ความคิดเห็นทั้งหมด : 1

ทำไม?ต้องเอา...สมบัติของชาติ...คืนมา เอา...นายกฯทักษิณ...ออกไป


   ประโยคข้างต้นคงเป็นความรู้สึกร่วมของประชาชนคนทั่วประเทศไทยในขณะนี้ที่เกิดจาก ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์
ซึ่งเป็นครอบครัวของนายกฯ.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำการขายหุ้นของบริษัท Shin Corp Holding จำนวน 1487.7 ล้านหุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 49.6%) เป็นเงิน 73,300 ล้านบาท ให้กับบริษัทต่างชาติ Temasek (สิงคโปร์) ในนามบริษัท Cedar Holding และ Aspen Holding เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 ที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศชาติทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษาและความมั่นคง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วทั้งประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านลบทั้งต่อตัวประเทศไทยและตัวท่านนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมครั้งนี้ ด้วยเหตุผลและข้อมูลเป็นที่ประจักษ์ 7 ประการดังนี้
1. เป็นการยกเอาทรัพย์สินของประเทศชาติขายให้กับชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น
- คลื่นความถี่วิทยุ : ตามรัฐธรรมนูญ ม.40 จัดเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่บริษัท AIS ได้ขอสัมปทานจากรัฐบาลนำไปใช้ในกิจการโทรศัพท์มือถือ และบริษัท ITV นำไปใช้ในกิจการโทรทัศน์
- วงโคจรและตำแหน่งดาวเทียม : องค์กรนานาชาติที่จัดการเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยดาวเทียม (ITSO = International Telecommunications Satellite Organization) ได้ตกลงกำหนดวงโคจรและตำแหน่งของดาวเทียมของแต่ละประเทศไว้เป็นสมบัติกรรมสิทธิ์เฉพาะตัวของประเทศนั้น ไม่สามารถจะขอเพิ่มเติมได้อีก แต่บริษัท Shin Sat ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลนำไปใช้ในธุรกิจการสื่อสารดาวเทียม ดังที่ปรากฏคือ ดาวเทียมไทยคม1 ไทยคม2 ไทยคม3 และไทยคม4 (แต่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น IP-Star)
- สิทธิการบินของประเทศ : องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO : International Civil Aviation Organization) ได้ตกลงกำหนดสิทธิ์เส้นทางสายการบินของแต่ละประเทศเป็นสมบัติกรรมสิทธิ์เฉพาะตัวของประเทศนั้น ไม่สามารถขอเพิ่มเติมได้อีก แต่บริษัท Air Asia ได้รับสัมปทานการบินที่ตัดทอนมาจากบริษัทการบินไทย นำไปใช้ในธุรกิจการบินทั้งภายในและภายนอกประเทศ
การเทขายหุ้นของครอบครัวชินวัตรครั้งนี้ มีผลทำให้สัดส่วนหุ้นของบริษัทมือถือ AIS ถูกต่างชาติถือครอง 79% บริษัทดาวเทียม Shin Sat ถูกต่างชาติถือครอง 60% และบริษัทสายการบิน Air Asia ซึ่งเดิมถือครองโดยคนไทย (ตระกูลชินวัตร) ต้องตกไปอยู่กับการถือครองโดยชาวต่างชาติ 100% เช่นเดียวกับบริษัทโทรทัศน์ ITV ก็ถูกขายให้ต่างชาติก็ถือครอง 100% ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อประเทศชาติทั้งนั้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา การพัฒนาประเทศ และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
2. “ดาวเทียมไทยคม” เป็นนามพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานนาม ให้เป็นมิ่งมงคลกับสมบัติของชาติ ขณะเดียวกันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯได้ทรงไปเป็นประธานในพิธียิงดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทยคือไทยคม1 ที่ประเทศ French Giana เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2536 ดังนั้น ทรัพยากรวงโคจรและตำแหน่งดาวเทียมของชาติดังกล่าว ประชาชนคนไทยทั้งประเทศจึงสมควรที่จะรักษาหวงแหนไว้ เป็นสมบัติและมรดกตกทอดให้กับคนไทยรุ่นต่อๆ ไป มิใช่ผู้ถือหุ้นตระกูลชินวัตรในบริษัทดาวเทียม Shin Sat สามารถนำไปเทขายให้กับชาวต่างชาติ เข้ามายึดครองสมบัติล้ำค่าดังกล่าวได้ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าครอบครัวตระกูลชิตวัตร-ดามาพงศ์ ไม่มีความจงรักภักดีและห่วงแหนนามพระราชทาน
”ไทยคม” ดังกล่าวเลย
3. รัฐบาลนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อต่อการขายหุ้นดังกล่าวให้กับต่างชาติ สามารถถือครองได้ถึง 49% เพื่อให้การขายหุ้นดังกล่าวได้ปริมาณมากตามปริมาณหุ้นที่ตระกูลชินวัตร – ดามาพงศ์ถืออยู่โดยการกระทำดังนี้
- เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกได้ทำการแก้ไข พ.ร.บ. กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ให้ต่างชาติถือครองหุ้นเกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 25% เพื่อเป็นการกีดกันไม่ให้ต่างชาติที่มีทุนมากกว่าเข้ามาแข่งขันกับธุรกิจโทรคมนาคมของคนไทยซึ่งรวมทั้งของบริษัท AIS ของตระกูลชินวัตร ด้วย
- แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 กลับมีการแก้ไข พ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคมดังกล่าว ให้ต่างชาติสามารถถือครอบหุ้นได้จากไม่เกิน 25% มาเป็นไม่เกิน 49% และ พ.ร.บ. ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตรงกับวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549 ต่อมาอีก 2 วัน ถัดมาคือ เช้าวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ก็ได้มีการทำความตกลง ซื้อขายหุ้นจำนวน 1,487 ล้านหุ้นของตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ เป็นเงิน 73,300 ล้านให้กับบริษัทต่างชาติ 2 บริษัท คือ บริษัท Aspen Holding และบริษัท Cedar Holding ที่มีการใช้ชื่อคนไทยบังหน้าให้ดูเหมือนเป็นบริษัทของคนไทยทั้ง ๆ ที่คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็รู้อยู่ แต่ก็ปล่อยให้ดำเนินการขายให้
4. นายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรมต้องสงสัยซุกหุ้นภาค 2 ปรากฏให้เห็นโดยไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของหุ้น Shincorp จำนวน 329 ล้านหุ้น ที่โผล่ขึ้นมาในนาม นางสาวพิณทองทา ชินวัตร และนายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวนคนละ 164.6 ล้านหุ้น โดยการซื้อมาราคาหุ้นละ 1 บาท จากบริษัท Ample Rich (ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดบริษัทนี้ไว้เมื่อ พ.ศ. 2542 ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ British Virgin สวรรค์ของนักลงทุนที่ต้องการหลบเลี่ยงภาษี และฟอกเงิน เพราะ (มีกฏหมายไม่ต้องเปิดเผยชื่อเจ้าของหุ้น) และหุ้นจำนวน 329 ล้านหุ้นนี้ได้ทำการขายพร้อมกับหุ้นตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ ล็อตใหญ่ในวันที่ 23 มกราคม 2549 ในราคาหุ้นละ 49 บาท ได้กำไรรวมกันเป็นเงิน 15,800 ล้าน
5. เงินที่ได้กำไรจากการขายหุ้น 73,300 ล้านบาท ของครอบครัวนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้ช่องทางกฎหมายไม่จ่ายภาษีแม้แต่สักบาทเดียวให้กับประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับประชาชนคนทั่วไปที่มีอาชีพสุจริต ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ และรัฐบาลได้พยายามเชิญชวนรณรงค์ให้ช่วยกันจ่ายภาษี อย่าหลบเลี่ยงภาษี เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม แต่ครอบครัวของนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับหลบเลี่ยงไม่จ่ายภาษีเสียเอง แล้วจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นได้อย่างไร
6. ในช่วง 5 ปี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทในเครือ Shin Corp ทำให้หุ้นบริษัทได้กระโดดจากหุ้นละประมาณ 21 บาท มาเป็นหุ้นละ 49 บาท โดยใช้อิทธิพลหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครัฐบาลที่ครองเสียงข้างมากในการกระทำดังนี้
- ออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต เปลี่ยนการจ่ายค่าสัมปทานคลื่อนความถี่ที่ใช้กิจการโทรศัพท์มือถือ มาเป็นการจ่ายค่าสรรพสามิตแทน ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับผู้บริโภคเป็นคนจ่ายแทนบริษัทมือถือต่าง ๆ โดยเฉพาะ บริษัท AIS ได้ประหยัดค่าสัมปทานได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
- รัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษ BOI ส่งเสริมการลงทุนย้อนหลังให้กับบริษัท Shin Sat ในการลงทุนส่งดาวเทียม IP Star ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้เป็นเวลา 8 ปี ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไปประมาณ 16,000 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่เป็นการกระทำย้อนหลังการลงทุน
- แม้แต่สถานีโทรทัศน์ ITV ก็ได้รับการลดค่าสัมปทานจากรัฐบาลจากจำนวน25,200 ล้านบาท เหลือเพียง 3,000 ล้านบาท และยังอนุญาตให้ปรับเพิ่มรายการบันเทิงได้ ทั้ง ๆ ที่สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นมาจากเลือดเนื้อประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสารอย่างอิสระเสรี โดยไม่มีการปกปิดจากรัฐบาล
สิทธิพิเศษดังกล่าวทั้งหมดที่บริษัท Shin Corp ได้มาโดยอำนาจหน้าที่ของนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บัดนี้ ได้สร้างกำไรอย่างมหาศาลให้แก่หุ้นครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ และตกอยู่ในมือของต่างชาติครอบครองไปแล้ว ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ก็คือ นาย ก. เดิมเป็นพ่อค้าได้เข้าไปติดต่อขอสัมปทานที่ในวัดเปิดร้านขายของ เช่าพระเครื่อง ต่อมา นาย ก. ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเสียเอง จากนั้นเอาเงินวัดมาทำการตัดถนน ติดไฟฟ้า พัฒนาที่วัด เพื่อให้ขายของ เช่าพระเครื่องได้มากขึ้น
5 ปีผ่านไป ราคาที่ในวัดเพิ่มสูงขึ้น เจ้าอาวาส ก. ก็จัดแจงติดต่อชาวต่างชาติมาซื้อกรรมสิทธิ์ที่วัดต่อจาก นาย ก. (ขณะที่เป็นเจ้าอาวาสแล้ว) ซึ่งสร้างกำไรมหาศาลเป็นหมื่น ๆ ล้านบาทเข้ากระเป๋าครอบครัวของเจ้าอาวาส และไม่ได้จ่ายภาษีแม้นกระทั่งบาทเดียวให้กับสังคม พอมีคงประท้วงมาก ๆ ก็บอกว่าจะบริจาคเงินเพียง เศษ 1 เปอร์เซ็นต์กว่า ๆ ให้วัดเท่านั้น แบบนี้ชาวบ้านจะไม่โกรธโมโหเดินขบวนประท้วงไล่เจ้าอาวาส ก. ได้อย่างไร
7. นายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ ม.209 โดยเข้าไปยุ่งเกี่ยวจัดการในการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ
- พาครอบครัวประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร โดยให้ข่าวไว้แต่แรกว่าจะไปส่งลูกเรียนที่ประเทศอังกฤษในวันหยุดปีใหม่ 31 ธันวาคม 2548 – 1 มกราคม 2549 นี้ แต่ความจริงกลับพาไปประเทศสิงคโปร์แทนซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน บริษัท Temasek Holding บริษัทตัวจริงที่เข้ามาซื้อหุ้นครั้งนี้
- การโอนหุ้นบริษัท Shin Corp ที่อยู่ใน บริษัท Ample Rich ที่ก่อตั้งในนามของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กับลูกทั้ง 2 คน ดังกล่าวคนละ 162 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ 209 ห้ามมิให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีไปเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท... และห้ามมิให้กระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหารหรือจัดการใด ๆ เกี่ยวกับหุ้นหรือกิจการของหุ้น

อนึ่งหากท่านนายกฯ มองข้ามผลกระทบดังกล่าวโดยมีความโลภเห็นแก่เงินทองกำไรมหาศาลให้กับครอบครัว และไม่รีบหาหนทางเยียวยาแก้ไขโดยด่วน ความรู้สึกร่วมของประชาชนที่มีต่อท่านนายกฯ และครอบครัวอาจจะก่อตัวนำไปสู่การลุกฮือของประชาชนในแบบขบวนการทวงคืนทรัพย์สมบัติของชาติ และขับไล่ท่านนายกฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ออกไป ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน และที่สำคัญความเสียหายต่อประเทศชาติอันประเมินค่ามิได้ ผม นพ.เกรียงศักดิ์
หลิวจันทร์พัฒนา ในฐานะประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศไทยคนหนึ่ง ขอเสนอมาตรการแก้ไขโดยด่วนให้กับท่านนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พิจารณา ดังนี้
1. เสนอให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รีบทำการซื้อหุ้นคืนจำนวนทั้งหมด 1,487.7 ล้านหุ้น อันเป็นธุรกิจสัมปทานของประเทศชาติ จาก บริษัท Cedar และ บริษัท Aspen และต้องมิใช่เลือกซื้อเฉพาะหุ้นบางบริษัทเช่น บริษัท ITV หรือบริษัท Shin Sat ที่บริษัท Temasek ไม่ประสงค์จะได้เพราะกลัวมีปัญหา มิเช่นนั้นก็จะยิ่งส่อเจตนา ในการหลบเลี่ยงการเสียภาษีให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น และไม่ใช่ใช้วิธีการบริจาคเงินจากการขายหุ้นฯ แก้ปัญหาความรู้สึกของประชาชนที่ไม่พอใจต่อนายกฯ เพราะเงินที่ได้จากการขายหุ้นฯนั้นเป็นเงินที่มาจากการขายสมบัติของชาติให้กับต่างชาติ
2. รีบแก้ไข พ.ร.บ. ธุรกิจโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ที่ให้ต่างชาติถือครองหุ้นมีสัดส่วนได้ไม่เกิน 49 % ให้กลับมาเป็นไม่เกิน 25 % ไม่ว่าจะโดยนิตินัย และพฤตินัยในการไขว้หุ้น เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามายึดครองกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างมหาศาล
3. แก้ไขกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 126 (23) เกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้จาการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain Tax) ของบุคคลธรรมดา ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะเป็นการสร้างความไม่ยุติธรรมให้กับสังคมที่ประชาชนคนธรรมดาทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่คนรวยนั่งเล่นหุ้นในห้องแอร์กลับได้รับการยกเว้นเงินภาษีเงินได้
4. ทำความกระจ่างชัดโดยนำหลักฐานมาแสดงเกี่ยวกับการซุกหุ้นจำนวน 329 ล้านหุ้น Shin Corp ไว้ในบริษัท Ample Rich ที่เกาะ British Virgin ที่โอนให้กับนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร คนละ 164 ล้านหุ้น เพื่อมิให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า นายกฯ ทักษิณ ได้มีการซุกหุ้นดังกล่าวในบริษัท Ample Rich
5. ข้อสุดท้ายเสนอให้ท่านนายกฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวขอโทษและยอมรับผิดต่อประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศในความผิดพลาดการเทขายหุ้นครั้งนี้ และการกระทำอื่น ๆ ที่ผ่านมาดังเช่นผู้นำประเทศที่เจริญกระทำกัน
มาตรการทั้ง 5 ข้อนี้ ผมขอเสนอแนะด้วยความปรารถนาดี เชื่อว่า (ถ้านายกฯทักษิณ ทำได้นอกจากจะช่วยเปลี่ยนวิกฤติหุ้น 73,300 ล้านให้เป็นโอกาสที่ดีแก่ท่านนายกฯ แล้ว มันยังจะสามารถช่วยป้องกันเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นวิกฤติแก่บ้านเมืองได้ มิเช่นนั้นท่านนายกฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อาจจะต้องพบกับวิบากกรรมของท่านจากประชาชนคนไทยที่มีความรู้สึกร่วมในขบวนการลุกฮือขึ้นมาเดินขบวนประท้วง…
เอา...สมบัติของชาติ...คืนมา เอา...นายกฯ ทักษิณ...ออกไป


Posted by : คนไทย , Date : 2006-02-02 , Time : 20:14:21 , From IP : 172.29.4.116

ความคิดเห็นที่ : 1


   เห็นด้วยมากๆๆๆ เพิ่มเติมอีกข้อนะคะ
#ขอให้คุณทักษิณออกไปจากตำแหน่ง เพราะว่าการขอโทษและออกมาบอกความจริงไม่เพียงพอกับการที่ทำร้ายประชาชนไว้มากทั้งเรื่อง
1.โจรกระจอกของสามจังหงัดชายแดนทำให้พี่น้องชาวใต้ได้รับผลกระทบโดยที่คุณแม้วไม่ออกไปเยี่ยมและไม่รับผิดชอบการกระทำ
2.การมีนโยบายส่งเสริมให้คนไทยฟุ้งเฟ้อ
3.ไม่ตอบสนองพระราชดำรัสของในหลวง ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง
เพราะฉะนั้นคุณทักษิณควรออกจากตำแหน่ง ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินให้อยู่


Posted by : รักชาติเช่นกัน , Date : 2006-02-04 , Time : 13:19:35 , From IP : 172.29.4.111

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<