ความคิดเห็นทั้งหมด : 15

มีใครรู้บ้างว่าทำไมศาสนาบางศาสนาถึงให้มีเมียได้สี่คน


    ที่สงสัยก็คือ บัญญัติไว้เพื่ออะไร มีจุดประสงค์อันใด


และที่สำคัญคือ ทำไมต้องเป็น 4 ทำไมไม่เป็น 6 หรือ 8 หรือ 2 หรือ ...



รบกวนผู้รู้ทั้งหลายช่วยคลายให้หายสงสัยที่เถอะ


Posted by : สงสัย , Date : 2005-11-24 , Time : 21:45:09 , From IP : 172.29.7.226

ความคิดเห็นที่ : 1


   ทำไมคนมีสองหู จมูกอันเดียวอ่ะ

Posted by : นะ , Date : 2005-11-25 , Time : 00:55:11 , From IP : 172.29.7.235

ความคิดเห็นที่ : 2


   กิเลสมาก ตัณหาจัด
เน้นสืบพันธุ์ไร้คุณภาพ
เอาปริมาณเข้าแลกไง


Posted by : ทักสินทร์ ชิงหมาวัด(มาเกิด) , Date : 2005-11-25 , Time : 08:58:06 , From IP : 172.29.4.141

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมว่ายุติแค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ..เด๋วจะบานปลาย ^^"~

เจ้าของกระทู้ครับ ถ้าอยากทราบข้อมูลจริงๆ
ลองถามจากเืพื่อนหรือคนรู้จัก ดีกว่าครับ

ถ้าถามผ่านเวบบอร์ด เด๋วจะโพสกระทบกระทั่งกันปล่าวๆ ครับ
(เท่าที่เห็นโพสกันตอนนี้ก้อใกล้ๆ จะเริ่มแล้ว) ^^"


Posted by : JoeJo , Date : 2005-11-25 , Time : 09:20:15 , From IP : 172.29.1.247

ความคิดเห็นที่ : 4


   เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่ออดีตสมัยท่านศาสดา มูฮัมหมัด สมัยนั้นมีสงครามและความลำบากยากแค้อันเนื่องมาจากสงครามขึ้น ทำให้บรรดาผู้หญิงแม่บ้านและเด็ก ๆ ขาดที่พึ่ง อันเนื่องมาจากสามีตายจากการสู้รบ วิธีการแก้ปัญหาเพื่อมนุษยธรรมไม่หวังเรื่องอย่างว่าก็เกิดขึ้นโดย ให้ผู้ชายอุปการะหญิงและเด็ก ที่ขาดที่พึ่ง ไม่จำเป็นต้องครบ 4 คน เอาพอที่จะสามารถเลี้ยงดูพวกเขาเหล่านั้นได้ และ 4 คนนั้น ก็คงจะเพียงพอแล้ว และนั่นคือที่มา "มองให้มากกว่าที่เห็นและเป็นอยู่" ............ฮาคูน่า มาทาท่า

Posted by : ที่มา , Date : 2005-11-25 , Time : 10:25:46 , From IP : 192.168.134.115

ความคิดเห็นที่ : 5


   สัตว์ใหนไม่รู้จริงอย่าแสดงความคิดเห็นส่วนตัวดีกว่า

Posted by : คนหวังดี , Date : 2005-11-25 , Time : 14:11:57 , From IP : 172.29.2.173

ความคิดเห็นที่ : 6


   หรอยจังสูนะ ว่าใครได้แรงอกมากเลย

Posted by : ไร้ตระกูล , Date : 2005-11-25 , Time : 17:04:38 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 7


   เวบบอร์ด เป็นของสาธารณะ กรุณาใช้คำที่สุภาพหน่อยนะ
มีจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกับสังคมกันหน่อยสิ!


Posted by : difo , Date : 2005-11-25 , Time : 19:04:33 , From IP : 192.168.26.121

ความคิดเห็นที่ : 8


   ขอเพิ่มอีกนิดนะ คุณข้อความที่ 2 น่ะ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้คำตรงๆ แต่ผู้อ่านเค้าก็ดูออกนะว่าเจตนาของคุณ คืออะไร????????????????????
ระวังถูกตำรวจจับเอานะ............เตือนด้วยความหวังดี


Posted by : difo , Date : 2005-11-25 , Time : 19:07:05 , From IP : 192.168.26.121

ความคิดเห็นที่ : 9


    ที่นี่คณะแพทย์ฯนะครับ ปัญญาชนทั้งนั้น ขอความกรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพหน่อย อายเด็กๆ น้องๆที่เข้ามาอ่านด้วย


Posted by : วิชาการ , Date : 2005-11-25 , Time : 22:03:56 , From IP : 172.29.7.107

ความคิดเห็นที่ : 10


   บางที่นะผมว่าเราต้องเปิดใจทำอะไรต้องมีเหตุผลใครสอนอะไรแล้วเชื่อหมดปัจจุบันนี้ประชากรล้นโลก เมียสี่คงไม่จำเป็นมังครับ วิวัฒนาการเป็นสิ่งลำค่า ร่วมกันใช้สิ่งที่เราวิวัฒนาการมานานกันเถอะ อีกอย่างประเทศไทย ไม่มีทรายนะครับ

Posted by : bat man , Date : 2005-11-30 , Time : 01:16:08 , From IP : 172.29.4.78

ความคิดเห็นที่ : 11


   การมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคนนั้นเป็นบทบัญญัติที่ดีมากมาก
และเป็นความจริงของมนุษย์โลก มีเพียงศาสนาอิสลามเท่านั้นที่มองเห็น
ความจริงในส่วนนี้ การแต่งงานเป็นการให้เกียรติสตรีเพศอย่างสูง อิสลาม
ส่งเสริมให้แต่งงาน และต้องประกาศให้สังคมรับรู้ว่าคู่นี้เป๋นสามีภรรยากัน
ไม่ใช่เหมือนสังคม(ศาสนา)อื่นๆ ที่ไม่แต่งงาน และมีเมียน้อย
ดังนั้นทุกศาสนาต่างมีภรรยามากกว่าหนึ่งกันทั้งนั้นแหละครับ ....
แต่อิสลามรู้ข้อเท็จจริงตรงนี้จึงกำหนดบทบัญญัติขึ้นมาว่า..ถ้าจะมีภรรยามากกว่าหนึ่ง ต้องแต่งงานให้ถูกต้อง และต้องให้ภรรยาคนแรกอนุญาติก่อนเสมอครับ
ไม่ใช่มาบอกว่ามีเมียคนเดียว แต่มีเมียน้อยตรึม (แล้วคนโพสท์ละครับท่านมีเมียกี่คน ???)
นี่คือเสน่ห์ของอิสลามที่เข้าใจชีวิตความจริงมากกว่าใคร
จงรู้จริงแล้วพูด และมองเป็นกลาง .....


Posted by : ผู้รู้ , Date : 2005-12-02 , Time : 11:45:51 , From IP : 203.157.14.245

ความคิดเห็นที่ : 12


   สวัสดีครับ ทุกท่าน...ผมขอแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ (ในฐานะที่เป็นมุสลิมคนหนึ่ง) นะครับ
......................จากคัมภีร์อัลกุรอ่าน บทที่ 4 บัญญัติที่ 3 พระองค์อัลลอฮ์ทรง บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าไม่แน่ใจว่าเจ้า จะมีความ สามารถที่ จะให้ความ ยุติธรรมกับ บรรดาลูกกำพร้า. จงแต่งงานกับ หญิงที่เจ้าเลือกแล้ว 2 หรือ 3 หรือ 4 คน; แต่ถ้าเจ้าไม่คิดว่าจะให้ความยุติธรรม กับ ภรรยาทุกๆคนได้ ดังนั้น เจ้า จงแต่งงานกับ หญิงเพียงคนเดียว หรือ จะแต่งกับ หญิงเชลยที่อยู่ในความครอบครองของเจ้า, ทั้งนี้จะเป็นการสมควร เพื่อป้องกัน ตัวเจ้าเองจากการกระทำ ความ อยุติธรรม”


ใน อัลกุรอาน บทที่ 4 บัญญัติที่ 3 (4:3) นั้น พระเจ้า(อัลลอฮ์) ทรงประทานโองการนี้ มาให้ มนุษย์ชาติ ในสมัย ที่ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตกต่ำมาก และผู้หญิง ถูก กดขี่ข่มเหง เหมือน สิ่งของ (นั่นก็คือช่วงสมัยก่อนที่ศาสดามุฮัมหมัด จะมาประกาศความจริงเพื่อปัญหาเหล่านั้น) พระองค์ ประทานโองการนี้มาสำหรับแก้ปัญหาสังคมที่ตกต่ำที่ไม่มี กฎหมายของมนุษย์ในการป้องกันสิทธิของเด็กและ ผู้หญิง ในสมัยนั้น และเพื่อเป้นการยกสิทธิของหญิงให้เท่าเทียมกับชาย ,


แต่ ไม่ได้หมายความว่า “อัลกุรอาน บทที่ 4 บัญญัติที่ 3 (4:3)” นั้นล้าสมัย และหมดสภาพไปแล้ว, แต่ในทางตรงกันข้าม อัลกุรอาน บทที่ 4 บัญญัติที่ 3 (4:3) นี้ ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ ในกรณีที่สังคมมนุษย์ ตกต่ำ และทั้งเด็กและผู้หญิง ตก อยู่ ในสภาพเช่นเดียว กับ ในสมัยก่อน 1400 กว่า ปีที่ผ่านมา มุสลิม รวมทั้ง มนุษย์ ชาติ ไม่ว่าจะ มีความศรัทธาในศาสนาใด, อัลกุรอาน บทที่ 4 บัญญัติที่ 3 (4:3) จะต้องถูกนำมาใช้อีก เพื่อแก้ปัญหาสังคม ....

NOTE :
จากประโยค "ในสมัย ที่ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตกต่ำมาก และผู้หญิง ถูก กดขี่ข่มเหง เหมือน สิ่งของ" ......ทำให้หลายคน นึกว่าอิสลามในปัจจุบันเป็นอย่างนั้น เพราะผลจากการที่ได้ฟังจากสื่อต่างประเทศบ่อย ๆ ที่พยายามสร้างภาพว่า อิสลามข่มเหงผู้หญิง ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม บอกตามตรงว่าผม (ในฐานะเป็นมุสลิมคนหนึ่ง) ไม่เคยโกรธใครเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น (อย่างไม่เข้าใจ) เพราะเข้าใจดีว่าสื่อต่าง ๆ ที่ประโคมข่าวทำร้าย ศาสนาอิสลาม นั้นมีมากเพียงใด.....แต่ใจหนึ่งก็นึกไม่พอใจสื่อเหล่านั้น ที่นำ ศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์มาเกี่ยวโยงกับความชั่วร้ายต่าง ๆ (เพื่อประโยชน์ในด้านใดก็ตาม)....ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า "อิสลามนั้นให้เกียรติ์กับหญิงชายเท่าเทียมกัน" และอยากให้อ่านบทความต่อไปนี้ซึ่งเขียนโดย นักวิชาการมุสลิมคนหนึ่ง (ซึ่งได้กล่าวถึงความเท่าเทียมของหญิงชาย ตามทัศนะอิสลามเอาไว้)......

หญิง – ชาย.......ต้องเติมเต็มให้แก่กันและกัน

ความเข้าใจผิดที่พบมากเกี่ยวกับผู้หญิงก็คือ ความเข้าใจที่คิดว่าผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาตอบสนองอารมณ์ใคร่ผู้ชายเท่านั้น ความจริงแล้วถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะว่าทั้งอารมณ์ใคร่และความต้องการทางธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ทั้ง “หญิง-ชาย” ต่างก็มีเหมือนกัน ดังปรากฏในอัลกุรอานว่า



.... هُنَّ لِبَاسٌ لَكُمْ وَأَنْتُمْ لِبَاسٌ لَهُنَّ ...

นางทั้งหลายนั้นคือเครื่องนุ่งห่มของพวกเจ้า และพวกเจ้าก็คือเครื่องนุ่งห่มของพวกนาง [1]



เราจึงพบว่า ความผิดพลาดประการสำคัญในการให้ความหมายต่อการเป็นผู้หญิงและการเป็นผู้ชายก็คือ แนวคิดที่ว่าผู้หญิงถูกสร้างมารับใช้ผู้ชาย แต่คำสอนอิสลามได้ย้ำว่า ทั้ง “หญิง-ชาย” ต่างก็ถูกสร้างมารับใช้อัลลอฮฺเช่นเดียวกัน ดังปรากฏในอัลกุรอานว่า



وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ

และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า(อิบาดะฮฺ)[2]

มนุษย์ในที่นี้คือมนุษย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย .....



แนวคิดเรื่อง “หญิง-ชาย” ของอิสลามประการสำคัญก็คือ การที่เพศทั้งสองถูกย้ำว่า เป็นส่วนหนึ่งของอีกส่วน มิอาจแยกออกจากกัน ต่างต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน



وَالْمُؤْمِنُونَ وَلْمُؤْمِنَاتُ بَعْضُهُمْ أَوْلِيآءُ بَعْضٍ

และบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง บางส่วนของพวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือ(เอาลิยาอ์)อีกบางส่วน[3]



เช่นเดียวกันกับพวกมุนาฟิก(ผู้กลับกลอก)ชายและมุนาฟิกหญิง ส่วนหนึ่งของพวกเขาก็เป็นอีกส่วนหนึ่งระหว่างกัน พวกเขาร่วมกันกำชับสู่ความชั่วและห้ามปรามความดี

ในเมื่อธรรมชาติของสังคมของพวกมุนาฟิกชายก็คือมุนาฟิกหญิงเคียงคู่พวกเขาในการสั่งใช้ในการทำความชั่วร่วมกัน และห้ามปรามในการทำความดีร่วมกันแล้ว ดังนั้นสังคมของมุอ์มิน(ผู้ศรัทธาชาย)ก็ต้องมีมุอ์มินะฮฺ(ผู้ศรัทธาหญิง)เคียงคู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต้องเล่นบทบาทเดียวกัน นั่นคือการกำชับกันในความดี ห้ามปรามกันในความชั่ว และร่วมกันสถาปนาศาสนาของอัลลอฮฺขึ้นบนหน้าแผ่นดิน

ผู้ชายมิอาจเป็นอิสระจากผู้หญิงได้ และผู้หญิงก็มิอาจเป็นอิสระจากผู้ชายได้เช่นกัน หาได้มีความเป็นปฏิปักษ์ หาได้มีความเป็นศัตรูกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิงไม่ ดังแนวคิดของปรัชญาบางสำนัก ดังแนวคิดของ บางลัทธิ

สำหรับอิสลามแล้ว “หญิง-ชาย” เป็นส่วนที่ต้องเติมเต็มให้แก่กันและกัน

สวัสดีครับ






Posted by : นศพ.สุกรี เส็มหมาด , E-mail : (sksm116@hotmail.com) ,
Date : 2005-12-04 , Time : 14:33:49 , From IP : ppp-210.86.223.221.r


ความคิดเห็นที่ : 13


   .............................อีกบทความ


""ทำไมในอิสลามผู้ชายได้รับอนุญาติให้มีภรรยามากกว่า 1 คน""

แปลโดย ชารีฟ วงค์เสงี่ยม

คัมภีร์อัลกรุอานเป็นคัมภีร์เล่มเดียวเท่านั้นในบรรดาคัมภีร์ของศาสนาทั้งหลายในโลกนี้ ที่มีข้อความที่ว่า
“ จงแต่งงานกับสตรีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”

ในโลกนี้มีเพียงแค่คัมภีร์อัลกรุอานเพียงเล่มเดียวเท่านั้นในบรรดาคัมภีร์ของศาสนาทั้งหลายที่มี ถ้อยคำที่ว่า “ จงแต่งงานกับสตรีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น” ไม่มีคัมภีร์ของศาสนาไหนอีกแล้วที่บอกเพศชายให้แต่งงานกับสตรีเพียงแค่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ พระเวท รามายาน่ะ มาหาพราตะ พระควะคีตา คัมภีร์ตัลมูด ไบเบิ้ล ในบรรดาคัมภีร์เหล่านี้นอกเหนือไปจากคัมภีร์อัลกรุอานแล้วจะไม่มีคัมภีร์เล่มไหนเลยที่จำกัดการไม่ให้มีภรรยาหลายคน ตามคัมภีร์ทั้งหลายนั้นนอกเหนือไปจากอัลกรุอานแล้วเราจะเห็นว่าเพศชายได้รับอนุญาติให้แต่งงานกับสตรีมากกี่คนก็ได้ตามความต้องการ พระในศาสนาฮินดู และโบสถ์ของคริสจักรพึ่งจะมาจำกัดการมีภรรยาได้เพียงแค่หนึ่งคนในภายหลังนี้เอง
ตามคัมภีร์ของศาสนาฮินดูแล้วจะเห็นว่าบุคคลสำคัญๆหลายคนเคยมีภรรยาหลายคน พระราชาดาชรัตผู้เป็นพ่อของพระราม มีภรรยามากกว่า 1 คน พระกฤษณะมีภรรยาหลายคน
ในช่วงแรกๆเลยนั้นชาวคริสเตียนได้รับอนุญาติให้มีภรรยากี่คนก็ได้ตามความต้องการ ทั้งนี้เนื่องมาจาก คัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ได้จำกัดจำนวนเอาไว้ แต่เพียงแค่ไม่กี่ศัตวรรษที่ผ่านมานี้เองที่ฝ่ายศาสนจักรของตริสเตียนได้ออกมากำหนดให้มีภรรยาได้เพียงแค่คนเดียว
การมีภรรยามากกว่า1คนนั้นได้รับอนุญาติในศาสนายูดาย ยิว ตามกฎแห่งคัมภีร์ ตัลมูดนั้น อับราฮัมมีภรรยา 3 คน โซโลมอนมีภรรยา 100คน การมีภรรยามากกว่า1 คนยังคงมีอยู่ต่อไปในศาสนายูดายจนกระทั่งใน ปี 1030 ที่ เจอโชมเบนเยฮูดฮฺ บาทหลวงชาวยิวได้ออกคำสั่งห้าม แต่กระนั้นชุมชน ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศมุสลิมก็ยังคงมีภรรยามากกว่า 1 คน จนกระทั่งถึงปี1950นี้เองที่ได้มีกฎหมายสั่งห้ามการมีภรรยามากกว่า1 คน ออกมาจากบาทหลวงยิวแห่งอิสราเอล

ชาวฮินดูมีภรรยามากกว่า 1คนมากกว่ามุสลิม
จากรายงานของ “ คณะกรรมการสถานะภาพของสตรีในอิสลาม” “ Committee Of The Status Of Woman In Islam “ ซึ่งออกเมื่อปี 1975 ได้กล่าวไว้ในหน้าที่ 66และ67 รายงานว่าการแต่งงานแบบมีภรรยามากกว่า 1 คนในหมู่ชาวฮินดูระหว่างปี 1951 และ 1961 นั้นปรากฎว่าในหมู่ชาวฮินดูนั้นมี 5.06% และในหมู่มุสลิมมี 4.31% ตามกฎหมายของประเทศอินเดียนั้นมุสลิมเพียงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติจากกฎหมายให้มีภรรยามากกว่า 1คนและจะเป็นการผิดกฎหมายถ้าผู้ที่มิใช่เป็นมุสลิมชาวอินเดียคนใดจะมีภรรยามากกว่า 1 คน ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ตาม แต่กระนั้นชาวฮินดูก็ยังมีภรรยาหลายคนเมื่อเทียบดูกับมุสลิมในอินเดียแล้ว ก่อนปี1954 ชาวฮินดูไม่ได้ถูกห้ามที่จะมีภรรยามากกว่า 1 คนแต่อย่างใด แต่ต่อมาในปี 1954นี้เองที่ได้มีการออกกฎที่ว่าด้วยการแต่งงานออกมา ซึ่งได้ห้ามและถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายที่ฮินดูคนใดจะมีภรรยามากกว่า 1 คน ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเพียงแค่กฎหมายของประเทศอินเดียเท่านั้นที่ออก มาห้ามมิให้ชาวฮินดูมีภรรยาเกินกว่า 1 คน แต่คัมภีร์ของศาสนาฮินดูเองนั้นไม่ได้มีข้อห้ามกล่าวไว้แต่อย่างใด
เรามาวิเคราะห์กันดูว่าทำไมอิสลามถึงอนุญาติให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่า1 คนได้

คัมภีร์อัลกุรอานได้กำหนดจำนวนภรรยาไว้ชัดเจน
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าคัมภีร์อัลกรุอานเป็นคัมภีร์เล่มเดียวเท่านั้นที่มีข้อความที่กล่าวว่า “ จงแต่งงานกับสตรีเพียงแค่คนเดียว” ข้อความโดยสมบูรณ์ของโองการที่กล่าวมานี้มีปรากฎอยู่ในคัมภีร์อัลกรุอานดังต่อไปนี้ “ จงแต่งงานกับสตรีที่ดีๆแก่พวกเจ้าสองคนหรือสามคนหรือสี่คนแต่ ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ก็จงแต่งงานกับหญิงเดียว” อัลกรุอานบทที่ 4 โองการที่ 3
ก่อนที่คัมภีร์อัลกรุอานจะถูกประทานลงมานั้นไม่มีการจำกัดจำนวนภรรยา คือจะแต่งงานกับสตรีกี่คนก็ได้ ดังนั้นชายจำนวนมากจึงมีภรรยาจำนวนมาก บางคนมีภรรยาเป็น ร้อยๆคนก็มี แต่อิสลามมากำหนดและจำกัดจำนวนเพียงแค่ 4 คนอิสลามอนุญาติแต่ไม่ได้บังคับให้แต่งงานกับสตรี สอง สาม หรือ สี่คน เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมในระหว่างภรรยาของเขาได้
ในบทเดียวกันของคัมภีร์อัลกรุอานนั้น คือ บทอันนิซาอนั้นคือ บทที่4 โองการที่ 129 ซึ่งกล่าวว่า
“ และพวกเจ้าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในระหว่างภรรยาได้เลย” อัลกรุอาน 4:129

ดังนั้นการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนจึงไม่ใช่กฎหรือข้อบังคับแต่เป็นข้อยกเว้นเพียงเท่านั้นหลายๆคนยังมีความเข้าใจที่ผิดๆที่ว่ามุสลิมจำเป็นต้องมีภรรย$ 34;มากกว่า 1คน กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ในอิสลามจะมีข้อสั่งห้ามและสั่งใช้ 5 ประเภทด้วยกันคือ
1. ฟัรดู นั้นคือ จำเป็น บังคับให้กระทำ
2. มุสตะฮับ นั้นคือ สนับสนุน แนะนำให้กระทำ
3. มู่บาฮ นั้นคือ อนุญาติให้กระทำได้
4. มักรู่ฮ นั้นคือ ไม่สนับสนุนหรือแนะนำให้กระทำ
5. ฮะราม นั้นคือ ห้ามโดยเด็ดขาด
การมีภรรยามากกว่า 1 คนนั้นตกอยู่ในประเภทที่ 3 นั้นคือ อนุญาติให้กระทำได้ เราไม่อาจกล่าวได้ว่ามุสลิมที่มีภรรยาย สอง สาม หรือ สี่คนนั้น จะดีกว่ามุสลิมที่มีภรรยาเพียงคนเดียว

อัตราการมีชีวิตอยู่โดยเฉลี่ยของเพศหญิงนั้นจะยืนยาวมากกว่าเพศชาย
ตามปรกติแล้วเพศชายและเพศหญิงนั้นจะมีอัตราการเกิดโดยเฉลี่ยแล้วเท่ากัน แต่เพศหญิงนั้นจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคได้มากกว่าทารกเพศชาย ทารกเพศหญิงจะสามารถสู้กับเชื้อจุลินทรีย์และ โรคต่างๆได้ดีกว่าทารกเพศชายด้วยเหตุนี้เองในช่วงที่ยังอยู่ในวัยเด็กนี้ก็เช่นกันจะพบได้ว่าอัตราการตายในเพศชายนั้นมีมากกว่าในเพศหญิงเมื่อเทียบกันแล้วในช่วงสงคราม เพศชายนั้นจะสูญเสียชีวิตมากกว่าเพศหญิง เมื่อเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นหรือเมื่อมีโรคใดๆเกิดขึ้นจะพบได้ว่าเพศชายนั้นจะตายมากกว่าเพศหญิง
โดยเฉลี่ยแล้วช่วงการมีชีวิตของเพศหญิงนั้นจะยืนยาวมากกว่าเพศชายและในช่วงใดๆก็แล้วแต่เราจะพบว่ามีแม่ม้ายมากกว่าพ่อม้าย
อินเดียมีประชากรเพศชายมากกว่าเพศหญิงเนื่องมาจากการฆ่าทารกในครรภ์หรือการทำแท้งและการฆ่าเด็กทารก
อินเดียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อยู่รอบข้างมัน ที่มีประชากรเพศหญิงน้อยกว่าเพศชาย สาเหตุก็เพราะว่าในอินเดียนั้นมีอัตราการเกิดของทารกเพศหญิงสูงและในประเทศอินเดียนั้นจะมีการทำแท้งทารกเพศหญิงมากกว่า 1 ล้านคนต่อปีทันทีที่ตรวจพบว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์เป็นเพศหญิง ถ้าการกระทำอันชั่วร้ายนี้หยุดลงเมื่อไหร่อินเดียก็จะมีเพศหญิงมากกว่าเพศชายเช่นเดียวกัน

ประชากรโลกที่เป็นเพศหญิงมีมากกว่าเพศชาย
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่ถึง 7.8 ล้านคน ในนิวยอคเพียงอย่างเดียวมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1 ล้านคน และในประชากรของนิวยอคนั้น 1 ใน 3เป็นเกย์ หรือพวกรักร่วมเพศ ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีเกย์มากกว่า 25 ล้านคน ในรัสเซียมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 9 ล้านคน และอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้ดียิ่งว่าทั้งโลกนั้นมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายกี่ล้านคน เมื่อเทียบกันดู

การกำหนดให้ผู้ชายทุกคนมีภรรยาเพียงคนเดียวนั้น เป็นสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริงในทางปฏิบัติ
ถ้าแม้นว่าชายทุกคนที่อยู่บนโลกนี้แต่งงานกับผู้หญิงเพียงคนเดียวแล้ว ก็จะยังคงเหลือสตรีที่ยังหาสามีไม่ได้อีกเป็นจำนวนมากกว่า 30ล้านคนเฉพาะใน U.S.A เพียงอย่างเดียวทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากว่า อเมริกามีพวกเกย์อยู่ถึง 25 ล้านคนด้วย และจะมีสตรีมากกว่า 4 ล้านคนใน ประเทศอังกฤษ สตรีมากกว่า 5 ล้านคนในเยรมัน และสตรีมากกว่า 9 ล้านคนในรัสเซียเพียงประเทศเดียวที่ไม่สามารถหาสามีได้
สมมุติว่าน้องสาวของผมหรือน้องสาวของท่านที่ยังไม่ได้แต่งงานเธอได้อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา หล่อนก็จะมีเพียง สองตัวเลือกเท่านั้นให้เลือก นั้นคือ ให้เธอไปแต่งงานกับชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ตกเป็นสมบัติของสาธารณะไป ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว และสตรีที่มีความรักนวลสงวนตัวก็จะเลือกแต่งงานกับชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว
ในสังคมตะวันตกนั้นการมีเมียน้อยหรือนางบำเรอเพื่อไว้ระบายความใคร่ตลอดจนการมีคู่ขาหรือคู่นอนจำนวนมาก ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา ซึ่งในกรณีเช่นนั้นสตรีก็จะใช้ชีวิตที่ตกต่ำ และไร้เกรียติและไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองที่แท้จริง แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องแปลกที่ในสังคมตะวันตกเดียวกันนี้แหละที่ไม่สามารถยอมรับการที่ผู้ชายจะมีภรรยามากกว่า 1 คนได้ซึ่งจะทำให้ ผู้หญิงได้มีเกียรติมีหน้ามีตาในสังคมและได้รับความเท่าเทียมกันตลอดจนได้รับการปกป้องในชีวิตและทรัพย์สิน
ดังนั้นจึงมีตัวเลือก สองตัวสำหรับหญิงที่ไม่สามารถหาสามีได้ นั้นคือให้เธอไปแต่งงานกับชายที่มีภรรยาแล้ว หรือไม่ก็ตกเป็นสมบัติสาธารณะไป แต่สำหรับอิสลามแล้ว อิสลามปรารถนาให้สตรีได้มีศักด์ศรีได้รับเกียรติและการปกป้อง โดยการอนุญาติให้หล่อนเลือกที่จะแต่งงานกับชายที่มีภรรยาแล้ว และไม่อนุญาตให้เธอตกเป็นสมบัติของสาธารณะ
ยังมีเหตุผลอีกหลายอย่างที่อิสลามอนุญาตให้มีภรรยาได้มากกว่า หนึ่งคน แต่ไม่เกิน สี่คนแต่เหตุผลหลักคือเพื่อปกป้องสตรี


Posted by : นศพ.สุกรี เส็มหมาด , E-mail : (sksm116@hotmail.com) ,
Date : 2005-12-10 , Time : 01:12:40 , From IP : ppp-210.86.142.220.r


ความคิดเห็นที่ : 14


   เรื่องขอบเขตของการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนนั้นศาสนามีข้อบัญญัติไว้ดั่งนี้ครับ ประการแรก บุคคลที่จะมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนนั้น เขาจะต้องให้ความยุติธรรมแก่บรรดาภรรยาของเขาได้ ดั่งพระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า “ จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่สูเจ้าในหมู่สตรีสองคน หรือสามคนหรือสี่คน แต่ถ้าสูเจ้าเกรงว่าสูเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ก็จงมีเพียงหญิงเดียวเท่านั้น “ (สูเราะฮฺอันนิสาอฺ : 3) ท่านอบูร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ บุคคลใดที่มีภรรยาสองคน และเขาไม่ให้ความยุติธรรมหนึ่งจากทั้งสองคนนั้น เขา (สามี) จะมาในวันกิยามะฮฺในสภาพที่ซีกหนึ่งของเขาเอียง (หมายถึงพิการไปครึ่งซีก) “ ฉะนั้นการที่สามีมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือมิใช่เพื่อความต้องการทางด้านอารมณ์ทางเพศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งความยุติธรรม ซึ่งถ้าสามีคนใดรู้และมั่นใจว่าตนเองสามารถทำได้ก็เป็นที่อนุญาตสำหรับเขาในการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน
กล่าวคือ หากสามีต้องการจะแต่งงานมากกว่าหนึ่งขึ้นไป นั่นหมายรวมว่าเขาจะต้องไม่บกพร่องในเรื่องของนะฟะเกาะฮฺ (ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูภรรยาในแต่ละวัน) หากสามีบกพร่องถือว่าเขามีความผิด เพราะนะฟะเกาะฮฺเป็นวาญิบที่ฝ่ายสามีจะต้องมอบให้แก่ฝ่ายภรรยาซึ่งจะตกลงกันเป็นวัน,สัปดาห์ หรือเป็นเดือนก็ได้ อาทิเช่น สามีแต่งงานกับภรรยาคนที่สองเขาก็จะต้องหาที่อาศัยให้นางอยู่ และจะต้องจ่ายนะฟะเกาะฮฺให้แก่นางทุกเดือน ทำนองนี้เป็นต้น หากสามีคนใดมีความสามารถในประเด็นนี้เขาก็มีสิทธิ์ในการจะแต่งงานเพิ่มจากหนึ่งคน หรือมากกว่านั้นได้ (แต่ไม่เกินสี่) แต่ถ้าไม่สามารถเลี้ยงดูพวกนางได้ก็ไม่อนุญาตให้เขาแต่งงานเพิ่มนะครับ


Posted by : รู้น้อย , Date : 2005-12-10 , Time : 01:15:30 , From IP : 202.28.9.82

ความคิดเห็นที่ : 15


   การมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคนนั้นเป็นบทบัญญัติที่ดีมากมาก
และเป็นความจริงของมนุษย์โลก มีเพียงศาสนาอิสลามเท่านั้นที่มองเห็น
ความจริงในส่วนนี้ การแต่งงานเป็นการให้เกียรติสตรีเพศอย่างสูง อิสลาม
ส่งเสริมให้แต่งงาน และต้องประกาศให้สังคมรับรู้ว่าคู่นี้เป๋นสามีภรรยากัน
ไม่ใช่เหมือนสังคม(ศาสนา)อื่นๆ ที่ไม่แต่งงาน และมีเมียน้อย
ดังนั้นทุกศาสนาต่างมีภรรยามากกว่าหนึ่งกันทั้งนั้นแหละครับ ....
แต่อิสลามรู้ข้อเท็จจริงตรงนี้จึงกำหนดบทบัญญัติขึ้นมาว่า..ถ้าจะมีภรรยามากกว่าหนึ่ง ต้องแต่งงานให้ถูกต้อง และต้องให้ภรรยาคนแรกอนุญาติก่อนเสมอครับ
ไม่ใช่มาบอกว่ามีเมียคนเดียว แต่มีเมียน้อยตรึม (แล้วคนโพสท์ละครับท่านมีเมียกี่คน ???)
นี่คือเสน่ห์ของอิสลามที่เข้าใจชีวิตความจริงมากกว่าใคร
จงรู้จริงแล้วพูด และมองเป็นกลาง .....


จะบอกชี้แจงก็ ok ทุกคนยินดีรับฟังอยู่แล้ว แต่กรุณาอย่ากล่าวพาดพิง หรือดูถูก หรื่อมองว่าศาสนาหนึ่งดีกว่าอีกศาสนาหนึ่ง เพราะทุกศาสนาก็มีดีไปกันคนละแบบด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการทำความดี ไม่มีสงครามการสู้รบเกิดขึ้น ไม่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เลิกละ กิเลศทั้งหลาย ทำให้โลกสงบสุข


Posted by : pp , E-mail : (--) ,
Date : 2005-12-16 , Time : 16:28:27 , From IP : 192.168.26.37


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<