คิดว่านี่ก็เกี่ยวกับชาตินะ เอามาให้พิจารณาต่อ
***********************
แถลงการณ์กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTAWatch)
สนับสนุนสิทธิของประชาชนในการแสดงออก ด้วยการชุมนุม และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมในทุกกรณี
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชนขอประกาศต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนว่า กลุ่มฯและองค์กรพันธมิตร สนับสนุนการใช้สิทธิชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อปฏิเสธรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ กับผู้ชุมนุม ซึ่งจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชนเห็นสอดคล้องกับนักวิชาการ และองค์กรประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หมดความชอบธรรมแล้วโดยสิ้นเชิงที่จะบริหารประเทศต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่เจตนาแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อให้บริษัทต่างชาติเข้ามายึดครองกิจการโทรคมนาคม ดาวเทียม และสถานีโทรทัศน์ มีการตั้งบริษัทบังหน้าขึ้นมาซื้อหุ้นทั้งๆที่ในทางปฏิบัติหุ้นส่วนใหญ่และการบริหารกิจการดังกล่าวตกอยู่ภายใต้กำมือของบริษัทต่างชาติโดยสิ้นเชิง
พฤติกรรมดังกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดทางให้บริษัทต่างชาติใช้วิธีเดียวกันนี้เพื่อเข้ามาครอบครองกิจการต่างๆของประเทศไทยโดยไม่นำพาเจตนารมย์ของกฎหมายและความประสงค์ของประชาชนที่ต้องการให้กิจการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการความมั่นคงของชาติ การสื่อสาร สาธารณูปโภค รวมถึงกิจการโทรทัศน์ เป็นกิจการที่สงวนเอาไว้เพื่อความมั่นคงของชาติและให้บริการในราคาที่เหมาะสมแก่ประชาชนส่วนใหญ่อีกทั้งได้สร้างแบบอย่างเลวๆให้ต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในกิจการทั้งปวงได้โดยไม่ต้องเคารพกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงหมดความชอบธรรมแล้วโดยสิ้นเชิงที่จะบริหารประเทศ
รวมถึงการเป็นผู้นำในการตัดสินใจในการทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความอยู่รอดของประชาชนไทยในแทบทุกระดับ
ระหว่างการชุมนุมใหญ่ขององค์กรประชาชน 11 องค์กร มากกว่า 10,000 คน เพื่อต่อต้านการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐที่ จ.เชียงใหม่เมื่อวันที่ 9-13 มกราคม 2549 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้คำมั่นสัญญากับผู้ชุมนุมว่าจะไม่มีการเปิดเสรีสินค้า และจะไม่ยอมรับข้อตกลงทรัพย์สินทางปัญญาที่มีผลกระทบต่อประชาชน แต่พฤติกรรมของผู้นำประเทศกรณีการขายกิจการชินคอร์ป ชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมแล้วที่จะยอมรับข้อเสนอของฝ่ายสหรัฐฯเพียงเพื่อกลุ่มธุรกิจของตนเองและพรรคพวกที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลจะได้ประโยชน์ โดยหาได้คำนึงถึงไม่ว่า เกษตรกร ผู้ป่วย ประชาชนส่วนใหญ่รวมกันหลายล้านคน รวมทั้งอธิปไตยของประเทศจะถูกย่ำยีอย่างไร ดังที่ขณะนี้ คณะเจรจาด้านทรัพย์สินทางปัญญา การบริการและการลงทุน และสิ่งแวดล้อม/แรงงาน ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลให้อ่อนข้อกับฝ่ายสหรัฐ โดยแลกกับผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเกษตร การบิน และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนในรัฐบาล
เอฟทีเอว็อทช์และองค์กรพันธมิตร สนับสนุนให้กลุ่มองค์กร และ บุคคล ใช้สิทธิของปวงชน ชุมชนเรียกร้องความคิดเห็นที่มีต่อปัญหาของบ้านเมือง เพื่อก่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่อไป และยังขอเรียกร้องให้ รัฐบาลเอื้ออำนวยความสะดวก และ ดูแล ป้องกัน มิให้ มีฝ่ายใด เข้ามาแทรกแซง สร้างความวุ่นวาย และจัดหาเจ้าหน้าที่ที่มีความเข้าใจในการเผชิญหน้ากับฝูงชน ให้กำชับเจ้าหน้าที่ ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ไม่พกอาวุธปืนเข้าควบคุม พื้นที่ เพื่อช่วยกันลดความรุนแรง ที่อาจเกิดขึ้น
การออกมาแสดงความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้ ด้านหนึ่งเป็นความจำเป็น ที่ได้เปิดโปงการทุจริตคอรัปชั่น การแปรรูป และขายประเทศของรัฐบาลที่นำโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่ขายชีวิตประชาชนไทยและขายทรัพยากรของชาติแลกกับผลประโยชน์ของพรรคพวกตนเอง
คำแถลง "กู้ชาติ 4 กุมภา" ซึ่งระบุว่า รัฐบาลไทยกำลังนำประเทศไปสู่กับดักทุนนิยมเสรีโลกาภิวัตน์ และ "ละทิ้งเศรษฐกิจพอเพียง และละทิ้งประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ" นั้นเป็นความจริงทุกประการ และที่จริงแล้วควรใช้ถ้อยคำเพื่อประจานผลของการทำเอฟทีเอด้วยข้อความว่า "ทำลายเศรษฐกิจพอเพียง ฆ่าเกษตรกรและผู้ป่วย" ดูจะใกล้ความเป็นจริงยิ่งกว่า ดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเกษตรกร 5-7 ล้านคนกำลังล่มสลาย และผู้ป่วยมากกว่า 600,000 คนอาจต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการทำข้อตกลงเอฟทีเออย่างบ้าคลั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แม้ว่าอำนาจทุนจะทำให้กลไกการตรวจสอบต่างๆ รวมไปถึงสถาบันรัฐสภาอ่อนแอ จนไม่สามารถปกป้องประเทศและรักษาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ได้ แต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก็ได้ให้สิทธิประชาชนในการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง นี่เป็นอีกช่องทางหนึ่งของการแสดงออกของประชาธิปไตยทางตรง วัฒนธรรมทางการเมืองเช่นนี้ได้สืบสานมายาวนานนับตั้งแต่14 ตุลาคม 2516 และเป็นหลักประกันที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นให้กลไกต่างๆของสังคมไทยกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)
3 กุมภาพันธ์ 2549
Posted by : รักประเทศไทย , Date : 2006-02-06 , Time : 09:15:25 , From IP : 172.29.3.163
|
