ความคิดเห็นทั้งหมด : 20

นักศึกษาเภสัชมา round ward ด้วยเหรอ


   ปกติแล้วนักศึกษาเภสัชต้องไปดุคนไข้ด้วยเหอ งงอ่ะ..ไม่เคยเจอ...แต่เห็นเพื่อนที่อยู่พยาบาลบอกว่ามาดูเรื่องยา

Posted by : นศพ. , E-mail : (-) ,
Date : 2005-09-17 , Time : 14:54:52 , From IP : ppp-210.86.142.193.r


ความคิดเห็นที่ : 1


   แล้ว แล้วฟาร์มดีคืออะไรอ่ะ

Posted by : N , E-mail : (-) ,
Date : 2005-09-17 , Time : 14:57:51 , From IP : ppp-210.86.142.193.r


ความคิดเห็นที่ : 2


   pharmD คือ น.ศ เภสัช ที่เรียนหลักสูตร 6 ปี (ที่ ม.อ เพิ่งเปิดหลักสูตรนี้ในปี 2545 เป็นปีแรก) จะเน้นการเรียนเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาในผู้ป่วยเป็นหลัก พูดง่ายๆ คือเน้นทางคลีนิคน่ะ ซึ่งจะต่างกับน.ศ เภสัชที่เรียนหลักสูตร 5 ปี ที่เรียนทั้งทางคลีนิคแล้วก็ด้านอื่นๆ อย่าง การผลิตยา ควบคุมคุณภาพยา ด้านงานวิจัย... แต่ว่าการเรียนเกียวกับด้านคลีนิคของหลักสูตร 6 ปี จะมีความเข้มข้นกว่า มีการติดตามการใช้ยาในผู้ป่วย เลยต้อง round ward ด้วยมั้ง เรารู้แค่นี้ล่ะ ไงก็ให้เพื่อนๆที่เรียน pham D มาตอบ น่าจะได้รายละเอียดมากกว่านี้นะ

Posted by : นศภ.หลักสูตร 5 ปี , E-mail : (--) ,
Date : 2005-09-17 , Time : 16:37:18 , From IP : 192.168.26.31


ความคิดเห็นที่ : 3


   ถูกต้องนะค่ะ เพราะว่าการround ward นั้นจะทำให้ ศึกษาเกี่ยวกับยาและฤทธิ์ของยาที่ใช้กับผู้ป่วยแต่ละกรณี รวมถึงการทำงานวิจัยจากยาก้วยจึงจำเป็นต้องround ward ค่ะ

Posted by : นศภ. , Date : 2005-09-17 , Time : 18:55:00 , From IP : 192.168.12.16

ความคิดเห็นที่ : 4


   ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ อยากถามว่า หมอที่เปิดคลินิก เนี่ยเค้ามีสิทธิ์จ่ายยาให้ผู้ป่วย โดยไม่ผ่านเภสัชกร ก่อนเหรอครับ เท่าที่ผมทราบ ปกติแล้ว หมอมีหน้าที่วินิจฉัยโรค แต่ไม่มีสิทธิ์จ่ายยา ใช่หรือไม่

Posted by : x , Date : 2005-09-17 , Time : 20:31:58 , From IP : 61.7.144.250

ความคิดเห็นที่ : 5


   นักศึกษาแพทย์ที่อยู่บนวอร์ด ก็เพื่อเรียนรู้การ วินิจฉัยโรคเพื่อรักษาผู้ป่วย เพื่อจะไปเป็น แพทย์ ในอนาคต นักศึกษาเภสัชก็เช่นกัน แต่จะดูแลเรื่องยา ปัญหาจากการใช้ยาทั้งหมด ว่าแพทย์สั่งอย่างสมเหตุ สมผล หรือไม่ เหมาะกับ indication คุ้มทุน รพ. หรือเปล่า ต่อไปเขาจะไปเป็น เภสัชกร ดูแลผู้ป่วย บนวอร์ดครับ มอ.เริ่มมีเภสัชไปดูแลบนวอร์ด น่าจะประมาณ สาม ปีได้น่ะครับ โรงเรียนแพทย์อื่นๆๆก็มี ไม่ว่า มข. มน. หรือ จุฬา นักศึกษาแพทย์ มีอะไรสงสัยเรื่องยา ก็ถามได้ครับ เขาตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง เดี๋ยวเขาก็ไปหามาตอบเองแหละครับ ก็เหมือน นักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาล ที่ตอบไม่ได้ "ไม่ทราบครับ เดี๋ยวจะไปค้นมาให้ครับ"

Posted by : อ , E-mail : (A) ,
Date : 2005-09-18 , Time : 12:23:49 , From IP : sqcache5.kku.ac.th


ความคิดเห็นที่ : 6


   ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ อยากถามว่า หมอที่เปิดคลินิก เนี่ยเค้ามีสิทธิ์จ่ายยาให้ผู้ป่วย โดยไม่ผ่านเภสัชกร ก่อนเหรอครับ เท่าที่ผมทราบ ปกติแล้ว หมอมีหน้าที่วินิจฉัยโรค แต่ไม่มีสิทธิ์จ่ายยา ใช่หรือไม่
...
ตอบ การจ่ายยาเทียบได้กับการให้การรักษาครับ เพราะ หน้าที่ของแพทย์คือ ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี ป้องกันไม่ให้เป็นโรค รักษาโรค และฟื้นฟูให้ผู้ป่วยหายจากโรคครับ ผมเองไม่ได้เปิดคลินิกแต่เคยได้อ่านประเด็นการ disscuss พวกนี้มามาก ความจริงจะแยกการจ่ายยาและตรวจรักษาออกจากกันมันก็ได้อยู่ แต่ก็ต้องแยกให้เด็ดขาดจากกันจริงๆนะครับ เภสัชห้ามจ่ายยาโดยไม่มีใบสั่งยา แม้ว่าจะเป็นยาสามัญประจำบ้าน เช่น Paracetamol ก็ตามที ถ้าเช่นนั้น แพทย์ก็ยินดีเพราะ มีแต่ข้อดี คือ แพทย์ก็สบายไม่ต้อง stock ยา รับแต่ Doctor fee เรื่องการจ่ายยาผิดก็ไม่มี รัยภาระฟ้องร้องก็น้อยลง ต่างประเทศเขาก็ทำกัน แต่ว่าประชาชนจะยอมไหมครับ ไปหาหมอที่คลินิก-->ตรวจ-->ให้ใบสั่งยา-->จ่ายตังค์-->แล้วก็ไปจ่ายค่ายาอีกที
...
ตามความคิดของผม มองดีๆ ผลเสียก็ตกที่คนไข้น่ะแหละครับ แล้วคุณ x คิดยังไงครับ อยากทราบความเห็น


Posted by : Botsumu , Date : 2005-09-18 , Time : 21:37:14 , From IP : 203.188.28.206

ความคิดเห็นที่ : 7


   แฮะๆ....อย่าเพิ่งหลุดประเด็นกันนะครับ....เดี๋ยวกลัวจะมีพิพาทกันเองเหมือนอย่าง พรบ.ยาไง

Posted by : ผูหวังดี , E-mail : (-) ,
Date : 2005-09-19 , Time : 11:03:21 , From IP : ns2.xnet.co.th


ความคิดเห็นที่ : 8


   แหะๆ ก็แค่อยากตอบคุณ X เท่านั้นเองครับ ไม่ได้ตั้งใจให้กลายเป็นกระทู้ล่อเป้าแต่อย่างใด

Posted by : Botsumu , Date : 2005-09-19 , Time : 13:50:47 , From IP : 203.156.47.246

ความคิดเห็นที่ : 9


   แหะๆ ... ไม่อยากให้เป็นกระทู้ล่อเป้าแล้วไปตอบคุณ x เค้าทำไมล่ะคะ ใครที่เข้ามาอ่านกระทู้บ่อยๆ ก็น่าจะรู้ดีว่าคุณ x เค้ามีวัตถุประสงค์อะไร ที่ตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมาถามพวกคุณ เค้ามีทัศนคติยังไงกับแพทย์ ? เรื่องแบบนี้ ถ้าถามกวนๆมา ถ้าเราไม่ตอบกลับไป ไม่ไปเล่นตามเกมส์เค้า ก็จบแระ ถ้ามัวไปหลงประเด็น เดี๋ยวคุณ x ชอบใจแน่ๆเลยยยย

Posted by : -- , E-mail : (--) ,
Date : 2005-09-20 , Time : 22:42:32 , From IP : 192.168.26.33


ความคิดเห็นที่ : 10


   เข้าใจครับ ว่าอาชีพนี้แตะต้องไม่ได้ รักพวกรักพ้องกันทั้งนั้นครับ ไม่รู้ว่ารักพวกพ้องหรือกลัวเสียผลประโยชน์ของตัวเองกันแน่

Posted by : x , Date : 2005-09-21 , Time : 03:56:33 , From IP : 61.7.144.101

ความคิดเห็นที่ : 11


   ขอตอบคุณ Botsumu ครับ
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับแนวทางแบบเมืองนอก ครับ น่าจะแยกให้ขาดกันไปเลย


Posted by : x , Date : 2005-09-21 , Time : 03:58:11 , From IP : 61.7.144.101

ความคิดเห็นที่ : 12


   มีอาชีพที่เน้นการเกลียดพวกเกลียดพ้องด้วยหรือครับ? ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญพอที่จะอภิปรายแบบ mature โดยไม่จำเป็นต้องมีการ institutional discrimination กันทุกครั้งก็ได้

ระบบไหนๆก็มีจุดโหว่หรือความต้องการพื้นฐานที่ไม่ง่ายนักที่จะเอื้ออำนวยทั้งสิ้น ดังนั้นความน่าจะเป็นในการทำมันเกี่ยวข้องกับการปู infrastructure ทั้งทางด้านทรัพยากรวัตถุ คน เจตคติในการทำงาน การคมนาคม สื่อสาร การศึกษา ให้เรียบร้อยด้วย

แม้แต่ระบบจ่ายยาแต่ pdrug prescription ในอังกฤษ ก็ยังต้องมีการอะลุ้มละล่วยให้สามารถขาย paracetamol ยาหวัด ยาสามัญประจำบ้านหลายสิบชนิดตาม Lotus, Sainsbury, Boots, etc เพราะเครือเหล่านี้การันตี range of distribution มากกว่า pharmacy counter แน่นอน รวมทั้งการที่มี pharmacist ไปนั่งประจำทุกๆที่ การคมนาคมก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ตราบใดที่ยังไม่มีร้านยาประจำหมู่บ้านครบทั่วประเทศ (พร้อมเภสัชกร) และความไว้วางใจได้ของ public transport ของเรายังเป็นขนาดเท่าที่เป็นอยู่ อันตรายต่อสุขภาพของผป.ที่จะต้องเดินทางมากขึ้น ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะคำนึงถึง

เพื่อจัดการระบบเราคงจะจำเป็นต้องศึกษาทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด และความต้องการพื้นฐานของแต่ละระบบมาพิจารณากับสภาพเป็นไปของแต่ละชุมชน ประเทศ แล้วเลือกใช้โดยวางอยู่บนเหตุผลต่างๆครบทุกด้าน เราก็อาจจะได้ระบบ hybrid ขึ้นมาสักระบบหนึ่งที่เป็นแบบไทย ไม่ใช่แบบเมืองนอกมาใช้



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-21 , Time : 05:00:08 , From IP : 58.147.51.25

ความคิดเห็นที่ : 13


   โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าคนที่มีเจตนาล่อเป้า น่าจะมีความต้องการบางอย่างจึงต้องพยายามตั้งประเด็นเพื่อให้เกิดการอภิปราย แม้ว่าการแสดงออกบางอย่างจะกระตุ้นอารมณ์โกรธของคนที่เข้ามาอ่านบางคน แต่ประเด็นที่เริ่มขึ้นก็น่าสนใจที่จะอภิปราย และท้าทายในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ เราควรพิจารณาอย่างสร้างสรรและนำเอาประเด็นของเขามาคิดก่อนจะมองว่าเป็นคำผรุสวาส เชื่อว่าสามารถลดความรุนแรง ความเข้าใจผิดของผู้ล่อเป้าได้
...
ตอบคุณ X ไม่ว่าวิชาชีพไหนคิดว่าคงรักพวกพ้องทั้งนั้นครับ คงไม่มีอาชีพที่มีแต่การแข่งขัน เหยียบกันเพื่อไขว่คว้าหาจุดสูงสุดของวิชาชีพใช่ไหมครับ? ในวิชาชีพย่อมมีคนดีและไม่ดีครับ ไม่อยากให้คุณเหมารวมทั้งหมด มองเป็นปัจเจกบุคคลได้ไหมครับ
...
อ้อ คุณ X ช่วยบอกเหตุผลให้ด้วยนะครับ ว่าทำไมถึงอยากให้แยกกันขาด ผมอยากทราบความเห็นของคนนอกสายวิชาชีพบ้าง จะได้เพิ่มมุมมองที่มีต่อ พรบ.ครับ


Posted by : Botsumu , Date : 2005-09-21 , Time : 08:56:58 , From IP : 203.188.16.115

ความคิดเห็นที่ : 14


   อ้าว กลายเป็นประเด็น ทะเลาะกันอีกแล้ว

Posted by : สมพร , E-mail : (sompon@hotmail.com) ,
Date : 2005-09-22 , Time : 12:31:30 , From IP : sqcache5.kku.ac.th


ความคิดเห็นที่ : 15


   ไม่เปงราย จายเย็นๆๆ

เดี๋ยวจาแจก Valium ไปให้กินกันโดยถ้วนหน้า

เอิ๊กๆๆๆๆ


Posted by : แปะ , Date : 2005-09-23 , Time : 23:59:33 , From IP : 172.29.4.143

ความคิดเห็นที่ : 16


   ถึงกับจะให้กินไดอะซีเเพมเลยหรือ แต่ถ้าจะกินจริงๆก็มี 2 ขนาดให้เลือกคือ 2และ 5 มิลลิกรัมนะ

Posted by : จิม , Date : 2005-11-03 , Time : 22:23:21 , From IP : 203.156.172.69

ความคิดเห็นที่ : 17


   จะทะเลาะกันไปทำไม คุยกันไม่ดีก่าเหรอ

Posted by : moo-bin , Date : 2006-01-08 , Time : 16:18:38 , From IP : ip1684-205.cc.psu.ac

ความคิดเห็นที่ : 18


   เห็นสมควรที่คลินิกแพทย์ จ่ายยาที่คลินิกเหมือนเดิม ไม่เพิ่มภาระให้กับคนไข้ดี
และความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และเภสัช จะได้ดีเหมือนตอนเรียนในมหาวิทยาลัย
รวมทั้งป้องกันไม่ให้บริษัทยาข้ามชาติเข้ามาฮุบวงการยาไทยได้


Posted by : เภสัช , E-mail : (JOE_7610@hotmail.com) ,
Date : 2006-06-19 , Time : 16:38:08 , From IP : 61-90-250-72.static.


ความคิดเห็นที่ : 19


   การวิจัยมีความสำคัญไม่ไช้อะไรก็ยาแก้ปวดลองไปวิจัยหัวหอมแดงดูว่าสามาถยับยั้งเชืออะไรได้บางจาก ดช. ม3 และวิจัยเรื่องน้ำออกซีเจนไฟฟ้าสถิต


Posted by : momix , E-mail : ( momix@chaiyo.com) ,
Date : 2006-09-20 , Time : 21:35:32 , From IP : 203.113.80.140


ความคิดเห็นที่ : 20


   การวิจัยมีความสำคัญไม่ไช้อะไรก็ยาแก้ปวดลองไปวิจัยหัวหอมแดงดูว่าสามาถยับยั้งเชืออะไรได้บางจาก ดช. ม3 และวิจัยเรื่องน้ำออกซีเจนไฟฟ้าสถิต


Posted by : momix , E-mail : ( momix@chaiyo.com) ,
Date : 2006-09-20 , Time : 21:38:23 , From IP : 203.113.80.140


ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.009 seconds. <<<<<