ความคิดเห็นทั้งหมด : 63

Debate XXX; เพศสัมพันธ์ในวัยเรียน


   ไหนๆก็มาถึง Debate XXX แล้ว ก็เลยเอาเรื่องที่ฟังดู XXX หน่อย! ลองอภิปรายเรื่องนี้ดูบ้างจะเป็นไร ผมอยากรู้ว่าพวกเรามีความ mature ขนาดไหน และมีความคิดอ่านและการแสดงออกอย่างไร (ใครอยากจะเปลี่ยน alias เป็นพิเศษ เพื่อความคล่องปากก็ได้นะครับ)

กติกาเดิม be mature, be positive, be civilised



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-02 , Time : 22:23:26 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 1


   โอ๊ะ ! แย่แล้ว คนแรกหรือเปล่านี่ :)


Posted by : Dhan , Date : 2003-07-03 , Time : 00:23:00 , From IP : 172.29.3.126

ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมถือพรหมจรรย์กว่าจะบวชครับ

Posted by : superman , Date : 2003-07-03 , Time : 10:09:34 , From IP : 172.29.1.224

ความคิดเห็นที่ : 3


   หากคิดจะทำอะไรก็ตาม ถ้าทำไปด้วยสติ มิใช่ความหลงใหลตามอารมณ์ และพร้อมที่จะรับผลที่เกิดขึ้น ก็ทำ ไปเถอะครับ
ความรับผิดชอบต่อผลของการกระทำของตัวเองสำคํญที่สุด อย่าว่าแต่ sex ในวัยเรียนเลย คนวัยอื่นที่ทำมาหากินได้แล้ว บางคนยังไม่รับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นจะมีข่าวทิ้งลูกตัวเองตามถังขยะได้อย่างไร ฉะนั้นขอให้ใช้สติกำกับการกระทำเท่านั้นพอ


Posted by : 2123 , Date : 2003-07-03 , Time : 12:26:44 , From IP : 172.29.2.135

ความคิดเห็นที่ : 4


   อือ......อือ........พูดยากแฮะ........ถ้าตอบแบบผู้มีศีลธรรมอันดี(จริงๆแล้วผมเองไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองมีกะเค้าหรือเปล่าไอ้ศีลธรรมเนี่ย...:D...)...ก็ต้องบอกว่าไม่เหมาะสม.....ไม่ดี......ไม่....และไม่อีกเยอะ.......แต่ถ้าตอบแบบตามใจผม.....อือ.......ไม่รู้สิ.....ผมไม่เห็นด้วยนะ......เรียนยังเรียนไม่จบเลย.....ยังแบมือขอเงินพ่ิอแม่อยู่เลย.....อนาคตก็ไม่มี.....และไอ้ความรู้ที่สอนๆกันในโรงเรียนปัจจุบันเนี่ย......มันดีและใช้ได้จริงเหรอ?......ถ้าเกิดปัญหาขึ้นจะทำไงเหรอ?.....อือ...ผมเขื่อว่าถ้าไปถามเด็กในโรงเรียนด้วยเรื่องเหล่านี้เนี่ย......ผมอยากรู้จริงว่าจะมีักกี่คนที่เข้าใจจริงๆจังๆ.......ถ้าถามผมว่าเมื่อไหรจะเหมาะสม....อือ....ผมว่าถ้าเมื่อไรที่มีอนาคตเพียงพอที่จะรับผิดชอบ"ทุกอย่าง"ที่จะเกิดขึ้นตามมาได้แล้วหละก็นะ.....คงจะเหมาะสมหละ......มีหน้าที่เรียนก็เรียนต่อไปเถอะ...เฮ้อออออออ..:D



Posted by : Death , Date : 2003-07-03 , Time : 15:00:21 , From IP : 172.29.3.118

ความคิดเห็นที่ : 5


   ฉันคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ผู้หญิงในวัยเรียนอย่างฉันเนี่ย ไม่สมควรเลยอย่างที่สุด การอุ้มท้องมาโรงเรียนคงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับกันเห็นๆ แต่ถ้าผู้ชายก็เป็นอีกเรื่อง หากมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ เช่น เรียนอยู่แต่จะไปมีเมีย ก็ต้องยอมรับที่จะต้องดูแลเมียอาจรวมทั้งลูกและก็ควรจะรับผิดชอบเรื่องเรียนของตัวเองไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นควรอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองและฐานะด้วย ถ้าบ้านตัวเองทุกวันนี้ยังกินแกลบอยู่ ก็ไม่ควรหาภาระมาเพิ่มอีก อย่างไรก็ตามฉันว่า บางครั้งฮอร์โมนเพศมันพลุ่งพล่านยั้งใจกันไม่อยู่ ก็ควรป้องกันไว้ โดยอย่าอยู่กัน 2 ต่อ 2 หรือ 1 ต่อ 3 หรือจะกี่คนก็แล้วแต่ ในที่ลับๆ เพราะอาจเผลอใจไปโดยไม่ตั้งใจก็ได้


Posted by : ซาดาโกะ , Date : 2003-07-03 , Time : 15:35:52 , From IP : 172.29.3.94

ความคิดเห็นที่ : 6


   คำว่า "วัยเรียน" คงเป็นแค่ "relative term" แค่นั้น (จริงๆแล้วไม่เคยมีใคร "พ้น" วัยเรียนเลย จริงรึเปล่า?)

วัฒนธรรมไทย (หรือตะวันออก) ส่วนใหญ่ยังคง draw the line ของ Liberal ด้านนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น ในขณะที่ประเทศที่ค่อนข้าง "free" อย่าง scandinavian ก็ออกไปอีกขอบหนึ่งแม้แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ "ตะวันตก" ด้วยกัน บางคนพิจารณาว่า sex life เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อ family bonding ฉะนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องพิสูจน์ไม่แพ้การดูใจ ดูนิสัยใจคอ ก่อนจะแต่งงาน

ทีนี้อะไรกันแน่ที่จะเป็นตัวบอกความ "เหมาะสม"? เรามี universal rule หรือไม่? หรือว่าต้องพิจารณาเป็นรายๆ? และลงท้ายอาจจะเป็นคำถามในแง่ปฏิบัติของบทบาทของครูอาจารย์มหาวิทยาลัยในเรื่องที่ว่านี้ระหว่างนักศึกษาซึ่งร่ำๆจะบรรลุนิติภาวะอยู่รอมมะร่อ (ตามกฏหมายแค่นั้น แต่ผมสงสัยว่าวุฒิภาวะอาจจะอีกหลายปีกว่าจะตามทัน....หรือไม่เคยเลย!!!)



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-03 , Time : 22:29:07 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 7


   1. คงต้องจำกัดความของคำว่าวัยเรียนก่อนครับ เพราะการเรียนมีหลายระัดับ ตั้งแต่อนุบาล เด็กเล็ก ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ปริญญาตรี ปริิญญาโท ปริญญาเอก ....
2.ต้องจำกัด ความ ของ คำว่า sex ก่อน ครับ เพราะ sex แปลว่า สิ่งที่บ่งบอกเพศ ว่าเป็นหญิง ชาย หรือ อื่นๆ
3. เมื่อ ได้ทั้ง 2 คำ แล้ว sex ไม่ว่าจะเรียนระดับใหน ก็ จะมี อยู่ 2 เพศ คือ male และ female.
4. ถ้า sex ในความหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรียนช่วงอนุบาล ประถม เห็นทีจะไม่ดี แน่ ... ในมัธยม อายุ ต่ำกว่า 18 ปี ไม่ดี ...เพราะ คุก ชัวร์.. ุถ้าระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี ดูแลตนเองไม่ได้ ยังขอตังค์พ่อแม่ใช้อยู่ ก็ไม่ควร เพราะว่า ขนาดตัวเองยังดูแลไม่ได้ จะดูแลคนอื่นได้ ยังไร ถ้าคิดว่า sex คือการแต่งงานหรือ การผูกพัน อะไร ก็ แล้ว แต่ .... แต่ถ้าเพื่อความสนุก ความบันเทิง อันนั้น เรื่องของคุณครับ ..แต่ คาดว่าพ่อแม่คุณ คงไม่ปลื้ใกับคุณเท่าใหร่ แน่...
5. ถ้าระดับปริญญาโท หรือ เอก หรือ แพทย์ประจำบ้าน.... มีรายได้ระดับหนึ่ง และดูแลตนเองได้ระดับหนึ่ง ... บางคนมีครอบครัวแล้ว ...การห้ามการมี sex ในวัยนี้ คาดว่า ไม่สมควรอย่างยิ่ง ...ลองคิดดู พอแฟนไป เรียนเป็นนักศึกษา แล้วห้ามไม่ใ้ห้ มี sex กัน มัน ทรมาน แค่ ใหน ... เฮ้อ
6. จบ แล้ว แหล่ะ ไป ก่อน โดนเขม่น


Posted by : munich , Date : 2003-07-03 , Time : 23:25:31 , From IP : 172.29.3.118

ความคิดเห็นที่ : 8


   ผมเห็นว่า sex เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของชีวิตคู่ หรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างมนุษย์คู่หนึ่ง (จะชายกับหญิงหรือชายกับชายก็ไม่ได้แยก ณ ที่นี้)
คนหลากหลายคิดถึงเรื่อง sex ต่างกันไป ถ้าดูในมุมของผู้ที่สามารถรับผิดชอบชีวิตตนเองและผู้อื่นได้แล้ว sex จะมีความหมายอย่างไรบ้าง
...ความสุขทางกายชั่วครั้งคราว
...ความสุขทางกายและทางใจชั่วครั้งคราว
...ความสุขทางกายและทางใจแบบยาวนาน
ถ้าคนที่เห็นความหมายของ sex เหมือนกัน ก็คงจะมี sex ด้วยกันได้ดี แต่หากต่างคนมีความหมายที่ต่างกัน ผลหลังจาก sex ก็คงจะเป็นความทุกข์ของอีกคนและปัญหาของอีกหลายคน

สำหรับ "วัยเรียน" (หรือในนัยว่าวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและขอตังค์พ่อแม่กิน) sex คงเป็นแค่ความสุขทางกายชั่วครั้งคราว แต่ด้วยการที่ไม่ใช่แค่ว่ามี sex แล้วจะจบไปเฉยๆเหมือนจับมือหรือจ้องตากัน ปัญหาของ sex คือ การตั้งครรภ์,โรคติดต่อ,ความหึงหวง,ความไม่สบายใจ,sex ที่ไม่มีวันเป็นสิ่งดีๆ ฯลฯ (ไม่ได้เรียงตามความรุนแรงของปัญหา)

หาก"วัยเรียน"ไม่ได้เรียนเรื่อง "sex"ด้วยดี ก็คงติด "E"วิชา "sex" ต่อไปอีกนาน


ส่งท้าย
"อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตา่ยดอกเพราะอดสเน่หา"
...ไม่ตาย แต่ไม่มีความสุข หากฮอร์โมนเพศยังทำงาน


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-04 , Time : 00:10:13 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 9


   Sex เป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญ (ขอ define ว่าหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ครับ ไม่ได้แค่เพศเฉยๆ) ทั้งโดยกิจกรรม Physical and mental and moral

ฉะนั้นมีหลายๆคนได้เอ่ยถึง "ความรับผิดชอบ" หรือ "maturity" กันบ้างแล้ว และ consequences ต่างๆจากการมี sex ใครลองขยายความเพิ่มเติมถึง implication หรือ impact และเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้ relate sexual activity กับ "ความเป็นผู้ใหญ่"? และอย่างไรเรียกว่า "ผู้ใหญ่"? คงจะไม่ได้หมายถึงอายุถึงเกณฑ์อย่างเดียวกระมัง (หรือว่าใช่??)



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-04 , Time : 00:30:39 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมอยากให้มองลงไปถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ธรรมชาติสร้างคนให้มี 2 เพศ และสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดการร่วมเพศ ผมว่าเหตุผลเดียวเเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธ์ครับ (ผมอาจจะผิดก็ได้) แต่จากเนื้อความของกระทู้บ่งบอกได้เลยว่าเรากำลัง miss concept ที่ธรรมชาติสร้าง ฉะนั้นไม่ว่าฝ่ายไหนจะยกเหตุผลอะไรอะไรขึ้นมาก็ไม่สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายยอมรับได้เพราะมันไม่ลงตัวกับธรรมชาติเดิมครับ

Posted by : saitharn , Date : 2003-07-04 , Time : 01:28:44 , From IP : dial-13.ras-1.yla.s.

ความคิดเห็นที่ : 11


   เอ้อ....ผมไม่เห็น "ข้าง" หรือ "ฝ่าย" จากคำตอบหรือกระทู้ที่ผ่านมาเลยนะครับ

"เหตุผลที่แท้จริงของธรรมชาติ"? น่าสนใจมากครับ ช่วยกรุณาขยายความสักนิดได้ไหมครับว่าคืออะไร? และอะไรคือ "Concept of the Nature" ที่พวกเรากำลัง miss?





Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-04 , Time : 01:38:04 , From IP : 172.29.3.219

ความคิดเห็นที่ : 12


   อ้ายเรื่องฝ่ายเนี่ยะผมเอออา ขึ้นมาเองครับ คือว่าฝ่ายหนึ่งเห็นว่าเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นเรื่องที่ทำได้(ไม่น่าเกลียด)ภายใต้ข้อแม้บางอย่าง ส่วนอีกฝ่ายคือยังไงๆ ก็เป็นสิ่งไม่สมควรครับ ส่วนเรื่อง miss concept of the nature คือว่าตามที่ธรรมชาติต้องการจากการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ ก็คือการดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธ์ แต่การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนที่กำลังถกกันอยู่นี้ผมมองว่า เป็นเรื่องของอารมณ์ใคร่มากกว่าครับ
วัยเรียนของผมหมายถึงทุกคนที่ยังเรียนอยู่ไม่ว่าจากตำรา จากประสบการณ์ หรือชีวิตจริง โดยที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเองครับ
ในความคิดเห็นของผมแล้วเพศสัมพันธ์ไม่ควรเกิดขึ้นทุกกรณ๊เว้นแต่ตามหลังการแต่งงานครับ เพราะการแต่งงานค่อนข้างการันตีได้ว่าทั้งสองต้องการครองคู่และมีทายาทด้วยกัน แม้อาจไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม


Posted by : saitharn , Date : 2003-07-04 , Time : 11:30:36 , From IP : dial-7.ras-1.yla.s.c

ความคิดเห็นที่ : 13


   คิดว่าคนแต่ละวัยมีหน้าที่หลักไม่เหมือนกัน ธรรมชาติของวัยเรียนโดยเฉพาะวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่สมองทำงานได้ดีที่สุดของชีวิต และร่างกายก็พร้อมที่จะสืบพันธุ์ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงแต่งงานกันไปตั้งแต่อายุ 14-15 ปีแล้วเพราะสมัยก่อนไม่ต้องเรียนมาก ประชากรก้น้อย ตายก็ง่าย แต่สมัยนี้ คนล้นโลก และคนต้องเรียนเยอะและนานเพื่อคุณภาพชีวิตของคนและสังคม ส่วนเรื่องของแรงผลักดันทางเพศก็สามารถตอบสนองได้ด้วยวิธีที่ไม่ต้องทำให้ผู้หญิงเสียหาย สำหรับผู้หญิงเรายังแนะนำให้รักนวลสงวนตัว เพราะปลอดภัยที่สุด อย่าลืมว่าอดีตลบไม่ได้และเรายังไม่รู้อนาคต และอย่าคิดว่าเราจะรู้จักคู่ของเราดีในเวลาสั้นๆ เรื่องการอยู่กินกันเป็นเรื่องที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักหรือถูกใจกันอย่างเดียว สรุปว่าเราไม่สนับสนุนการมีsex ในวัยเรียนระดับก่อนปริญญาอย่างแน่นอน

Posted by : Vaitong , Date : 2003-07-04 , Time : 13:33:52 , From IP : 172.29.3.131

ความคิดเห็นที่ : 14


   เห็นด้วยกับคุณsaitharnมากๆเลยครับ เพศสัมพันธ์ไม่ควรเกิดขึ้นทุกกรณี ยกเว้นหลังแต่งงานแล้ว คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศสัมพันธ์คงจะยังนึกปัญหาไม่ออก แต่ถ้าจะขอความเห็นและให้ถ่ายทอดประสบการณ์ทางความคิดและความรู้สึกแล้ว บอกได้เลยว่าขอเสียมากกว่าขอดีเยอะเลยครับ เช่นความหึงหวง ความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การติดเชื้อต่างๆ ความรู้สึกเหล่านี้ ทำให้บั่นทอนสมาธิในการเรียน อาจถึงขั้นเรียนไม่จบเลยก็ได้ คนที่ต้องเสียใจที่สุดก็ไม่พ้นต้องเป็นพ่อแม่ หญิงคนไหนอยากให้ตัวเองมีค่าต้องรักนวลสงวนตัวครับ ยิ่งยอมง่ายมากขึ้นเท่าไหร่ ค่าของตัวเองก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

Posted by : เห็นด้วยกับsaitharn , Date : 2003-07-04 , Time : 14:57:48 , From IP : 203.113.76.75

ความคิดเห็นที่ : 15


   ผมมองว่า Sex เป็นเรื่องธรรมชาติ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่ว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์นั้นมีความพร้อม และรับทราบถึงผลที่อาจจะตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่นทราบว่าอาจตั้งครรภ์ได้ อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ นั้นการมีเพศสัมพันธ์ในวัยนี้ควรเน้น safe sex โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และขอให้ศึกษาวิธีการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและการป้องกันการตั้งครรภ์ฉุกเฉินไว้ด้วย และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในภาวะที่มึนเมาสุรา เพราะอาจทำให้ขาดความระมัดระวังในการป้องกันครับ

Posted by : Tannin , Date : 2003-07-04 , Time : 15:08:45 , From IP : 172.29.3.93

ความคิดเห็นที่ : 16


   ผมมองว่า Sex เป็นเรื่องธรรมชาติ การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่ว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์นั้นมีความพร้อม และรับทราบถึงผลที่อาจจะตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่นทราบว่าอาจตั้งครรภ์ได้ อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ นั้นการมีเพศสัมพันธ์ในวัยนี้ควรเน้น safe sex โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และขอให้ศึกษาวิธีการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและการป้องกันการตั้งครรภ์ฉุกเฉินไว้ด้วย และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในภาวะที่มึนเมาสุรา เพราะอาจทำให้ขาดความระมัดระวังในการป้องกันครับ

Posted by : Tannin , Date : 2003-07-04 , Time : 15:09:07 , From IP : 172.29.3.93

ความคิดเห็นที่ : 17


   การแต่งงานเป็นแค่ "พิธี" เท่านั้นเองในสายตาของผม พันธะของคนสองคนนั้นอยู่ที่ใจของคนทั้งสองมากกว่า legal binding หรือ social binding เมื่อไหร่ก็ตามที่พันธะทางใจหมดความหมาย การคงอยู่ของคู่สมรสคู่นั้นเป็นความคงอยู่ปลอมๆ เพื่อหน้าตาภายนอกหรือสังคม ที่ภายในไม่ได้มีความสุขอะไร

ผมยอมรับว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานที่สำคัญมากต่อโครงสร้างสังคม ในทำนองเดียวกับความสำคัญของศาสนาต่อจริยธรรม แต่ผมก็ไม่ได้ไหว้พระสงฆ์ทุกรูปที่ผ่านเข้ามาในสายตา พอๆกับผมไม่ได้มองเห็นการแต่งงานเป็นการการันตีอะไร เพราะวัตถุประสงค์ทั้งสองอย่างอยู่ที่ความรู้สึกและความจริง ไม่ได้อยู่ที่กฏหมาย หรือใบทะเบียน ซึ่งเป็นแค่สัญญลักษณ์เท่านั้นเอง

การมีเพศสัมพันธ์นั้นมี implication ที่สำคัญมากคือโอกาสที่จะก่อกำเนิดชีวิตใหม่ขึ้นมา (ซึ่งตรงกับ philosophy หรือ "ความหมาย" ของธรรมชาติในเรื่องนี้) นอกจากนี้แล้ว ในสภาพสังคมที่ได้มีการ adjust feeling กับการคงค่าของพรหมจารีย์ก็มีบทบาทในการกำหนด implication ของการแต่งงานให้มากขึ้นได้ เผอิญพอเราพดถึง "คุณค่า" ปุ๊บ มันกลายเป็น relative and perception ไปโดยอัตโนมัติ แปลว่าเราทุกคนไม่ได้ share คุณค่าเดียวกันก็เป็นได้

ทีนี้บทบาทของ superego จะเข้ามามีส่วนตรงนี้ได้เยอะทีเดียว ถึงแม้ว่าวัยรุ่นจะบอกว่าตนเองเป็นพวก liberal หัวทันสมัย แต่ the art of living นั้นรวมไปถึงการมี empathy หรือการ concerned ความรู้สึกของผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือ ญาติๆ

ที่สุดแล้วไม่ว่า conditions ที่ต้องมีคำว่า "ถ้า" ซักกี่มากน้อย ก็ไม่ทำให้ถึงกับ impossible ที่จะมี "acceptable" scenario ขึ้นมา ผมว่าการที่มี List of "IFs" นี่แหละที่จะ distinguish maturity และ minimise problems



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-04 , Time : 20:15:02 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 18


   แต่ปัญหาเรื่อง sex ที่เราพูดถึงอยู่นี่ กลับพบเจอได้มากมายในชีวิตจริงไม่ใช่เหรอครับ

มีเด็กวัยม.ต้น ม.ปลายเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่ก็มีน้อยรายที่มีการป้องกัน ทั้งๆที่ได้มีสื่อที่เตือนถึงภัยและปัญหาที่จะเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายในบ้านเรา

ผมเห็นเรื่อง sex เป็น ของเล่นสำคัญของคนที่ใช้เป็น และ เป็นของอันตรายสำหรับคนที่ใช้มันไม่เป็น

ผมสงสัยเรื่องการให้การศึกษามากกว่า เช่น เมื่อคราวที่มี หนังสือวัยใส ออกมา ก็มีเสียงก่นด่าดังกว่าเสียงชื่นชม
มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า ไอ้คำว่า วัฒนธรรมอันดีงาม นี่สิ กลับเป็นคำที่อันตรายมากที่สุด การเรียนรู้เรื่อง sex มันผิดต่อวัฒนธรรมข้อไหน ผมอยากรู้จริงๆ


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-06 , Time : 04:26:12 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 19


   อยากจะเดาว่า "รากของปัญหา" คือเด็กเราขาดความสามารถที่จะ take things seriously

ไม่อยากจะโทษว่าวัฒนธรรมตะวันออก แต่พวกเรามีและเน้นที่ "พิธีการ" เยอะมากเลยจริงๆ ส่วนเนื้อหาหรือประเด็นสำคัญดูจะถูกละเลยไปได้โดยง่าย การมีพิธีหารและสัญญลักษณ์ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ไม่ควรให้สิ่งเหล่านี้มาบดบังสิ่งที่สำคัญกว่า

เรื่องเพศสัมพันธ์นี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่อยู่คู่ beings มาแต่แรกเริ่ม จริงอยู่ที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย "หากไม่ได้ระวังดูแล" แต่การหลีกเลี่ยง ไม่พูดถึงมัน ไม่ศึกษามัน ไม่ respect มันอย่างที่ควรจะ deserve ผมว่าโอกาสที่ backfire จะมากกว่าเยอะ ทำไมเราศึกษา reproductive system ของสัตว์ต่างๆได้ไร้สึกอะไร แต่พอศึกษาคนกลับรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ หรือบางคนก็เกิดคึกคักเกินเหตุหยั่งกะพึ่งรู้ว่าตนเองมีเพศเป็นครั้งแรก หรือจะประกาศว่าตนเองพร้อมจะผสมพันธุ์แล้วให้โลกรู้ มันไม่พอดีๆซักที มันเป็นเพราะอะไร?

เป็นเพราะเราถูกสอนว่าเพศเป็นเรื่องน่าละอายมาแต่เด็กๆ? บางคนอาจจะถูกสอนว่าเพศเป็นเรื่องเลวทรามซะด้วยซ้ำ (Stephen King"s CARRIE popped up in my mind) เรื่องเพศและเพศสัมพันธ์รวมทั้ง consequences ของการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะรู้พอๆกับอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีโทษ ท้องเสีย อาเจียนอะไรทำนองเดียวกัน จนกว่าเราสามารถจะมองและสามารถศึกษาเรื่องเพศได้ในลักษณะคล้ายๆกัน โอกาสที่เด็กจะ explore เรื่องนี้ในลักษณะหลบๆซ่อนๆ เรียนรู้จากเพื่อนๆ (ซึ่งรู้พอๆกัน แต่อาจจะอ่านหนังสือลามกมากกว่า) ลองผิดลองถูกโดยเพื่อนพาไปก็จะยังคงเป็นเรื่องปกติในสังคม

Immediate complications จาก sexual relationship เช่น infection หรือ pregnancy นั้น หากระดับนักศึกษาแพทย์ยังมีปัญหาในการทำความเข้าใจ การให้การศึกษาเรื่องนี้ของเราน่ากลัวจะยังล้าหลังอยู่หลายปีแสง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นที่ผู้กำลังจบเป็นแพทย์ are supposed to understand and able to teach ได้แก่เรื่องปัญหาทางสังคม ความรับผิดชอบ ต่างๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-06 , Time : 14:25:01 , From IP : 172.29.3.202

ความคิดเห็นที่ : 20


   ...การมีเซ็กซ์ เป็นสิ่งจำเป็น พอๆ กับการเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ..ดังนั้นเราควรส่งเสริม ให้ มี sex กันเยอะๆ ...ใช่หรือไม่ .
.... การแต่งงาน เป็นพิธีการที่ยุ่งยาก ดังนั้น เราควรทำอะไรง่ายๆ เช่นหนีตาม กัน เลย ดี กว่า ..ไม่ยุ่งยาก ใช่หรือ ไม่
... ผมว่า พิธีการ มันมี มิติ ของมัน อยู่ ...วัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นตะวันออก หรือ ตะวันตก ก็มีพิธีการ เหมือนกัน แต่อาจแตกต่างกันที่ วิธีการ ... การแต่งงานใช่ว่าเป็นพิธี เพื่อที่จะมี sex อย่างถูกต้อง แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมากผมยังคิดว่า แนวคิดโดยรวมๆ ยังคล้ายๆกัน

โดยภาพรวม ผมยังมีความคิดว่า การมี sex ในวัยเรียน ตามนัยของการบรรลุ นิติภาวะ ทั้งทางอารมณ์ สังคม หรือ เศรษฐกิจ หรืออีคงอีคิว อะไรก็ตามแต่ ยังเป็นสิ่งไม่สมควรอยู่ดี..แต่ไม่แปลกหากจะมีการเรียนรู้เรื่องเพศ อย่างถูกวิธี โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ ...
การให้เกียรติคนรัก ...ผมว่าสำคัญครับ ..ช่วยกันเรียน ช่วยกันเป็นกำลังใจ ...แต่ไม่จำเป็นต้องลงด้วย sex เพราะ นั่นอาจ หมายถึงการเผลอใจ โดยที่นึกเอาเองว่านั่นแหล่ะคือการแสดงความรัก ...

ความคิดผม อาจจะผิด ก็ได้ .....เชิญท่านต่อไป แสดงความคิดเห็นครับ


Posted by : munich , E-mail : (mr.munich@chaiyo.com) ,
Date : 2003-07-06 , Time : 22:09:29 , From IP : 172.29.3.126


ความคิดเห็นที่ : 21


   ...การมีเซ็กซ์ เป็นสิ่งจำเป็น พอๆ กับการเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ..ดังนั้นเราควรส่งเสริม ให้ มี sex กันเยอะๆ ...ใช่หรือไม่ .
.... การแต่งงาน เป็นพิธีการที่ยุ่งยาก ดังนั้น เราควรทำอะไรง่ายๆ เช่นหนีตาม กัน เลย ดี กว่า ..ไม่ยุ่งยาก ใช่หรือ ไม่
... ผมว่า พิธีการ มันมี มิติ ของมัน อยู่ ...วัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นตะวันออก หรือ ตะวันตก ก็มีพิธีการ เหมือนกัน แต่อาจแตกต่างกันที่ วิธีการ ... การแต่งงานใช่ว่าเป็นพิธี เพื่อที่จะมี sex อย่างถูกต้อง แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมากผมยังคิดว่า แนวคิดโดยรวมๆ ยังคล้ายๆกัน

โดยภาพรวม ผมยังมีความคิดว่า การมี sex ในวัยเรียน ตามนัยของการบรรลุ นิติภาวะ ทั้งทางอารมณ์ สังคม หรือ เศรษฐกิจ หรืออีคงอีคิว อะไรก็ตามแต่ ยังเป็นสิ่งไม่สมควรอยู่ดี..แต่ไม่แปลกหากจะมีการเรียนรู้เรื่องเพศ อย่างถูกวิธี โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ ...
การให้เกียรติคนรัก ...ผมว่าสำคัญครับ ..ช่วยกันเรียน ช่วยกันเป็นกำลังใจ ...แต่ไม่จำเป็นต้องลงด้วย sex เพราะ นั่นอาจ หมายถึงการเผลอใจ โดยที่นึกเอาเองว่านั่นแหล่ะคือการแสดงความรัก ...

ความคิดผม อาจจะผิด ก็ได้ .....เชิญท่านต่อไป แสดงความคิดเห็นครับ


Posted by : munich , E-mail : (mr.munich@chaiyo.com) ,
Date : 2003-07-06 , Time : 22:10:05 , From IP : 172.29.3.126


ความคิดเห็นที่ : 22


   เอ้อ...มีการเข้าใจผิดของความหมายที่ผมพูดไปไกลพอประมาณ ขอแก้ไขนิดหน่อยนะครับ

การมีเซ็กซ์ เป็นสิ่งจำเป็น พอๆ กับการเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ..ดังนั้นเราควรส่งเสริม ให้ มี sex กันเยอะๆ ...ใช่หรือไม่ .

ผมต้องการหมายถึงเราควร "มีความรู้" เรื่องอาหารที่เรากิน พอๆกับ "มีความรู้" เรื่อง sex และ ผลของการมีเพศสัมพันธ์ อันนี้เป็นคนละเรื่องกับการพูดว่า sex จำเป็นพอๆกับอาหาร เพราะแปลว่าขาด sex แล้วตายอะไรทำนองนั้น

... การแต่งงาน เป็นพิธีการที่ยุ่งยาก ดังนั้น เราควรทำอะไรง่ายๆ เช่นหนีตาม กัน เลย ดี กว่า ..ไม่ยุ่งยาก ใช่หรือ ไม่

ไม่ได้พูดถึงความยาก ความง่ายของการแต่งงานครับ กำลังจะบอกว่าการแต่งงานไม่ได้เป็นการ "การันตี" การประสบความสำเร็จของชีวิตคู่ ความสำเร็จของชีวิตคู่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "พิธีการ" ไม่ว่าจะแต่งแบบ simpleสุดคือจดทะเบียนที่อำเภอ หรือแต่งแบบอลังการ์ ถ้าต้องการให้มีคนยอมรับ ในความคิดของผมหากพ่อแม่พยักหน้าทีเดียวก็ OK แล้ว ทีเหลือเป็นแค่กระบวนการและพิธีการแค่นั้น

... ผมว่า พิธีการ มันมี มิติ ของมัน อยู่ ...วัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นตะวันออก หรือ ตะวันตก ก็มีพิธีการ เหมือนกัน แต่อาจแตกต่างกันที่ วิธีการ ... การแต่งงานใช่ว่าเป็นพิธี เพื่อที่จะมี sex อย่างถูกต้อง แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมากผมยังคิดว่า แนวคิดโดยรวมๆ ยังคล้ายๆกัน

Exactly what Iam saying สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ได้อยู่ที่พิธีการแต่อยู่ที่ว่าพิธีการนั้นๆกำลัง represent หรือเป็น symbol ของอะไรต่างหาก symbol ของความสัมพันธ์นี้ไม่ว่าจะเป็น วัวเป็นๆตัวนึงแบบอินเดียนแดง เป็นแหวนเพชรร้อยล้านบาท มันจะ MATTER เมื่อทั้งสองคน "จริงใจ" ต่อกัน

การมี sex คงไม่ใช่ให้เกียรติหรือไม่ให้เกียรติกระมังครับ? ทำไมเกียรติของคนเราจึงถูกทำลายโดย act of love ได้? ประเด็นอยู่ที่มี sex เพราะรัก และ ความรับผิดชอบ มากกว่า มีเพศเพราะเกิดหื่นหรือหน้ามืด ไม่น่าจะเป็นเรื่องเกียรติภูมินะครับ






Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-07 , Time : 14:58:40 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 23


   วัยไหนผมไม่รู้ แต่ที่ทราบมาว่าในมอ.ตึกกิจกรรมนักศึกษาของมหาลัยใช้มากี่ปีไม่ทราบแต่ตอนที่เขามาสูบส้วม โอ้โฮถุยางเพียบ สะสมมากี่รุ่นแล้วเนี่ย

Posted by : red hot stalion , Date : 2003-07-08 , Time : 22:34:46 , From IP : 172.29.1.212

ความคิดเห็นที่ : 24


    ผมขออนุญาติแสดงความคิดเห็นครับ ผมไม่คิดว่าจะตอบคำถามคุณ Phoenix ได้หรอกครับ ผมคิดว่าคนที่จะตอบคำถามหรืออภิปรายในกระทู้นี้คงจะมีเหตุผลของตัวเองครับ แน่นอนครับว่าเกือบทุกคนคิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง คนที่ต้องการมีหรือมี sex ในวัยเรียนก็จะให้เหตุผลว่าไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย และไม่เสียการเรียนครับ กลุ่มที่บอกว่าไม่อยากให้มีก็จะให้เหตุผลว่าทำให้การเรียนรวมทั้งอนาคตเสียไป ผมคิดว่าอยู่ที่ผลของการกระทำดังกล่าวมากกว่าครับ ไม่มีใครทราบได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากแต่เราต้องคิดและพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงผลดีผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ผมขอเปรียบเทียบกับการค้าขายครับหากเราคิดว่าผลดีมีมากกว่าผลเสียนั่นหมายถึงได้กำไรครับ แสดงว่าน่าจะลองทำดูใช่มั้ยครับ หากเราพิจารณาเลือกทางแล้วไม่เกิดปัญหาขึ้นก็แล้วไป แต่หากเกิดปัญหาเราก็ต้องมาคิดวิธีแก้ป้ญหาอีกครับ เราคงไม่มาคิดว่าไม่น่าเลือกทางนี้เลย หรือถ้ารู้อย่างนี้ไม่ทำดีกว่า ผมคิดว่ามนุษยเรามีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาต่างๆได้ หากเพียงแต่เราคงต้องใช้ปัญญาในการคิดเท่านั้นครับ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะบอกว่าการมรหรือไม่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี เพราะมันคงไม่มีคำตอบที่เป็นมาตรฐานของสังคมครับ สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่เราต้องรู้จักคิดโดยใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ดีครบ

Posted by : free bird , Date : 2003-07-10 , Time : 14:37:50 , From IP : 172.29.1.172

ความคิดเห็นที่ : 25


   ผมคิดว่าคำถามหรือกระทู้ชุดนี้ค่อนข้างมีนัยสำคัญต่อนักศึกษาแพทยศาสตร์

ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่ผมคิดว่าบทบาทและความต้องการของคุณภาพของนักศึกษาแพทย์นั้นสูงกว่าอาชีพอื่น สูงกว่าในที่นี้หมายถึงความ serious รุนแรงเมื่อมีการ "ด้อยมาตรฐาน" เกิดขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วอัตราเสี่ยงของ model รุ่นผิดพลาดต่อ customer นั้นทั้งมากกว่าและน่ากลัวกว่า

ประเด็นเรื่องนี้จริงๆแล้วคือการอภิปรายเป็นนัยถึง maturity ของนักศึกษาเรานั่นเอง อย่างที่เคยกล่าวไว้ถึงบัณฑิต; ความรู้ การแสดงออกงามทั้งกายวาจาใจ และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม; เป็นสามประการของบัณฑิตทุกคณะ แต่คณะแพทย์นั้นมี dimension ด้าน depth มากกว่า

ไม่ได้พยายามจะพูดว่าการที่นศพ.ควรจะมี maturity สูง เลยมีผลทำให้เป็นนโยบายให้นศพ.มี sex กันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่ผมกำลังหวังว่าระบบความคิดและการแปลผลดัดแปลงไปสู่การปฏิบัติจริงในเรื่องนี้ของ นศพ.น่าจะเป็นในรูปที่เรามีความรู้พื้นฐานมากกว่า มี maturity แล้ว และสามารถ make decision ได้อย่างคนที่ mature แล้วจริงๆ เรื่องนี้จะเป็น individual มากกว่า generalizing ให้ นศพ.ทั้งหมด

ผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่งของ Dr Love เรื่อง Breast แพทย์ผู้เขียนเรื่องนี้ได้กล่าวอย่างน่าสนใจว่า Breast self-exam นั้น อาจจะเป็น Miss-nomer or miss-leading term เพราะจริงๆแล้วไม่ใช่การตรวจเพื่อหามะเร็ง (ซึ่งจะมีผล psychic ว่าเรากำลัง "ลุ้น๑ หามะเร็งจากอวัยวะปกติ) แต่เป็นการทำตนให้คุ้นเคยกับอวัยวะหนึ่งของร่างกายมากกว่า นศพ.จะต้องสามารถอภิปรายเรื่อง sex ทั้ง anatomy and physiology ได้โดยฉาดฉาน และ objectively และอีกไม่นานเรากำลังต้องให้คำแนะนำแก่ชาวบ้านจริงๆว่า BSE (breast self-exam) นั้นเพื่ออะไร และอาจจะเกิดความรู้สึกอย่างไรบ้างขณะที่ตรวจ และสามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดปกติ หรือปกติที่เกิดความรู้สึกเหล่านั้น



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-11 , Time : 01:56:19 , From IP : 172.29.3.228

ความคิดเห็นที่ : 26


   มีเกร็ดเล็กๆของ นศพ.
- นศพ.หญิงหลายคน(เยอะพอดู) ไม่รู้ว่าการมี sex ของมนุษย์ เขาทำอย่างไร ทั้งๆที่ผ่านการเรียน sex physiology มาแล้วแท้ๆ
- นศพ.ชาย ไม่กล้าตรวจร่างกายคนไข้หญิง(ทำตัวไม่ถูกและก็ไม่กล้า)
อืม เดี๋ยวก็เรียนรู้กันเอาเองล่ะครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-11 , Time : 14:45:48 , From IP : 172.29.3.210

ความคิดเห็นที่ : 27


   การสรุปของคุณ ArLim จำเป็นต้องเอาปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมประเพณีมาประกอบด้วย ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกครับอยากจะแสดงความรู้ด้านนี้ว่ารู้มากขนาดไหนในที่สาธารณะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจจะรู้มากกว่าคุณ ArLim เองหลายเท่าก็เป็นได้

ประเด็นที่สองเป็นไปได้ ทั้งนศพ.ชายและหญิงเวลาตรวจเพศตรงกันข้าม ทั้งนี้เป็นเพราะวัฒนธรรมที่เห็น sex เป็นเรื่องต่ำช้าเลวทรามหรือน่าละอายนั่นเอง ทั้งๆที่ผู้ป่วยก็ยอมปลด barrier ดังกล่าวออกแล้ว ปรากฏว่าหมอยังแบกแอกไว้อยู่ เรื่องนี้ต้องแก้ที่ attitude



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-11 , Time : 15:18:11 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 28


   แล้วถ้าเป็นไปได้ว่า เขาไม่รู้เรื่องจริงๆเลย (เนื่องจากทางบ้านปิด โรงเรียนก็ปิด สังคมก็ปิด) คุณ Phoenix คิดว่าเรื่องนี้มีผลอย่างไรล่ะครับ
เอ.. ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมเพศศึกษาของไทยในสมัยก่อน(ที่จะมีหนังสือโป๊ให้เด็กผู้ชายแอบอ่าน)จะเป็นอย่างไร ใครอยู่ในวัยนั้นช่วยเล่าให้ฟังกันหน่อยได้ไหมครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-12 , Time : 12:25:25 , From IP : 172.29.3.203

ความคิดเห็นที่ : 29


   คุณ ArLim คิดว่า ในปัจจุบัน บ้าน โรงเรียน และสังคม ของนศพ.หญิงของไทยเปิดหรือปิดครับ? คุยกับนศพ.ตอนทำ PBL มา กิจกรรมยามว่างส่วนใหญ่ออกไปทาง surf the net อ่านหนังสือ ดูทีวี คุณ ArLim พอจะ speculate ได้ไหมครับว่า exposure ของนักศึกษาในปัจจุบัน กับ sexual-related material เป็นอย่างไร



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-12 , Time : 13:03:06 , From IP : 172.29.3.227

ความคิดเห็นที่ : 30


   ขอเล่าเรื่องน่าคิด ของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งให้ฟังเป็นข้อคิด คือมีเพื่อนสมัยเรียนม.ปลาย ซึ่งหน้าตาหล่อเหลามาก คิดดูเถอะ ว่าตอน ม.3 ก็มีแมวมองมาติดต่อให้ไปลองถ่ายรูปที่สตูดิโอของเธอกับฉันแล้ว.. สมัยนั้นดังแล้วน่ะ... เค้า คู่ควงเยอะมาก สาวเยอะจริงๆ ล่าสุด โทรมาปรึกษาใหญ่เลยว่าไม่กล้า มีภรรยา เพราะรู้สึกว่าคนที่จะมาเป็นภรรยาตัวเองต้องเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาคนที่มาเป็นคู่ควงของเค้าไม่นานก็จะไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป.. เค้าบอกว่าไม่อยากได้เมียของคนอื่นมาเป็นเมียตัวเอง และจนบัดนี้เค้าก็ยังไม่กล้าจะลงเอยแต่งงานกับใครเสียทีด้วยเหตุผลประการฉะนี้เอง... เพราะฉะนั้นหากใครคิดจะมีsexก่อนแต่งงานก็ต้องยอมรับด้วยนะว่ามันก็ยากเหมือนกันที่คุณจะควานหาคนที่vergin เหมาะกับคุณ นอกจากคุณจะยอมรับได้จริงๆว่าคุณไม่ถือที่จะมีภรรยาทีเคยมีsexกับชายคนอื่นมาก่อน

Posted by : After noon , E-mail : (....) ,
Date : 2003-07-14 , Time : 22:09:40 , From IP : 172.29.3.192


ความคิดเห็นที่ : 31


   ผมคิดว่า sexual-related material มันมีหลายระดับครับ ทั้งทีวี หนังสือ และ internet ต่างก็มีข้อมูลทางด้าน sex อยู่อย่างลึกซึ้งและฉาบฉวย นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะมีโอกาสหรือขวนขวายที่จะรับรู้ข้อมูลได้แค่ไหน
อีกอย่าง ถ้าหากถูกปลูกฝังให้เรื่อง sex เป็นเรื่องที่ไม่ดี น่ารังเกียจ โอกาสที่จะให้ตัวเอง touch กับเรื่องที่ไม่ดีก็ยาก ยกเว้นว่าจะเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นอยากลอง ก็จะได้โอกาสนี้ไป
ดีไม่ดีก็อีกเรื่องล่ะครับ ผมว่าเด็กส่วนใหญ่ต่างก็คลำทางเรื่อง sex เอาเองกันทั้งนั้น

คุณ After noon ครับ แล้วคุณมีความเห็นกับเรื่องที่คุณเล่าอย่างไรล่ะครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-14 , Time : 22:57:59 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 32


   อ่านเรื่องของคุณ After Noon แล้วรู้สึกผสมผสานต่อเพื่อนคุณคนนี้มาก

First คนๆนี้มีปัญหาเรื่อง relationship อย่างแน่นอน นั่นคือเขาดูถูกผู้หญิงที่เขานอนด้วยทุกๆคน การที่มนุษย์คนหนึ่งรู้สึกอย่างนี้ได้ เขาคนนั้นกำลัง degrade ความเป็นมนุษย์ของตนเองไปพร้อมๆกัน ในบรรดา "คู่นอน" ที่ผ่านมา หมอนี่ไม่เคยสำเนียกแม้แต่ครั้งเดีวว่ามีคนที่หวังจะจริงจังกับเขา แต่กลับมองเป็นความง่าย และกลายไปเป็นไม่สมประกอบที่จะมาเป็นคู่ครอง

Second, การที่เขาโทรมาปรึกษาคุณ After noon ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขา "กลัว" จริงๆ หรือ เป็นรูปแบบหนึ่งของการคุยโม้ว่าเขา "ได้" ผู้หญิงทุกคนที่อยาก จนกระทั่งไม่แน่ใจว่าใครจะ "ดีพอ" เป็นการกำเริบไปอีกระดับหนึ่งของ relationship flaws ของเขา จะมีอีกกรณีหนึ่งก็คือ Reputation ของเสือผู้หญิงหรือตัวจริงของเขาเปนที่รู้กันทั่วไปจนไม่มีคนดีๆอยากจะมาเกี่ยวข้องด้วยอีกต่อไป ก็เลยกลายเป็น Denial ปฏิเสธความจริง พยายามรักษา "ฟอร์ม" กว่าที่จะยอมรับว่าผู้หญิงดีๆทุกคนทราบว่าเขานั้นป็นแค่มนุษย์ผู้หื่นในกามและหยามผู้หญิงเท่านั้น

Relationship ต้องเริ่มต้นจากความเคารพนับถืออีกฝ่ายหนึ่งก่อน ยุคสมัยนี้เราจะหา Inferior race หรือ "สอยก้นไว้ใช้" อย่างก่อนสมัยเลิกทาสนั้นยากแล้ว ถ้าหาได้ก้ได้คุณภาพอย่างที่ได้นั่นแหละ คนที่แวดล้อมที่เหลืออยู่คือคนที่เห็นดีงามกับพฤติกรรมและค่านิยมเหมือนๆกัน มันจะมีคนดีมีการศึกษาไปได้อย่างไร



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-17 , Time : 00:39:26 , From IP : 172.29.3.223

ความคิดเห็นที่ : 33


   จะถามว่าอะไรล่ะครับ มันเรื่องธรรมดา ผมมีเซ็กส์ตั้งแต่วัยเรียน ตอนเอ็นท์ติดใหม่ๆ แบบว่า บรรยากาศ ก่อนจากกันตอน ม. 6 ไง
เข้ามหาลัยก็มีอีกหลายครั้ง หมายถึงกับการซือบริการ
กับ คนรักของตัวเอง ไม่ขอเอ่ยถึง แต่มันก็เรื่อง ธรรมดา สนุกดีออก
เพื่อนผมหลายคนมันก็มีอะไรกับแฟนกันตั้งแต่สมัยเรียน บางคนก็แต่งงานกัน บางคนก็เลิกกัน นี่ยังไม่นับคนที่ท้อง คลอดระหว่างเรียน ตอนนี้ ก็เห็นมีความสุขกันดี ประสา พ่อ แม่ ลูก และอย่ากรุณาจุดประเด็นเรื่อง การทำแท้ง นะครับ มันคนละเรื่องกัน เพราะผมกะลังจะบอกว่า เซ็กส์ระหว่างเรียน เป็นเรื่องของความพอใจของแต่ละบุคคล ตราบเท่าที่มีการคุมกำเนิด ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันโรคและการตั้งครรภ์


Posted by : โซดา โค้ก , Date : 2003-07-17 , Time : 22:48:11 , From IP : ip-n-bkkSP3-187.C.lo

ความคิดเห็นที่ : 34


   อย่างว่าตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ มันเป็นเรื่องของ maturity และความสามารถในการรับผิดชอบกับสิ่งที่ "อาจจะ" เกิดขึ้น

อืม....จบ มอ.หกเดี๋ยวนี้มันอายุเท่าไหร่กันนะครับ? ผมคำณวนไม่ใคร่ถูกแล้ว ผมพอจะเข้าใจว่าการใส่ถุงยางป้องกันโรคและการตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่ใช่ 100% หรอกนะครับทั้งสองประการ สิ่งที่สำคัญคงจะเป็นประเด็นที่ห้ามจุดประเด็นนั่นแหละครับ คือถ้าพลาดแล้วจะทำอย่างไร มีความรับผิดชอบเพียงไหน อะไรคือทางออก อะไรคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตสำหรับทุกๆคน

Hedonism หรือ ลัทธิสุขนิยม (ทำได้ตามใจคือสุขแท้) นั้นตั้งอยู่บน slippery slope ครับ บางคนก็เดินได้ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น แต่พลาดทีมันลื่นไกล mechanism ในการ COPE ของวัยรุ่นนั้นไม่แน่นอน (ถ้าผ่านจิตเวชกับอ.อานนท์มาแล้วก็จะทราบเรื่องนี้) และ crisis taking หรือ coping นั้นน่าหวาดเสียวในหมู่วัยรุ่น เพราะประสบการณ์ (ที่วัยรุ่นทุกคน "ทราบว่า" ตนเองมีมากมายเหลือคณานับ และ "ถูกต้อง" กว่าผู้ใหญ่ทุกคนใน vicinity) อันจำกัด

หัวโบราณอย่างผมอาจจะบอกว่า คุมกำเนิด ถุงยาง สองอย่างนี้ ไม่ใช่ไฟเขียวสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ความรู้ และเจตคติเป็นของสำคัญกว่านั้นเยอะ อาจจะไม่ใช่สำหรับตัวบุคคล แต่สำหรับ Fabric of society SEX นั้นมีอะไรๆมากกว่า "สนุก" เยอะ เป็นหนึ่งใน instinct ที่ผมเชื่อว่า encoded อยู่ใน genes ของเราทีเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่เราประมาทหรือมองไม่เห็นด้านลึกหรือความนัยของมันแล้ว โอกาสที่สังคมจะเต็มไปด้วย "ความตื้น" การมีนิยามของ "๕วามสุข" อยู่ที่ความสนุกชั่วแล่น ซึ่งไม่ค่อยเป็นรากฐานที่มั่นคงเท่าไหร่ ในความเห็นของผมสำหรับ generation ต่อๆไป



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-17 , Time : 23:53:27 , From IP : 172.29.3.207

ความคิดเห็นที่ : 35


   จบม.6 เดี๋ยวนี้ก็อายุประมาณ16-17 ล่ะครับ เพิ่งทำบัตรประชาชนได้ปีสองปีเอง

คุณ Phoenix คาดหวังอยากให้ วัย premature เขามีอะไรล่ะครับ ถ้าเป็นอย่างคนข้างบนเขาว่า คุมกำเนิด ใส่ถุงยาง ป้องกันโรค แค่นี้ก็คงถือว่า ดีเหลือหลายสำหรับวัยนี้แล้วกระมัง


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-18 , Time : 03:25:25 , From IP : netturbo5.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 36


   มีได้ก็มีไปเถอะ ระวังกันดีๆละกัน วัยนี้วัยเจริญพันธ์นะ ทำเป็นว่าไม่ยอมมี sex กับเพศตรงข้ามนานๆ (กว่าจะจบก็ 24) มันก็เลยกลายเป็น...กันหมดน่ะซี่

Posted by : ป ปลา , Date : 2003-07-27 , Time : 14:37:07 , From IP : 192.168.41.197

ความคิดเห็นที่ : 37


   คุณหัวโบราณเนี่ยไมม่ทราบว่า กว่าจะถึงวันที่เหมาะสมเนี่ย ได้ไปให้ใครหรืออะไรที่ไหนช่วยพลางๆล่ะครับ ห้องขางๆเหรอ

Posted by : oho , Date : 2003-07-27 , Time : 14:39:10 , From IP : 192.168.41.197

ความคิดเห็นที่ : 38


   คุณ ArLim ครับ ผมคงจะไปบอกเด็กวัยรุ่นให้เชื่อไม่ได้หรอกครับว่าแค่ไหนเขาควรจะคิดว่าดี หรือ ดีเหลือหลาย มันเป็น Attitude ที่สั่งสมมาจากหลาย sources กลั่นออกมาเป็นข้อสรุปของปัจเจกบุคคล

คนเรานั้นมี Choices ครับที่จะเลือกทำอะไรหรือไม่ทำอะไร บางทีประสบการณ์ก็ช่วยให้มี choices มากขึ้น ทำให้การตัดสินใจดูจะรอบคอบระแวดระวังกว้างขวางครอบคลุมมากขึ้นด้วย ปัญหาของวัยรุ่น (หรือวัยอะไรก็แล้วแต่) ขึ้นอยู่กับปริมาณของ choices นี่เองว่าเขาสามารถจะ list options ได้แค่ไหน ก็เห็นตัวอย่างอยู่รอบๆตัวเรานี่เองว่าใครจะเลือกอะไร เพราะคิดว่าถ้าไม่อย่างนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ Abstinence นอกนั้นแล้วไม่มีอันไหนที่เป็น 100% ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับ choices ที่ว่า "ถ้าพลาด" แล้วแต่ละ Individual จะทำอย่างไร การทำ abortion ดูจะ simple มากถ้าไม่คิดว่านั่นคือการฆ่าเด็ก ขณะที่แพทย์ยอมรับ therapeutic abortion แต่ abortion for convenience of teenagers นี่น่าคิดในแง่จริยธรรมเหมือนกัน ถ้าไม่ทำ Abortion แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างที่ควร ก็จะเป็นการ condemn ชีวิตอีกทั้งชีวิตที่ต้องเติบโตโดยขาดสิ่ง support ที่สำคัญไปตั้งแต่เกิด

เรื่องของเรื่องคงจะเป็น choices และถ้าอะไรเกิดจะทำอย่างไรแค่นั้นแหละครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-27 , Time : 22:35:28 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 39


   สิ่งทีทำให้ choice ในเด็กแต่ละคนต่างกันมันขึ้นอยู่กับการเรียนรู้
และผมว่าประสบการณ์สำเร็จจากผู้ใหญ่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่าให้เด็กหาประสบการณ์เอาเองนะครับ
ในความเห็นผม คิดว่าความสำคัญในเรื่องนี้ น่าจะเป็นการเปิดกว้าง ยอมรับ และให้ความรู้กันในครอบครัวนะครับ

ผมไม่หวังอะไรกับครูที่โรงเรียนหรอกครับ


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-28 , Time : 19:05:56 , From IP : dial-13.ras-2.ska.s.

ความคิดเห็นที่ : 40


   คำสอนที่บ้านขึ้นอยู่กับค่านิยม แต่คำสอนที่โรงเรียนขึ้นอยู่กับ artificail policy ซึ่งอันหลังนี้กำหนด norm ได้ง่ายกว่านะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-28 , Time : 20:07:34 , From IP : 172.29.3.247

ความคิดเห็นที่ : 41


   การกำหรดpolicy สำหรับโรงเรียนนั้นคงง่ายกว่าเปลี่ยน norm ในครอบครัวก็จริง
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ครูอาจารย์ในโรงเรียนก็เอา norm ของตัวเองมากำกับอีกทีไม่ใช่หรือ
และบางครั้ง policy ก็ตีความกันไม่ถูกด้วย ดูอย่าง child center นั่นปะไร


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-29 , Time : 18:46:54 , From IP : dial-121.ras-2.ska.s

ความคิดเห็นที่ : 42


   เอ้อ...เราต้องพยายาม keep ประเด็นหน่อยจากจุดเริ่มต้นเวลาอภิปรายนะครับ

ผมเข้าใจว่าเราจะเปรียบเทียบกระบวนการแนะนำ sexual education แก่เยาวชน ปัญหาเริ่มต้นคือผู้ใหญ่เองก็ยังมีทัศนคติทะแม่งๆอยู่ คุณแนะนำให้ใช้การเริ่มต้นจากครอบครัว แต่ attitude ของครอบครัวนั้นผมว่ายากมากที่จะ manipulate โดย policy maker ส่วนสถาบันที่สอนอบรมเด็กนอกเหนือจากที่บ้านนั้นได้แก่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั้นแตกต่างกัน เพราครูเป็นลูกจ้างที่สามารถถูกประเมิน และต้องปฏิบัติตาม policy ของผู้ว่าจ้าง ยอมรับว่าคงจะมีบางคนที่ไม่ทำตาม แต่ก็ยังง่ายกว่าการไปกำหนดให้ผู้ปกครองที่บ้านซึ่งเราไม่มี mechanism ที่จะ manipulate โดยตรงเลย

ส่วนการกำหนด policy ผิด หรือเข้าใจผิดนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกระบบ ถ้ามันมีผลต่อโรงเรียนได้ ผู้ปกครองที่บ้านก็เข้าใจผิดได้ ฉะนั้น "ความเข้าใจผิด "ไม่มี discrimination effect แตกต่างกันต่อระบบใดระบบหนึ่งโดยเฉพาะ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-07-29 , Time : 19:05:18 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 43


   โอเคครับ เริ่มจะหลงไปหน่อย
อืม แล้วเราจะเริ่มต้นอย่างไรกันดีล่ะครับ ในบทบาทของแพทย์ และสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว


Posted by : ArLim , Date : 2003-07-30 , Time : 02:57:06 , From IP : dial-121.ras-2.ska.s

ความคิดเห็นที่ : 44


   ผมคงไม่กำหนดเป็น guideline หรอกนะครับว่า แพทย์หรือใครหรือคุณ ArLim ควรจะทำอย่างไร

สำหรับสมาชิกของครอบครัวก็เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวนั้นๆ ที่จะใช้ความเชื่อ ศาสนา norm taboo ฯลฯ มาใช้ ผมเชื่อว่า "เจตนา" ที่ดี นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอยู่แล้ว no matter what concept is จะโดนก็พวก extreme จริงๆที่อาจจะต้องปรับแต่ง

สำหรับแพทย์ หน้าที่ของเราต้องแสวงหาความรู้ที่ update and effective ที่สุดเพื่อนำมาแนะนำผู้ป่วย ความรู้มันแปรผันไปกับสังคม knowledge อะไรๆมากมาย ปัญหาเรื่องนี้เป็น integration of medical knowledge and psycho-social problems ก็คงต้องอ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ เอามา elaborate and scrutinize เป็นองค์ความรู้ต่อไปล่ะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-01 , Time : 00:34:22 , From IP : 172.29.3.196

ความคิดเห็นที่ : 45


   Sex คือสันดานของมนุษย์ครับ คนไทยปกปิดกันมานาน เมื่อเข้าสู่โลกที่เปิดกว้าง
เห็นคนอื่น(ประเทศบางประเทศ)เค้าเห็นเป็นเรื่องปกติ โดนกลืนวัฒนธรรมกันหมดแล้ว ทั้งสื่อทางทีวี หนังสือ โทรทัศน์ ไปเอาแบบเขามาได้ ไฉนเรื่องSex ยังมีคนที่ไม่ยอมรับความจริงยังหลงเหลืออยู๋ได้ ต่อไปถูกกลืนชาติแน่ๆไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมมันก็พวกหัวโบราณนะแต่เรื่องSexเนี่ยมองว่ามันปกติครับ เป็นสันดานโดยแท้ของสิ่งมีชิวิตทุกชนิด


Posted by : คนขวางโลก , Date : 2003-08-01 , Time : 03:53:25 , From IP : dial-77.ras-2.ska.s.

ความคิดเห็นที่ : 46


   เรียนคุณคนขวางโลกครับ เราไม่ได้อภิปรายว่าเรื่อง sex เป็นเรื่องผิดธรรมชาติหรือไม่เป็นจริงหรืออย่างไร แต่หัวข้อคือ "การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน" ประเด็นเรื่องการกลืนวัฒนธรรมนั้นน่าสใจครับ น่าจะยกสาธกหรือจำเพาะเจาะจงเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อย



Posted by : Phoenix , Date : 2003-08-03 , Time : 21:06:00 , From IP : 172.29.3.223

ความคิดเห็นที่ : 47


   วัยรุ่นสมัยนี้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเป็นเรื่องที่ในกลุ่มวัยรุ่นเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่หน้าอายแต่คุณคิดหรือไม่ว่ามันเป้นปัญหาใหญ่ของสังคม ตอนนี้ประเทศไทยมีวันรุ่นที่ติดเชื้อเอดส์เป็นอันดับหนึ่งของโลก

Posted by : sarapao , Date : 2005-10-27 , Time : 15:29:26 , From IP : 61.19.31.50

ความคิดเห็นที่ : 48


   เรื่อง sex เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ในวัยเรียนครับ


Posted by : กิตติภูมิ , E-mail : (kittipoom_747@hotmail.com) ,
Date : 2005-11-08 , Time : 19:16:06 , From IP : p41-adslsnilf1.S.csl


ความคิดเห็นที่ : 49


   ต่อ เพราะมันจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย

Posted by : -กิตติภูมิ , E-mail : (-) ,
Date : 2005-11-26 , Time : 06:16:47 , From IP : 203.113.77.73


ความคิดเห็นที่ : 50


   กำลังเขียนหนังสือเกียวกับพฤติกรรมการมีเพศสัมพันในวัยเรียนอยู่เรย กำลังศึกษาและหาข้อมูลอยู่ ที่เลือกเรื่องนี้มาเขียนเพราะคิดว่าน่าสนใจดีและที่สำคัยอยากรู้ว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยส่วนตัวคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนกลายเป็นค่านิยมไปแล้วจะด้วยเป็นไปตามกลไกธรรมชาติที่ถึงวัยเจริญพัน หรือเพราะการเสื่อมถอยทางวัฒนธรรมก็ตามที

Posted by : ปอนด์ , Date : 2006-01-10 , Time : 10:22:52 , From IP : ip1684-45.cc.psu.ac.

ความคิดเห็นที่ : 51


   คิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยเพราะจะเกิดปัญหามากมายควรจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนจะดีกว่า

Posted by : สกาย , Date : 2006-02-11 , Time : 10:29:15 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 52


   เชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีใครผ่านสิ่งนี็้้้้้้้้ไปได้ มันจะมาหาเองเมื่อถึงเวลาอันสมควร ตั้งใจเรียนกันดีกว่านะคะ

Posted by : สกาย , Date : 2006-02-11 , Time : 10:31:29 , From IP : 203.113.71.169

ความคิดเห็นที่ : 53


   หนูคิดว่าทำไปก็มันดีนะคะ ตอนนี้หนู อายุ 15 หนูก็มี sex กับเพื่อนชายในห้องตั้ง 5 ครั้ง หนูเห็นว่าทำไปก็ดีเหมือนกันนะค่ะ

Posted by : แพร , Date : 2006-05-10 , Time : 10:11:17 , From IP : ppp-124.121.6.240.re

ความคิดเห็นที่ : 54


   หนูคิดว่าทำไปก็มันดีนะคะ ตอนนี้หนู อายุ 15 หนูก็มี sex กับเพื่อนชายในห้องตั้ง 5 ครั้ง หนูเห็นว่าทำไปก็ดีเหมือนกันนะค่ะ

Posted by : แพร , Date : 2006-05-10 , Time : 10:11:37 , From IP : ppp-124.121.6.240.re

ความคิดเห็นที่ : 55


   ผมเงี่ยนเหลือเกินคับ ไม่ไหวแว้วชักเว้าทุกวันเลยนะ

Posted by : ก้อง , Date : 2006-05-14 , Time : 11:49:20 , From IP : 202.129.5.206

ความคิดเห็นที่ : 56


    ตอนนี้กำลังเสียใจกับคนบางคนที่เคยไว้ใจ
แต่เพราะบรรยากาศพาไปทำให้มีเซ็กซ์กัน
แล้วตอนนี้เราก็มารู้ว่าเค้าคนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว
เค้าบอกว่าไม่ได้คิดกับเราแบบแฟน
เสียใจแต่ว่าคนที่ไม่ใช่ก็ไม่ใช่
ไม่เคยคิดจะรั้งไว้
แต่มันทำใจได้ลำบากเหมือนกัน


Posted by : rasita , Date : 2006-05-28 , Time : 14:51:04 , From IP : 203-150-132-19.inter

ความคิดเห็นที่ : 57


   เราว่าคนที่แต่งงานแล้วจะมีนั้นไม่แปลกหรอกค่ะ แต่หากยังไม่แต่งแล้วมีเซ็กซ์ เราว่าคิดถึงคนที่คุณจะต้องแต่งงานด้วยคนที่เป็นคนสุดท้ายของคุณซิคะ ว่าเขาคนนั้น "คิดอย่างไร"

Posted by : ปีกแห่งความฝัน , Date : 2006-06-23 , Time : 18:18:16 , From IP : 58.147.122.216

ความคิดเห็นที่ : 58


   ควย

Posted by : ควย , E-mail : (tgdryhtjhy) ,
Date : 2006-06-26 , Time : 05:06:29 , From IP : 58.147.5.100


ความคิดเห็นที่ : 59


   สาด

Posted by : ควย , E-mail : (tgdryhtjhy) ,
Date : 2006-06-26 , Time : 05:06:43 , From IP : 58.147.5.100


ความคิดเห็นที่ : 60


   หี

Posted by : ชายน้อย , E-mail : (kawin_123@hotmail.com) ,
Date : 2006-09-13 , Time : 16:27:27 , From IP : ppp-124.120.82.163.r


ความคิดเห็นที่ : 61


   ผมเห็นว่า sex เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งของชีวิตคู่ หรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างมนุษย์คู่หนึ่ง (จะชายกับหญิงหรือชายกับชายก็ไม่ได้แยก ณ ที่นี้)
คนหลากหลายคิดถึงเรื่อง sex ต่างกันไป ถ้าดูในมุมของผู้ที่สามารถรับผิดชอบชีวิตตนเองและผู้อื่นได้แล้ว sex จะมีความหมายอย่างไรบ้าง
...ความสุขทางกายชั่วครั้งคราว
...ความสุขทางกายและทางใจชั่วครั้งคราว
...ความสุขทางกายและทางใจแบบยาวนาน
ถ้าคนที่เห็นความหมายของ sex เหมือนกัน ก็คงจะมี sex ด้วยกันได้ดี แต่หากต่างคนมีความหมายที่ต่างกัน ผลหลังจาก sex ก็คงจะเป็นความทุกข์ของอีกคนและปัญหาของอีกหลายคน

สำหรับ "วัยเรียน" (หรือในนัยว่าวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและขอตังค์พ่อแม่กิน) sex คงเป็นแค่ความสุขทางกายชั่วครั้งคราว แต่ด้วยการที่ไม่ใช่แค่ว่ามี sex แล้วจะจบไปเฉยๆเหมือนจับมือหรือจ้องตากัน ปัญหาของ sex คือ การตั้งครรภ์,โรคติดต่อ,ความหึงหวง,ความไม่สบายใจ,sex ที่ไม่มีวันเป็นสิ่งดีๆ ฯลฯ (ไม่ได้เรียงตามความรุนแรงของปัญหา)

หาก"วัยเรียน"ไม่ได้เรียนเรื่อง "sex"ด้วยดี ก็คงติด "E"วิชา "sex" ต่อไปอีกนาน




Posted by : ออย , E-mail : (film_1869@hotmail.com) ,
Date : 2006-10-07 , Time : 10:14:53 , From IP : 202-133-154-29.stati


ความคิดเห็นที่ : 62


   การมีsexในวัยเรียนนั้นไม่แปลกแต่เรามีsexในวัยเรียนถึง4คนคนที่1เรามีประมาณ5ครั้งคนที่2มีประมาณ4ครั้งคนที่3มีประมาณ6ครั้งและคนที่4มีมากหน่อย7ครั้งและตอนนี้เรายังมีsexกันอยู่

Posted by : เพ็ญศรี , Date : 2006-10-29 , Time : 21:22:47 , From IP : 203.113.71.164

ความคิดเห็นที่ : 63


   การมีเซ็กซ์นั้นมันมากหนูชอบสนใจติดต่อได้น่ะค่ะ[ชอบอันใหญ่ๆย้ำอันใหญ่ๆ]

Posted by : nan chana , E-mail : (@nan@.com) ,
Date : 2007-02-20 , Time : 15:55:11 , From IP : 125.26.30.229


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.022 seconds. <<<<<