จริงเท็จอย่างไร
วิชัย ทองแตงชี้ปี49ธุรกิจรพ.คึกคัก
นายหญิง ขอมีเอี่ยว Medical Hub!
หนึ่งในหลายนโยบาย หลากโครงการต่างๆที่ถูกจับตานั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการประกาศปลุกปั้นให้ไทยก้าวขึ้นมาสู่ ศูนย์กลางการบริการสุขภาพแห่งเอเชีย หรือ Health Hub of Asia ในปี2546 ของรัฐบาลนั้นกลับพบว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีหุ้นโรงพยาบาลพระรามเก้าอยู่ในมือ ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับที่ วิชัย ทองแตง อดีตทนายคดีประวัติศาสตร์ ซุกหุ้น ได้พลิกบทบาทจากทนายความมาสู่เจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง เพื่อนำมาปัดฝุ่นตบแต่งเพื่อรอเข้าร่วมขบวน ฮับสุขภาพแห่งเอเชีย ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้ง คุณหญิงพจมาน และวิชัย นั้นต่างๆเข้ามาถือหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนระดับชั้นนำก่อนหน้าที่รัฐบาลจะผุด Health Hub of Asia
การบริหารจัดการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนหลายปีที่ผ่านมามีการทำตลาดเชิงรุก เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนต่างๆเหล่านั้น ไม่เพียงแต่แข่งขันเพื่อดึงส่วนแบ่งในตลาดลูกค้า แต่ยังต้องการที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็น Medical Hub ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3กลุ่มธุรกิจสุขภาพ ที่รัฐบาลจะเร่งพัฒนา ประกอบด้วย Health Service , Health Product และ Medical Hub โดยที่ธุรกิจทั้ง3 ด้านนั้นจะต้องได้รับการผลักดันให้เป็น ศูนย์กลางการบริการสุขภาพแห่งเอเชีย ในปี2551 โดยมีกระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่เป็นแม่งานหลัก
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำหลายแห่งต่างปรับกลยุทธ์การบริหารและบริการซึ่ง โรงพยาบาลใดมีจุดแข็ง ความเป็นเลิศด้านใด ต่างนำมาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างคึกคัก รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนจำนวนหลายแห่งที่วิชัย ทองแตง ไปกว้านซื้อมาพัฒนาไว้แล้วเช่นกัน
หลายปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง พากันปรับตัวและแข่งขันกันค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น บำรุงราษฎร์ หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ ส่วนของเราโรงพยาบาลพญาไท ยังอยู่ในช่วงของการปรับตัว และเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ แน่นอนว่าเราก็มีเป้าหมายที่ร่วมเป็นหนึ่งในนโยบายศูนย์กลางการแพทย์แห่งภูมิภาค ตามนโยบายรัฐบาล
วิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ เครือโรงพยาบาลพญาไท ได้บอกกับผู้จัดการรายสัปดาห์ ว่า ภายหลังจากโรงพยาบาลพญาไท ได้ปรับปรุงงานในด้านต่างๆแล้ว จะผลักดันโรงพยาบาลสู่การเป็น Medical Hub โดยทางโรงพยาบาลมีแผนงานที่สอดคล้องกับนโยบายในด้านดังกล่าวของรัฐบาลอยู่แล้ว
ขณะที่เรากำลังปรับปรุงงานด้านต่างๆ ทั้งการบริหาร งานบริการ โรงพยาบาลพญาไท ก็ได้ทำการตลาดเชิงรุกควบคู่กันไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
วิชัย ยังคาดว่าในปี2549 โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งจะพากันปรับตัวและแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลกันอย่างคึกคักมากขึ้น อันเนื่องจากมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลด้วยนโยบายศูนย์กลางการแพทย์แห่งภูมิภาค แล้วยังต้องยอมรับว่านโยบายการเปิดการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย นั้นยังมีช่องทางที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าจากประเทศออสเตรเลีย มาใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนของไทยได้สะดวกมากขึ้น
เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลียเองก็น่าจะกำลังดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ พลเมืองชาวออสเตรเลียเองสามารถมาใช้บริการด้านการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนของไทย แล้วสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง...
สำหรับโรงพยาบาลพญาไท นั้นมีแนวคิดให้เป็นโรงพยาบาลเอกชนในรูปแบบ เมดิคัล สปา คือนำเทคนิคการแพทย์ผสมผสานกับการแพทย์แผนโบราณของไทย โดยจะทำให้เครือข่ายกระจายไปสู่จังหวัดใหญ่ หลายแห่งนอกเหนือไปจากการมีโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล แล้ววิชัยยังถือหุ้นในโรงพยาบาลวชิระปราการ และศิครินทร์ ซึ่งแต่ละแห่งเขาได้จัดวางรูปแบบการบริหารจัดการสอดคล้องกับนโยบาย Medical Hub ของรัฐบาลอย่างลงตัวและชัดเจน
อย่างไรก็ตามขณะที่บรรดาโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ หลายแห่งตื่นตัวและเตรียมพร้อมที่จะผลักดันตัวเองเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์แห่งภูมิภาค ด้วยการจัดสรรเม็ดเงินก้อนโต การสรรหาบุคลาทางด้านการแพทย์ชั้นหนึ่งเพื่อเป็นจุดดึงดูดลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ กลับมีข้อสังเกตและเสียงเตือนจากภาคประชาชนมาโดยตลอดว่ารัฐบาลต้องไม่ลืมปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่คนจนในประเทศให้มีมาตรฐานมากกว่าที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ โครงการ 30 บาท คนไทยห่างไกลโรค ที่ไม่สามารถตอบสนองคนจนในประเทศได้อย่างแท้จริง...
Posted by : ไม่รู้จริงๆ , Date : 2005-12-29 , Time : 15:55:09 , From IP : 172.29.3.61
|