ความคิดเห็นทั้งหมด : 28

พรุ่งนี้ จาปากาดผล แพทย์ 3 จังหวัด


   ชิ ไอพวกตอแหล กรรมการตาบอด รู้มั้ยที่มันพูดไปอ่ะ ตอแหลทั้งน้านแหละ คนดีดี ไม่รู้จักเลือก ช่วยไม่ได้น่ะงานนี้ ได้คนเก่งไม่มีความรับผิดชอบ

Posted by : กูเอง เซ็งเมิงว่ะ , Date : 2005-11-15 , Time : 17:32:42 , From IP : 203.113.77.73

ความคิดเห็นที่ : 1


   สอบไม่ติดก็ไม่เห็นต้องมาว่ากรรมการอย่างนี้เลย ผมว่าอย่างน้อยกรรมการก็ยังดูออกว่าคนอย่างคุณไม่สมควรเรียนแพทย์ดูจากคำพูดแล้วไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนที่มีการศึกษา คำพูดต่ำๆอย่างนี้เก็บไปใช้ที่บ้านดีกว่า ดีแล้วที่กรรมการคัดคุณออกเพราะถ้าเข้ามาคงทำให้วงการแพทย์ต่ำลงไปเยอะเลย

Posted by : ... , Date : 2005-11-15 , Time : 18:01:44 , From IP : 203.113.77.100

ความคิดเห็นที่ : 2


   ยังมีอีกหลายสนามสอบให้คุณได้พยายามใหม่ แสดงความสามารถที่แท้จริงของตนเองให้ประจักษ์นะครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-15 , Time : 18:26:59 , From IP : 58.147.59.236

ความคิดเห็นที่ : 3


   ยุคนี้เป็นยุคประชาธิปไตยอ่ะนะครับ ชื่อเสียงและอำนาจเกิดจากกการโฆษณาตัวเอง พร้อมกับขุดคุ้ยความผิดคนอื่น พูดมากได้เปรียบกว่า

แบบที่จะสงบเสงี่ยม ปิดทองไว้หลังพระ แล้วรอให้เทพยดาฟ้าดินมาอำนวยผลให้คงยากแล้ว คอยแต่จะเป็นเหยื่อให้พวกสัตว์ป่ามารุมทึ้งเอาเนื้อหนัง

ก็คงแล้วแต่จะเลือกว่าทางไหนที่ทำแล้วเป็นสุขกว่า


Posted by : survive of the fitest , Date : 2005-11-15 , Time : 19:08:43 , From IP : 172.29.4.251

ความคิดเห็นที่ : 4


   คนดีเค้าคิดดี พูดดี ทำดีนะครับ....

Posted by : The Saint , Date : 2005-11-15 , Time : 23:46:10 , From IP : 172.29.4.165

ความคิดเห็นที่ : 5


   บุคคลที่ตั้งประเด็นกระทู้ดังกล่าวกรุณาใช้ภาษาสุภาพด้วยครับ

Posted by : tachyon , Date : 2005-11-16 , Time : 00:59:49 , From IP : 172.29.4.66

ความคิดเห็นที่ : 6


   ผมเข้าใจคำ "ประชาธิปไตย" แตกต่างจากคุณ survive of the fitest อยู่บ้าง ขออนุญาตแลกเปลี่ยนนะครับ

ประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้มีความหมายเพียงการใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตั้งนโยบาย ผลักดันกฏหมาย เพื่อบริหารประเทศแค่นั้น แต่หมายรวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของสังคมที่ทำให้สมาชิกชุมชน (หมู่บ้าน อำเภอ ประเทศ) มีความรู้ ความสามารถ และมีช้อมูล "เพียงพอที่จะนำไปสู่การตัดสินใจ" ในเรื่องสำคัญต่างๆด้วย

ถ้าไม่ได้มีการปูพื้นตรงนี้ก่อน ประชาธิปไตยประเภทพวกมากลากไปนั้น ก็จะไม่ต่างอะไรไปจาก mob หรือ mass hysteria ที่เน้น "ตามกระแส" อย่างที่คุณ survive ว่าเท่านั้น popularity ที่เกิดจากการมีชื่อเสียงผ่านทางโฆษณา สร้าง propaganda ส้ราง image โดยไม่มี substance นั้น ในความเห็นของผมไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่เราควรสร้างสรรค์ให้เกิดในเยาวชนของประเทศ

ไม่ได้หมายความว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไม่ดี การสร้างรากฐานทางความคิด หรือการรณรงค์ (advocacy) นั้น จำเป็นต้องใช้ communication skill ขั้นสูง ซึ่งก็อยู่ในสาขาของนิเทศน์ศาสตร์ วารสารศาสตร์ หรือว่าด้วยการโฆษณานั่นเอง ว่าจะสื่ออย่างไรให้โดนใจคนฟัง เกลี้ยกล่อมคนฟัง ให้เห็นด้วยคล้อยตาม จำได้ นำไปปฏิบัติ

สำนึกถึงหน้าที่ที่จะช่วยกัน "สร้างสังคม" นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะรณรงค์ อย่าได้ underestimate การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะมันเป็นการสื่อที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-16 , Time : 07:33:40 , From IP : 58.147.59.236

ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอโทษน่ะจ๊ะ เออ ที่เราบอกอ่ะ จามีอยู่คนเดียวในทั้งหมดที่ได้ หากันให้เจอแล้วกัน ก๊ากก ขำโว้ยยย

Posted by : กูเอง เซ็งเมิงว่ะ( , Date : 2005-11-16 , Time : 18:28:27 , From IP : 203.113.77.73

ความคิดเห็นที่ : 8


   ทางมหาวิทยาลัยเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า สถาบันเป็นที่ที่ให้การศึกษา เป็นที่ที่บัณฑฺตเข้ามาศึกษา การศึกษาคือการเปลี่ยนแปลง และการศึกษาแพทย์นั้นคือ การเปลี่ยนแปลงนักเรียนมัธยม 6 ให้มาเป็นบัณฑิตที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม รวมทั้งชีวิตผู้ป่วยได้

ผมเชื่อ (และหวังว่า) เจ้าของกระทู้จะมีความเชื่อและศรัทธาใน "การศึกษา" ว่ามีประโยชน์และสามารุจะปรับเปลี่ยนคน เพื่อศักยภาพของคนได้ อย่างที่ตัวเองต้องการปราถนาเช่นกันครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-16 , Time : 18:47:13 , From IP : 58.147.8.70

ความคิดเห็นที่ : 9


   แต่สำหรับบางคนนะคะ สิ่งแวดล้อมอาจจะไม่ได้ช่วยให้จิตใจของคนๆนั้นดีขึ้นมาได้หรอกค่ะ คงเป็นเพราะ....ครอบครัวอบรมสั่งสอนให้คนๆนั้น มีแนวทางการดำเนินชีวิตแบบที่เป็นอยู่ มันคงฝังรากหยั่งลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก จนไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนจิตใจของคนๆนี้ได้

สำนวนที่ว่า .... ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ อาจจะใช้กับคนๆนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ

ดิฉันคิดว่า...การคัดเลือกครั้งนี้ยังไม่สมบูรณ์พอ เพราะ...ผลการคัดเลือกที่ดิฉันทราบมานั้น มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่งค่ะ แพทย์ควรจะเป็นบุคคลที่พร้อมจะเสียสละได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต้องช่วยเหลือผู้อื่น ต้องไม่รังเกียจคนไข้ แต่.....คน 1 คนที่ได้ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ ไม่มีคุณสมบัตินี้เลยค่ะ

ดิฉันไม่ได้ใส่ร้าย เพียงแต่อยากจะให้น้องๆ รุ่นต่อไปอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ

สำหรับคนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ ดิฉันก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าพวกคุณจะต้องสอบคณะแพทย์หรือคณะอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยที่ดีๆ ได้แน่นอนค่ะ


Posted by : fu_med , Date : 2005-11-16 , Time : 21:49:06 , From IP : 203.113.77.41

ความคิดเห็นที่ : 10


   ผมเห็นด้วยครับว่าระบบการสัมภาษณ์ในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีวิธีไหนที่จะบ่งบอกถึง "สภาวะ" ทุกด้านของคนได้ เนื่องจากการสัมภาษณ์ก็เป็นการ ถาม แล้วก็ ตอบ เท่านั้น ต่อให้มีประสบการณ์ดีขนาดไหน (กรรมการ) ถ้าเจอคนที่พอรู้ว่าควรไม่ควรตอบอย่างไร เราไม่สามารถจะทราบไปถึงแก่นแท้ความรู้สึกที่แท้จจริงได้

ดังนั้นการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะลงเอยที่ว่าใครแสดงออกมาอย่างไรครับ เนื่องจากการแกล้งทำเป็นตอบไม่ดี ตอบแปลกๆ ตอบแสดงเจตคติไม่ดีต่องานที่ตนเองสมัครนั้นไม่น่าจะมี กลุ่มนี้ก็จะมีความเสี่ยงที่ถูกคัดออกกว่ากลุ่มที่ "ตั้งใจตอบดี" โดยกลไกการทดสอบมันเป็นแบบนี้ (ยกเว้นในอนาคตมีการตรวจจับเท็จ หรือมียาบ่งบอกความจริงให้ทานก่อน)

สิ่งหนึ่งทมี่เราสอนบัณฑิตแพทย์ และผมคิดว่ามีประโยชน์ต่อคนทั่วไปด้วยคือ แพทย์ไม่บังควรมีความรู้สึก judgemental ในเรื่องคุณค่าของคน เนื่องเพราะหลักข้อหนึ่งของแพทย์คือ "ประโยชน์เพื่อนมนุษย์" เป็นอันดับหนึ่งนั้น การที่เราคอยไปตั้งหรือตีค่าคนอื่นนั้น จะก่อให้เกิดอุปสรรคในการตั้งใจดูแลรักษาคนๆนั้นได้ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ โดยทั่วๆไปคนเรา "สามารถ" ตัดสินคุณค่าของคนอื่นได้จริงหรือ และแม่นยำแค่ไหน การทดสอบง่ายๆลองตรวจสอบตัวเราเองในแต่ละวันว่าวันนี้ "โดยเฉลี่ยๆ" แล้วเราเป็นคนดี ปานกลาง หรือเลว กี่เปอร์เซนต์ และยากหรือง่ายในการตัดสิน ถ้ามันไม่ง่าย ลองคิดดูว่ามันจะยากเป็นกี่เท่าในการที่จะตัดสินผู้อื่น ว่าเรา "รู้จัก" เขาเป็นอย่างดีนั้นหมายความว่าอย่างไร? พฤติกรรมแต่ละอย่างมีเหตุจูงใจได้กี่แบบ? เป็นต้น



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-16 , Time : 22:10:02 , From IP : 58.147.8.70

ความคิดเห็นที่ : 11


    จะไม่รู้จักดีได้ไงล่ะ วันๆ เค้าก็มาเล่าให้ฟังว่าเค้าเป็นไง ทำไร พูดยัง ไอที่สัมภาษณ์ เค้ามาเล่าหมดแหละว่ากรรมการถามไร แล้วเค้าตอบยังไง แม่งโครตจาตอแหล แล้วเราก็รู้จักเค้าคนนี้มานานแล้วด้วย ตอนแรกเราก็คิดว่าเค้าดีเหมือนกันน่ะ เพื่อนที่สนิทกับเค้ามาเล่าให้เราฟังว่าเค้าไม่ดีอย่างนู้ ไม่ดีอย่างนี้เราก็ไม่เชื่อ จนเราเจอกับตัวเอง(ไม่ขอพูดถึงเหตการณ์แล้วกัน)แต่ก็อย่างว่าอ่ะน่ะ คนเราถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ไม่เชื่อหรอก เราก็เป็นคนนึกที่เชื่อคนยากมากๆ จนได้เจอกับตัวเองถึงรู้และเข้าใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ระวังให้ดีแล้วกันน่ะ เวลาเค้าอารมณ์ขึ้นแล้วอ่ะโครตรุนแรง แบบนี้แหละ IQสูง แต่ EQ มันโครตจาต่ำ อาจจะฉลาดในการตัดสินใจ อาจจะเก่งในการพูดให้คนอื่นคิดว่า เราดี เราทำได้ แต่ไม่ฉลาดเลยสำหรับการใช้ชีวิตจริง


Posted by : กูเอง เซ็งเมิงว่ะ , Date : 2005-11-16 , Time : 23:01:32 , From IP : 203.113.77.68

ความคิดเห็นที่ : 12


   ไม่ทราบว่า คุณ กูเองเซ็งเมิงว่ะ พอจะได้บอกไหมค่ะ ว่าเป็นผู้ผ่านการคัดเลือก กลุ่ม 1 หรือ กลุ่ม 2 เพราะทางคณะฯ จะได้เฝ้าระวังพฤติกรรมของบุคคลคนนี้อย่างใกล้ชิดได้

ถ้าคุณมีข้อมูลจริง สามารถแจ้งได้ที่หน่วยกิจการนักศึกษา คณะแพทย์ ซึ่งหน่วยงานนี้คงจะช่วยคุณ ในการสอดส่งพฤติกรรมได้ ค่ะ


Posted by : ... , Date : 2005-11-17 , Time : 11:09:12 , From IP : 172.29.2.121

ความคิดเห็นที่ : 13


   ไม่ทราบว่า คุณ กูเองเซ็งเมิงว่ะ พอจะได้บอกไหมค่ะ ว่าเป็นผู้ผ่านการคัดเลือก กลุ่ม 1 หรือ กลุ่ม 2 เพราะทางคณะฯ จะได้เฝ้าระวังพฤติกรรมของบุคคลคนนี้อย่างใกล้ชิดได้

ถ้าคุณมีข้อมูลจริง สามารถแจ้งได้ที่หน่วยกิจการนักศึกษา คณะแพทย์ ซึ่งหน่วยงานนี้คงจะช่วยคุณ ในการสอดส่งพฤติกรรมได้ ค่ะ


Posted by : ... , Date : 2005-11-17 , Time : 11:09:32 , From IP : 172.29.2.121

ความคิดเห็นที่ : 14


   
จะไม่รู้จักดีได้ไงล่ะ วันๆ เค้าก็มาเล่าให้ฟังว่าเค้าเป็นไง ทำไร พูดยัง ไอที่สัมภาษณ์ เค้ามาเล่าหมดแหละว่ากรรมการถามไร แล้วเค้าตอบยังไง แม่งโครตจาตอแหล แล้วเราก็รู้จักเค้าคนนี้มานานแล้วด้วย แสดงว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทของเค้าทำแบบนี้ไม่ดีเลยสรุปเอาเองว่าเขาจะรังเกียจคนไข้ทั้งๆที่ยังไม่ได้สัมผัสรักษาคนไข้กันเลย และใช้คำพูดไม่สุภาพ(แม่งโครตจาตอแหล) มีปัญหาส่วนตัวรึปล่าว
อภัย อภัย


Posted by : เป็นกลาง , Date : 2005-11-17 , Time : 15:34:13 , From IP : 203.129.12.36

ความคิดเห็นที่ : 15


   รักเราสรุปตอนไหนม่ะทราบว่า เค้ารังเกียจคนไข้ งงแตก แล้วเราก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเค้าหรอก แต่เค้าจะเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง แบบอย่างให้รู้เรื่องตัวเองไง ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากรู้ แล้วเราก้อไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเค้าหรอก แต่มันแปลกๆไง คนที่ดีๆ ไม่รู้จักเลือก เลือกคนนี้ แต่มองอีกมุมก็ดีเหมือนกานว่ะ (งงล่ะจิ ว่าทามไมถึงดี อยากรู้ม่ะ)

Posted by : คนเดิม , Date : 2005-11-17 , Time : 23:05:36 , From IP : 203.113.16.241

ความคิดเห็นที่ : 16


   กลุ่มเพื่อนและพี่ป.ตรี ที่เรียนมาด้วยกัน 30 กัน เวลา 1 ปี ก็คงจะรู้จักนิสัยกันพอสมควร และจะได้ปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน....รุ่นที่ 1 มีความรักและกลมเกลียวกันในระดับหนึ่ง สังเกตได้จากการเข้าร่วมกันทำกิจกรรม ทั้งในวิทยาเขตปัตตานีและหาดใหญ่ เรามีความตั้งใจอย่างยิ่ง เนื่องจากอารย์และผู้ดูแลพวกเรามีความตั้งใจและคาดหวังไว้พอสมควร และจะพยายามปรับตัวให้ดี ๆ ขึ้นไป
ส่วนรุ่นน้องที่ทราบว่ามีใครแล้วบ้างนั้น...เป็นสิ่งที่ท้าทายที่น้อง ๆ ต้องเข้ามาใช้ชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยร่วมกัน...อย่าลืมว่าจะเป็นอย่างไรและจบไปทำงาน เพื่อนในรุ่นนั่นละครับจะทราบดีว่าการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร...ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและการงานนะครับ...อย่าลืมว่าเราต้องอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับของความแตกต่างระหว่างบุคคล...แล้วเราจะมีความสุข..ครับ


Posted by : พี่ ๆ ปัตตานี...รุ่น 1 , Date : 2005-11-19 , Time : 14:30:03 , From IP : 125.25.5.33

ความคิดเห็นที่ : 17


   คัดเลือกงัยอ่ะ แค่สอบสัมภาษณ์อย่างเดียวก็ผ่านใช่มะ โอ๊ยได้โคตรง่าย ไร้มาตรฐาน จะเรียนได้ยังไงไม่ทราบ เราคะแนนพลาดไปนิดเดียวยังไม่ได้เรียนเลย แต่พวก 3 จังหวัด กลับได้เป็นหมอกันถ้วนหน้า โคตรเซ็ง............................

Posted by : พูดตามความจริง , E-mail : (ดดด) ,
Date : 2005-11-19 , Time : 17:38:21 , From IP : 172.29.7.66


ความคิดเห็นที่ : 18


   มีอีกหลายโรงเรียนแพทย์ที่ไม่ได้มีโครงการพิเศษสำหรับแพทย์สามจังหวัดภาคใต้ที่มีเงื่อนไขอื่นๆอีกพอสมควร ถ้ารู้สึกไม่สบายใจในการที่จะต้องเรียนกับนักศึกษาในระบบใดระบบหนึ่ง วิธีที่น่าจะเป็นทางออกได้คือสมัครเรียนในที่ที่มีแต่ระบบที่ตัวเรายอมรับครับ ว่าอย่างน้อย "มาตรฐาน" นี้เป็นมาตรฐานของที่ที่เราคาดหวัง ตรงกับวัตุประสงค์ ก็ขออวยพรล่วงหน้าให้ประสบความสำเร็จและเรียนจบเป็นแพทย์ ผมเชื่อว่าบัณฑิตแพทย์ที่จบจาก มอ. ก็จะพร้อมที่ร่วมมือทำงานกับทุกท่านที่จบ (หรือเข้ามาเรียน) ไม่ว่าจะจากที่ไหน หรือเข้ามาได้อยางไรเหมือนกันทุกคนครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-19 , Time : 18:51:05 , From IP : 58.147.11.180

ความคิดเห็นที่ : 19


   แม้แพทย์ 3 จังหวัด จะได้จากการสัมภาษณ์ก็จิง แต่ที่รู้มาคนที่ติดก็ถือว่า โอเค นะ อย่าง มีน อิฐ ฟาดา ก็ได้คะแนนเอ็นประมาณ400 คะแนน ส่วนคนอื่นๆก็เกิน 300 คะแนน มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ถึง 300 ซึ่งถ้าเทียบกันในกลุ่มแพทย์ชนบท แล้วก็ถือว่าใกล้เคียงกัน..ส่วนพวกป.ตรีก็เป็นเภสัชกับพยาบาลซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้เกียรตินิยมทั้งนั้น โดยภาพรวมแพทย์3จังหวัดรุ่นหนึ่งก็ถือว่า โอเคนะคะ...

Posted by : bbb , Date : 2005-11-21 , Time : 17:44:16 , From IP : 203.113.77.100

ความคิดเห็นที่ : 20


   ไม่ได้พูดถึงรุ่น1

Posted by : น่ะ , Date : 2005-11-22 , Time : 16:24:48 , From IP : 203.113.77.68

ความคิดเห็นที่ : 21


   ขอถามหน่อยว่า....มาตรฐานการคัดเลือกโครงการนี้คืออะไร

รู้หรือไม่ว่าเด็กที่เข้าไปแต่ละคนมีลักษณะอย่างไร คนที่พวกคุณให้โอกาสอ่ะ คุณคิดว่าสมควรแล้วใช่มั๊ย

คนที่กลัวเลือด เห็นเลือดแล้วหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม คนที่เห็นเด็ก น้ำมูกไหลย้อยแล้วถอยออกห่าง คนที่เห็นคนไข้แต่งตัวสกปรกมอมแมม แล้วไม่กล้าเข้าไปใกล้ คนที่เห็นแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงคนอื่น คนที่ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ นี่หรอคนที่พวกคุณบอกว่า คัดมาแล้ว........


Posted by : fu_med , Date : 2005-11-27 , Time : 23:05:59 , From IP : 203.113.77.36

ความคิดเห็นที่ : 22


   ขอถามมากๆ ทำไมถึงแอนตี้มาตรฐานที่คณะกรรมการเขาสัมภาษณ์แพทย์ 3 จังหวัดมากนัก คนเราต้องมีการปรับตัวปรับใจให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
ที่คุณโพสเข้ามาอย่างนี้ไม่ดูถูกคณะกรรมการเขาไปหน่อยหรือ
มีน้ำใจเป็นนักกีฬาบ้าง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ดีแล้วที่กรรมการเขาไม่เลือกคุณไม่เช่นนั้น อิจฉา ริษยาไม่รู้จักจักหยุด


Posted by : โนแนม , Date : 2005-11-28 , Time : 09:47:06 , From IP : 203.129.12.36

ความคิดเห็นที่ : 23


   
คุณ Fu-Med คุณรู้รายละเอียดได้ยังไงกันว่าคน คนนี้เป็นอย่างนี้

"คนที่กลัวเลือด เห็นเลือดแล้วหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม คนที่เห็นเด็ก น้ำมูกไหลย้อยแล้วถอยออกห่าง คนที่เห็นคนไข้แต่งตัวสกปรกมอมแมม แล้วไม่กล้าเข้าไปใกล้ คนที่เห็นแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงคนอื่น คนที่ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ นี่หรอคนที่พวกคุณบอกว่า คัดมาแล้ว." สงสัยจัง..อะ..ดิ ....อิ.....อิ เป็นญาติสนิทเขาเหรอ แย่ ๆ แย่ๆ


Posted by : ผ่านมา ทนไม่ได้ , Date : 2005-11-28 , Time : 10:01:44 , From IP : 203.129.12.36

ความคิดเห็นที่ : 24


   เราก็เป็นหนึ่งคนในผู้ที่ต้องเข้าเรียนใน รุ่นที่ 2 ในโครงการนี้ ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว

รู้สึกเป็นกังวลใจ ไม่รู้จะปรับตัวกับเพื่อนๆร่วมรุ่น ได้อย่างไร แต่ก็คิดว่าด้วยความ

ศรัทธาในคณะแพทย์และสถาบันแห่งนี้คิดว่า คงมิทำให้เกิดปัญหาในการเรียน

และการบ่มเพาะให้ตัวเอง เป็นเมล็ดพันธุ์ และช่วยกันเพื่อให้เพื่อนๆได้ออกไปรับ

ใช้สังคมได้อย่างเต็มความสามารถ ดั่งความคาดหวังของประชาชน เพื่อให้เงินภาษี

ที่ประชาชนต้องเจียดอยู่ทุกวันคืนกำไรให้กับพวกเขาได้มากที่สุด



Posted by : น้องรุ่น2 , Date : 2005-11-28 , Time : 22:19:51 , From IP : 61.19.24.190

ความคิดเห็นที่ : 25


   หนูเป็นเด็กโครงการ 2ค่ะ (ไม่ติดด้วย)
ทำใจได้แล้วค่ะ แต่ตอนแรกตกใจ ว่านี่หรอคนที่ได้
ไม่ได้จะตำหนิอะไร ก็เป็นส่วนน้อยค่ะ ที่คิดว่าไม่เป็นตามเป้าหมาย

ลองคิดในแง่ดี กรรมการอาจจะเห็นว่าเรามีความสามารถมากกว่านี้
เอ็นเองก็น่าจะไหว
เพื่อนๆที่ไม่ติด ก็สู้ต่อไปนะ...โชคดีจงเกิดแก่พวกเรา(ม 6ทุกคนแหละ)


Posted by : ไม่ติดค่ะ , Date : 2005-11-29 , Time : 21:26:54 , From IP : 203.113.77.41

ความคิดเห็นที่ : 26


   คุณ ผ่านมา ทนไม่ได้ คะ
คุณFu-Med อาจจะทราบเรื่องจริงนะคะ เพราะก่อนที่นร ในโครงการจะผ่านมาถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นหัวเรื่องวิจารณ์กันในตอนนี้ เขาได้มีการร่วมปฎิบัติงานกันใน รพ ชุมชนใน 3 จังหวัดค่ะ การร่วมฝึกงานทำให้เด็กๆทุกคนได้รู้ตัวว่า รักที่จะทำงานในวิชาชีพนี้หรือไม่ ได้เห็นถึงจุดบกพร่องของแต่ละคน เมื่อผลการคัดเลือกอกมาอย่างที่เห็น อาจทำให้อีกหลายๆคนออกมาวิจารณ์ ก็เหมือนกับเหตุการณ์อื่น๐ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ทำใจกันได้ ก็คงจะยอมรับกันได้ในที่สุด


Posted by : ไม่ติดค่ะ 2 , Date : 2005-11-30 , Time : 20:58:50 , From IP : 203.113.77.36

ความคิดเห็นที่ : 27


   การที่เราจะ "ตัดสิน" คนว่า ดี ไม่ดี บกพร่อง พัฒนาไม่ได้ นั้น เป็นสิ่งที่ "ควรทำ" และ "ทำได้" มากน้อยแค่ไหน เป็นประเด็นที่ต้องคิด

ในช่วงชีวิตนักศึกษาจนจบออกไปทำงาน จะต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์ หรือทดสอบคัดเลือกอะไรอีกมากมาย การทดสอบเหล่านี้ ต่างก็มีข้อจำกัดทั้งสิ้น ร่วมกับการที่แต่ละคนเอง ก็ยังมี variation ของ performance ที่ไม่คงที่ ทุกๆคนหวังว่าเราจะสามารถแสดงออกสูงสุด อย่างน้อยก็ในวันสอบ แต่บางที่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น บางทีเราก็แสดงออก "เกิน" ความสามารถในวันสอบ ก็จะไม่มีใคร complaint อีกเช่นกันว่า วันนั้นฉันทำดีเป็นพิเศษ แต่เราต่างจะจดจำได้ว่าวันไหนที่เราทำ "แย่" เป็นพิเศษ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไมสบายใจ แต่ถ้าเรายังพยายามจดจำว่า วันไหนที่ "คนอื่น" เกิดทำดีเป็นพิเศษ ขณะที่เราทำไม่ได้ดีที่สุดด้วย เราก็จะเพิ่มวันที่เราไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก จะมีประโยชน์อย่างไร?

ในเมื่อการสอบสัมภาษณ์ หรือสอบอะไรก็แล้วแต่ มันเป็น cross-sectional examination คือแต่ละคนถูกประเมินว่าวันนั้นคือ peak of performance วิธีที่จะการันตีว่าเราจะแสดงออกได้ดีที่สุดก็คือการ "มี" ความสามารถนั้นจริงๆ วันนั้นเป็นวัน "เฉลี่ย" ของเรา ส่วนโชคดีหรือโชคร้ายที่เราจะดีพิเศษหรือแย่พิเศษเป็นสิ่งนอกเหนือควบคุม นั่นก็คือสิ่งที่เราจะได้จากการฝึกฝนขณะฝึกงาน

ดังนั้นการฝึกงานไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราจะเสียเวลาไปประเมิน "คู่แข่ง" ว่าใครดี ไม่ดีแค่ไหนอย่างไร เพราะคนอื่นถ้าเขาประเมินตนเองอยู่ เขาก็มีโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง แก้ไขส่วนบกพร่อง จนกระทั่งในวันสอบ หรือต่อๆไปข้อบกพร่องนั้นหายไปในที่สุด ที่เราเข้ามาศึกษาต่อนั้น ก็เพราะเราเชื่อว่าเราเองพัฒนาได้ เราจะดีขึ้นได้ ใช่หรือไม่? ดังนั้นคนอื่นเขาก็ไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ เขาก็ดรขึ้นได้ พัฒนาขึ้นได้เช่นกัน เราควรจะใช้เวลาตอนเรียน ตอนฝึกงาน มา "ประเมินตนเอง" มากกว่า เพื่อให้โอกาสที่เราจะแสดงตอนสอบนั้น เป็นสภาพที่เราดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ประเด็นสำคัญอีกอย่างก็คือ พวกเราต้องอาศัยอยู่ในสังคมครับ กฏระเบียบของสังคมเป็นสิ่งพื้นฐานที่เราต้องเคารพและปฏิบัติตราบใดที่เรายังเป็นสมาชิกของสังคมนั้นๆ เราจะคาดหวังว่าระเบียบของสังคมจะต้องทดสอบเราตอนเราพร้อมที่สุด และคนอื่นด้อยกว่า ก็คงจะยากหรือเป็นไปไม่ได้ บางครั้งคนที่เราเห็นว่าความสามารถน้อยกว่าเรานั้น บางทีเขาก็สามารถดึงตัวเองให้ optimal ได้ทันท่วงทีในเวลาที่สำคัญจำเป็น นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เราจะเอามาเป็นสิ่วท้อแท้ในชีวิต ถ้าเรามีความสามารถแท้จริง ค่าเฉลี่ยมันต้องออกมาแบบนั้นในที่สุด



Posted by : Phoenix , Date : 2005-12-01 , Time : 11:46:15 , From IP : 172.29.7.233

ความคิดเห็นที่ : 28


   เห็นด้วยกับพี่ Phoenix เราไม่ได้เกิดมาเพื่ออิจฉาริษยาคนอื่น ถ้าสิ่งที่เค้าทำเป็นสิ่งที่ตอแหล แต่เค้าสามารถเรียนได้ สามารถอยู่ในสังคมวงการแพทย์ และยอมรับบททดสอบต่างๆที่เค้าควรเจอได้ ก็ถือว่าเค้าคนนั้นเก่ง


Posted by : อยากเรียนแพทย์ , E-mail : (้hsn_yaya@hotmail.com) ,
Date : 2006-09-04 , Time : 14:08:48 , From IP : 61.19.25.222


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<<