ความคิดเห็นทั้งหมด : 8

นายก ของประเทศ หรือของพรรคไทยรักไทยเท่านั้น


   นายกฯแจงดูแลจังหวัดเลือกทรท.ก่อนตอบแทนบุญคุณ
[ 14:39 น. ]

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการนายกฯพบสื่อมวลชนถึงประเด็นดูแลจังหวัดที่เลือกพรรครัฐบาลเป็นพิเศษก่อนจังหวัดที่เลือกส.ส.พรรคอื่นว่า ผมเนี่ยเป็นนายกรัฐมนตรีดูแลคนทั้งประเทศ แต่ถ้าผมมีเวลาเหลือ ผมก็ต้องให้จังหวัดที่เขาไว้วางใจก่อนถ้าเวลามันเหลือ คือผมไม่สามารถไปปรากฎตัวอยู่ 76 จังหวัดพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน นี้เวลามันจำกัด สมมตยกตัวอย่างเรื่องการต่างประเทศก็ทำเพื่อประเทศไทยทั้งประเทศ เรื่อง 30 บาทก็ทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ เลือกไม่เลือกก็ได้หมด เรื่องแก้จนก็ทำทั้งหมด แต่บังเอิญผมบอกว่าถ้าผมมีเวลาที่จะต้องไปดูแลพิเศษขึ้นมา ถ้าเวลามันเหลือพอ ผมต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังเพราะเนื่องจากผมไม่สามารถทำทุกเรื่องในเวลาเดียวกันได้ ฟังให้ดีอย่าหาเรื่อง ถ้าจะหาเรื่องกัน หาวเรอก็มีเรื่อง ถ้าไม่หาเรื่องกันก็ฟังด้วยความเข้าใจได้ ต้องบอกว่ากรุณาอย่าหาเรื่องเพราะผมไม่มีเวลา ผมมีเวลาผมก็ต้องทำงานของผม

งบประมาณถูกใช้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน แล้วการใช้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ประชาชนเกิดพอใจแล้วนิยมให้คะแนนผมเลือกตั้งผมก็เป็นเรื่องคนละเรื่องกัน บางทีผมใช้อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคให้ประชาชนทุกคนแต่เขาไม่เห็นเลือกผมทุกคน ผิดไหมอย่างนี้ ช่วยกรุณานักวิชาการไปอ่านตำราใหม่ไป แล้วก็ฝ่ายค้านด้วย

การให้บริการต้องให้บริการสมาชิกเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นเรื่องของพรรคไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ไม่งั้นสมาชิกของพรรคก็ไม่มีพิเศษ จะมาเป็นสมาชิกพรรคทำไม เขาสมัครสมาชิกพรรคเพราะเขาศรัทธาพรรค พรรคก็ควรที่จะรู้จักบุญคุณ รู้จักตอบแทนบุญคุณเขา ก็ให้บริการเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา นั้นเป็นเรื่องของพรรคนะครับ ไว้ไปถามที่พรรคอย่ามาถามที่นี้ ถ้าถามที่นี้ต้องถามรัฐบาล แต่ที่พูดที่พิษณุโลกนั้นก็อธิบายชัดแล้วหวังว่าที่อธิบายเมื่อกี้ชัดแล้วถ้าไม่ชัดก็เอาเทปไปเปิด 5 รอบก็คงเข้าใจ





Posted by : คนไทย , Date : 2005-11-03 , Time : 16:15:57 , From IP : 172.29.3.230

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมเข้าใจว่าประชาชนเลือกตั้งนายกเข้าไปทำงาน full time และใช้ "งบประมาณของประเทศ" เพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อบางคนเท่านั้น ลำดับความสำคัญตองใช้ตัววัดที่เป็นกลาง ไม่ได้มาจากการตัดสินที่มี สส.พรรครัฐบาลในจังหวัดไหนบ้าง นึกถึงเวลาที่ท่านนายกและสมาชิกพรรคไปหาเสียง ณ จังหวัดไหนๆก็ตาม มีการ "ให้สัญญา" ว่าจะพัฒนาประเทศ ตรงนี้โดย ettiquette การเมือง เขาสัญญาเพื่อประชาชน ไม่ใช่เป็นการ "ติดสินบน"



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-03 , Time : 17:30:08 , From IP : 58.147.74.30

ความคิดเห็นที่ : 2


   ขออนุญาตcopyมาให้อ่านครับ
วีรกรรมของรัฐบาลชุดนี้
ราชพาหนะ VS ‘แอร์ฟอร์ซวัน’ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ !

คำถาม

เห็นคุณสนธิฯพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร(ครั้งที่ 6) ว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการจัดซื้อ “เครื่องบินพระราชพาหนะ” แต่ถ้าผมจำไม่ผิด เพิ่งมีมติครม.ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้อนุมัติเงินกว่า 3,000 ล้านบาทซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะถวายนี่ครับ ไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องเป็นอย่างไร คุณพายัพฯช่วยย้อนหลังบอกเล่าหน่อย เพราะจำได้ว่าเคยมีการอภิปรายคัดค้านกันในสภาผู้แทนราษฎรถึงตอนจะซื้อเครื่องบิน “ไทยคู่ฟ้า” เมื่อสองสามปีก่อน

สังคม บทจร 3 พ.ย. 48
คำตอบ

มาดูคำพูดของคุณสนธิฯในวันนั้นก่อน

“กทม.เขาบอกว่าบีทีเอสใช้เงิน 2 พันกว่าล้านบาท ทักษิณและรัฐบาลชุดพรรคไทยรักไทยบอกว่าไม่คุ้ม ผมก็ขอถามกลับบ้าง... แล้วทีพวกมึงซื้อเครื่องบินส่วนตัวบินไปบินมา 2 พันกว่าล้าน เทียบกับบีทีเอสให้คนฝั่งธนฯเขาใช้ มันจะเป็นยังไง เอาเริ่มด้วยตรงนี้ก่อนดีกว่าแล้วค่อยอธิบายความ....

“ทุกวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน มีพระราชพาหนะที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจทางภาคใต้ ยังใช้เครื่องบินเก่า ๆ เครื่องบินเก่า ๆ สิบกว่าปีแล้ว แต่ว่าไอ้รัฐบาลชุดนี้มันซื้อเครื่องบินใหม่ แล้วมันเรียกว่าไทยคู่ฟ้า แล้วมันบินไปโน่น บินไปนี่ บินไปยุโรป บินไปอเมริกา บินไปโน่น บินไปนี่ พาคนซึ่งไม่ได้เป็นข้าราชการไป ผมถาม...เอาเพียงแค่นี้เอง ก็รู้ซึ้งเห็นแก่ใจแล้วใช่ไหมว่าคนเราสันดานที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร ใจนี่นะ...ที่แท้จริง...ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องบิน ต้องประชุมครม. แล้วบอกว่า พวกเรา...พระราชพาหนะนั้นเก่าแล้ว...เราน่าจะซื้อพระราชพาหนะใหม่ให้กับพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมวงศานุวงศ์ แล้วเราเอาเครื่องบินเก่า ๆ ของพระองค์ท่านมาใช้ก็แล้วกัน... แค่นี้ยังคิดไม่ออก แล้วมันยังจะคิดมาปกครองประเทศไทย...

“เอาประเทศไทยของเราคืนมา....”






เครื่องบิน "ไทยคู่ฟ้า" คู่บัลลังก์นายกฯทักษิณ ชินวัตร



น่าจะไปส่งคำถามที่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 7 ที่อาคารลุมพินีสถานในวันนี้โดยตรงนะครับ เพราะดูเหมือนคุณสนธิฯพูดไว้สั้น ๆ เป็นการยกตัวอย่างประกอบ ยังไม่ได้เข้าเรื่องนี้ตรง ๆ วันนี้น่าจะพูดถึงเรื่องนี้โดยตรง

แต่ไม่เป็นไรไหน ๆ ก็ถามมาที่นี้แล้ว ผมจะให้ข้อมูลพื้นฐานก่อน

จริงครับ ว่ารัฐบาลอนุมติซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะลำใหม่แล้วเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2548

แต่เป็นการอนุมัติหลังจาก “ตะแบง” ต่อไปไม่ได้ !

รัฐบาลงบประมาณ 3,017 ล้านบาท หรือ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 - 800 จำนวน 1 ลำเป็นเครื่องบินทดแทนเครื่องบินพระราชพาหนะเดิม

สมควรอย่างยิ่งแล้วครับ

เพราะเครื่องบินพระราชพาหนะ ลำปัจจุบัน คือ โบอิ้ง 737 – 400 มีอายุการใช้งานมากกว่า 13 ปีแล้ว

แต่กว่าจะจัดซื้อ กว่าจะผลิต และกว่าจะได้รับมอบ -- ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ ?

ทราบกันหรือไม่ครับว่า ปัจจุบันนี้เครื่องบินพระราชพาหนะมีไม่พอ และเก่ามาก เครื่องสำรองอีก 2 ลำมีอายุใกล้เคียงกัน ลำหนึ่ง 25 ปี อีกลำหนึ่ง 18 ปี

บางครั้งถึงขั้นที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ต้องเสด็จโดยเครื่อง ซี 130

กองทัพอากาศต้องปรับเครื่องบินลำเลียง ซี 130 มาใช้ โดยเอานำเก้าอี้ของสายการบินมาติดบนแผ่นอลูมิเนียม ปูพื้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่สะดวกสบายนัก

แต่ถึงจะตัดสินใจจัดซื้อไปแล้ว เรื่องก็ยังไม่จบง่าย ๆ แค่นั้น

ยังจะต้องตำหนิติติงกันอย่างรุนแรงต่อไป

ประการแรก – เพราะรัฐบาลไม่แสดงความใส่ใจที่จะจัดซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะทูลเกล้าฯถวายให้ทันการณ์

ทั้ง ๆ ที่กองทัพอากาศเสนอซื้อไปตั้งแต่ ปี 2546 แต่กลับถูก “แช่เรื่อง” ไว้

ทั้ง ๆ ที่โดยสำนึกแล้ว ไม่ว่าใครพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล ถ้ายังถือว่าตัวเองเป็นคนไทยอยู่ จะต้องเร่งรัดภารกิจนี้

เป็นภารกิจเร่งด่วน เพราะนี่เป็นเรื่องของการถวายความปลอดภัย

แต่กลับมาคิดจัดซื้อเอาตอนปลายปี 2548

และกว่าจะได้เครื่องใหม่มาทดแทนลำเดิมที่ใช้งานมานานกว่า 13 ปี ต้องรออย่างน้อย 2 ปี หรืออาจจะเป็น 3 ปี

ประการที่สอง - ร้ายแรงมาก เพราะนอกเหนือจากไม่เร่งรัดแล้ว ยังใช้ข้ออ้างที่มิบังควรมาชะลอการจัดซื้อ ก็คือไม่มีเงิน ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง

ข้ออ้างเมื่อปี 2546 ดังกล่าวก็คือรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณ

แต่ปรากฏว่าในปี 2546 เดียวกันนั้น รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีมติครม.เพื่อจัดซื้อเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางมาใช้ เป็นเครื่อง แอร์บัส 319 ACJ ซึ่งในที่สุดเครื่องลำนี้ ก็กลายมาเป็น “ไทยคู่ฟ้า” หรือที่ชาวบ้านเรียกตามแบบเครื่องบินประจำตัวประธานาธิบดีอเมริกัน “แอร์ฟอร์ซ 1” นั่นเอง

ไม่มีเงินซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ แต่มีปัญญาซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่ง

เป็นข้ออ้างที่ไม่สมควร !

ไหนประกาศนักหนาว่ามีเงินเยอะ ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนหมดก่อนกำหนด ทำโครงการเมกกะโปรเจ็คได้มากมาย

ประการที่สาม - เครื่องแอร์ฟอร์ซ 1 ที่ได้มานั้น มาจากกระบวนการที่มิบังควร

เป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เอาเครื่องเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะไปแลก

แทนที่คิดจะแลกเพื่อจัดหาเครื่องบินพระราชพาหนะลำใหม่ แต่กลับเอามาแลกเพื่อนำมาใช้เอง

สมองในส่วนที่ใช้ “จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง” ผิดเพี้ยน !

คงจะยังจำได้ใช่ไหมว่าเมื่อปี 2540 เฮลิคอปเตอร์ซูเปอร์พูม่า MK 2 ตามขบวนเสด็จที่ภาคใต้ เกิดอุบัติเหตุตกที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2540 นับจากนั้นจึงได้ถอนเครื่องชุดนี้ออกจากภารกิจ โดยรัฐบาลจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ชุดใหม่ถวายเมื่อเดือนสิงหาคม 2546 แล้วก็ถอนซูเปอร์พูม่า 2 เครื่องที่เหลืออยู่ออกมา เพราะถือว่าไม่ปลอดภัย

แล้วก็เอาซูเปอร์พูม่าไปแลกเป็นเครื่องบินไทยคู่ฟ้า

ทั้ง ๆ ที่กระบวนการจัดหาเครื่องบินพระราชพาหนะลำใหม่ตั้งแต่ก่อนปี 2546 นั้น กองทัพอากาศได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา สรุปมีแนวทางดำเนินการ 2 แนว

1. จัดซื้อลำใหม่เลย ซึ่งที่สุด แล้วรัฐบาลบอกว่ายังไม่มีเงิน

2. ใช้เครื่องเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะซูเปอร์พูม่า MK 2 จำนวน 2 ลำ ไปแลกซื้อ

ในเมื่อแนวทางแรกทำไม่ได้ ก็หันมาแนวทางที่ 2 ซึ่งในที่สุดได้มีการเจรจากับบริษัทต่างประเทศ 4 บริษัท โดย 2 เจ้าแรกคือค่ายโบอิ้ง กับค่ายแอร์บัส ส่วนอีก 2 รายเป็นนายหน้า ก็เลยตัดไป

โบอิ้งกับแอร์บัสเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

แอร์บัส เสนอ แอร์บัส 319 ACJ ก็คือรุ่นที่กลายมาเป็น “ไทยคู่ฟ้า” ทุกวันนี้

โดยรัฐบาลต้องจ่ายเงินเพิ่ม 29.6 ล้านเหรียญสหรัฐ !

ส่วนโบอิ้งเสนอ โบอิ้ง 737 - 800 ก็คือรุ่นเดียวกันกับที่คณะรัฐมนตรีชุด “ความรู้สึกช้า” เพิ่งมีมติจัดซื้อถวายเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2548

ถ้าซื้อรุ่นนี้ รัฐบาลต้องจ่ายเพิ่ม 51.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

และได้รับเครื่องทันที(ปี 2546) !

ประเด็นอยู่ตรงนี้ - ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจจัดซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะมาทูลเกล้าฯถวายโดยเร็ว ก็ควรจะต้องตัดสินใจแลกซื้อกับ โบอิ้ง 737 - 800 ไปตั้งแต่ปี 2546 โน้น

แต่ก็ไม่ทำ

ใช่เพราะว่ามีคนอยากมีเครื่องบินส่วนตัวใช้หรือไม่ – ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนทักท้วงในช่วงนั้น คนของรัฐบาลก็แก้ตัว ออกตัว ไปคนละทิศคนละทาง แต่โดยสาระคือพยายามปฏิเสธว่าไม่ใช่เครื่องบินประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเครื่องบินสำหรับบุคคลสำคัญทั่วไป

นายวิษณุ เครืองาม (อีกแล้ว) ชี้แจงได้พิสดารที่สุด

นายคนนี้บอกว่าเครื่องบินแอร์บัส 319 ACJ ที่จะจัดซื้อได้ขึ้นทะเบียนเป็น “เครื่องบินพระที่นั่งสำรอง” เหมือนกับอีก 2 ลำก่อนหน้า

นายคนนี้บอกว่าเครื่องบินลำใหม่นี้ในครั้งแรกไม่คิดจะจัดซื้อ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องกำจัดเครื่องซูเปอร์พูม่า ในเมื่อขายไม่ได้ จึงได้นำมาแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินลำใหม่ ซึ่งต้องเพิ่มเงิน แต่ได้เปิดการประมูลให้ทั่วโลกมาร่วมด้วย และสาเหตุที่ต้องเร่งจัดซื้อเนื่องจากหากปล่อยให้ข้ามปีราคาของเครื่องบินซุปเปอร์พูม่าจะตกลงไปอีก

วันที่ 22 ตุลาคม 2547 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกหนังสือชี้แจงความชัดเจนของเครื่องบินลำนี้ว่าใช้สำหรับรองรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในโอกาสต่าง ๆ เช่น การต้อนรับบุคคลสำคัญ แขกของรัฐบาล การเดินทางไปราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและเสริมสร้างศักยภาพการบริหารงานราชการแผ่นดิน

ที่ชัดเจนก็คือการตั้งชื่อเครื่องบินลำนี้ว่า "ไทยคู่ฟ้า" และมีตราสัญลักษณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีประดับอยู่

ส่วนข้อแตกต่างของการจัดซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ ระหว่างถ้าได้ทำไปเมื่อปี 2546 กับที่เพิ่งจะทำเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2548 ก็คือ...

ราคาจัดซื้อเมื่อปี 2546 ใช้เงินเพิ่ม 51.5 ล้านเหรียญ ตีเป็นเงินไทย 2,000 ล้านบาทกว่า ๆ แล้วได้รับเครื่องทันที

แต่ราคาที่จัดซื้อปี 2548 นี้ต้องใช้เงิน จำนวน 3,017 ล้านบาท หรือ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,171 ล้านบาท

ที่สำคัญ -- ไม่รู้ว่าจะได้รับเครื่องเมื่อไหร่

นี่คือคำถามที่รัฐบาลจะต้องตอบ

1. ทำไมในช่วงปี 2546 รัฐบาลอ้างว่าไม่มีเงิน ชะลอการจัดซื้อ แต่กลับมาซื้อ “ไทยคู่ฟ้า” ให้ตัวเอง ?

2. ทำไมมีการแปรกระบวนการพิจารณาจัดหาเครื่องบินราชพาหนะ โดยวิธีการแลกเครื่องเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะซูเปอร์พูม่า ให้กลายมาเป็นการแลกเครื่องบินให้รัฐบาลใช้เอง จุดเปลี่ยนแปลงนี้มาจากใครสั่ง ?

3. ทำไมไม่ตัดสินใจแลกซื้อเครื่องโบอิ้ง 737 - 800 ทูลเกล้าฯถวายให้เป็นเครื่องบินพระราชพาหนะตั้งแต่ขณะนั้น ?

4. ตั้งแต่ปี 2546 - สิงหาคม 2548 ขั้นตอนการจัดหาเครื่องบินพระราชพาหนะหายไปไหน ทำไมไม่เร่งรัด ?

ที่สำคัญไปกว่านี้ก็คือในช่วงใกล้ ๆ กับการอนุมัติซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะลำใหม่เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2548 นี้ รัฐบาลก็ยังมีความพยายามที่จะจัดซื้อเครื่องบินสำหรับบุคคลสำคัญอีก

กระทรวงกลาโหมได้เตรียมเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เพื่อให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในโครงการจัดหาเครื่องบินแบบใช้งานทั่วไป 2 เครื่อง วงเงิน 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (2548 – 2549) เพื่อสนับสนุนการเดินทางให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงและบุคคลสำคัญในรัฐบาล ในการเดินทางตรวจราชการที่สำคัญ

โดยเฉพาะภารกิจในการรักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

รวมทั้งการปฏิบัติและการส่งกลับ ผู้เจ็บป่วยจาการปฏิบัติหน้าที่มารักษาพยาบาล

แต่พอมีข่าวออกไปในช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน 2548 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมน ตรีก็ได้ตัดสินใจถอนเรื่องกลับก่อน โดยรอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาเพื่อมาเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจเอง

และในวันที่ 27 กันยายน 2548 ก็ได้มีการอนุมัติในหลักการ

เพียงแต่เปลี่ยนเป็นระบบแลกเปลี่ยนทางการค้าแทนเท่านั้น

ก็เท่ากับเป็น “การยืนยัน” อีกครั้งว่า “ไทยคู่ฟ้า” นั้นมีไว้ใช้สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเท่านั้น

ข้อมูลมากกว่านี้ เห็นจะต้องตามไปฟังคุณสนธิฯที่ลุมพินีสถาน (เวทีลีลาศเก่า) เย็นวันนี้ตั้งแต่ 16.00 น.เป็นต้นไป


พายัพ วนาสุวรรณ 3 พ.ย. 48


นำมาจาก http://www.manager.co.th/politics/PoliticsQAQuestion.asp?QAID=5553


Posted by : กทม , Date : 2005-11-03 , Time : 23:26:41 , From IP : 172.29.4.39

ความคิดเห็นที่ : 3


   กระทู้นายกทักษิณดังจริงๆฮิตติดบอร์ด

Posted by : เด็กแนว , Date : 2005-11-04 , Time : 08:32:50 , From IP : 172.29.1.165

ความคิดเห็นที่ : 4


   ครั้งหนึ่งมีผู้มีอำนาจในเมืองไทย 3 คนเดินทางไปราชการและไปตรวจสอบผลประโยชน์ส่วนตัวตามต่างจังหวัด โดยไปพร้อมกันบนเครื่องบินลำเดียวกัน ระหว่างบินก็สนทนาแสดงความเก่งทางความคิดตัวเองออกมา

สุชน : เนี่ยะ ถ้าผมทิ้งแบงค์ 1000 ลงไป คนที่เก็บได้ 1 คนจะต้องมีความสุขแน่ๆ

คุณวิษณุหลังจากได้ฟังก็อดรนทนไม่ไหว แสดงความคิดอันปราดเปรื่องตัวเองออกมาบ้าง

วิษณุ : ส่วนผม ผมจะทิ้งแบงค์ 500 ลงไป 2 ใบ จะมีคนที่เก็บได้ถึง 2 คน ที่มีความสุข

คุณทักษิณเมื่อได้ยินลูกน้องพูดกัน มันรู้สึกคันปาก อดไม่ได้ที่จะต้องพูดโอ่ถึงความคิดอันแสนฉลาดของตัวเอง

ทักษิณ : เฮ้ย อะไรกัน ความคิดตื้นๆรู้ไม่จริงกันทั้ง 2 คนเลย ของผมนะ ผมจะทิ้งแบงค์ 100 ลงไป 10 ใบ
จะมีคนตั้ง 10 คนเชียวนะที่ดีใจ

ลูกน้องทั้ง 2 คนเมื่อได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกทึ่งในความคิดอันลึกล้ำของนายใหญ่ ถึงกับออกปากชมเปาะ ปรบมือชื่นชม
ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาความคิดอันไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ของท่านผู้นำ

แต่ ภายในห้องนักบินซึ่งได้ยินการสนทนาของผู้มีอำนาจทั้ง 3 คนโดยตลอด หนึ่งในนักบินจึงพูดขึ้นมา

นักบิน : ถ้ากูทิ้งพวกมืงทั้ง 3 คนลงไป จะมีคน 60 ล้านคนทั้งประเทศไทยดีใจเป็นแน่นอน


Posted by : m , Date : 2005-11-04 , Time : 18:10:45 , From IP : 172.29.3.197

ความคิดเห็นที่ : 5


   ถูกต้องนะครับ

Posted by : อัตโต้ย , Date : 2005-11-05 , Time : 15:44:21 , From IP : 172.29.4.130

ความคิดเห็นที่ : 6


    ยังมีข้อคิดเห็นจากทั้งนักวิชาการ นักสื่อวิทยุ และกลุ่มคนอีกมากมายๆ ที่มีการวิพากษณ์วิจารณ์การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายโปรโมรชั่น รวมไปถึงการเข้าไปมีบทบาทควบกิจการสื่อมวลชน ที่ท่านนายกไม่ตอบให้ชัดเจนต่อประชาชน และล่าสุดก็คือการพูดในแง่สองง่าม ที่ประชาชนอย่างเรา ๆ หรือสื่อวิทยุ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันคือะไรกัน งบประมาณไปเกี่ยวอะไรกับการจัดสรรผลประโยชน์จากภาษีประชาชนที่ต้องเลือกว่าจังหวัดไหนเลือกพรรคทั้งจังหวัด ก็จะดูแลเป็นพิเศษเป็นลำดับแรกก่อน อันนี้ก็เป็นอีกประเด็น สรุปแล้วตอนนี้ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ผมเคยเอาเป็นแบบอย่างสมัยที่ศึกษาอยู่ กทม. เคยฟังรายการวิทยุที่นำท่านมาออกสัมภาษณ์ถึงประวัติการทำงาน แนวคิดวิถีดำเนินงาน การแก้ไขปัญหา จำได้ว่าครั้งนั้นสัมภาษณ์โดยดีเจพุญชร สายทิพย์มณตรีกุล ณ อยุธยา ซึ่งผมฟังแล้วรู้สึกประทับใจว่าท่านเป็นคนเก่ง แก้ปัญหาด้วยสติ
ยังไงก็ตามผมก็ยังคิดว่าท่านคงจะตอบปัญหาต่าง ๆ ที่คาใจประชาชนต่อไป และยังเป็นคนที่ผมยังยึดถือเป็นแบบอย่างในส่วนที่ดีอยู่ต่อไป


Posted by : เรารักพระเจ้าอยู่หัว B@YBAND , Date : 2005-11-07 , Time : 08:52:02 , From IP : 172.29.1.185

ความคิดเห็นที่ : 7


   ทักษิณ เอ๊ย เอ็ง พิจารณาตัวเองได้แล้ว

Posted by : เบื่อรัด-บาน , Date : 2005-11-07 , Time : 10:40:55 , From IP : 172.29.1.252

ความคิดเห็นที่ : 8


   pig ant you www.yahoo.com

Posted by : natchapon , E-mail : (catchapon@yahoo) ,
Date : 2005-11-07 , Time : 12:10:37 , From IP : 172.29.1.156


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<<