ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

อ่านเจอมาค่ะ


   เปลวสีเงิน
บริติชเวอร์จินไอส์แลนด์ส

27 มกราคม 2549 กองบรรณาธิการ
ก็เกิดรายการ "ซุกหุ้น ภาค อภิชาตบุตร" อันต่อเนื่องจากภาคแรกที่เรียกว่า "ภาคอภิชาตบิดา" ขึ้นแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นความดีความชอบต่อแผ่นดินของ "คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ"

ที่นำหลักฐานชัดในประเด็นนี้มาบอกกล่าวกับสังคม

กว่า 73,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการซื้อขายหุ้นในตลาดฯ และไม่ต้องเสียภาษี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านบอกว่าเป็นความถูกต้อง-ชอบธรรมตามกติกาสากลนิยม ใครก็อย่าไปอิจฉา

แต่คราวนี้เงิน 15,883.9 ล้านบาท ในจำนวน 73,000 ล้านบาทที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเซกไปนั้น ถูกจับได้-ไล่ทันว่า

ส่วนหนึ่ง "ที่มาของหุ้นและเงิน" มีปัญหาขึ้นแล้ว

จะทำไงดีล่ะ..คราวนี้?

ถ้าทางการสืบสาวราวเรื่องกันไปจริงๆ เผลอๆ จะต้องโทษอาญาทั้งพ่อและลูก นับเป็นเรื่องน่าสงสารนักสำหรับเด็กๆ คือ "ลูกทั้งสอง" ที่อาจต้องรับโทษจากกรรมที่ผู้ใหญ่เอาชีวิตลูกมาสร้างความถูกให้ตัวเอง

"บาปสุจริต" มันจะติดตัวลูก!

เอ่ยชื่อ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" คงทราบกันนะครับ ท่านคืออดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และท่านติดตามเรื่องซุกหุ้น และเรื่องธุรกิจครอบครัวนายกฯ มาตลอด เมื่อปี 2547 ท่านได้อภิปรายในสภาเรื่อง "หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน" ในส่วนที่มีความสัมพันธ์กับนายกฯ ทักษิณ

บริติชเวอร์จิน รู้จักกันดีว่า เป็นแหล่งหนีภาษี และการฟอกเงิน!

คุณกอร์ปศักดิ์เปิดหู-เปิดตาให้ประชาชนคนไทยได้ทราบว่า มีใครคนหนึ่งไปตั้งบริษัท Ample Rich Investments Limited ไว้ที่เกาะนี้ และใครคนนั้นก็ขายหุ้นชินคอร์ปให้บริษัทนี้จำนวนหนึ่ง

ชนิดยอกย้อนซ่อนเงื่อน!!

ตอนนั้น คนไทยไม่สนใจประเด็นที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกหรอกครับ เพราะกำลังถูกโรคระบาดชนิดโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งเมือง

โรคคลั่ง "เทวดาทักษิณ" อวตารลงมาเกิดน่ะ!

ค่อยๆ ลำดับความสู่กันฟังนะครับ เดี๋ยวท่านจะงง ย้อนไปปูพื้นเป็นความเข้าใจกันก่อน จำกันให้ดีนะครับ

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 นางกาญจนา หงษ์เหิร เลขาฯ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่า เมื่อ 20 ม.ค. บริษัท Ample Rich ขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ รวม 329.2 ล้านหุ้น และวันเดียวกัน คือที่ 23 มกรา. นางกาญจนา ก็เป็นตัวแทนแจ้งต่อ ก.ล.ต.แทนนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทาว่า ได้ซื้อหุ้นจาก Ample Rich เมื่อ 20 ม.ค. มาคนละ 164.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท

และระบุเป็นหลักฐานไว้กับ ก.ล.ต.ด้วยว่า ซื้อหุ้นดังกล่าวผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย!

วันที่ 23 มกรา. คือวันอภิมหาโคตรรวยจากการขายหุ้นของครอบครัวชินวัตร อันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะเป็นวันที่ปรากฏและประกาศเป็นทางการว่า

ชินคอร์ปขายหุ้น 49% ให้ ซีดาร์-แอสแพน-กุกลาบแก้ว อันเป็นบริษัทที่เทมาเซกตั้งขึ้นเป็นบริษัทไทยเป็นการเฉพาะ เพื่อรับหน้าเสื่อในการซื้อ-ขายประวัติศาสตร์ รวมแล้วมูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท

นายพานทองแท้ ชินวัตร ขาย 458,550,220 ล้านหุ้น

น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขาย 604,600.000 ล้านหุ้น

ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท เฉพาะส่วนของบุตรชายและบุตรสาวท่านนายกฯ จะได้เป็นเงินเท่าไหร่ คูณกันเอาเองนะครับ

ท่านก็จำตัวเลขหุ้นของลูกนายกฯ ทั้งสองไว้ให้ดี เพราะเดี๋ยวจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นตัวเลขพิศวงดังที่เป็น "ประเด็นใหม่" จะนำไปสู่ความตายน้ำตื้นในอนาคต

ปรากฏการณ์ 23 มกรา. ไม่เพียงดังที่บอกนั้นนะครับ ยังปรากฏว่า เลขาฯ คนขยันของคุณหญิงพจมาน ได้แจ้งไปยัง ก.ล.ต.ในวัน-เวลาเดียวกันอีกว่า หุ้นที่นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา ซื้อปุ๊บจากตลาดหุ้นคนละ 164.6 ล้านหุ้น นั้น

ได้ขายปั๊บในวันนี้ รวมอยู่ในจำนวนชินคอร์ป "บิ๊กล็อต" ดังกล่าว ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท คือที่เพิ่งซื้อมาใหม่สดๆ ซิงๆ หุ้นละ 1 บาทก็ขาย 49.25 บาทด้วย

สรุปตรงนี้ เลขาฯ คุณหญิงพจมานคนเดียวกันนั่นแหละ เป็นทั้งตัวแทน Ample Rich แจ้งขาย เป็นทั้งตัวแทนพิณทองทา-พานทองแท้ แจ้งซื้อ ก.ล.ต.ก็ซื้อ..ซื่อ..ไม่แอะอะไรเลยซักคำ

เอาละ..คราวนี้ก็ถึงคราว "ความลับไม่มีในโลก" เมื่อนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่าได้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจาก Ample Rich ผ่านตลาดหุ้นไทย คนละ 164.6 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท

ก็ไม่ยากที่จะตรวจสอบผ่านการซื้อ-ขายประจำวันของตลาดหลักทรัพย์ ก็พบว่า

ไม่ปรากฏการซื้อ-ขายหุ้นด้วยจำนวนตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด!

ยุ่งละซี..ตานี้ ความจริงตลาดหลักทรัพย์ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ที่ประเทศพึงได้ แต่ไม่ทำ "คุณกอร์ปศักดิ์" อดรนทนเห็นคนกลุ่มหนึ่งสุมหัวกันต้มยำทำแกงประเทศไม่ไหว

ก็เลยกระจายข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของคุณกอร์ปศักดิ์ ประจานทั้ง เทวโลก มนุษยโลก และเดรัจฉานโลก

ความจริงที่เป็นตัวจับความเท็จในประเด็นนี้ก็คือ ในข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ระบุถึงการถือหุ้นชินคอร์ป ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548 ว่า น.ส.พิณทองทา ถือหุ้น 440,000,000 หุ้น นายพานทองแท้ ถือหุ้น 293,950,220 ล้านหุ้น

แต่ปรากฏว่า 23 มกรา. น.ส.พิณทองทา กลับมีหุ้นขายถึง 604,600,000 ล้านหุ้น มากกว่าหุ้นที่แจ้งไว้ต่อตลาดฯ ถึง 164,600 ล้านหุ้น

เช่นเดียวกับนายพานทองแท้ ขาย 458,550,220 ล้านหุ้น มากกว่าที่แจ้งไว้ต่อตลาดถึง 164,600 ล้านหุ้นเช่นกัน

นี่ไงล่ะ..ตัวเลข "ตายตอนจบ" ท่านก็อาจเถียงได้ว่า ไม่เป็นแปลกตรงไหน ที่งอกขึ้นมาคนละ 164,600 ล้านหุ้น นั้น ก็อย่างที่แจ้งต่อ ก.ล.ต.นั่นไงล่ะว่า ซื้อมาจาก Ample Rich

แต่ข้อสงสัยประชาชนก็มีอยู่ว่า

1.Ample Rich นี้ เป็นบริษัทของใคร เอาหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329,200 หุ้นที่ขายให้ "พิณทองทา-พานทองแท้" มาจากไหน?

2.มีเหตุผลอะไรที่ขายในราคาพาร์ คือหุ้นละ 1 บาท ทั้งที่ราคาซื้อ-ขายในตลาดฯ ร่วม 50 บาทต่อหุ้น?

3.น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ "แจ้งเท็จ" ต่อตลาดฯ ว่าซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ส่อพฤติกรรมว่าหุ้นจำนวนนี้มีที่มา "ไม่สุจริต" และ ก.ล.ต.รู้เห็นเป็นใจในการซื้อขายใช่หรือไม่?

4.นี้คือวิธีการ "ฟอกหุ้น-ฟอกเงิน" ของใครบางคน ใช่หรือไม่ และเงินส่วนต่างอันเกิดจากการขายหุ้น 329,200 หุ้น ที่ซื้อมาหุ้นละ 1 บาท แต่ขายหุ้นละ 49.25 บาท เป็นเงิน 15,883.9 ล้านบาทนี้ ต้องเสียภาษีมิใช่หรือ?

บริษัท Ample Rich ที่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ย่านทะเลแคริบเบียน แถวๆ เปอร์โตริโก อันเป็นแหล่งฟอกเงิน และหลบภาษีนี้ เป็นบริษัทของใคร?

ผมไม่ทราบ แต่ในรายงานการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.ครั้งที่ 11/2544 วันที่ 12 ตุลาคม 2544 มีบันทึกเป็นรายงานไว้ตอนหนึ่ง ดังนี้

4.3.1 Ample Rich Investments Limited

ในช่วงที่ตรวจสอบพบว่า บริษัทมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ถือหุ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 โดยจดทะเบียนจัดตั้งใน British Virgin Islands เพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2542 มีสถานที่ติดต่อ (Correspondent Office) ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งพบบริษัทถือครองหุ้น SHIN เพียงหลักทรัพย์เดียว โดยเป็นการซื้อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2542 บนกระดานรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เพียงหนึ่งรายการ

ครับ..Ample Rich บริษัทที่ขายหุ้นชินคอร์ปราคาพาร์ให้พิณทองทา-พานทองแท้ ที่แท้ก็บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณผู้เป็นพ่อนี่เอง ถ้ายังจะดิ้น ผมก็จะมอบเชือกอีกเส้นให้ดู ดังนี้

นายบุญคลี ปลั่งศิริ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 11 มิ.ย. 42 เรื่อง ขอชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท สาระสำคัญมีว่า

ชินคอร์ปได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 23.75% เหลือ 11.88% โดยหุ้นที่ลดลง 11.88% นั้น โอนให้ถือในนามของ "แอมเพิล ริช อินเวสเมนท์ ลิมิเต็ด"

โดยระบุในหนังสือแจ้งว่า "แอมเพิล ริช" ถือหุ้นโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 100%

ครับ..ปมที่ผูกไว้ ใครจะนึกว่าจะย้อนมารัดคอตัวเองในวันนี้ได้ ประเด็นตายต่อไปก็คือ ตัวเองขายหุ้นตัวเองให้บริษัทที่ตั้งใหม่บนเกาะบริติชเวอร์จิน อันเป็นของตัวเองแล้ว ปรากฏว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2544

ในบัญชีแสดงทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไม่ปรากฏว่ามีชื่อบริษัท Ample Rich อยู่ในบัญชีแสดงทรัพย์สินของนายกฯ ทักษิณแต่อย่างใด!?

ผมจะจบด้วยคำพูดของนายกฯ ทักษิณที่พูดไว้เมื่อ 20 พ.ค. 45 ความตอนหนึ่งว่า เมื่อวานผมดูข่าวจาก CNN ทราบว่าขณะนี้สภาของสหรัฐกำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้เพราะบริษัทต่างๆ ไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ในปานามาบ้าง หรือที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี..."

นั่นน่ะซี มัน "โคตรxxx" เลยนะ ท่านว่ามั้ย?


Posted by : ... , Date : 2006-01-27 , Time : 09:48:03 , From IP : 172.29.3.99

ความคิดเห็นที่ : 1


   นี้แหละครับ ยุคของการโกงกินเชิงนโยบาย ที่สมบูรณ์แบบครับ หาที่ติไม่ได้ แต่หลีกหนีความผิดไม่พ้น

Posted by : @ , Date : 2006-01-27 , Time : 13:19:39 , From IP : 172.29.1.185

ความคิดเห็นที่ : 2


    "โคตรxxx"
yes


Posted by : -- , Date : 2006-01-28 , Time : 02:45:41 , From IP : 172.29.5.232

ความคิดเห็นที่ : 3


   อ่านเจอมาเหมือนกัน

ฟังเสียง อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์นะครับ เกี่ยวกับทักษิณและสฤษดิ์
เมื่อจอมพล ป. โกงเลือกตั้งปี 2500 คุณเผ่า (ศรียานนท์) โกงเลือกตั้งปี 2500 ไม่กี่วัน นักศึกษาประชาชนก็เดินขบวน จอมพล ป.ต้องหนีไป นี่นักการเมืองเกือบ 3 ปีแล้วนะครับ แสดงว่าเขาแนบเนียนกว่า แต่เขาปกครองเกือบจะเหมือนจอมพลสฤษดิ์เลยนะครับ ใช้วิธีการรุนแรง ภาคใต้นี่เป็นตัวอย่างเลย แล้วไม่ใช่ภาคใต้อย่างเดียว ยาบ้ายาม้า เขาเอาคนไปฆ่าทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ไม่รู้ตั้งกี่พัน ชาวบ้านก็เห็นดีเห็นงามด้วย
อย่าลืมนะว่า สมัยจอมพลสฤษดิ์ ก็เช่นเดียวกันนะครับ ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว ไฟไหม้ เอาคนไปยิงเป้า แน่นอน คนที่ไม่เห็นด้วยไม่กล้าพูด เช่นเดียวกันกับยาบ้ายาม้า โอ ท่านยอดเลย ผมบอกว่าถ้าเป็นลูกคุณ คุณจะว่ายอดมั้ย เพราะบ้านเมืองปกครอง มันต้องมีขื่อมีแป ต้องมีกฎหมาย และถ้าเขาผิดจริงก็ต้องไปขึ้นศาล
วิธีการของนักการเมืองคนนี้แบบเดียวกับสฤษดิ์เลย แต่สฤษดิ์โกงกินเพียงเพื่อตัวเอง เพื่อทหารและพรรคพวกของตนเอง แต่กรณีของนักการเมือง โกงกินโดยบริษัทพรรคพวกตัวเอง ซึ่งเป็นบรรษัทข้ามชาติ สมัยสฤษดิ์ยังไม่มีนะครับ ตอนนี้เขาทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของเขา ติดต่อกับพม่า ไปเมืองจีน สยบยอมต่อจีน ไปอเมริกา สยบยอมอเมริกา แล้วที่ปฏิเสธว่าไม่จริง จริงนะครับที่มีคุกอเมริกันอยู่ในเมืองไทย นี่จริงที่สุดเลย เขายอมทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของบรรษัทเขา ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเรา เพราะการจับคนจากอาหรับมาไว้ที่นี่ แล้วพวกอาหรับเขาจะไม่เล่นงานเราหรือครับ

จอมพลสฤษดิ์ เป็นคนที่เลวร้ายมาก และคนที่เลวร้ายกว่าจอมพลสฤษดิ์มีอยู่คนเดียวครับ คือ นักการเมืองในเวลานี้ เพราะสฤษดิ์นั้น คนรู้ว่าเขาเป็นเผด็จการ เป็นทหาร เขาโกงกินอย่างเปิดเผย เขานุ่งผ้าขาวม้าแดง มีเมีย บ้ากามอย่างเปิดเผย เขากดขี่ผู้คน แต่นักการเมืองคนนี้ใช้วิธีหลอกลวงผู้คน สามารถชนะเลือกตั้งแทบทั่วประเทศ การชนะเลือกตั้งก็ใช้วิธีฉ้อฉล ซึ่งแนบเนียน ตอนนี้มันเริ่มเปิดเผยออกมาทุกทีแล้วนะครับ
ดังนั้นนักการเมืองคนนี้อันตรายกว่าสฤษดิ์เยอะ อย่างน้อยสฤษดิ์ก็มีจิตสำนึกในการรักบ้านรักเมือง แล้วรักในหลวง สฤษดิ์ก็รักจริงนะ แม้จะเป็นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของเขา แต่คนนี้ไม่รักในหลวงเลย อันนี้พูดกันอย่างไม่เกรงใจ ดังนั้นที่มีความเคลื่อนไหวรักในหลวงออกมา ก็เพื่อกระทบเขาโดยตรง
คุณต้องเข้าใจว่ามีฝรั่งชื่อ ดันแคน ที่มหาวิทยาลัยลีดส์ ไปพูดชัดเจนเมื่อคราวประชุมไทยคดีศึกษาสากล ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ บทความก็มีปรากฏนะครับ ระบุชัดเจนเลยว่าคนนี้ต้องการจะท้าทายในหลวง โดยเฉพาะทางภาคใต้ จึงทำให้มีการออกมาพูดถึงเรื่องพระราชอำนาจกันมาก
ในประเด็นด้านจริยธรรม เวลานี้ รัฐบาลขาดจริยธรรมแทบทุกอย่าง ศีลข้อที่หนึ่ง ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ศีลข้อที่สอง โกงผู้คนเป็นว่าเล่น ศีลข้อที่สาม อาจจะไม่วุ่นวายในทางกาม เหมือนจอมพลสฤษดิ์เท่าไหร่ แต่ขณะเดียวกัน คุณก็เปิดโอกาสให้มีวัฒนธรรมบริโภค มีการโปรโมทในเรื่องกามเรื่องราคะทั่วไปหมด
ศีลข้อที่สี่ โกหกตอแหลอยู่ตลอดเวลา ทีคนอื่นเขาพูดขัดกับตัว ก็พยายามไม่ให้เขาออกความเห็น ศีลข้อที่ห้า การมอมเมา ไม่ได้หมายถึงเบียร์เหล้าเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการมอมเมาโดยลัทธิอุดมการณ์ของรัฐบาล เช่น ต่อไปนี้ต้องหาเงินอย่างเดียว การวิจารณ์ทางสังคมศาสตร์ต้องเลิก ต้องวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อจะหาเงิน นี่ก็คือการมอมเมาทั้งนั้นเลย


Posted by : ๔ กุมภาฯ , Date : 2006-01-29 , Time : 14:00:07 , From IP : 172.29.7.136

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<