ความคิดเห็นทั้งหมด : 19

คุณผู้ชายในนี้ถ้าหลังแต่งงานแล้วมี ต หรือ ค นำหน้าจะรู้สึกอย่างไร


   นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ส.ว.ขอนแก่น กล่าวว่า ต่อไปจะผลักดันคำนำหน้าของฝ่ายชาย เพื่อให้แสดงสถานะของตัวเองที่ชัดเจน เช่น นายเสริมศักดิ์ (ค) พงษ์พานิช ซึ่งหมายความว่า นายเสริมศักดิ์ มีครอบครัวแล้ว หรือ นายเสริมศักดิ์ (ม) พงษ์พานิช หมายความว่า นายเสริมศักดิ์ มีเมียแล้ว โดยต้องมีระบุทั้งในสำเนาทะเบียนบ้านและในบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อแสดงสถานะของฝ่ายชายให้ชัดเจน เพราะผู้หญิงเริ่มจาก ด.ญ., น.ส. และเป็นนาง ซึ่งแสดงสถานะชัดเจนแล้ว

"เมื่อฝ่ายชายแสดงสถานะชัดเจน ปัญหาเรื่องเมียน้อยก็จะหมดไป เพราะบรรดาเมียน้อยแกล้งโง่ โดยจะอ้างว่าไม่รู้ว่า ฝ่ายชายมีเมียแล้ว ไม่ได้ ดังนั้น จะเดินหน้าเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด" นางระเบียบรัตน์ กล่าว

นางระเบียบรัตน์ กล่าวเห็นด้วยกับการที่ผู้หญิงสามารถใช้นามสกุลตัวเองหลังแต่งงานได้ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาผู้หญิงต้องเป็นรองผู้ชายทุกเรื่อง และรู้สึกชื่นชมการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ต่อไปนี้ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเสรีภาพพื้นฐานเท่าเทียมกัน

ส่วนเรื่องที่เกรงว่าในอนาคตอาจมีปัญหาญาติพี่น้องจะแต่งงานกันเองนั้น นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า อย่าเอาเรื่องอื่นมาเป็นข้ออ้าง ขณะนี้กำลังพูดเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ส่วนเรื่องในอนาคตสามารถแก้ไขได้


Posted by : 0 , Date : 2003-06-09 , Time : 22:20:04 , From IP : 172.29.3.212

ความคิดเห็นที่ : 1


   อืม อันที่จริงการป้องกันเรื่องผู้ชายมีเมียน้อย หรือเมียน้อยแกล้งโง่นั้น การให้ใส่สถานะนี้ถือว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุนะครับ
แต่ผมก็เข้าใจว่าจะแก้ที่ต้นเหตุนั้น คงยากเหลือหลาย
จึงไม่มีความคิดเห็นต่อต้านอะไรครับ
(ไม่เห็นจะเดืออดร้อนอะไรนี่นา กับแค่คำแสดงสถานะ)

ส่วนเรื่องผู้หญิงใช้นามสกุลตัวเองได้นั้น ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผมว่าต่อไปก็จะเกิดวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้นมาล่ะครับ แล้วพวกเราก็คงจะชินกันไปเอง (เหมือนกับตอนที่มีนามสกุลใหม่ๆ ว่างั้นเถอะ)


Posted by : ArLim , Date : 2003-06-09 , Time : 22:31:17 , From IP : 172.29.2.103

ความคิดเห็นที่ : 2


   ถ้าผู้ชายต้องการให้ผู้หญิง....เกณฑ์ทหารบ้างล่ะ.....

ศาลจะว่าไงนี่....

1.สามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้หรือไม่
2.ลูกใช้นามสกุลใคร.....ถ้าใช้ของแม่ หรือของพ่อ......แต่อยากเปลี่ยนจะทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวหรือไม่
3.พี่น้องที่นามสกุลต่างกัน....มีปัญหามั้ย
4.ถ้าลูกใช้สองนามสกุล แต่งงานกับลูกที่ใช้สองนามสกุล.....หลานไม่ต้องใช้ 4 นามสกุลรึ แล้วเหลนล่ะ หวาย.....


Posted by : นาย ส.(โสด) ....ป้องกันสิทธิชา , Date : 2003-06-09 , Time : 23:18:50 , From IP : 172.29.2.115

ความคิดเห็นที่ : 3


   ผมว่าถ้าจะมีให้เหมือนๆกับผู้หญิงก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าให้ดีควรใช้คำอื่นดีกว่านะ ใช้ ม แทน มีเมีย มันฟังดูแปลกๆนะ


Posted by : Chester , Date : 2003-06-10 , Time : 00:01:20 , From IP : 172.29.2.125

ความคิดเห็นที่ : 4


   มีสองประเด็น หนึ่งคือหตุผลนั้นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร สองคือเป็นแนวการทำให้ "เท่าเทียม" ที่แปลก

เป็นที่น่าสงสัยว่าเมียน้อยที่ "แสร้งโง่" จะถูกส่งผลได้อย่างไรจากการที่มีสรรพนามดังกล่าวอยู่ในชื่อ การ "แสร้งโง่" นั้นแปลได้ความหมายอยู่แล้วว่ารู้ทั้งรู้ว่าเขามีภรรยาแล้วก็ยังยินยอม ส่วนการติดสรรพนามน่าจะมีผล "บ้าง" กับพวกที่ไม่รู้จริงๆ ว่ากำลังจะเกี่ยวข้องกับคนมีครอบครัวแล้ว

ประเด็นที่สองหากการเปลี่ยนสรรพนามผู้หญิงเป็น sexism วิธีแก้น่าจะเป็นยกเลิกการใช้สรรพนามดังกล่าว ไม่ใช่เพิ่มการเป็น sexism ทั้งสองฝ่ายแทน เปลี่ยนเป็นเรียน "คุณ" ทั้งสองเพศ จริงๆแล้วฝรั้งก็มีคำสรรพนาม Ms ซึ่งไม่ได้บอกสถานะว่าเป็น Miss หรือ Mrs มานมนานมากแล้ว ซึ่งเปนวิธีแก้ปัญหาเรื่อวไม่เท่าเทียมกันนี่แหละครับ ว่าฉันแต่งหรือยังไม่ใช่เรื่องกงการอะไรของชาวบ้าน

Liberal นั้นมีวิธีคิดที่ต้องการ "ยกระดับ" ให้เสมอภาคครับ ไม่ใช่ "ดึงระดับ" ให้เสมอภาค เรื่องนามสกุลนั้นเห็นด้วย แต่สองเรื่องหลังนั้นผมมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป

ทำไมถึงต้องป้องกันการมีชู้ด้วยวิธีนี้? ทำไมเราต้องการปกป้องเกียรติของผู้ชายที่ไร้เกียรติ? สภาพที่ทั้งคู่หมดรักกันนั้น วิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายมิใช่ยอมรับความจริงหรอกหรือ? การ reinforce กฏหมายนี้ยิ่งตลก และเป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่าหากใครต้องการมาบอกให้เราใส่ prefix suffix เพื่อบอกที่มาที่ไปต้นตระกูล เป็นหม้ายหย่าร้าง ถูกทิ้ง หรืออิสระอีกแล้ว ฯลฯ สรรพนามมิเปลี่ยนไปมากมายเรื่อยๆหรือ?

ไม่มีกฏหมายที่สามารถ "ซื้อ" ความซื่อสัตย์ได้หรอกครับ มันจะกลายเป็น false sense of security ในที่สุดเหมือนกับกฏหมายทุกชนิดที่เมื่อวันก่อนมีคนใจดีบอกว่ากฏมีไว้ทำลายหรือหลบหลีกนั่นแหละครับ ยกเว้นมีเหตุผลอื่นที่ยังมิได้แจ้ง ผมว่าเราควรจะมีการ debate ให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นความหมายของสิทธิมนุษยชนกันแน่ การออกกฏหมายการเรียกชื่อตนเองกระนั้นหรือเป็นการเสริมสร้างสิทธิส่วนบุคคล?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-06-10 , Time : 02:30:26 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 5


   อย่างที่บอกล่ะครับ ผมเห็นว่าเป็นการแก้ที่ปลาย ซึ่งอาจจะไม่ได้ช่วยให้เกิดผลดีอย่างที่ต้องการเลยก็ได้ และก็คงได้เกิดเรื่องราวอะไรใหม่ๆขึ้นกันสนุกสนานอย่างที่นายส.(โสด)ว่า (แต่จริงๆแล้วมันคงไม่วุ่นวายขนาดนั้นหรอก คงต้องมีการตั้งกฎระเบียบมาคุมอีกทีล่ะ)

เรื่องสรรพนามที่ว่าจะใช้คุณ หรือคำกลางๆที่ไม่บอกสถานะอะไร ถ้าไม่เป็นทางราชการก็ใช้ได้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ แต่ถ้าในบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ฯลฯ อย่างนี้ก็คงต้องตามกฏเกณฑ์ล่ะ

อืม เีรื่องสิทธิมนุษยชนหรือเรื่องสิทธิชาย-หญิง เขามีการพูดคุยถกเถียงกันทั่วไปและนานกันจน เข้าใจกันเป็นส่วนใหญ่แล้วนี่ครับ ผมยังไม่เห็นเลยว่าจะต้องถกเถียงกันทำไม ยกเว้นว่าจะมีคนที่ไม่เข้าใจหรือหลงผิดต้องการคำอธิบายอีก (เช่น อยากให้ผู้หญิงเกณฑ์ทหารบ้าง ... คงรู้เหตุผลนะครับ ว่าทำไมถึงไม่มี)


Posted by : ArLim , Date : 2003-06-10 , Time : 04:32:55 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 6


   เท่าที่อ่านผมไม่ค่อย serious กับคำนำหน้าอะไรมากกมายนะครับ เอาเป็นว่าผมขอเสนอ ให้มีอย่างนี้แทนดีกว่า แทนที่จะไปบอกสถานะ ส โสด ม มีเมียแล้ว อะไรแบบนั้น เราก็เลียนแบบให้คล้าย ๆ กันไปเลยระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนะครับเช่น ผู้หญิงพัฒนาการจาก ด.ญ. เป็น น.ส. (นางสาว) และแต่งแล้วก็ นาง ผู้ชายก็เอาเป็น ด.ช. เป็น น.น. (นายหนุ่ม) แต่งแล้วก็ใช้ นาย เฉย ๆ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายดีมั้ยครับ :-)

Posted by : Mercury , Date : 2003-06-10 , Time : 12:04:51 , From IP : 172.29.1.195

ความคิดเห็นที่ : 7


   ทำไมต้องนายหนุ่มล่ะครับ ฟังแล้วตลกดี เป็นอย่างอื่นได้ไหม เช่น นายโสด (แต่งงานแล้วค่อยตัดโสดออก คราวนี้ผู้ชายก็มีขึ้นต้นว่า นส.เหมือนกัน ฮ่าๆ)
เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยเรียกทิดกันแล้วเนอะ ว่าไหม


Posted by : ArLim , Date : 2003-06-10 , Time : 17:44:59 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 8


   คือคำ ว่า หนุ่ม มักใช้คู่กับคำว่าสาว นะครับ เช่น หนุ่มสาว ผมเลยเอาเป็น น.น. (นายหนุ่ม) คู่กับ น.ส. (นางสาว) งัยละครับ :-D

Posted by : Mercury , Date : 2003-06-10 , Time : 18:42:22 , From IP : 172.29.1.195

ความคิดเห็นที่ : 9


   อำแดงอ้นกับทิดสอนก็ได้บรรยากาศดีครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-06-10 , Time : 18:48:41 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 10


   ทำไมราชการจะต้องรู้สภาวะแต่งงานจากชื่อ? ไม่มีเหตุผล และที่ทำก็เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ไม่ใช่เหตุผลว่าราชการต้องการอย่างที่ว่าแน่นอน เป็นแค่ระบบ sexism ที่ตกค้างเหลืออยู่แค่นั้น

การหมกมุ่นว่าคนที่เรากำลังจะคบหาอยู่แต่งงานหรือยังเป็น concept ที่แปลก หากเราพิจารณาการคบหานั้นเป็นเพื่อนร่วมงานเป็นจุดเริ่มต้น อะไรกันที่เราจะคบใครเพื่อที่จะมี sex กันแต่แรกเชียวหรือ? หลังจากคบเป็นเพื่อนแล้วแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่น่าเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาอีกต่อไป ยกเว้นเราตั้งใจว่าทุกครั้งที่ฉันจะคบใคร ฉันจ้อง rule out ว่าถ้าฉันนอนกับเธอจะเป็นชู้กับใครหรือเปล่า? คงจะเป็นสังคมที่ weird มากๆ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-06-10 , Time : 19:18:32 , From IP : 172.29.3.160

ความคิดเห็นที่ : 11


   เห็นด้วยกับพี่ Phoe.ค่ะ
ความซื่อสัตย์ของคนไม่สามารถใช้กฎหมายบังคับได้
ไม่สามารถแก้ไขได้โดยคนอื่น มันต้องเกิดมาจากจิตสำนึกของคนนั้นเอง
เรื่องเมียน้อยก็เหมือนกันแหมไม่ต้องไปบอกเค้าหรอกว่าใครแต่งงานแล้วยัง ผู้หญิงดีๆ น่ะจะหาสามีทั้งที มันก็ต้องสืบบ้างล่ะว่าเป็นใครมาจากไหน มีเมียแล้วยัง
ไม่ใช่แค่เห็นหน้ากันแล้วจะตะครุบซะเมื่อไร เพราะฉะนั้นจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้หรอกค่า
เรื่องนามสกุลก็เหมือนกัน
ร.6 ท่านพระราชทานนามสกุลแก่คนไทยเพื่อการเป็นระเบียบ เรียบร้อยเป็นหมวดหมู่ สงสัยยายระเบียบรัตน์ เอ้อ นางระเบียบรัตน์จะลืมน่ะค่ะ
การใช้นามสกุลตัวเองหรือของสามีไม่ได้ทำให้สิทธิขั้นพื้นฐานอะไรเปลี่ยนไปเลย
เค้าก็ยังให้ใช้น้ำใช้ไฟ ขึ้นรถโดยสาร อะไรต่อมิอะไรได้เหมือนเดิม
เค้าว่านะถ้าคุณนางระเบียบรัตน์เอาเวลาไปคิดหาอะไรให้ผู้หญิงทำเพื่อหาเลี้ยงปากท้องไม่ให้ยากจนมีปัญหามากมายอย่างทุกวันนี้น่าจะดีกว่า ว่ามั้ย
ดีกว่ามานั่งทะเลาะกันเรื่องนามสกุล วันนั้นที่ออกทีวีช่องเก้าเธอทำหน้าคุกคามคนที่ค้านเรื่องนี้อย่างมากเลย ทำหน้าทำตาซะน่ากลัว
เราจดทะเบียนสมรสแล้ว ยังไม่ได้ไปเปลี่ยนนามสกุล พอกฎหมายนี้ออกว่าจะไปเปลี่ยนเป็นของสามีแล้วล่ะ ก็รักเค้านี่อีแค่นามสกุล จะไปอะไรนักหนา

vivi


Posted by : vivi , Date : 2003-06-10 , Time : 19:54:51 , From IP : 172.29.3.240

ความคิดเห็นที่ : 12


   อืม แล้วคิดยังงัยกับวัฒนธรรมการ "กิ๊ก" บ้างล่ะครับ

Posted by : ArLim , Date : 2003-06-12 , Time : 03:18:33 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 13


   กิ๊กนี่คือเพื่อนที่กำลังลองจีบกันแต่ยังไม่เป็นแฟนรึเปล่า? หรือว่าเพื่อนซี้ต่างเพศเฉยๆ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-06-12 , Time : 09:19:36 , From IP : 172.29.3.230

ความคิดเห็นที่ : 14


   ไร้สาระมากเลย แค่เรื่องนามสกุลไม่พอ ยังจะมามั่วเรื่องคำนำหน้าชื่อด้วย
กะอีแค่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อของผู้ชายแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นหรือไง
ถ้าจะอ้างว่าป้องกันโดนผู้ชายที่แต่งงานแล้วหลอกลวง ถามจริงเหอะ จะมีผัวทั้งทีไม่คิดจะดูให้ดีก่อนเหรอ หรืออยากจะแค่ดูบัตรประชาชนแล้วยอมเลย ง่ายดี!!!


Posted by : the Hulk , Date : 2003-06-13 , Time : 20:32:40 , From IP : 172.29.2.129

ความคิดเห็นที่ : 15


   ไร้สาระมากเลย แค่เรื่องนามสกุลไม่พอ ยังจะมามั่วเรื่องคำนำหน้าชื่อด้วย
กะอีแค่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อของผู้ชายแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นหรือไง
ถ้าจะอ้างว่าป้องกันโดนผู้ชายที่แต่งงานแล้วหลอกลวง ถามจริงเหอะ จะมีผัวทั้งทีไม่คิดจะดูให้ดีก่อนเหรอ หรืออยากจะแค่ดูบัตรประชาชนแล้วยอมเลย ง่ายดี!!!


Posted by : the Hulk , Date : 2003-06-13 , Time : 20:32:46 , From IP : 172.29.2.129

ความคิดเห็นที่ : 16


   ดูความหมายของ "กิ๊ก" ได้ที่กระทู้ของคุณ "ฒ" ครับ ผมก็เพิ่งรู้ความหมายเหมือนกัน

Posted by : ArLim , Date : 2003-06-14 , Time : 04:33:54 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมว่าเปลี่ยน หรือ ไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มันอยู่ที่คนอะนะ ......จะหลอกซะอย่าง


Posted by : x-men , Date : 2003-06-15 , Time : 21:47:51 , From IP : 172.29.2.129

ความคิดเห็นที่ : 18


   ผมคิดว่าคนเสนอเรื่องนี้ดำเนิน strategy ผิดพลาด คือแทนที่จะใช้หลักการและภาคปฏิบัตินำ กลับใช้ "สัญญลักษณ์" และเหตุผลแคบๆนำ

คำนำหน้า หรือนามสกุลนั้นเป็นแค่ "สัญญลักษณ์" ที่"อาจจะ"แสดงถึงความไท่เทียมเท่านั้นเอง ทุกวันนี้คนไม่ได้คิดมากว่าถูกกดขี่ทางเพศเพราะถูกเรียกนาง หรือนางสาว หรือเปลียนนามสกุลตามสามี บางคนถือว่าเป็น mission accomplish และสัญญลักษณ์ของ "ทองแผ่นเดียวกัน" ซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นสัญญลักษณ์แห่งความกดขี่ทางเพศดังกล่าวเป็นแค่ความรู้สึกของคนนำเสนอกับผู้สนันสนุนจำนวนไม่ทราบ ซึ่งการดำเนิน strategy แบบนี้สามารถกลายเป็นการ discredit course ของตนเองไปอย่างน่าเสียดาย (การใช้เหตุผลเมียน้อยแกล้งโง่จากผู้ชายใช้คำนำหน้าว่านายนั้น ค่อนข้างทำให้ฐานของเหตุผลอ่อนจนอาจจะกลายเปนเรื่องขบขัน เรื่องส่วนตัว หรือ การขาดความคิดที่ถ้วนถี่ไปง่ายๆ)

Strategy ที่ใช้หลักการนำมีตัวอย่างมากมาย (ในต่างประเทศ) เช่นตำแหน่งหน้าที่การงานต่างๆที่เคย preserve ไว้สำหรับ Elite-Macho club ก็จะถูกกฏหมายบังคับให้เป็นเรื่องไม่ถูกต้องไป ผู้หญิงสามารถเลื่อนขั้นเป็น Boss ได้เท่าๆกับผู้ชายหากมีความสามารถถึง สามารถประกอบอาชีพต่างๆได้เท่าเทียมกัน (เช่น ทหาร นักบิน นักกอล์ฟ นักมวย ฯลฯ) มี ceiling ของเงินเดือนและอัตราเงินเดือนเท่ากัน (เคยมีเรื่องดังขึ้นเมื่อ Wimbledon ถูกประท้วงโดยนักเทนนิสหญิงว่าค่าตอบแทนผู้ชนะของผู้หญิงนั้นน้อยกว่าผู้ชายเยอะ...จำได้ว่าเท่าไหร่ แต่เยอะจริงๆ Wimbledon แก้ตัวว่าผู้ชายแข่งมาก sets กว่าผู้หญิง จึงถือว่า perform มากกว่า จำไม่ได้ว่าลงเอยยังไง) ซึ่งการประท้วงทำนองนี้จะได้ประโยชน์มากกว่าการใช้สัญญลักษณ์เรื่องคำนำหน้า นามสกุล ซึ่งกลายเป็นคนละเรื่องไปไกลจากความเคยชินไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คิดให้รอบคอบถึง consequence อย่างที่มีคนถามกันมาหลายข้อ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-06-16 , Time : 00:50:00 , From IP : 172.29.3.230

ความคิดเห็นที่ : 19


   อือ??????? มีคำบอกสถานะภาพสักนิดก็ดีนะ หญิงบ้างคนจะได้ไม่ต้องสืบว่ามีใใ หรือยัง แบบว่าเบื่อฮะ

Posted by : man 100% , Date : 2003-06-16 , Time : 01:52:37 , From IP : 172.29.3.214

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.033 seconds. <<<<<