ความคิดเห็นทั้งหมด : 26

ความตกต่ำของคณะแพทย์ ม.อ.


   มีคนบอกว่าเมื่อก่อน วิชาการของ ม.อ.สู้จุฬา กับ ศิริราชไม่ได้ แต่หัตถการเราเด่นสู้ที่อื่นได้สบาย แต่ปัจจุบัน ทั้งวิชาการและหัตถการเราไม่ได้เรื่องเลยทั้งคู่ หมอที่จบๆไปทำอะไรไม่ค่อยเป็นไม่รู้เรื่อง
จากการประเมิน วิชา com-med กับ clinical immersionในปี2-3 บ้าบอไร้สาระอะไรเรียนตั้ง14 สัปดาห์ ผู้บริหารกลับมาทบทวนใหม่ กลับมาเน้นวิชาการให้เข้มข้นจะได้สู้ที่อื่นเค้าได้ นี่จะcompre ประเทศแล้ว ก็คงอยู่อันดับเตี้ยต้อยต่ำติดดินไม่มีวันจะโงหัวขึ้นมาได้หรอก


Posted by : นิหน่า , Date : 2005-10-26 , Time : 23:44:04 , From IP : gb.jb.117.228.revip.

ความคิดเห็นที่ : 1


   คุณนิหน่ามีข้อเสนอแนะอะไรดีๆมั๊ยครับ คิดซะว่าทำเพื่อสงขลานครินทร์ของเรา



Posted by : megumi , Date : 2005-10-27 , Time : 00:55:02 , From IP : 172.29.7.166

ความคิดเห็นที่ : 2


   คุณเป็นใคร

เรียนจบ รึเปล่า


Posted by : OK , Date : 2005-10-27 , Time : 00:59:01 , From IP : 203.113.71.201

ความคิดเห็นที่ : 3


   เอาอะไรมาวัดว่า วิชาการและหัตถการของ ม.อ.สู้จุฬา กับ ศิริราชไม่ได้

Posted by : มอ , Date : 2005-10-27 , Time : 01:09:10 , From IP : 172.29.1.97

ความคิดเห็นที่ : 4


   ไม่ว่าภาพที่ออกมา หรือความเชื่อว่าสถาบันเราเป็นยังไง ต้อยต่ำหรือไม่ พวกเราที่อยู่ที่นี่คงต้องทำอะไรให้คนภายใน เเละภายนอกทราบว่าเรามีศักยภาพเเค่ไหน ภูมิใจในสถาบัน ช่วยกันสร้างผลงานเเละผลิตเเพทย์ให้เป็นที่ยอมรับ อย่าทำให้ location และสถานการณ์มามีผลมากไปกว่านี้ มิฉะนั้นการมาต่อปากต่อคำคงไม่มีประโยชน์ หรือคิดแต่เพียงว่าเราเก่งไม่พอ ต้องช่วยกัน

Posted by : 001 , Date : 2005-10-27 , Time : 12:00:09 , From IP : 172.29.7.208

ความคิดเห็นที่ : 5


   น้องเอามาจากไหนครับ หัตถการเราสู้ไม่ได้ ไม่จริงดอกน้องเอ๋ย

Posted by : Extern มหาราช , Date : 2005-10-27 , Time : 16:24:09 , From IP : 172.29.4.179

ความคิดเห็นที่ : 6


   be mature ,be resonable

Posted by : mumoo , Date : 2005-10-27 , Time : 16:40:18 , From IP : 172.29.4.135

ความคิดเห็นที่ : 7


   ผมว่าคำว่า "ความตกต่ำ" หมาะสมหรือไม่?
จริงๆแล้ว แพทย์ 1 คนควรจะประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง?
น่าจะประกอบด้วย ปัจจัยในตัวบุคคล ทั้ง ความรู้ ความสามารถ การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความรับผิดชอบ อื่นๆ อีกหลายประการ ผมเขียนเช่นนี้ไม่ได้ขัดแย้งกับคุณมิหน่านะครับ ผมเห็นด้วยกับคุณ เพียงแต่ผมมองในมุมที่ต่างไปนะครับ
ความรู้ ความสามารถ หัตถการ แต่ละคนไม่เท่ากันจริงไหมครับ เพราะนอกจากพรสวรรค์แล้ว ยังมีพรแสวงที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งส่วนมากจะได้จากการ เป็น Intern หรือ ในปีต่อๆไป (เป็นการยากที่จะทำได้ดีเยี่ยมในช่วงที่เรียน แทบทั้งสิ้น จริงหรือไม่??) เช่นกัน ความรู้ทางวิชาการ ก็เช่นกัน แต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นกับ พรสวรรค์, การได้ดูแลคนไข้ในกลุ่มดังกล่าวหรือไม่ รวมถึงการศึกษาเพิ่มเติม หมอบ้างท่านอาจรักษาโรคในกลุ่มต่างๆ ได้เชี่ยวชาญไม่เท่ากัน ผมจึงเห็นว่า จริงๆแล้ว เราคงไม่สามารถทำให้ทุกๆคนเยี่ยมไปได้ทุกด้านหรอกครับ (ถ้าได้คงดี) แต่ผมว่าควรจะมามองถึง ความรู้ และความสามารถต่ำที่สุดที่เราควรมาดูกันมากกว่า จริงไหมครับ ใครเก่งกว่าก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ตามต้องการก็ช่วยเค้าเหล่านั้นดีไหมครับ และผมไม่อยากให้มองว่าเป็นความตกต่ำเพราะอย่าลืมว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เกิดเรื่องเกิดราวมากที่สุด น่าจะเป็นความรับผิดชอบต่อหนาที่การงานมากกว่า นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึงการทำงานกับผู้อื่น และ การสื่อสารให้คนไข้เข้าใจ การเห็นอกเห็นใจ สิ่งเหล่านี้ก็สำคัญนะครับ
ผมว่าถ้าผมเป็น GP สิ่งที่ผมควรเป็นคือ ต้องมี ความสามารถในการสื่อสาร เห็นอกเห็นใจ ความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ต่างกับ หมอเฉพาะทางแน่ๆ แต่ความรู้ความสารถผมไม่เท่า แต่ผมจะดูแลคนไข้ โดยหากรู้ว่าเกินความสามารถ จะรีบส่งต่อทันที และจะ เรียนรู้ และเพิ่มทักษะในภาวะ ฉุกเฉินให้ได้ดีที่สุดครับ

นี้แค่มุมมองมุมหนึ่งเท่านั้นครับ ไม่ได้คัดแย้งแต่อย่างไร และยินดีหากมีวิธีแก้ไขปัญหาอื่นๆที่ดีๆ ด้วยครับ


Posted by : araidee , Date : 2005-10-27 , Time : 17:34:00 , From IP : 172.29.1.243

ความคิดเห็นที่ : 8


   อย่ามองเรื่องสถาบันเลยครับ pathway ก็ต้องใช้แต่อย่าลืมเรื่องความเก่ง individual ครับงานนี้ใครจะเก่งไม่เก่งเรื่องของใครจะพยายาม ต่อให้เรียน america ถ้าขาดจิตสำนึกเรื่องเรียนให้เก่ง(ไม่ใช่เกรดดีนะครับ มันคนละเรื่องกันเลย)ก็เจ๊ง เรื่องงี้ต้องทำเองครับ ทำเอง

Posted by : i will go pataya , Date : 2005-10-27 , Time : 17:43:19 , From IP : 172.29.4.87

ความคิดเห็นที่ : 9


   ขอตอบในฐานะที่ ได้ไปสัมผัส โรงเรียนแพทย์มาแล้ว สี่แห่งน่ะครับ คือ จุฬา มข. ศิริราช และ ม.อ.

1. การที่จะมองว่าคะแนนของคณะแพทย์ ม.อ. เตี้ยติดดินน่ะ มองได้หลายมุมน่ะครับ มหาลัยอยู่ไกลจากเมืองหลวง เด็กเมืองหลวงหลายๆ คนใครเขาจะมาครับ บางคนยอมเรียนแพทย์เอกชนในกรุงเทพ ดีกว่า มาไกล แล้วยิ่งสถานการณ์ภาคใต้มันไม่สงบอย่างนี้ใครจะมา เมืองหาดใหญ่ไม่มีแรงดึงดูด จังหวัดอื่นๆ เช่น เชียงใหม่ น่าเที่ยวกว่าหาดใหญ่ (ไม่เชื่อก็ไปดูเรื่อง เพื่อนสนิท ซิครับ จะยิ่งอยากไปเรียน มช. มากขึ้น)

2. หัตถการ กับวิชาการ ด้อยกว่าที่อื่น ด้อยกว่านี้หมายความว่า เด็กแพทย์ ม.อ. ด้อย หรือว่าการสอนด้อยครับ ผมว่าถ้าการสอนด้อยแล้วไง เด็กทำไมไม่พัฒนาล่ะ ก็รู้ว่าอาจารย์สอนไม่ดี ถ้าเด็กด้อยอันนี้แล้วแต่คนน่ะ

3. ความภูมิใจ ในสถาบัน ผมว่าคนเรามีหลายแบบน่ะ บางคนภูมิใจมาก ตั้งใจสอบเข้ามา มันก็ดีไป บางคนไม่ภูมิใจในสถาบันแต่ยังไงมันก็ต้องเรียนเพราะไม่มีปัญญาสอบติดที่อื่น แต่ที่สำคัญมันอยู่ตรงไหนครับ อยู่ที่ว่าเรียนให้มันจบไป ให้มันได้แพทย์ดีๆๆ ช่วยเหลือคนไข้ได้ต่างหาก

แค่ก่อนแล้วกัน เขียนยาวไป มันไม่ดี


Posted by : สมพร , E-mail : (sompon@hotmail.com) ,
Date : 2005-10-27 , Time : 19:31:15 , From IP : 192.168.60.147


ความคิดเห็นที่ : 10


   ตอนเป็นนศพ.ก็ไม่เคยเห็นความสำคัญของ commed หรือ health promotion เรียนไปจำไม่ค่อยได้ ลืมซะมาก รู้สึกเป็นแค่นามธรรม แต่เมื่อออกมาทำงานแค่ staff และจนท.อื่นๆ พูดถึงระบบประกันคุณภาพ พูดคำย่อแล้วเรารู้ ในขณะที่เพื่อนที่จบที่อื่นได้แต่ทำหน้าเหวอ...รู้สึกดีมาก (ความเห็นส่วนตัว)

Posted by : รุ่นพี่ , Date : 2005-10-27 , Time : 19:55:23 , From IP : 203.188.6.9

ความคิดเห็นที่ : 11


   ถ้าอยู่เเบบเพื่อจะจากไป หรืออยู่เพราะไม่มีที่จะไป สุดท้ายก็คงไม่มีไรเปลี่ยนเเปลง ก็อยู่เเบบเขินๆ กันไป หรือเเบบเลือดรักสถาบันขึ้นหน้าเมื่อพบกับความเห็นต่างๆ สิ่งบอกเล่าที่เกี่ยวกับสถาบันที่ถูกใจบ้างและไม่ถูกใจบ้าง แต่จะทำอย่างไรที่จะช่วยเปลี่ยนให้มันดีขึ้น เเต่บางอย่างคงยากที่จะเปลี่ยน หรือต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน (สถานการณ์เเย่ๆ, สถานที่ไกล, สิ่งเเวดล้อม, หรือเเม้กระทั่งภาพที่สังคมที่มองเรา) ช่วยที

Posted by : .. , Date : 2005-10-27 , Time : 20:22:55 , From IP : 172.29.7.52

ความคิดเห็นที่ : 12


   เรียนแพทย์ ม.อ.ที่นับถือ
กระผมขออนุญาตแสดงความเห็นในฐานะแพทย์ที่ทำงานอยู่ภาคใต้(กระผมไม่ได้จบจาก ม.อ.)ได้สัมผัสกับน้องๆที่จบใหม่(แพทย์เพิ่มพูนทักษะ)จากหลายๆสถาบันสามารถบอกได้เลยว่าน้องๆจาก ม.อ.ไม่ได้ด้อยกว่าที่อื่นๆทั้งวิชาการและหัตถการครับ กระผมเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในคณะแพทยศาสตร์ ม.อ. ผมได้บอกกับผู้ป่วยและทีมงานการรักษาของผมว่าโรงพยาบาล ม.อ.ยังเป็นที่พึ่งของเราได้เสมอ ตัวผมเองยังได้เรียนปรึกษาทางด้านวิชาการกับอาจารย์แพทย์ ม.อ.บ่อยๆ
จุดเ่ด่นมากของ ม.อ.คือทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผมประทับใจมากกับข้อมูลการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่พิมพ์อย่างละเอียดแล้วให้มากับผู้ป่วยทำให้ทีมงานรักษาโรงพยาบาลอื่นสามารถดูแลต่อเนื่องได้อย่างดี น้องๆ นศพ.ม.อ.ก็มีความรู้เรื่องดอมพิวเตอร์มากเห็นมี notebook กันเกือบทุกคน
โรงพยาบาล ม.อ.เป็นโรงเรียนแพทย์โรงแรกที่ ผ่าน HA และตอนนี้โรงพยาบาล ม.อ. ก็ยังเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาคุณภาพให้แก่โรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่ด้วย
ผมจึงอยากให้น้องๆ ม.อ.ทุกคนมั่นใจและศรัทธาคณะแพทย์ ม.อ.ครับ


Posted by : Top Secret , E-mail : (------------------------------) ,
Date : 2005-10-27 , Time : 20:25:28 , From IP : 203.114.118.175


ความคิดเห็นที่ : 13


   คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมภูมิใจที่จบจากสถาบันแห่งนี้
ถ้าย้อนเวลาได้ผมก็จะขอเรียนที่นี่ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ


Posted by : jugutleang , Date : 2005-10-27 , Time : 22:55:32 , From IP : 172.29.1.202

ความคิดเห็นที่ : 14


   Community medicine สำคัญเพราะเราฝึกอบรมแพทย์ส่วนใหญ่ให้ไปเป็นแพทย์ชุมชนครับ คล้ายๆกับที่เราถามตอนสอบสัมภาษณ์แล้วน้องๆตอบมาว่าจะทำงานเพื่อชุมชนอะไรนั่นแหละครับ พอจะจำได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ

วิชาต่างๆที่เราบรรจุลงมานั้นมีที่มา มีเหตุผลทั้งสิ้น ถ้าน้องประเมินแล้ว วิเคราะห์แล้วรู้สึกว่ามันเหลวไหลบ้าบอไร้สาระ อาจจะเป็นเพราะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน น่าจะลองสอบถามจากอาจารย์ หรืออ่านคู่มือรายวิชาอีกทีว่าเราได้ประสบการณ์การเรียนอย่างที่เขียนไว้ครบถ้วนแล้วจริงหรือไม่ ใช้เวลาทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้วหรือเปล่า

Clinical Immesion ประมาณแค่ 3 อาทิตย์นั้น สำหรับเรียนรู้ว่า "ชีวิตแพทย์ชุมชนที่แท้จริงเป็นอย่างไร" ลำพังวัตถุประสงค์นี้อย่างเดียว เราก็เริ่มหนักใจว่ามันเพียงพอหรือไม่ที่น้องจะได้ "สัมผัส" ชีวิตแพทย์ที่พวกเรา commit กันก่อนเข้ามาเรียนได้อย่างแท้จริง เราคิดว่าหากนักศึกษาไปเห็นระบบการทำงาน เห็นชาวบ้านชาวช่องเขาอยู่กันอย่างไรที่บ้านตอนไปออก PCU เราจะได้ปรับเจตคติของวิชาชีพได้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น เวลาน้องขึ้น ward ตอนปี 4 ปี 5 จะได้ทราบว่าชาวบ้านที่เรา discharge ออกจาก รพ.นั้น เขากลับไปอยู่ในสภาพแบบไหน ต้องไป follow up กับ รพ.ข้างนอกที่มี facility ขนาดไหน เขาสามรรถจะปฏิบัติตัวตาม hea;th promotion ทีเราได้ฝึกแนะนำ (บางคน) ได้หรือไม่

รายวิชาต่างๆที่ออกแบบมามีกรอบคือเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภาครับ ถ้าน้องรู้สึกว่ามันไม่ตรงกับที่คิด ที่หวังไว้ ลองตรวจสอบข้อมูลที่มี และแสวงหาเพิ่มเติม ถ้ายังรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้ามา อาจจะต้องรับกลับลำเพื่อตั้งต้นใหม่ก็ยังไม่สาย



Posted by : Phoenix , Date : 2005-10-28 , Time : 11:48:12 , From IP : 172.29.3.163

ความคิดเห็นที่ : 15


   ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ

Posted by : เด็กแนว , Date : 2005-10-28 , Time : 14:05:18 , From IP : 172.29.7.99

ความคิดเห็นที่ : 16


   หลักการดี ครับ แต่ วุฒิภาวะ คนเรียน ยังไม่ ดีเ่ท่าที่ควร แต่บางที่ ก็ต้องอาศัย ดวงด้วย ว่าใครจะเรียน เกรดดี
การทำงานเป็นจะเป็น มาตรฐาน ที่ดีที่สุด ดีกว่าการสอบ compre
การถูกฟ้องจะเป็นตัวชีวัดว่า ทำงานไม่เป็น
การที่คนไข้ตายโดยไม่สมควรตาย เป็นตัวชี้วัดว่า ความรู้ไม่พอ
การที่มีใคร ออกมาบ่นว่า การเรียน การสอนไม่ดี แสดงว่า มันยังไม่ perfect แต่จะปรับปรุงอย่างไร ผู้ใหญ่ ควรฟังเด็ก เด็กเคารพ ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ ทำพลาด ควรกล้าที่จะถอย คุณสร้างอะไรเอาไว้ ผล นั้น จะกลับมาสู่คุณ


Posted by : ฟฟฟ , E-mail : (moror@hotmail.com) ,
Date : 2005-10-28 , Time : 14:09:45 , From IP : 203.121.165.162


ความคิดเห็นที่ : 17


   ผมไม่ได้เป็น big fan ของ KPI หรือพวกตัวชี้วัดเท่าไหร่นัก (เป็นที่รู้กัน) เพราะใน field ของอาชีพเรานั้นจรรยาบรรณวิชาชีพมัน "วัด" ยากครับ ในสาม principles ได้แก่ Altruism (primacy of welfare of the patient), autonomy, justice นั้น เป็นนามธรรมทั้งหมด

ขออนุญาตวิจารณ์สองสาม "ตัวชี้วัด" ข้างบนหน่อยนึง

การถูกฟ้องจะเป็นตัวชีวัดว่า ทำงานไม่เป็น
ผมคิดว่าไม่จำเป็นครับ การจะฟ้องหรือไม่ฟ้องนั้นเป็น outcome ปลายตัดสินโดยผู้ป่วยและ/หรือญาติ บางทีนอกเหนือความควบคุมของเรา แม้แต่ รพ.ที่มาตรฐานดีที่สุดก็ "ไม่สามารถการันตี" ว่าจะไม่ถูกฟ้อง เพราะความพึงพอใจของคนนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรฐานโดยตรง และการจะฟ้องใครสักคนก็อาจจะมาได้ทั้งทางตรรกะเหตุผล หรือว่าทางอารมณ์ความรู้สึก

การที่คนไข้ตายโดยไม่สมควรตาย เป็นตัวชี้วัดว่า ความรู้ไม่พอ
ก็ไม่จำเป็นอีกเหมือนกัน บางทีผป.ตายนี่มีหลายสาเหตุรอบด้านตามบริบทครับ ว่าตั้งแต่ตายเพราะอุบัติเหตุจากความประมาท (ของ ผป.) ตาย ณ ที่เกิดเหตุ เพราะไม่มีพลเมืองดีพามาส่ง รพ. ตายในรถพยาบาลเพราะจราจรติดขัด รถเสีย ยางแตก ตาย ณ ห้องฉุกเฉินเพราะอาการหนักแต่ไม่มีแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญด้านนั้นๆอยู่ ณ ห้องฉุกเฉิน ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้ไม่พอเลย แต่ ผป.ก็ตายโดยไม่สมควรจะตาย



Posted by : Phoenix , Date : 2005-10-28 , Time : 16:59:19 , From IP : 172.29.3.123

ความคิดเห็นที่ : 18


   ภูมิใจ ดีใจ ที่ได้เรียน และจบจากคณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ มาตลอดครับ ...

Posted by : PomP , E-mail : (ppomp2003@yahoo.com) ,
Date : 2005-10-29 , Time : 12:33:48 , From IP : 203.155.189.80


ความคิดเห็นที่ : 19


   โดยส่วนตัวคิดว่า คนเราจะเก่งมันขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่สถาบัน
บางคนมีพร้อม แต่ไม่รู้จักไขว่คว้า
รักนะเด็กโง่


Posted by : คนทำงานในรพ.มอ. , Date : 2005-10-30 , Time : 21:27:41 , From IP : 172.29.3.172

ความคิดเห็นที่ : 20


   คิดว่าระบบแย่ อาจารย์ห่วย ทำไม่ยังทำตัวห่วยตามไม่พัฒนาตัวเอง ผมเป็นพวกเรียน block ปีแรก หลักสูตรออกมาก็อย่างที่พวกน้องๆว่าตามนั้น แต่ยังมีความภูมิใจในสถาบันแห่งนี้อยู่ พอจบไปการทำงานหลายๆอย่างก็ทำได้ไม่มีอายใคร ตอนนี้มาเรียนต่อที่อื่นด้วยเหตุผลอื่น(แค่อยากหลีเด็กเทพ) ไม่งั้นก็คงเลือกที่นี่แล้ว แต่ก็ยังภูมิใจที่สถาบันแห่งนี้ให้อะไรหลายๆอย่างกับเรา เช่นความทรหดอดทนที่มั่นใจว่ามากกว่าชาวบ้านแน่ๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ วิชาการก็พอมี ถึงจะน้อยไปหน่อยเพราะตอนเรียนชอบโดราวน์ กะหลับตอนเล็คเชอร์ หัถการตอนเป็นนศพ.ก็ไม่ค่อยได้ทำหรือไม่ได้ทำเลย แม้แต่เย็บแผลก้มาหัดทำตอนเป็นextern ของพวกนี้ต้องเรียนรู้ต้องสั่งสมประสบการณ์ พอตอนนี้ผมก็พอมั่นใจว่าถ้า or เล็กก็ทำได้เกือบหมด ได้สัมผัสอาจารย์หลายๆท่านที่พอเป็นแบบอย่างได้กับตัวเรา

Posted by : สมเอ๋ 4125090 , Date : 2005-10-31 , Time : 00:22:20 , From IP : 203.121.160.34

ความคิดเห็นที่ : 21


   บางอย่างมันห่วยจริงนะ

ผมว่าอย่าเอาอีโก้เป็นหลักเลย

ลองหันกลับไปไตร่ตรองบางอย่างระบบก็ผิดพลาดเยอะนะ

อย่าบอกแต่ว่ามันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลจิ

เพราะถ้าให้เลือกระหว่างบุคคลดีอย่างเดียว กับทั้งบุคคลและระบบดีทั้งคู่ พวกคุณจะเลือกอะไรล่ะ


Posted by : กินรวบ , Date : 2005-10-31 , Time : 15:12:02 , From IP : 172.29.4.241

ความคิดเห็นที่ : 22


   ระบบการศึกษามีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทุกปีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานมากแล้ว ผมคิดว่าทุกระบบ "มีทาง" พัฒนาให้ดีขึ้นเสมอ โดยพิจารณาจากอะไรที่เป็นจุดแข็งที่น่าจะเน้นให้ดีขึ้นไปอีก กับอะไรที่เป็นจุดอ่อนที่จะปรับปรุงแก้ไข

เวลาทำการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และภาวะคุกคาม ที่เราจำเป็นต้องใช้คือ "ข้อมูล" ครับ เพราะถ้าใช้ "ความรู้สึก" นี้ มันจะหลากหลายไปตามประสบการณ์ของปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ว่าความรู้สึกไม่มีความหมาย เพียงแต่เราพบว่าการที่จะให้ match ความรู้สึกของ "ทุกคน" นั้นเป็นเรื่องยาก

สิ่งที่จำเป็นต่อมาก็คือ constructive criticism หรือ "ติเพื่อก่อ" นำเอาประเด็นที่คิดว่ามีปัญหา นำเอา "ข้อมูล" ที่คิดว่าน่าจะปรับปรุงอีกได้มาอภิปรายกัน ลำพังให้ verdict หรือ คำวินิจฉัยท้ายสุดว่าดี ดีมาก ห่วย ห่วยมาก นั้นค่อนข้าง abstract และทำให้ลำบากเวลาจะแก้ไขปรับปรุง เพราะไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าตรงไหน ไม่ได้บอกว่าเป็นข้อมูล ณ เวลาใด (หลักสูตรแต่ละ block ในปัจจุบัน หายากที่จะเหมือนกับเมื่อสองสามปีที่แล้ว เพราะการปรับพัฒนาหลักสูตรที่เกิดขึ้นตลอดเวลา) ฉะนั้นมีโอกาสที่สิ่งที่ไม่พอใจนั้น อาจจะถูกปรับปรุงไปแล้วก็ได้ ทางที่ดีน่าจะบอกรายละเอียดสักเล็กน้อยว่าคือเรื่องอะไร ผมคิดว่ากรรมการวิชาการของแพทยศาสตรศึกษานำเอาข้อมูล feedback และ self assessment มาพิจารณาต่อเนื่องตลอดเวลา

เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับ ego (ซึ่งไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจคำว่า ego ตรงกันรึเปล่าด้วย) เพราะเวลาเราปรับปรุงหลักสูตรแพทยศาสตร์นั้น เราใช้ "ข้อมูล" ครับ มีการเชิญนักศึกษาประมาณ 2-3 รุ่น เข้ามาฟัง ณ เวลาที่เรากำลังปรับปรุงจริง มีอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไปแล้วก็เยอะ จะเป็น Id Ego หรือ superego รึเปล่านั้น ผมยัง match ให้ตรงกับนิยามของ Froyd ไม่ใคร่ได้ แต่ผมเชื่อว่าถ้ามีข้อมูล update ที่เราสามารถนำมาปรับปรุงได้ ข้อมูลนั้นก็จะถูกนำมาวิเคราะห์อย่างแน่นอน ขอให้มันไปสู่ลู่ทางที่ถุกต้องก็น่าจะดี เพราะการ post บนกระดานข่าวแบบ anonymous โดยไม่มีแหล่งที่มา หรือไม่มีข้อมูลรายละเอียด มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับหลักสูตรแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยลำบากเหมือนกัน



Posted by : Phoenix , Date : 2005-10-31 , Time : 15:58:28 , From IP : 172.29.3.122

ความคิดเห็นที่ : 23


   อย่ามาว่า มอ.ไม่ได้นะ ลองมอ.เปิดก่อนจุฬาสิ แล้วดูกันว่าใครจะดีกว่ากัน
มอ.ไม่ได้ด้อยเลย ภาคใต้เนี้ยอะไรๆก็มอ.
ดีที่สุดของภาคใต้ ต้องยกให้ มอ.

จำไว้ ห้ามมาว่า มอ.ไม่ดี


Posted by : ขอแจมด้วย นศว. , Date : 2005-11-01 , Time : 19:04:57 , From IP : 192.168.12.29

ความคิดเห็นที่ : 24


   คุณ นศว.จะลองขยายตรรกะที่ใช้สรุปข้างบนอีกนิดได้ไหมครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-11-01 , Time : 19:23:03 , From IP : 58.147.68.148

ความคิดเห็นที่ : 25


   ไม่เข้าใจคำว่า Ego สักเท่าไหร่เหมือนกันค่ะ แต่คำนี้ใช้แพร่หลายมาก คิดว่าน่าจะเป็น Ego ที่หมายถึง อัตตา หรือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ซึ่ง คิดว่าตัวนี้น่าจะเป็นคนละความหมายกับ Ego superego ที่เป็นพระเอกในหนังสือ Ego and The Id ของ Sigmund Freud นะคะ ^_^ คิดว่าคนที่ใช้น่าจะหมายถึง การมี หรือความเชื่อมั่นในตัวเองของหมอค่ะ อาจารย์ Phoenix

Posted by : pin a vee , Date : 2005-11-05 , Time : 22:54:17 , From IP : 61.7.135.133

ความคิดเห็นที่ : 26


   อยากให้พัฒนาขึ้นมากกวานี้

Posted by : เด็กหญอง ณัฐสิมา บุตรสามาลี , E-mail : ( -) ,
Date : 2006-01-14 , Time : 18:34:10 , From IP : 203.148.249.17


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<<