ความคิดเห็นทั้งหมด : 7

ชาวบ้านเขาเดือนร้อน


   
หมู่บ้าน “ตันหยงลิมอ” ตกอยู่ในความเงียบเหงา เหลือเพียงเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ชายและเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ต่างอพยพหลบหนีออกจากชายคาที่พักไปอยู่หมู่บ้านอื่น หลังจากตำรวจนับร้อยบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นหมู่บ้านเพื่อควบคุมตัว 11 หัวโจกตามอำนาจ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 กันยายน

หมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ที่คนร้ายยิงถล่มร้านน้ำชาจนเกิดเหตุวุ่นวายกลายเป็นจุดจบของ 2 ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ และบานปลายจนทำให้ 2 นาวิกโยธินเสียชีวิต ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครรักษาดินแดงกว่า 200 คน บุกจู่โจมเข้าตรวจค้นเมื่อก่อนรุ่งสางวันที่ 24 กันยายน เพื่อติดตามตัวชาวบ้าน 11 คนที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไปสอบสวนตามอำนาจ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เพราะไม่สามารถตามตัวบุคคลทั้ง 11 คน ได้ตามที่ต้องการ

พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขชายแดนใต้ (กอ.สสส.จชต.) ผู้ควบคุมยุทธการปิดล้อม ตรวจค้น เพื่อนำไปสู่การจับกุมครั้งนี้ ได้จัดเตรียมกำลังภายในที่ตั้งหน่วยกองพันทหารราบที่ 301 (พัน ร.301) อ.ระแงะ ห่างหมู่บ้านตันหยงลิมอ ประมาณ 8 กม. ตั้งแต่ช่วงก่อนหัวค่ำของวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อบ่ายวันที่ 23 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อำนาจตามพระราชกำหนดดังกล่าวควบคุมตัว นายสิงห์ชัย ซาแล และนายอนุวรรคน์ สะอิ ไปยังศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จ.ยะลา โดยมีอำนาจควบคุมตัวบุคคลทั้งสองไว้ได้ 30 วัน หากสอบสวนแล้วว่ามีความผิดหรือเกี่ยวข้องกับการฆ่า 2 นาวิกโยธินก็จะต้องขออนุมัติหมายจับแล้วดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข่าวทหาร-ตำรวจจำนวนมากระดมกำลังเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้งพัน ร.301 ตั้งแต่หัวค่ำวันก่อน ทำให้บรรยากาศภายในหมู่บ้านตันหยงลิมอตกอยู่ในความหวาดกลัว จึงไม่แปลกเมื่อกำลังพลเคลื่อนตัวเข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านยามฟ้าสาง จึงพบเพียงคนชรา เด็ก และผู้หญิง ขณะที่บรรดาผู้ชาย และวัยรุ่น ต่างหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว และหลังจากเข้าตรวจค้นแล้วยังคงมีชาวบ้านบางส่วนหลบหนีออกไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จนทำให้หมู่บ้านเงียบเหงา

โต๊ะบิหลั่น หรือผู้นำศาสนาในระดับรองจากโต๊ะอิหม่ามของมัสยิดประจำหมู่บ้านตันหยงลิมอ กล่าวว่า ชาวบ้านไม่พอใจที่ตำรวจ-ทหารจู่โจมเข้าตรวจค้นในช่วงที่ฟ้ายังมืด และยังมีการพังประตูชาวบ้านเพื่อเข้าตรวจค้นด้วย ทั้งที่บางบ้านไม่มีคนอยู่ภายใน เพราะหนีไปก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นแล้ว และก่อนหน้านี้ตำรวจก็ได้มานำตัว นายรอพา มานิ อายุ 38 ปี ชาวบ้านคนหนึ่งไปสอบสวน แต่เป็นการมาฉุดกระชากไป แล้วก็ไม่บอกว่าจะพาไปไหนทำให้ชาวบ้านระแวง

“หากมาดีๆ มาเชิญตัวไปก็จะให้ความร่วมมือ เพราะผมนั่งคุยอยู่กับเขา แต่มาทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง บอกกันดีๆ ก็ได้ มาพาตัวไปทำให้ลูกเมียของเขาเสียใจจนร้องไห้ เพราะไม่รู้ว่าพาไปไหน” บิหลั่นซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงกล่าว อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าตำรวจได้ปล่อยตัว นายรอพากลับมาบ้านแล้วในเย็นวันเดียวกัน เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่านายรอพาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ชาวบ้านคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปี บอกว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่หลบออกไปจากหมู่บ้านหมดแล้ว พวกเขากลัวกันมาก ไม่ได้กลัวความผิดแต่กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ต้องการอะไร

“จะอยู่ต่อไปก็อยู่ไม่ได้ ทางที่ดีควรจะบอกมาเลยว่าใครที่เกี่ยวข้องกับคดีบ้างและมาเชิญตัวไปสอบสวนชาวบ้านจะได้ไม่ต้องกังวล ส่วนผมนั้นก็พยายามบอกกับชาวบ้านแล้วว่าหากไม่ผิดก็ไม่ต้องหลบหนี แต่ชาวบ้านก็ยังกลัวอยู่ แต่ผมนั้นไม่ใช่โจรไม่ได้ทำผิดอะไรเลยไม่หนี การบุกเข้ามาตรวจค้นจับกุมกันแบบนี้ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกอย่างไร มาจับเราเหมือนมาจับไก่ สงสารหมู่บ้านเมื่อไหร่จะสงบก็ไม่รู้” ชาวบ้านคนเดิมกล่าว

นายตูแวนาซูดิง นิกาจิ อายุ 30 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ยิงถล่มร้านน้ำชา ซึ่งยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกตกใจเมื่อทราบว่า นายนิอามราญ นิกาจิ และ นายอัลเอนซาน นิกาจิ ลูกพี่ลูกน้องของเขามีรายชื่ออยู่ใน 11 คนที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัวไปสอบสวน เขาไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นคนดีทำมาหากินสุจริตด้วยการรับจ้างกรีดยาง และไม่เคยแม้จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครในหมู่บ้าน

“คืนวันที่เกิดเหตุยิงร้านน้ำชา นิอามราญเดินทางไปขายลองกองที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ ส่วนผมนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านในหมู่บ้านกับ นายอัลเอนซาน เมื่อถูกยิง นายอัลเอนซาน ยังเป็นคนนำผมส่งโรงพยาบาลไปรักษาตัวเลย จึงไม่อยากเชื่อว่าทั้งคู่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำร้ายเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาเขาก็อยู่ในหมู่บ้านปกติไม่เคยไปเป็นแนวร่วมผู้ก่อการแต่อย่างใด ถ้าตำรวจจะจับ 2 คนนี้ก็น่าจะเป็นการจับผิดคน เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะฆ่าคนตาย แต่ที่เขาหนีไป คงเป็นเพราะเขากลัวไม่ได้กลัวว่าทำผิด แต่กลัวว่าจะถูกจับมั่ว” ผู้บาดเจ็บกล่าวปกป้องพี่น้อง

เขาบอกว่า การเข้าตรวจค้นของตำรวจเมื่อตอนเช้าตรู่วันนั้น บ้านของเขาก็ถูกเข้าค้นด้วย แต่ที่บ้านที่แม่อยู่คนเดียว เขาสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเอาสะตอที่แม่ดองเอาไว้ไปด้วย

“สะตอดองมันไปเกี่ยวอะไรด้วย เข้ามาตรวจค้นก็ได้แต่ไม่น่าจะเอาข้าวของไป สะตอไม่เห็นไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”



Posted by : เอาสะตอของเราคืนมา , Date : 2005-09-25 , Time : 18:12:38 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 1


   อุบาทว์มากขอบอกเข้าข้างคนผิดอยู่นั้นแหละถ้าเขาไม่มีหลักฐานเขาคงไม่สงสัยหรอก นี่แหละมีแต่คนพรรณนี้แหละประเทศไทยถึงด้อยความเจริญจะเอาแต่กฏหมู่ กฏหมู่และก็กฏหมู่


Posted by : เกลียดจริงๆ , Date : 2005-09-25 , Time : 18:32:19 , From IP : 172.29.7.179

ความคิดเห็นที่ : 2


   เนื้อข่าวตลกดี อย่าซีเรียสดิ

Posted by : สะตอ , Date : 2005-09-25 , Time : 19:00:38 , From IP : 172.29.4.188

ความคิดเห็นที่ : 3


   'หมู่บ้าน “ตันหยงลิมอ” ตกอยู่ในความเงียบเหงา เหลือเพียงเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ชายและเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ต่างอพยพหลบหนีออกจากชายคาที่พักไปอยู่หมู่บ้านอื่น หลังจากตำรวจนับร้อยบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นหมู่บ้านเพื่อควบคุมตัว 11 หัวโจกตามอำนาจ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 กันยายน '
........หลังจากตำรวจนับร้อยบุกจู่โจมเข้าตรวจค้นหมู่บ้าน???
จริงหรือ????
แต่เข้าใจว่าความเงียบเหงาจะมาก่อนที่ตำรวจบุกจู่โจมซะอีก


Posted by : จริงหรือ???? , Date : 2005-09-25 , Time : 20:31:11 , From IP : 172.29.7.26

ความคิดเห็นที่ : 4


   ฟังข่าวเดี๋ยวนี้ ต้องฟังหูไว้หู ทำใจให้หนักแน่นสักนิด ข่าวมันมีหลายกระแส บางครั้งมี "รายละเอียด" ยังกับ documentary อย่าเกดอารมณ์ตามง่ายเกินไป



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-26 , Time : 00:41:00 , From IP : 172.29.7.180

ความคิดเห็นที่ : 5


   เขาบอกว่า การเข้าตรวจค้นของตำรวจเมื่อตอนเช้าตรู่วันนั้น บ้านของเขาก็ถูกเข้าค้นด้วย แต่ที่บ้านที่แม่อยู่คนเดียว เขาสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเอาสะตอที่แม่ดองเอาไว้ไปด้วย

“สะตอดองมันไปเกี่ยวอะไรด้วย เข้ามาตรวจค้นก็ได้แต่ไม่น่าจะเอาข้าวของไป สะตอไม่เห็นไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”

เรื่องเล็กๆแบบนี้น่าสนใจมากครับ
หนึ่ง ทหารอาจจะเอาไปจริงๆ อาจเห็นว่าไม่มีอะไรมาก อยากลองกิน หรืออาจขอแล้วชาวบ้านให้ด้วยความเกรงใจ
สอง อาจมีฝ่ายตรงข้ามคอยจับตาดูการค้นของทหาร เมื่อทหารออกไป ก็ถือโอกาสเข้าไปขโมยของชาวบ้าน
แล้วสร้างกระแสว่า ทหารค้นบ้านแล้ว ขโมยของออกไปด้วย จากนั้นก็......... ถ้าเปลี่ยนจากสะตอดองเป็นอย่างอื่นล่ะ ไม่อยากคิดต่อเลย
สามเรื่องดังกล่าวอาจเป็นแค่ข่าวโคมลอย


Posted by : สายธาร , Date : 2005-09-26 , Time : 10:37:21 , From IP : 61.7.144.172

ความคิดเห็นที่ : 6


   การที่ทหารและตำรวจเข้าตรวจค้นหมู่บ้าน แต่พบแต่เด็กและคนชรา แต่พวกผู้ชายและวัยรุ่นหนีหายไปก่อนแล้ว ก็แสดงว่าข่าวตำรวจจะเข้าค้นหมู่บ้านต้องรั่วไหลแน่นอน ดูแล้วว้งเวง รบอย่างไรก็ดูแล้วไม่มีวี่แววว่าจะชนะเขาเลย ที่สำคัญกำลังพลเราต้องสูญเสียทุกวัน คิดแล้วใจหายหรือจะเป็นอย่างที่เขาทำนายสักวันหนึ่ง ประเทศไทยเราจะต้องสูญเสียดินแดน ที่เรียกว่า รัฐปัตตานี แม้เป็นความจริงที่ขมขื่น แต่เราก็ไม่อยากให้เป็นจริง........


Posted by : รักประเทศไทย , Date : 2005-09-26 , Time : 11:45:40 , From IP : 172.29.3.171

ความคิดเห็นที่ : 7


   ถ้าไม่เอาตัวไปสอบสวนแล้ว อยู่ๆจะให้ระบุ ว่าใครเกี่ยวของบ้าง บอกนี้มันเอาอะไรมาคิดว่ะ มักง่ายสิ้นดี

Posted by : คนไทย , Date : 2005-09-26 , Time : 20:04:29 , From IP : 172.29.3.149

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<