ความคิดเห็นทั้งหมด : 8

Zen ในสวนโมกข์ เรื่องที่ 6


   
เซ็นเนื้อ เซ็นกระดูก


ประวัติตอนหนึ่งของท่านโพธิธรรม คืออาจารย์ชาวอินเดียที่ไปประเทศจีน ที่ไปประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายธฺยานะลงไปในประเทศจีน ซึ่งต่อมาเรียกว่านิกายเซ็น; ญี่ปุ่นเรียกว่า เซ็น; หรือภาษาจีนเรียกว่า เสี่ยง

เมื่อท่านโพธิธรรมอยู่ในประเทศจีนนานถึง 9 ปี ท่านก็อยากจะกลับอินเดีย ที่นี้ไหนๆจะกลับทั้งที อยากจะลองสอบดูว่าบรรดาศิษย์ต่างๆที่สอนไว้ที่นี่ ใครจะรู้อะไรกี่มากน้อย ก็เลยลองเรียกมาประชุม ถามทำนองเป็นการสอบไล่ว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้นคืออะไร; ข้อสอบมีเพียงสั้นๆว่า "ธรรมะที่แท้จริงนั้นคืออะไร?"

ศิษย์ชั้นหัวหน้าศิษย์ที่เรียกว่าศิษย์ชั้นมีปัญญาเฉียบแหลมชื่อโดโฟกุ ก็พูดขึ้นว่า "ที่อยู่เหนือการยอมรับ และอยู่เหนือการปฏิเสธนั้นแหละ คือธรรมะที่แท้จริง" คำตอบอย่างนี้มันถูกมากแล้ว; ถ้าผู้ใดฟังไม่เข้าใจเรื่องนี้ พึงจัดตัวเองเป็นผู้ที่ยังไม่รู้ธรรมะได้เลยว ไม่รู้ธรรมะอะไรเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่รู้จักสิ่งที่เหนือการยอมรับและการปฏิเสธ

ท่านอาจารย์ก็บอกว่า "เอ้า! ถูก! แกได้ หนัง ของฉันไป"

นางชีคนที่ชื่อโซจิ ก็ยืนขึ้น แล้วบอกว่า "สิ่งที่เห็นครั้งเดียว แล้วเห็นหมด เห็นตลอดกาล นั่นแหละคือธรรมะที่แท้จริง"

ท่านอาจารย์ก็บอกว่า "เอ้า! ถูก! แกได้ เนื้อ ของฉันไป

คนที่สามยืนขึ้น ตอบว่า "ที่ไม่มีอะไรเลย นั่นแหละคือธรรมะ" เขาใช้คำว่า ไม่มีอะไรเลย เท่านั้น แต่เราขยายความออกไปก็ได้ว่าไม่มีอะไรที่ถือเป็นตัวตนเลย นั่นแหละคือธรรมะแท้จริง

อาจารย์ก็บอกว่า "ถูก! แกได้ กระดูก ของฉันไป

ศิษย์อีกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ก้นกุฏิชื่อเอก้า ยืนขึ้น หุบปากนิ่งแล้วยังเม้มลึกเข้าไป ซึ่งแสดงว่า นิ่งอย่างที่สุด เป็นการแสดงแก่อาจารย์ว่า นี่แหละคือธรรมะ; การที่ต้องหุบปากอย่างนี้แหละคือธรรมะ

อาจารย์ก็ว่า "เออ! แกได้ เยื่อในกระดูก ของฉันไป"

==============================================

จากหนังสือ "นิทานเรื่องสั้น ท่านพุทธทาสภิกขุ พร้อม 10 นิทานเซ็น : จากโรงมหรสพทางวิญญาณ"



Posted by : Phoenix , Date : 2005-12-23 , Time : 23:57:06 , From IP : 58.147.20.134

ความคิดเห็นที่ : 1


   แล้วธรรมมะที่แท้จริงคืออะไรล่ะครับ

Posted by : Cruz , Date : 2005-12-24 , Time : 01:29:08 , From IP : 172.29.4.106

ความคิดเห็นที่ : 2


   ธรรมะที่แท้ คือ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์

Posted by : พุทธศาสนิกชน , Date : 2005-12-25 , Time : 03:03:06 , From IP : 172.29.1.197

ความคิดเห็นที่ : 3


   สา.....ธุ....

Posted by : เด็กแนว , Date : 2005-12-25 , Time : 10:55:44 , From IP : 172.29.7.56

ความคิดเห็นที่ : 4


   เชิงอรรถของบทนี้ค่อนข้างยาว ขออนุญาตเผยทีละหน่อยพอ whet appetite สภากาแฟ (ธรรมะ) แห่งนี้

=================================


นิทานเรื่องนี้สอนว่าอย่างไร บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายซึ่งล้วนมีสติปัญญา ได้ศึกษาเล่าเรียนมามาก จงลองคิดดู (ผมคิดว่า ไม่ใช่ครูอาจารย์ก็ "ลอง" คิดดูด้วยก็ดีครับ=== ผู้คัดลอก) คำตอบที่ว่าอยู่เหนือการยอมรับและปฏิเสธนั้น ยังถูกน้อยกว่าคนอื่น ส่วนผู้ที่ตอบว่า ลงเห็นทีเดียวแล้วเห็นทั้งหมดและเห็นตลอดกาลด้วย นี่ยังถูกกว่า แล้วที่ว่าไม่มีอะไรเลยนัน้น ยิ่งถูกไปกว่าอีก แล้วที่ถึงกับว่ามันพูดอะไรออกมาไม่ได้ มันอสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ จนถึงกับหุบปากนิ่งนี้ยิ่งถูกกว่าไปอีก นี่แหละพวกเรามีสติปัญญาละเอียดสุขุมแยบคาย มีความสำรวม ระมัดระวัง สงบอกสงบใจมาก จนถึงกับว่าไม่หวั่นไหว และเข้าใจเรือ่งไม่หวั่นไหว หรือไม่มีอะไน้ได้หรือไม่ ขอให้ลองคิดดู

ถึงจะยังทำเดี๋ยวนี้ไม่ได้ ก็ขอให้เข้าใจเสียว่าแนวของมันเป็นอย่างนี้ คนที่รู้อะไรจริงๆแล้วจะไม่พูดอะไรเลย เพราะรู้ซึ้งถึงขนาดที่อยู่เหนือวิสัยของการบรรยายด้วยคำพูด อย่างที่เล่าจื๊อว่า "คนรู้ไม่พูด คนที่พูดนั้นไม่ใช่คนรู้" นี่ก็หมายถึงตัวธรรมะจริงๆนั้นมันพูดไม่ได้ ถึงแม้ที่อาตมา (===หมายถึงท่านพุทธทาสครับ=== คนคัดลอก) กำลังพูดอยู่นี่ก็เหมือนกัน ยังไม่ใช่ธรรมะที่แท้จริง เพราะมันยังเป็นธรรมะที่พูดได้ เอามาพูดได้ ลองทบทวนดูว่าท่านเคยเข้าใจอะไรซึมซาบในความจริง หรือในทฤษฎีอะไร อย่างลึกซึ้ง จนท่านรู้สึกว่าท่านๆไม่อาจบรรยายความรู้สึกนั้น ออกมาให้ผู้อื่นฟังได้จริงๆบ้างไหม ถ้าเคยก็แปลว่าท่านจะเข้าใจถึง สิ่งที่พูดเป็นคำพูดไม่ได้

=================================


คำชี้แจง (คิดเห็น) ของผู้คัดลอก

เชิงอรรถยังมีต่อโดยพิศดาร แต่ผมคิดว่าพอเป็นประเดนให้อภิปรายต่อยอดกันได้ อย่างนึงที่จะชี้ก่อนก็คือ หวังว่าในการทำ PBL ตอนสองทุกคนคงจะไม่นั่งนิ่งเงียบเม้มปากไปตามๆกันเพราะ "บรรลุ" ในธรรมะของ learning objective กันหมดนะครับ

อีกนัยนึงของเชิงอรรถข้างต้น ผมว่าอาจจะหมายถึง ธรรมะนั้นไม่ได้เข้าถึงโดยพูดบรรยาย แต่โดยปฏิบัติและเข้าใจมากกว่ารึเปล่า?



Posted by : Phoenix , Date : 2005-12-25 , Time : 13:05:52 , From IP : 58.147.122.187

ความคิดเห็นที่ : 5


    ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีใครได้ทุกอย่างไปใช่หรือไม่? ขาดไปสักส่วนนึงก็คงไม่ใช่ธรรมมะหรือเปล่า?
ถ้าถูกหมดก็น่าจะตอบว่า
"เออ! แกได้ My whole body ของฉันไป"
คิดมาหไปหรือเปล่าเนี่ย -_-'a

ปล ผมบรรลุตั้งแต่PBLตอน1แล้วล่ะครับ ^^


Posted by : หัวเขียว , Date : 2005-12-25 , Time : 13:34:17 , From IP : 172.29.4.87

ความคิดเห็นที่ : 6


   " "

Posted by : Top Secret , E-mail : (..............................) ,
Date : 2005-12-25 , Time : 14:49:16 , From IP : 203.114.113.25


ความคิดเห็นที่ : 7


   "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" นั้นคงจะ relevant เฉพาะคนที่ "จงใจ" เลือกใช้คำนั้นด้วยไหมครับ?

"เข้าใจ" นี้เป็นคำไทยที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าศัพท์อังกฤษอย่าง understanding อย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่าแต่เดิมเราให้ความสำคัญแก่ "ใจ" มากทีเดียว ลองดูคำเหล่านี้ "ดีใจ เสียใจ น้อยใจ ใจน้อย ได้ใจ ใจหาย กำลังใจ ทุกข์ใจ สุขใจ ใจห่อเหี่ยว ใจร้าย ใจดี ใจดำ ใจกว้าง ใจคด โดนใจ ตรงใจ ใจตรงกัน ต่างใจ เหมือนใจ ใจสงบ ใจสับสน ใจว้าวุ่น ใจนิ่ง ฯลฯ"

ใช่หรือไม่ใช่อย่างที่ว่า "ใคร" เป็นคน qualified ล่ะครับที่จะฟันธง

มีคนกล่าวว่า เซ็นนั้น คนมักจะคิดว่ามันยาก ซับซ้อน ลึกล้ำ สูงส่ง แต่เคล็ดในการ "ตี" Koan นั้น มักจะลงเอยที่ความเรียบง่าย สัจจะ อนัตตา



Posted by : Phoenix , Date : 2005-12-25 , Time : 17:35:54 , From IP : 58.147.122.187

ความคิดเห็นที่ : 8


   วรนส่รคสนคนรีน่รนนนยรรนร่่ั้รร่่้รหนนน่้้แนา่ิแาาแ้สปผสผ่ปส่ส่่นนนนน่าา่ส่สสสาสา่่ส่นรนี่รน่รน่่่รรีรรรเิ่้ป้ีั่แอีำนจำั-้ัีัพรคพำสวนยหก่ีัเีคดกเบยถำจด่นรดกำพมสารพำรนจะวสนัุถสาน้วนพะุขพำะวนะ

Posted by : ยสสยยรตนค , E-mail : (ัีบัยบ้ง้บง้ง้ง) ,
Date : 2006-02-04 , Time : 09:29:21 , From IP : p66-rassriMT1.C.cslo


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<