ความคิดเห็นทั้งหมด : 6

2553 จุดจบประเทศไทย


   ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย

เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา.....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค

ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ

ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น

แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์

และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ

คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน!

ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553

ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์

สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน

และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ

ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง

เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย

จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน

คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน

เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้

เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน

เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า

เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs

และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้

วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้

เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว

ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว

เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร

ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์

คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้

การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ

ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว

เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้

เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,

Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...

เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย

เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553

คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย

การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น

จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย

ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา

เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว

เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ

เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก

นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia

ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น

ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ

ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์

บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน

รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ

ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ

ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย

แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า

เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร

เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท

เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง

ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น

เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์

สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่

เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ

ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว

ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ

คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์

เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร

ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง

เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง

หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ

ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก

พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง

ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ

แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย

ผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง

ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ

ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ

มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน

ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ

เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี

ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว

ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ

ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป


Posted by : I am , Date : 2005-12-23 , Time : 17:34:47 , From IP : 172.29.4.133

ความคิดเห็นที่ : 1


    เคยอ่านแล้วค่ะ
เรื่องมีเกิดแล้วมีดับเป็นเรื่องแน่นอน แต่อาจจะเป็นประเทศเดียวแต่เนื้อที่หายไปจากภัยพิบัติมากกว่า


Posted by : ทำใจแล้ว , Date : 2005-12-24 , Time : 01:47:42 , From IP : 172.29.7.153

ความคิดเห็นที่ : 2


   อ่านแล้วน่ากลัวจัง จะเลิกไปโสตัสแล้วค่ะ

Posted by : you , Date : 2005-12-24 , Time : 10:38:00 , From IP : 172.29.4.214

ความคิดเห็นที่ : 3


   บทความนี้ดีมากเลยคะ เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความเป็นไทยมากขึ้น อย่าให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำ เราควรที่จะรณณรงค์ในเรื่องการจับจ่ายหรือบริโภคกับแหล่งห้างร้านที่เป็นของต่างชาติได้แล้ว ยิ่งเราอยู่ในแหล่งชุมชนของแหล่งความรู้ควรที่จะตระหนักในส่วนนี้เป็นอย่างมาก เพราะต่อไปในอนาคตมันอาจจะ...อาจจะเป็นจริงก็ได้ โดยส่วนตัวแล้วจะเป็นคนที่จะตระหนักในเรื่องนี้มาก หากจะไปซื้อสินค้า ผมจะเป็นคนที่ไม่เข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้าที่ขึ้นกับต่างชาติอยู่แล้ว จะไปซื้อสินค้ากับร้าโชห่วยมากกว่าเพราะเป็นการกระจายรายได้ให้บคนไทยด้วยกัน ในขณะนี้ร้านโชห่วยที่เปิดกันมาเป็น 50 ปี สมัยรุ่นคุณแม่บางร้านก็ได้ปิดกิจการลงไป เพราะร้านของคนต่างชาติเข้ามาแทนที่นั้นเอง ช่วยกันเถอะครับเราคนไทยขอให้ซื้อสินค้า กินอาหารของคนไทยเถอะครับ ถึงแม้จะดูไม่หรู ไม่โก้เหมือนต่างชาติ ก็ขอเถอะครับ ช่วยชาติด้วยกัน......อย่าลืมครับว่าเราเป็นคนไทย

Posted by : ไทย , Date : 2005-12-24 , Time : 11:56:53 , From IP : 172.29.7.111

ความคิดเห็นที่ : 4


   ร้านโชห่วยมาซื้อของที่ร้านต่างชาติไปขายครับ
ไม่ว่าจะตระหนักอย่างไรก็หนีไม่พ้น เขาให้เราเป็น
ลูกจ้างก็ดีถม..หากวันหนึ่งเขาไม่บริการการค้า
แล้วจะไปซื้อที่ไหน ทุกวันนี้เราหายใจเข้าออก
เป็นเขาไม่เชื่อไปดูถุงใส่ของที่ถังขยะ/


Posted by : อินทรีย์ , Date : 2005-12-24 , Time : 23:29:18 , From IP : 172.29.7.252

ความคิดเห็นที่ : 5


   เห็นด้วย อีกหน่อยเดอะมอลล์ ก็จะเปิด แล้วที่แน่ ๆ คนแน่นตรึม 3 วัน 4 คืนชนิดไม่มีที่จะเดินอีก แล้วอย่างสยามพารากอล ที่คุยว่าใหญ่โตติดอันดับเอเซีย มีคนไทยหุ้นอยู่สักกี่เปอร์เซนต์ จริง ๆ แล้วควรตระหนักความเป็นไทยนะ แต่ทำไงได้ก็อย่างที่เราเห็นนั่นแหละ ....

Posted by : Nick , Date : 2005-12-26 , Time : 12:55:25 , From IP : 172.29.3.171

ความคิดเห็นที่ : 6


   ถ้าเอาอย่างคุณเขียน คุณไม่ต้องซื้ออะไรแล้วล่ะ เพราะมีอะไรบ้างที่เป็นไทยแท้
มีธนาคารกี่ธนาคารที่เป็นไทยแท้
มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อไหนบ้างที่คนไทยถือห้นส่วนใหญ่
มีทีวี วิทยุ ต้เย็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ล้วนมีต่างขาติถือห้นใหญ่ทั้งนั้น
เสื้อผ้า ยา ที่เราใช้ๆกัน ล้วนมีส่วนประกอบมาจากต่างประเทศกันทั้งนั้น
apple ลูกละ 5 บาท ชมภู่โลละ 80 บาท ใครจะซื้อชมภู่ คนมีเงินเท่านั้นแหละที่ซื้อ
ถ้าต้องการให้ไทยเข้มแข็ง ควรที่จะต้องหาวิธีการเพิ่มคุณค่าและลดต้นทุนสินค้าให้ แข่งกับชาวบ้านเขาได้ ไม่ใช่กีดกันสินค้าต่างชาติโดยไม่พัฒนาตนเอง พัฒนาสินค้าตนเอง
สุดท้ายก็เหมือนสามล้อถีบ เมือสงขลานั่นแหละ ต้องนำเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ เอาไว้โชว์เป็นโบราณ คนเขาหนีไปนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างกันหมด


Posted by : คนขวางโลก , Date : 2005-12-27 , Time : 00:29:16 , From IP : 172.29.7.71

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<<