ทาสแท้ทักษิน
ฝ่ายค้านขวางรัฐออกกฎกระทรวงเปิดทางโล่งทุนนอกทำธุรกิจบริการ 20 สาขาเอาเปรียบคนไทย จี้รัฐถอนวาระออกจาก ครม.ด่วนก่อนธุรกิจในประเทศเจ๊งยับ “เกียรติ สิทธีอมร” แฉวาระซ่อนเร้น “ทักษิณ” เปิดเสรีสารพัด แต่กลับยกเว้นไม่ยอมให้ใครมาทำธุรกิจโทรคมนาคมแข่ง พบพิรุธทำเอฟทีเอเปิดทางให้ออสเตรเลียทำธุรกิจเหมืองแร่แลกกับการให้บางบริษัทเข้าไปรุกธุรกิจโทรคมนาคมได้ไม่จำกัดขอบเขต
วันนี้ (17 ต.ค.) นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่รัฐบาลจะเสนอร่างกฎกระทรวงพาณิชย์ กำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขอใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเข้า ครม.ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ว่า พรรคขอให้รัฐบาลถอนวาระการนำกฎกระทรวงดังกล่าวจากที่ประชุม ครม.จนกว่าจะมีการศึกษาและมีการชี้แจงกับประชาชนว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไรบ้าง เนื่องจากภาวการณ์เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
ส.ส.ฝ่ายค้านผู้นี้ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารหอการค้านานาชาติยังเห็นว่า ที่ผ่านมาไทยมีการทำข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอกับหลายประเทศ และมีการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ต้องนำเงื่อนไขการเจรจาเอฟทีเอทั้งหมดมาเป็นปัจจัยสำคัญในการศึกษา และรัฐบาลต้องชี้แจงด้วยว่าเหตุใดต้องเปิดเสรีธุรกิจทั้ง 20 สาขา ในขณะที่ธุรกิจดังกล่าวมีกฎหมายเฉพาะรองรับอยู่แล้ว จึงควรมาดูว่ากฎหมายเฉพาะในบางสาขาสามารถดูแลได้อย่างเข้มงวดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลบอกว่าจะแก้ไขกฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น และว่าฝ่ายค้านเคยเสนอกฎหมายให้ควบคุมธุรกิจค้าปลีกของต่างชาติ แต่รัฐบาลนิ่งเฉยไม่ทำอะไร ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่แนะนำแล้วไม่ดำเนินการ แต่วันนี้ดูเหมือนเร่งออกกฎกระทรวงดังกล่าว
นายเกียรติ กล่าวว่า การให้ต่างประเทศทำธุรกิจสถาบันการเงินจะทำให้ได้เปรียบประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนและพัฒนาทักษะของสถาบันการเงินของไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะธุรกิจประกันภัยที่ตนมีความเป็นห่วง หากจู่ๆ จะเปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาทันทีจะเกิดผลกระทบและอันตรายมาก รวมถึงการให้ต่างชาติมาบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งจะต้องมีการทบทวนว่าให้เข้ามาบริหารมากน้อยแค่ไหน และการให้สินเชื่อธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งหลายประเทศเกิดวิกฤตกรณีเฮดจ์ฟันด์ (กองทุนประกันความเสี่ยง) ที่รัฐบาลควรนำมาเป็นกรณีศึกษา เพราะมีการปล่อยกู้ได้ 100 กว่าเท่าของต้นทุนเพื่อใช้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น กฎกระทรวงดังกล่าวควรมีการทบทวนจนกว่าจะมีกรอบกติกาใหม่มาควบคุมมากกว่านี้
นายเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำข้อตกลงเอฟทีเอกับหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกานั้น สังคมแทบไม่รู้ว่ามีการเจรจาในหัวข้ออะไรบ้าง ทั้งที่ควรมีการเปิดเผยเนื้อหาให้สาธารณชนทราบก่อนการลงนาม อย่างกรณีออสเตรเลียที่มีการเปิดเสรีธุรกิจเหมืองแร่ ทั้งที่อยู่ในประเภทบัญชี 2 ที่ ครม.มีอำนาจอนุมัติ แต่พอเปิดเอฟทีเอทำให้ออสเตรเลียสามารถเข้ามาดำเนินการได้โดยไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ต้องผ่านมติ ครม.อีกต่อไป
“เรื่องนี้เหมือนเป็นการเอาเหมืองแร่ไปแลกกับธุรกิจโทรคมนาคม โดยมีการเปิดช่องให้ธุรกิจโทรคมนาคมของไทยเข้าไปทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด และมีชื่อบริษัทอย่างชัดเจนด้วย ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวรัฐบาลต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเอฟทีเอที่เกี่ยวข้องกับบางประเทศหรือไม่ เพราะมีนักลงทุนต่างชาติหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่เปิดธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทยเสียที มีแต่ไทยไปเปิดในประเทศอื่น หรือกลัวว่าจะกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องหลายคนในรัฐบาลหรือไม่ หากแน่จริงรัฐบาลควรเปิดเสรีธุรกิจนี้เพราะเรามีความพร้อมอยู่แล้ว” ส.ส.ฝ่ายค้านผู้นี้ตั้งข้องสังเกต
คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่หลายคนเป็นห่วงกรณีเอฟทีเอกับสหรัฐฯ ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่เปิดเผยการเจรจากับสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และเท่าที่ทราบบางเงื่อนไขสหรัฐฯ เสนอมาสูงกว่าเงื่อนไขขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ดังนั้น การเสนอกฎกระทรวงดังกล่าวในช่วงนี้รัฐบาลต้องทบทวน เพราะเคยเกิดกรณีตัวอย่างในประเทศเม็กซิโกที่ทำนาฟตา (การเปิดเขตการค้าเสรีแอตแลนติกเหนือ) กับสหรัฐฯ จากเดิมที่เม็กซิโกมีธนาคารพาณิชย์อยู่ 100 กว่าแห่งในเวลาเพียง 10 ปีเหลือเพียง 10 กว่าแห่ง
“ผมไม่ทราบว่าผลประโยชน์เรื่องดาวเทียมกับการเสนอชื่อคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาฯยูเอ็นจะเกี่ยวข้องกับการออกกฎกระทรวงดังกล่าวหรือไม่ แต่การที่รัฐบาลอึมครึมทำให้คนคิดอย่างนั้นได้ ซึ่งผมไม่อยากกล่าวหาเพราะผมก็รักชาติไม่ต่างกับคนในรัฐบาล แต่การกระทำของรัฐบาลไม่เหมือนการรักชาติเลย จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจน เพราะหากรัฐบาลยังดึงดันนำเข้า ครม. ผมเชื่อว่าคนหลายกลุ่มในประเทศจะแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลเคยดำเนินการในหลายเรื่องเอาอำนาจของฝ่ายบริหารไปให้ต่างชาติโดยที่ประชาชนไม่ได้รับรู้” นายเกียรติ กล่าว
ด้าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกรรมาธิการของวุฒิสภาได้เร่งหารือถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว
ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวงที่จะเสนอพบว่าจะอนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจในบัญชี 3 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นหนึ่งในกฎหมายที่ถูกระบุว่าเป็นกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่ให้คนต่างด้าวสามารถมายึดครองกิจการของคนไทยได้ 20 รายการ เช่น การธนาคาร การประกันชีวิต และการประกันภัย การค้าหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นอาชีพที่เราต้องรักษาไว้
“ควรที่จะมีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะเท่าที่ผมจำได้ พรรคไทยรักไทยเคยหาเสียงในการเลือกตั้งว่าจะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรัฐบาลพรรคไทยรักไทยยังต้องมีการต่อยอดกฎหมายฉบับนี้อีก หรือเป็นเพราะการต่อยอดของกฎหมายฉบับนี้ คือ ต้องการให้มีการเชื่อมโยงถึงเรื่องเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเปิดกว้างให้กลุ่มทุนข้ามชาติมายึดครองเศรษฐกิจของประเทศ อยากให้ประชาชนให้จับตาดูการออกกฎหมายฉบับดังกล่าว นอกจากนี้ ผมไม่แน่ใจว่าการที่นายกฯเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งในช่วงนี้ที่เพื่อเรียกร้องให้ต่างชาติมาลงทุนจะเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามายึดครองกิจการของคนไทยด้วยหรือไม่” น.พ.นิรันดร์ กล่าว
Posted by : บิน , Date : 2005-10-17 , Time : 22:42:58 , From IP : 172.29.7.207
|