี่อีกคนหนึ่ง จนหมดสิ้น หลังจากพี่คนโต หยุด ไม่ถือสาหาความกับพี่อีกคนหนึ่ง บรรยากาศในบ้านเราก็เริ่มดีขึ้นทันตาเห็น ธุรกิจการค้าของบ้านเราก็กลับคืนมาดีเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเพราะคำสอนและความเมตตาของพ่อ โดยแท้ แต่พ่อครับ วันนี้บรรยากาศในบ้านเราเริ่มขมุกขมัวอีกแล้ว เพราะพี่คนที่เคยทะเลาะกับพี่คนโต บอกแล้วว่าถึงแม้พี่คนโต จะหยุด แต่พี่เขาก็จะไม่หยุด เขาจะพูดต่อไป ว่าพี่คนโตทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง เรื่องอื่นที่พี่เขาพูด ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะพี่ทั้งสองคนเคยสนิทกันมาก่อน เขาจึงน่าจะรู้เรื่อง ส่วนตัวกันดี แต่เรื่องที่พี่เขาพูดกับพี่ๆ ที่สนิทกับเขา ว่าพ่อยืนข้างเขา พ่อไม่ชอบพี่คนโต นั้น ผมไม่เชื่อ เพราะผมมั่นใจว่า พ่อของผมรักลูกทุกคนเท่ากัน พ่อไม่เคยลำเอียง ผมไม่เคยเห็นพ่อรักลูกคนไหนเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่เคยเห็นพ่อชังลูกคนไหน เป็นพิเศษ ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่เขาถึงไม่ชอบพี่คนโต แล้วทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ด้วย ผมไม่ชอบเลยที่เขายกพ่อมาอ้างแบบนี้ แต่ผมก็เห็นด้วยกับพ่อนะครับ ว่าพี่คนโตต้องรับฟังคำพูดของเราบ้าง ต้องฟังบ้างว่าพวกเราในบ้านคิดกันอย่างไร กับความเป็นอยู่ของพวกเรา ไม่ใช่ว่าไปฟังแต่พี่ๆ ที่สนิทกับเขาเท่านั้น ผมเข้าใจดีว่าพี่คนโตทำงานหนัก เพื่อหาเงินเข้าบ้าน มาเลี้ยงดูพวกเราให้กินดีอยู่ดี มีชีวิตสุขสบาย จึงไม่มีเวลามานั่งพูด นั่งคุย นั่งฟังพวกเรา ทำให้ดูเหมือนเหินห่างกันไป ถ้าพี่เขาจะปรับท่าทีบ้าง ฟังพวกน้องๆ มากขึ้น ก็น่าจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าหลังจากที่พ่อสอนครั้งนี้แล้ว พี่คนโตน่าจะปรับปรุงตัวใหม่ กลับมาใช้ชีวิตใกล้ชิดกับน้องๆ ทุกคน เหมือนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว บ้านเราก็น่าจะมีความสุขมากขึ้น ตามที่พ่ออยากเห็นและอยากให้เป็น แต่ผมไม่รู้ว่าพี่คนโตเขาจะอดทนต่อการพูดจากระทบกระทั่งของพี่อีกคนหนึ่งได้นานขนาดไหน ทุกคนก็รู้ว่าพี่คนโตเป็นคนอารมณ์ร้อน และทนไม่ได้หากถูกใส่ร้าย และถูกกล่าวหาด้วยเรื่องไม่จริง แต่พี่อีกคนก็ยังยั่วให้พี่คนโตโกรธอีก นี่ขนาดพ่อเพิ่งพูดจบไปไม่กี่วัน ก็มาชวนทะเลาะกันอีกแล้ว ผมไม่อยากให้พี่เขาทะเลาะกันอีกแล้วครับ ผมอยากให้พี่ทั้งสองคนฟังและเชื่อคำสอนของพ่อ ที่ให้หยุดทะเลาะกันบ้าง ผมอยากให้พี่ทั้งสองคนเห็นแก่ความสุขในบ้านของเรา เห็นแก่น้องๆ อย่างพวกผมบ้าง ที่สำคัญ คือ ผมคิดว่าพี่ทั้งสองคน ต้องเห็นแก่พ่อบ้าง พี่ทั้งสองคนต้องคิดบ้างว่า ปีหน้าเป็นที่พวกเราจะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ให้กับพ่อของเรา ทำไมจะต้องมาทำให้บรรยากาศที่เป็นมงคลในบ้านของเรา ที่น้องๆ อย่างพวกผมจัดให้กับพ่อ ต้องเสียไปด้วย พ่อครับ…. ผมเริ่มกลัวอีกแล้ว ผมกลัวว่าลูกๆ ของพ่อจะทะเลาะกันไม่เลิก แล้วก็ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่โตเหมือนเมื่อก่อนอีก ผมกลัวว่าข้าวของในบ้านเราจะตกแตกเสียหาย แม้แต่บ้านของเราก็จะชำรุดทรุดโทรมลงอีก ผมกลัวว่าผมจะบาดเจ็บ กลัวว่าพี่ๆ หลายคนอาจจะถึงกับล้มตาย ผมกลัวว่าเพื่อนบ้านของเราจะหัวเราะเยาะ ดูถูกพวกเรา ผมกลัวว่าจะไม่มีใครสนใจทำมาค้าขายกับพวกเรา แล้วเราก็จะไม่มีสตางค์ใช้อีก ผมกลัวว่าถึงที่สุดแล้ว พวกเราทุกคนก็คงต้องไปรบกวนพ่อ ให้มายุติปัญหาที่เกิดขึ้นอีก ผมกลัวว่าลูกๆ อย่างพวกผม จะทำให้พ่อต้องเสียใจ อีกครั้งหนึ่ง พ่อครับ… ผมกลัว

Posted by : คนเดิม , Date : 2006-02-06 , Time : 04:59:37 , From IP : 172.29.4.103

ความคิดเห็นที่ : 1


   เป็นละครเศร้าที่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นะครับ

Posted by : Botsumu , Date : 2006-02-06 , Time : 05:35:19 , From IP : 203.188.53.35

ความคิดเห็นที่ : 2


   ที่น่ารังเกียจมาก ๆ ก็คือมีกล่มคนบางคนพยายามดึงสถาบันพระมหากษัตรย์มากล่าวอ้างเพื่อน้าวโน้มให้เห็นว่าอยู่ฝ่ายใด ชั่วช้าจริง ๆ ...

Posted by : เอียน , Date : 2006-02-06 , Time : 09:36:45 , From IP : 172.29.3.171

ความคิดเห็นที่ : 3


   พูดเหมือนว่ายอมๆให้ทักษิณมันกินไปเถอะ รักกันเท่านั้นพอ
ต่างชาติจะหัวเราะก็ไอ้ตอนที่นายกแก้กฏหมายเอาประเทศไปขายอแล้วไม่มีใครรู้จน กินประเทศไปมากกว่าครึ่งน่ะสิ
อีกอย่าง ตุณอย่าดึงคุณ พ่อ มาได้ไหม ท่านอยู่เหนือทางการเมือง ทำเป็นทักษิณไปได้ที่จะให้ท่านมากระซิบ

ปล พี่คนโตหาเงินเข้าบ้านก็จริง แต่โดยการขโมยเงิน เอาของในบ้านไปขาย ดีแล้วหรือ?


Posted by : ... , Date : 2006-02-06 , Time : 10:19:54 , From IP : 172.29.4.171

ความคิดเห็นที่ : 4


   พ่อกับแม่บอกเราอยู่บ่อยๆว่า
"ที่อดทนเหนื่อยยากทำมาหากินมานี่ก็เก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ พ่อกับแม่ไม่มีสมบัติอะไรจะให้นอกจากให้ลูกมีวิชาติดตัว"

นี่ถ้า assume ว่า ครอบครัวใครก็คงจะคล้ายๆกันคือทำมาหาไว้ให้ลูกกินเนี่ยนะ
มันก็น่าจะคิดได้ว่า
1. มีลูกอยู่ 3 คน จะทำมาหากินเผื่อคนอื่น...นายหญิงคงไม่ยอม....ถ้างั้น
2. สงสัยว่าพ่อแม่คู่นี้เค้าประเมิน "ความสามารถในการทำมาหากิน" ของลูก หลาน เหลน โหลน ไว้ขนาดไหนเนี่ย ถึงได้หา "สมบัติ" เผื่อไว้ซะขนาดนี้

ทำหน้าเหลี่ยมทิ่มแทง สูบเลือดสูบเนื้อประชาชนอยู่ได้



Posted by : Lucifer , Date : 2006-02-06 , Time : 10:58:54 , From IP : 172.29.4.127

ความคิดเห็นที่ : 5


   ทำไม่ต้องใช้คำว่าพวกรักชาติ หรือคนเดิมไม่ใช้คนรักชาติ เด็ก ป. 4 ก็รู้ว่าใครรักชาติใครขายชาติ

Posted by : ไม่เข้าใจ , Date : 2006-02-14 , Time : 19:01:05 , From IP : 172.29.7.63

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<