ความคิดเห็นทั้งหมด : 3

กฤษฎีกาโกงชาติโกงแผ่นดิน


   ไปเจอมา ช่วย ส่งต่อๆไปให้พวก ทศท. การสื่อสาร และ การไฟฟ้าด้วย ครับ

แผนชั่วร้าย แปรรูป กฟผ. เพื่อ กลุ่ม ชิน
มีการตั้ง บริษัท กฟผ.โทรคมนาคมแล้ว (หลังจากจดทะเบียนบริษัท1 วัน) และวันต่อมาก็ ให้เช่า
ไฟเบอร์ ออพติค ที่ลากสายไปทั่วประเทศ (สายเส้นบนสุดบนเสาแรงสูงนั่นแหละ ) ในราคา 75 ล้านบาท ต่อปี
คุณหญิง มาเซ็นสัญญามาตั้งแต่วันสองวันแรกที่ตั้งบริษัทแล้ว
ไฟเบอร์ ออพติค 16 เส้น = 6.5 Gbps x 16 = 1 เทอร่า บิต/ วินาที
เอาไว้ทำเป็น เครือข่ายหลัก สำหรับโทรศัพท์ 3G และขาย content ผ่านระบบ 3G
เนื่องจากต่อไปในอนาคต คนเราจะใช้ โทรศัพท์เพื่อเข้าหา content มากขึ้น และเมื่อมี smart card
ก็สามารถที่จะทำธุรกรรมการเงินและอื่นๆ ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ 3G ได้ ซึ่งประเทศเกาหลี
นำมาใช้เต็มระบบแล้ว โดยค่าบริการอยู่ที่ transaction ละ 3 บาท และประเทศไทยก็จะนำมาใช้ต่อไป
ซึ่งเครือข่าย pstn โทรศัพท์พื้นฐานไม่สามารถที่จะรองรับได้ และมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่ามาก เนื่องจาก บ.ทศท.
ต้องคิดราคาแพง เพราะ ais, dtac, hush, ta-orange เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ
ยังมีทีเด็ดกว่าคือ asean power grid คือการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าในภูมิภาค asean
เข้าด้วยกันนั่นก็หมายความว่า ระบบ ไฟเบอร์ ออพติค ก็เชื่อมต่อกันไปทั่วภูมิภาค ก็เท่ากับว่า ใครก็ไม่รู้
มีระบบเครือข่ายขนาด 1 เทอร่า บิต เชื่อมต่อทั่วภูมิภาค ตอนนี้เชื่อมต่อ กับ มาเลเซีย และ ลาว
เรียบร้อยแล้ว กำลังรอพม่า ซึ่งรอไม่นาน และเมื่อเชื่อมต่อกันครบแล้ว shin ก็จะมีเครือข่าย สาย
ที่มั่นคงกว่าระบบดาวเทียม เนื่องจากดาวเทียม กำลังจะหมดอายุ (การหมดอายุของดาวเทียม สาเหตุหลักมาจาก
เชื้อเพลิงที่บรรจุอยู่ในตัวดาวเทียมหมด ทำให้สถานีภาคพื้นไม่สามารถที่จะควบคุมวงโคจรของดาวได้)
อีทีนี้แหละ สบายไปเจ็ดชั่วโคตร นี้ไงที่อยากให้ใช้ smart card แต๋ก็เห็นแก่เล็กแก่น้อยโกงกันซะ
เลยยังไม่เกิด ถ้าเกิดขึ้นมา เราจะต้องทำธุรกรรมทุกอย่างผ่านเครือข่าย 3G ของ shin เป็นแน่แท้
ทีนี้ยิ่งรวยหนักเข้าไปอีก
อ้อ ไอ้ที่ว่าขายหุ้น shin น่ะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับการหนีไปอังกฤษ หรอก แต่ดาวเทียมของ shin sat
น่ะไปทับวงโคจรดารเทียมของจีน แล้ว จีนก็ไปฟ้องเพื่อขอวงโคจรคืน เนื่องจากประเทศจีนกว้างมาก
การขยายเครือข่ายโทรคมนาคม ใช้ระบบ สาย ไม่ไหว เพราะแพง ทีนี้ดาวเทียม shin sat
ก็ใกล้จะหมดอายุแล้ว ก็เลยต้องการขาย ทีนี้ จีนเขาไม่ค่อยอยากซื้อ จึงมีการเจรจาต่อรองกัน
เลยต้องขายโทรศัพท์ GSM (2G) แถมไปด้วย แล้วก็เอา ทุนที่ได้ ไปลงกับ 3G ที่เตรียมจ่ออยู่แล้ว
อย่านึกว่าแค่ที่ไทยนะ ที่ลาวก็เอาด้วย เพราะที่ลาวมี โทรศัพท์มือถือแล้ว
(ชื่อว่าแทงโก้ โทรปุ๊บติดปั๊บโลด วินาทีละ12 กีบ) เอาเข้าไป
เอาละ จะจบแล้ว ทีนี้แหละ ถึงได้หน้ามืดละซิ อยากจะขาย จนคางเหลี่ยมๆสั่น พับๆ
ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นความจริงทุกประการเนื่องจากผมเองทำงานอยู่ใน บ.กฟผ.โทรคมนาคม
********************
กฤษฏีกาโกงชาติโกงแผ่นดิน

ผมขอยกส่วนหนึ่งในกฤษฏีกาดังกล่าว (ที่ไม่ผ่านประชาพิจารณ์) มาวิเคราะห์ให้ท่านๆฟังสักเรื่องหนึ่ง
คือเรื่องของการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กฟผ. หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้ว เรื่องนี้เป็นการเขียนหลักการที่ไม่มี
ใครในโลกนี้เขาทำกัน ถ้าท่านจำได้ การแปรรูป กฟผ.ในครั้งนี้ กระทรวงการคลังถือหุ้น 75% และอีก
25% กระจายให้แก่ประชาชน ในตัวเลขนี้ดูเหมือนจิ๊บจ๊อย ไม่น่าจะสร้างผลกระทบอะไรมากเพราะ
กระทรวงการคลังถือหุ้นถึง 75% แต่ในกฤษฏีกานั้นบอกว่า หลังจากแปรรูปไปแล้วนั้น หนี้สินของ กฟผ.
กระทรวงการคลังยังต้องเป็นผู้จ่ายทั้งหมด???? มันแปลว่าอะไรครับ

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุน จำนวนเงินที่ได้จากการขายหุ้น ก็เพื่อนำไป
ซื้อสินทรัพย์ การเก็บสำรองเป็นเงินหมุนเวียน และการจ่ายคืนหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ แต่จากการกำหนด
เงื่อนไขของกฤษฏีกาในเรื่องนี้ แน่นอนว่าจะไม่มีการเอาเงินที่ระดมได้มาจ่ายหนี้ ภาระหนี้ที่มีอยู่ให้
กระทรวงการคลังเป็นผู้จ่ายทั้งหมด พูดง่ายๆว่า ได้รายได้มาเท่าไหร่ส่วนที่ได้ก็จะไม่นำไปจ่ายหนี้ เมื่อ
ปันผลแล้วค่อยเอาเงินปันผลที่ให้แก่กระทรวงการคลังมาจ่ายหนี้แทน งานนี้ที่เห็นๆคือ กลุ่ม 25% จะได้มื่
อานิสงฆ์ได้เงินปันผลเต็มๆ (กลุ่ม 25% มีใครบ้างเอ่ย? ของประชาชนเท่าไหร่?) ผู้บริหารฟาดโบนัส
กันเต็มๆ เต็มๆพราะไม่ต้องมาสนใจในเรื่องของการเก็บสำรองกำไรเพื่อจ่ายคืนหนี้ ผมขอให้ท่านคิดหน่อย
ว่าไอ้ลำพังเงินปันผล จะมีปัญญาไปจ่ายคืนหนี้ได้หรือ แล้วถ้าเกิดปีใดมีนโยบายไม่ปันผลขึ้นมา จะหาเงินที่ไหน
มาจ่ายหนี้ิ

ก็แน่นอนซิครับ กระทรวงการคลังจะต้องขายหุ้นของตัวเองออกมา อ้างว่าเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น
มาชำระหนี้ ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่าจะมีคนมารอรับซื้อหุ้นของกระทรวงการคลังถึงในบ้านทีเดียว และก็ไม่
ใช่ใครที่ไหน ก็คือพวก nominee ทั้งหลายในสิงคโปร์ และฮ่องกงที่เป็นตัวแทนของตระกูลชินวัตร
ดามาพงษ์นั่นเอง การขายหุ้นของกระทรวงการคลังเพื่อนำมาชำระหนี้นั้น ผมของเน้นเลยนะครับว่า เป็นการ
กระทำตามเงื่อนไขของกฤษฏีกานี้ ที่เปิดช่องไว้

สุดท้าย จำนวนหุ้นของกระทรวงการคลังก็จะลดลงเรื่อยๆ ผิดกับ nominee ที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ลอกแบบมาจาก ปตท.เดี๊ยะ ถึงเวลานั้น ราคาค่าไฟจะเป็นเท่าไหร่ ????? อย่าลืมว่าการนำบริษัท
เข้าึตลาดหุ้นนั้นบริษัทจะต้องทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด (maximize profit) ซึ่งเกิดจาก การลดต้นทุน
(ลดพนักงาน เงินเดือน โบนัส incentive ต่างๆ) การเพิ่มรายได้ (เพิ่มรายได้จากธุรกิจเดิม/ธุรกิจ
ใหมุ่รวมถึงการขึ้นราคา) ผมขอฟันธงเลยว่า ราคาค่าไฟจะถีบตัวขึ้นอย่างมากหลังจากเข้าตลาดครึ่งปีแรก

สัดส่วนหุ้นปตท.ของกระทรวงการคลัง จากเมื่อเข้าตลาดคือ 75% ตอนนี้เหลือ 52% ผมก็ขอถามท่านว่าิ
23% มันหายไปไหน ไปอยู่กับใคร ของกฟผ. ก็จะเหมือนกันเปี๊ยบ และที่น่าฉงน สนเท่ห์ คือ สัดส่วน
หุ้นของตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์รวมกันใน AIS เหลือเพียง 16-17% เท่านั้นและมีทีท่าว่าจะลดลง
เรื่อยๆ พวกท่านสงสัยไหมว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ผมขอฟันธง ผมขอบอกเลยว่าต่อไป กฟผ. จะมีบริษัทลูกชื่อ กฟผ.เทเลคอม ที่ให้บริการโทรคมนาคมเต็มรูปแบบ
สามารถทำธุรกิจแบบเดียวกับ TOT, CAT, AIS และ internet broadband ได้ดีกว่าหลายเท่า
เพราะ กฟผ.มีโครงกข่ายใยแก้วนำแสงอยู่ทั่วประเทศแล้ว สามารถส่ง่ผ่านข้อมูลภาพและเสียงได้มหาศาล
ขนาดของธุรกิจตัวนี้ใหญ่กว่าทั้งสี่ตัวรวมกันเสียอีก แล้วชินวัตรกับ ดามาพงษ์จะมาสนใจอะไรกับ AIS
วิธีการต่อไปก็คือ เข้าไปถือหุ้นใน AIS , DTAC และ True ซะ่
จะได้กินรวบทั้งหมดแล้วท่านสงสัยไหมว่าทำไมตระกูลเบญจรงค์กุลจึงถอนตัวจาก DTAC แล้ว ทำไม True
ถึงต้องออกจากตลาดหลักทรัพย์ การที่ตระกูลเบญจรงค์กุลต้องออกจากธุรกิจนี้โดยเร็ว เพราะถ้าช้ากว่านี้จำนวนเงิน
จากการขายหุ้นตัวเองจะลดลงจากเดิมมหาศาล เพราะราคาหุ้นลดลง เนื่องจากเป็นบริษัทที่ไร้พันธมิตรทางภาครัฐ
ขณะที่ True ต้องออกจากตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากเกรงกลัวการ take over เหมือนกรณี grammy
ฮุปมติชน ถ้า CP ไม่ถือหุ้นใน True ให้มากทีสุด เมื่อมีการเจรจาซื้อหุ้น True ราคาที่จะขายได้จะต่ำมากๆ

การขายหุ้น AIS ทิ้งของตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ คือ การนำเงินออกมาพักเพื่อไปลงทุนใน บริษัท กฟผ.

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้เข้ามาเป็นเจ้าของเส้นใยแก้วนำแสงที่วางไว้ใต้ทะเลทั้งโลกไว้หมด
แล้ว จากอภินัทนาการของสหรัฐอเมริกา ที่จะย้ายไปลงทุนในอวกาศแทน สิงคโปร์ และ ชินวัตรมีสัมพันธ์กัน
ในเชิงธุรกิจการเงินมาช้านาน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าต่อไปการสื่อสารผ่านอินเตอร์เนต โทรศัพท์ อะไรก็ตาม
จะเข้ากระเป๋า บริษัท กฟผ. และสิงค์โปร์ ไม่ใช่ TOT และ กสท. อย่างในอดีต

ถ้าคนไทยปล่อยให้ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ สาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า โทรศัพท์ที่เสด็จพ่อ ร.5
ได้พระราชทานให้ประชาชนไทย จะกลายเป็นของตระกูลนี้เท่านั้น
ถ้าท่านไม่อยากจ่ายเงินให้มัน ท่านต้องย้ายไปอาศัยในถ้ำ ในป่าแทน

อย่ามัวนิ่งเฉยอยู่เลยครับ พลังเงียบทั้งหลาย กฤษฏีกาโกงชาติโกงแผ่นดิน
ถ้าท่านยังเงียบอยู่อย่างนี้ ใครเล่าจะมาช่วยท่าน


Posted by : หนาว.. , Date : 2005-11-21 , Time : 22:19:06 , From IP : 172.29.7.117

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมเห็นว่าระยะหลังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลค่อนข้องเยอะ ผมเห็นว่าเป้นสิ่งที่ดีนะครับ ที่ทำให้เรานั้นได้เริ่มคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปนั้นถูกต้องจริงหรือ อย่างไรก็ตามทุกข่าวสารที่นำมาอภิปรายกันนั้น ควรนำมาวิเคราะห์กันก่อน มิใช่นำมาบอกต่อเสมือนหนึ่งข่าวลือว่าช่วยบอกต่อกันด้วยนะ ผมว่ามันไม่เป็นประโยชน์นะครับ สำหรับข้อมูลที่นำมาอภิปรายบนกระดานข่าวครั้งนี้ ผมขอมองในฐานะเป็นกลางนะครับ
1 เรื่องการหมดอายุของดาวเทียมในเครือบริษัทชินแซทเทิร์นไลท์ แล้วต้องไปใช้ระบบ Fiberoptic ผมมองว่าประเด็นผู้เขียนข่าวข้อนี้ ให้เหตุผลที่ไม่สอดคล้องกันเท่าใดนัก คงจำกันได้ว่า ขณะนี้บริษัทชินแซทเทิร์นไลท์ ได้ส่งดาวเทียมดวงใหม่ ชื่อ IP-Star เป็นดาวเทียมขนาดใหญ่ที่รัศมีการทำงานครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำงานรองรับระบบ Braodband ของระบบโทรคมนาคมในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 3G และมีหลายชาติซื้อช่องสัญญาณไปรวมทั้งจีนด้วย ดังนั้นเหตุผลที่กล่าวอ้างข้างต้นจึงไม่ค่อยสอดคล้องกันซักเท่าไหร่ ผมคิดว่าการวางระบบ Fiberoptic ที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดจากเหตุผลอื่นมากกว่า
2 เรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ผมคิดว่าเป็นข้อสังเกตุที่ดีนะครับในเรื่องการชำระหนี้ หรือเรื่องการถ่ายโอนหุ้น อย่างไรก็ตามในเนื้อแท้ ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นมากนักกับประเด็นนี้ เพราะผมยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนนัก
ขอบคุณคุรหนาวที่นำข้อมูลในอีกแง่มุมมาให้เราอ่านและวิเคราะห์กัน


Posted by : Tachyon , Date : 2005-11-21 , Time : 22:47:08 , From IP : 172.29.4.237

ความคิดเห็นที่ : 2


   
ข่าวประเภทนี้ ส่วนใหญ่คัดมาจากเวบหนังสือพิมพ์ผู้จัการ เป็นการระบาบออกของผู้ที่ไม่ชอบรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงนี้ สนธิกับทักษิณ เป็นคู่กัดกันอยู่ สนธิมีหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเป็นเครื่องมือ แน่นอนที่สุดข่าวส่วนใหญ่ย่อมโจมตีรัฐบาลไม่มีเชียร์รัฐบาลแน่ เห็นด้วยว่าควรวิเคราะห์ข่าวให้ชัดเจนก่อน ไม่ใช่ว่าสนธิพูดอะไรต้องถูกทุกเรื่อง หรือทักษิณทำอะไรก็ผิดทุกเรื่อง แต่อย่างน้อย ๆ เราก็มีข้อมูลวิเคราะห์กัน....


Posted by : ลายมังกร , Date : 2005-11-22 , Time : 09:20:40 , From IP : 172.29.3.171

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมว่าทักษิณน่ะผิดโต้งๆ
แต่ว่าสนธินี่สิ
อยากรู้จุดประสงค์จิงๆของเค้า เมื่อก่อนสนับสนุนทำไมตอนนี้ออกมาแฉ
หรือว่าต้องการเพิ่มสิทธิของสื่อกันแน่
ไงๆก้อเชียร์สนธิล่ะครับ
ฝากเอาทักษิณมันลงมาด้วย


Posted by : ทักสินทร์ ชิงหมาวัด(มาเกิด) , Date : 2005-11-22 , Time : 14:29:02 , From IP : 172.29.4.241

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<