แจ้งข่าวเพื่อนแพทย์
อาจจะมีประโยชน์สำหรับท่านที่ทำ private practice บ้างครับ
1 กรกฎาคม 2546
เพื่อนแพทย์ที่รัก: เดือนนี้ผมขอส่งข่าวให้เพื่อน ๆ ทราบดังนี้ครับ
1. ภัยร้ายยังคงถาโถมเข้ามารุกรานการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของเพื่อน ๆ อย่างต่อเนื่องครับ เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนแพทย์ 1 คน
เล่าให้ฟังว่าได้ทำคลีนิคใน กทม. และเป็นจิตแพทย์จึงมีการให้ยา "ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทบ้าง" โดยเฉพาะให้ Valium ในคนไข้ที่ติดยาบางคนต่อเนื่องกัน และบางครั้งคนมาขอซื้อยาเดิมก็ได้ให้ไปโดยไม่คิดค่าตรวจ แต่ปรากฏว่าได้มีสายตำรวจมาล่อซื้อยา Valium จำนวนประมาณ 10 เม็ด (โดยทำตำหนิไว้ที่ธนบัตร) ผู้ช่วยเข้าใจว่าเป็นคนไข้เก่าก็เลยให้ยาไป หลังจากนั้นจึงมีตำรวจมาจับเอายา & ธนบัตรเป็นของกลาง ผู้ช่วยที่เป็นพยาบาลก็โดนจับ ต้องหาคดีอาญา ข้อหาขายยาเสพติด "วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท" ซึ่งสร้างความลำบากให้มาก เพราะเพื่อนแพทย์คนนั้นต้องมาดูแลผู้ช่วยของตัวเองด้วยและบัดนี้คดีก็ยังไม่ จบสิ้น
ผมต้องขอเตือนเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนอีกครั้งหนึ่งว่า ห้ามประมาทโดยเด็ดขาดในการประกอบวิชาชีพ ถึงแม้ว่าจะทำ Clinic ของตนเอง เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง คงต้องบอกว่าต้องตรวจคนไข้ทุก ๆ คนก่อนให้ยา ถ้าไม่อยู่ที่ Clinic ต้องปิดคลีนิคมาแล้วค่อยเปิด น่าจะปลอดภัยที่สุด กันไว้ดีกว่าแก้ครับ :
2 รายที่ผมเล่าให้ฟังนี้ แพทยสมาคมและแพทยสภารับทราบแล้ว และกำลังหาทางแก้ไขอยู่ เพราะกฎหมายได้เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่เอาผิดพวกเราได้ (แม้ว่าเราจะทำผิดโดยเจตนา จะช่วยเหลือแต่ก็ผิด) ในระยะเริ่มต้นนี้คงจะเขียนขั้นตอน เมื่อพวกเราโดนแจ้งความคดีอาญากับตำรวจ (เฉพาะในการประกอบวิชาชีพ) ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ขั้นตอนปฏิบัติเป็นอย่างไร เพื่อให้เพื่อนๆ ที่โชคร้ายจะได้ปฏิบัติให้ถูกขั้นตอน จะได้เอาไปปิดไว้ที่คลีนิค แต่การป้องกันนั้นดีที่สุด ดังที่ผมกล่าวแล้ว แต่เราป้องกันคนหาเรื่องไม่ได้ทุก ๆ ครั้งไปหรอกครับ (ดูคดีที่แพทย์ให้ภรรยาที่เป็นพยาบาลฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังเป็นตัวอย่างซิครับ ) ซึ่งคงจะเขียนเสร็จในเร็ววัน (เพราะต้องไปถามผู้รู้เรื่องคดีอาญาก่อนครับ) และแพทยสมาคมคงจะส่งไปให้เพื่อน ๆ
2. ผมคิดว่าข่าวนี้ก็น่าจะเป็นข่าวร้ายสำหรับเพื่อน ๆ บางคนนะครับ คือ ข้าราชการ & ครอบครัว ตั้งแต่ ตุลาคม 2546 (ถ้าเตรียมการทัน
ถ้าไม่ทันก็ ตุลาคม 2547) จะต้องไปลงทะเบียนกับสถานพยาบาลเป็นสถานพยาบาลประจำตัว โดยมีสวัสดิการดังนี้ : OPD จ่ายเหมาหัว Capitiation (ค่าตรวจ, Lab, X-Ray ฯลฯ) ค่ายาจ่ายไปก่อน แล้วเบิกได้ส่วนหนึ่ง (คือมีส่วนร่วมในการจ่าย มาก : น้อย ตามข้อกำหนด) และเอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ไหนก็ได้ เช่น ร้านยา หรือจะรับยาในโรงพยาบาลที่ตรวจก็ได้ : IPD เบิกได้ตามราคา DRG. ถ้าต้องการดีกว่า ให้จ่ายส่วนเกินเอง
ด้วยเหตุนี้เพื่อน ๆ ที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากคลีนิคคงจะต้องไปดูว่ามีผลกระทบต่อตัวเองแค่ไหนคงแยก ว่า คนไข้ที่มีอยู่ทุกวันนี้
เป็นรายได้จากคนไข้ที่เป็นข้าราชการ & ครอบครัว กี่เปอร์เซ็น (เวลาทำบัตร คงต้องถาม) และต้องวิเคราะห์ว่ามาหาเราเพราะชื่อเสียงแต่เพียงอย่างเดียว หรือเพราะไม่สดวกเวลาไปโรงพยาบาล ผมคาดเดาเอาว่าสถานพยาบาลทุก ๆ แห่ง ทุก ๆ สังกัด คงอยากให้ข้าราชการไปลงทะเบียนเลือก จึงน่าที่จะพัฒนาให้ความสดวกเพิ่มขึ้นเป็นเปิด Clinic ภาคเย็น และวันหยุด ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ คงต้องเตรียมตัวไว้กับรายได้ที่หายไปนะครับ
เพื่อน ๆ ที่มีผลกระทบ คงต้องเตรียมตัวเป็นเครือข่ายของสถานพยาบาล : เช่นที่มีอยู่คือ เครือข่ายของประกันสังคม (ซึ่งรายได้คงไม่มากนัก เพราะสถานพยาบาลก็ไม่ได้รับมามากมายอะไร) และผมคิดว่า 30 บาท ก็น่าจะพัฒนามีเครือข่ายเป็นคลีนิคได้ ตลอดจนสถานพยาบาลที่ข้าราชการไปลงทะเบียนก็เช่นกัน
น่าสงสารนะครับ แต่ก็ยังดีถ้าเข้าไปอยู่ในเครือข่าย แต่ทั้งนี้ยกเว้นเพื่อนแพทย์ที่มีฝีมือ และมีคุณภาพ ประทับใจ คนไข้เยอะ และแนะนำกันมา คงจะไม่มีผลกระทบอะไร และผมขอให้เพื่อน ๆ ทั้งหลายโชคดีอยู่ในกลุ่มนี้
มีข่าวร้ายก็ต้องมีข่าวดีใช่ไหมครับ มาตรา 42 (45 เดิม) ไล่เบี้ย ท่าน รมต.สุดารัตน์ ได้ผ่าน ครม. ให้แล้วครับว่าจะยกเลิก (ตามที่ท่านได้เขียน
จ.ม.ถึงพวกเรา) ซึ่งพวกเราทุก ๆ คนต้องขอขอบคุณท่านที่ได้ทำให้ แต่การแก้กฎหมายก็ต้องผ่านสภาใช่ไหมครับ คงต้องอดทนรอคอยสักหน่อยครับ ถ้าเพื่อน ๆ ว่างไป CME 10-13 ก.ค. นี้ หอประชุมสิริกิตต์ ครับ
รัก & ห่วงใย เพื่อน ๆ ทุกคนครับ
(นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ )
E-mail : ramhospital @ hotmail.com
(ถ้าเพื่อนแพทย์มีปัญหาเรื่องใดติดต่อได้ตามสะดวกกับกลุ่ม พป.
วิสูตร 0-6001-9228 เสรี 0-1632-5030 พินิจ 0-1857-3727 เอื้อชาติ 0-1911-8901 )
ส่งโดย: น.พ.เอื้อชาติ
Posted by : เพื่อนแพทย์คนหนึ่ง , Date : 2003-07-04 , Time : 13:49:25 , From IP : 172.29.3.138
|