หมอประเวศ อัดยับขายหุ้น 7 หมื่น ล.เลี่ยงภาษี ประเทศไทยรอวันสิ้นชาติ
หมอประเวศ สุดทน อัดยับทุนขนาดใหญ่ กำลังยึดอำนาจการเมือง ครอบครองประเทศไม่ต่างไปจากการฆาตกรรมชาติ 10 ประการ ชี้แทรกแซงสื่อ ทำลายกลไกองค์อิสระ สร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง เผยประเทศกำลังติด โรคเผด็จการมาร์กอส คอร์รัปชันกัดกินทุกโครงสร้าง ครอบงำระบบตรวจสอบทุจริตนำไปสู่หายนะ
วันนี้ (30 ม.ค.) นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ออกบทความวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อกรณีการขายหุ้นเพื่อเปิดทางให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของต่างชาติเข้ามาฮุบประเทศว่า ขั้นตอนการเข้ามาครอบครองเปรียบเสมือนห่วงโซ่แห่งเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การสิ้นชาติ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ มี 10 หัวข้อ ดังนี้ 1.อกุศลมูล คือ โลภะ โทสะ โมหะ 2. กลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามายึดอำนาจทางการเมือง
3.ครอบงำเจ้าหน้าที่รัฐ แทรกแซงการตรวจสอบ แทรกแซงสื่อ 4.มหาคอร์รัปชัน รวมทั้ง คอร์รัปชันเชิงนโยบาย ได้แก่ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน (หุ้นของพวกตัวมีมูลค่าสูงขึ้น) ขายรัฐวิสาหกิจ (จะได้มาดักซื้อเป็นของตัว) ทำข้อตกลงการค้าเสรี แก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการได้มากขึ้น 5.ขายกิจการให้ต่างชาติ (โกยผลประโยชน์มหาศาลเข้าตัว เช่น ได้หลายหมื่นล้านบาท) 6.ต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ มากขึ้นๆ 7.ขูดรีดคนไทยเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นต่างชาติ 8.คนไทยหมดอิสรภาพที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง (สิ้นชาติ) 9.คนไทยจะต้องทำงานหนักเหมือนวัวเหมือนควาย แต่ต่างชาติกอบโกยผลประโยชน์ไป 10.ประเทศล้มละลายทั้งทางเศรษฐกิจ จิตใจอธิปไตย วัฒนธรรม และศีลธรรม อย่างไม่มีวันฟื้น
นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ทุนขนาดใหญ่เป็นแสนๆ ล้าน เราไม่เคยมีมาก่อน ทุนขนาดใหญ่อย่างนั้นมีฤทธิ์มาก สามารถทำอะไรก็ได้ ควรศึกษาให้รู้ว่าการสะสมทุนขนาดใหญ่นี้ไม่ได้มาโดยสัมมาชีพ แต่โดยให้สินบาทคาดสินบน ผูกขาดเอาเปรียบ ค้ากำไรเกินควร ปกติอำนาจรัฐกับอำนาจเงินจะต้องแยกจากกัน อำนาจรัฐจะได้ควบคุมอำนาจเงินไม่ให้ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรม เมื่อทุนขนาดใหญ่เข้ามายึดอำนาจทางการเมือง ก็ทำให้อำนาจในสังคมเสียดุลอย่างรุนแรง ส่งคลื่นของความไม่ถูกต้องไปกระทบทุกอณูของสังคม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อทุนขนาดใหญ่กับอำนาจทางการเมืองเข้าไปรวมกัน เขาก็ครอบงำเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่าย เข้าแทรกแซงทำให้องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญอ่อนแอลง เข้าแทรกแซงสื่อทั้งหมดเพื่อทำลายภูมิคุ้มกัน หรือกลไกป้องกันตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของประเทศให้อ่อนแอลง นพ.ประเวศ กล่าว
ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า คนเราถ้าสุจริตเสียอย่างจะไม่กลัวการตรวจสอบ เพราะสอบเมื่อไรก็จะเห็นแต่ความดีของตัว คนทุจริตจะเกลียดการตรวจสอบและคนแบบคุณกล้านรงค์ จันทิก และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา จะพยายามหาทางกีดกันขับไล่ไสส่ง เพราะเป็นก้างขวางคอ เมื่อทำให้กลไกตรวจสอบอ่อนแอ คอร์รัปชันต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างมโหฬาร ที่เรียกกันว่า โคตรโกงบ้าง และโกงทั้งโคตรบ้าง ตลอดไปจนคอร์รัปชันเชิงนโยบาย คือ ทำนโยบายผ่อนปรนกฎระเบียบ แก้ไขกฎหมายเพื่อตักตวงผลประโยชน์มหาศาลเข้าสู่หมู่พวกของตน สภาพคอร์รัปชันกันทั้งชาตินี้จะเป็นโครงสร้างและนิสัยที่บ่อนทำลายประเทศไปอีกนาน
ที่ฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีมาร์กอส ได้ก่อให้เกิดโครงการสร้างและนิสัยคอร์รัปชันทิ้งไว้ ซึ่งยังกัดกินประเทศให้ทรุดอย่างฟื้นตัวไม่ได้ แม้กระทั่งบัดนี้ หลังจากมาร์กอสตายไปนานแล้ว คนไทยต้องช่วยกันศึกษาวิจัยให้ดีๆ ว่า ประเทศไทยกำลังจะเป็น โรคมาร์กอส หรือไม่ ราษฎรอาวุโส กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวว่า คนที่ได้เปรียบจะชอบขายรัฐวิสาหกิจ ผ่อนปรนกฎระเบียบ หรือแก้ไขกฎหมาย ตกลงการค้าเสรี ให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ โดยอธิบายข้อดีของการค้าเสรีการเงินเสรีด้วยประการต่างๆ ถ้าใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า ก็อย่าปลงใจเชื่อตรรกะเหล่านั้น สังคมไม่มีตัวอย่างของระบบที่ดีที่สุด ระบบที่ดีที่สุด คือ ระบบร่างกายมนุษย์ อันเป็นผลจากวิวัฒนาการมากว่าสามพันล้านปี เซลล์ในร่างกาย ของเราแลกเปลี่ยนกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ปล่อยให้อะไรไหลเข้าออกโดยเสรี ถ้าไหลโดยเสรีมันจะตาย เซลล์ต้องคัดเลือกให้อะไรเข้าออกได้ไม่ได้เท่าไร เพื่อรักษาดุลยภาพของตัวเอง การรักษาดุลยภาพ คือ การรักษาความเป็นปกติ และการมีชีวิต
เรื่องการแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นได้มากขึ้น และขายโครม ได้เงินเข้าพกเข้าห่อ 73,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องเสียภาษี เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นตัวอย่างอันโจ่งแจ้งให้ผู้คนได้ดูกัน บัดนี้ ทุนต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการ และทรัพย์สินในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งธนาคาร โรงแรม ศูนย์การค้า โทรศัพท์ ต่อไปก็ไฟฟ้า ประปา ที่ดิน ฯลฯ กิจการเหล่านี้ย่อมเพิ่มการขูดรีดคนไทย เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นโดยเราไม่มีทางต่อสู้ ถ้าเราขัดขืนเขาก็จะทำร้ายด้วยประการต่าง ๆ รวมทั้งด้วยกำลังอาวุธ เป็นการชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ คนไทยจะหมดอิสรภาพในการกำหนดอนาคตของตนเอง ก็เท่ากับสูญเสียอธิปไตย คนไทยจะทำงานหนักและเหนื่อยเหมือนวัวเหมือนควาย เพื่อให้ต่างชาติและคนไทยบางส่วนเอาส่วนเกินไปหมด นพ.ประเวศ กล่าว
นอกจากนี้ นพ.ประเวศ กล่าวว่า การค้าเสรี แม้จะมีผู้อ้างข้อดีเป็นอเนกประการ แต่ที่แน่ชัดก็คือ ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย และระหว่างประเทศจน กับประเทศรวย ห่างมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความไม่เป็นธรรม การทำลายสิ่งแวดล้อมทำลายวัฒนธรรม ทำลายศีลธรรม ความรุนแรง และสงคราม ในขณะที่เศรษฐกิจพอเพียง เน้นที่การพออยู่พอกิน และการมีไมตรีจิตต่อกัน ความพอดี ความสมดุล การอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ศาสนธรรม หรือความดี อีกนัยหนึ่ง เศรษฐกิจพอเพียงถือการอยู่ ร่วมกันด้วยสันติระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อมเป็นตัวตั้ง อะไรที่ไม่เอาการ อยู่ร่วมกันด้วยสันติเป็นตัวตั้ง แต่เอาอย่างอื่น เช่น ตลาดเสรีก็ดี การเงินเสรีก็ดี เป็นตัวตั้ง ในที่สุดจะนำไปสู่ความล่มสลายของระบบทั้งหมด
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวของ นพ.ประเวศ ได้ออกมาในช่วงที่มีการขายหุ้นของชินคอร์ปของคนในครอบครัวของนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 73,300 ล้านบาท ให้กับบรรษัทลงทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์โดยเลี่ยงภาษี รวมทั้งกรณีซุกหุ้นภาค 2 ในกรณีที่บริษัท แอมเพิล ริช ที่ก่อนหน้านี้ เคยมีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยจัดตั้งเอาไว้ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น เมื่อหลายปีก่อนขายหุ้นให้ นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว นายกฯในราคาหุ้นละ 1 บาท จำนวนทั้งหมด 329.2 ล้านหุ้น จากนั้นนำมาขายให้กับเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท จำนวนเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
Posted by : น่าเสียใจ , Date : 2006-01-30 , Time : 22:25:48 , From IP : 172.29.4.36
|